ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] The Eschatology

    ลำดับตอนที่ #3 : chapter 02

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 56


    Chapter 2

     

     

                คิมจงแดวิ่งเข้ามาในป่าลึกอย่างมืดมนทำไมเขามองไม่เห็นแสงสว่างเลย  หรือว่าเขากำลังหลงทาง  หลงทางงั้นเหรอ  สงสัยวิ่งหนีจากซอมบี้พวกนั้นจนวิ่งออกนอกเส้นทาง  สายตาสอดส่องไปทั่วป่าทึบไม่มีแสงสว่างอะไรเลย  แต่อยู่ๆก็มีแสงหนึ่งสาดส่องเข้ามาในบริเวณที่จงแดยืนอยู่

     

    “มีคนทางนี้ครับท่าน”  เสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้น 

     

    “คนนี้เหรอ”  ปรากฏชายร่างสูงผมออกสีทอง  หน้าตาหล่อเหลาอย่างกับเทพบุตรย่างกรายเข้ามาหา

     

    “นายชื่ออะไร”  เสียงเข้มถามขึ้นมา

     

    “เฉิน”  จงแดตอบสั้นๆเขาไม่อาจบอกชื่อจริงๆได้  คริสพยักหน้าอย่างเข้าใจและนายทหารทั้งหลายต่างคุมตัวจงแดกลับไปที่ป้อม  ระยะทางจากนี่ไปที่ป้อมทหารกลางใช้เวลานานพอสมควร  จนจงแดที่วิ่งไล่ตามดีโอแถมยังหนีซอมบี้อีก  เกิดอาการหน้ามืด  แต่ดีที่คริสหันมาเห็นเข้า

     

    “ไหวไหม  พักก่อนหล่ะกัน”  คริสบอกให้นายทหารคนอื่นก่อไฟหยุดพักกัน  คริสเดินเข้ามาหาจงแดที่นั่งคอพับเพราะความอ่อนล้า

     

    “นายอยู่แถวนี้เหรอ”  คริสนั่งยองๆถามคนตรงหน้าด้วยสายอ่านไม่ออกยากเกินคาดเดา

     

    “ไม่ใช่  ผมหลงทาง”  จงแดตอบอ้อมแอ้มพูดเบาๆ  แต่สายตาดั่งเหยี่ยวเคลื่อนมาหาใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ

     

    “นายไม่ใช่คนจีน”  คริสพูดเสียงเบาแต่ทำให้อีกคนได้ยินชัดเจน  จงแดรู้สึกร้อน  เหงื่อออกตามขมับ  ลำตัว

     

    “ก็   ก็ไม่ใช่เป็นลูกครึ่งน่ะ”  จงแดยังเนียนจะไม่พูดความจริง  แต่คริสดูออกว่าคนตรงหน้าโกหกอย่างจัง

     

    “อืม  ฉันเชื่อ”  คริสผละออกจากคนตัวเล็กที่ดูเหมือนลูกเป็ดตกน้ำทำอะไรไม่ถูก  ในสี่พี่น้องนี้จงแดเป็นคนโกหกไม่เก่งที่สุด  แต่อย่างน้อยที่นายทหารคนนั้นเชื่อ

     

     

     

     




     

    เช้าที่แสนสดใส  เลย์กำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว  เขาคิดว่าจะทำอาหารให้เทากินเป็นการตอบแทนที่ช่วยชีวิตเขาในครั้งนั้น

     

    “เลย์  นายทำอะไรอ่ะ  อ๋อทำอาหาร”  แบคฮยอนเหมือนนึกขึ้นได้ว่าเลย์พูดไม่ได้  เพราะเทาฝากฝังเลย์ไว้กับเขาเอง  เขาจึงช่วยดูแล

     

    “ทำให้เทาใช่ไหมหล่ะ”  แบคฮยอนจ้องดูในหม้อที่เลย์เหมือนจะต้มน้ำซุป  เลย์ผละจากหม้อและหันมายิ้มให้พร้อมพยักหน้าแทนคำตอบ

     

    “แหน่ะ  หวานกันซะ  ว่าแต่ที่นี่มีเหล้าไหมนี่”  แบคฮยอนถามไปงั้นๆแหละ  รู้สึกว่าตัวเองพูดคนเดียวออกบ่อย  เลย์ตักน้ำซุปใส่ถ้วยและเดินออกไปไม่สนคำถามของแบคฮยอน

     

     

     

     





     

    “เอ้า  เลย์นายมาทำอะไรตรงนี้”  เทาเห็นเลย์เดินมาหาพร้อมถ้วยน้ำซุป  เลย์ยื่นถ้วยน้ำซุปให้เทาถือ  และคว้ามือแกร่งอีกข้างหนึ่งมาเขียนว่า  ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง  เทาอมยิ้มและซดน้ำซุปจนหมดถ้วย

     

    “ไม่เป็นไร  ฉันก็ขอบคุณนายเหมือนกัน”  เทาส่งยิ้มจริงใจให้  เลย์ก็ยิ้มหวานตอบกับไปหัวใจของทั้งสองรู้สึกหวั่นไหวไปกับรอยยิ้มของทั้งสองที่ทำให้ชีวิตนี้สดใสมากขึ้น

     

    “หวานกันจังคู่นี้”  แบคฮยอนที่แอบเดินตามเลย์ออกมาจากห้องครัวและเห็นภาพตรงหน้าดูหวานเลี่ยน

     

    “คนอย่างคุณหาความรักไม่ได้หรอก”  เสียงติดจะเย็นชาดังขึ้นข้างหู  ไม่ต้องให้แบคฮยอนเดาก็รู้ว่าใคร

     

    “ไม่ไปรักษาคนไข้แล้วไง”  แบคฮยอนถามติดจะรำคาญตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เซฮุนตามติด  กัดไม่ปล่อยเลย

     

    “รักษาเสร็จแล้วถึงได้มา”  แบคฮยอนหันกลับไปโดยลืมไปว่าคนพูดมาพูดข้างหูจนทำให้ริมฝีปากของทั้งสองแตะกัน

     

    “ไอ้หมอโรคจิต”  แบคฮยอนรีบผลักเซฮุนออก  พร้อมใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้น  จากนั้นรีบวิ่งออกให้ห่างจากคนคนนี้

     

     

     

     





     

    มินซอกเดินกลับมาที่บ้านกลับไม่พบใครอยู่ที่นี่ลองเรียกดูก็ตั้งหลายครั้งไม่มีสัญญาณตอบรับอะไรเลย

     

    “หายไปไหนกันนะ”  มินซอกคิดพึมพำออกมา  ไม่ได้การหล่ะเขาต้องหาน้องๆ  ให้พบ  มินซอกเดินออกมาบริเวณทุ่งกว้างก็เห็นกลุ่มๆหนึ่ง

     

    “พวกคุณมาทำอะไร”  มินซอกถามกับกลุ่มคนตรงหน้า

     

    “ผมกะว่าจะมาซื้อยาไวรัสนั่นอีก  คุณจะว่าไง”  ชายตรงหน้าพูดขึ้น  มินซอกไม่รู้ว่าพวกนี้เป็นใครมาจากไหน  และรู้ได้ไงว่าเขามียาไวรัสนั่นอีกอย่างถึงเขาจะรู้สูตรแต่พวกพี่น้องเขาตกลงกันแล้วว่าจะไม่ทำขึ้นมาอีก

     

    “ยาอะไรของพวกคุณ”  มินซอกตีหน้าซื่อถามออกไป

     

    “ก็รู้กันอยู่คุณแอบขายให้ผมที่กรุงปารีสไง  และพวกผมแอบติดตั้ง  GPS  ไว้ในกระเป๋าคุณ”  ชายคนนั้นยิ้มมุมปากออกมา

     

    “ผมไม่มี”  มินซอกยืนยันคำเดิม

     

    “หึ  จัดการฆ่ามันและค้นบ้านมันซะ” ชายผู้นั้นหันไปสั่งลูกน้องเป็นภาษาฝรั่งเศส  แต่มินซอกไม่เข้าใจว่าแปลว่าอะไร  รู้อย่างเดียวคือเขาต้องหนี  มินซอกวิ่งหนีออกจากบริเวณทุ่งด้วยความรวดเร็ว  ชายกลุ่มนั้นวิ่งตามไป มินซอกไม่รู้ว่าวิ่งไปทางไหน  รู้แต่ว่าวิ่งไปเรื่อยๆจนเจอรถคันบรรทุกอาหารคันหนึ่งวิ่งผ่านหน้าไป  มินซอกใช้โอกาสนี้เกาะรถและปีนขึ้นไปบนหลังรถ  พวกที่วิ่งตามมาเห็นดังนั้น  ได้แต่เตะก้อนหินบริเวณนั้นไปมาอย่างโกรธแค้น

     

     

     

     





     

    “อืม ปล่อยนะ”  จงอินสำลักน้ำออกมา  พยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมาปรับภาพโฟกัสภาพตรงหน้าสักพัก  เห็นเป็นผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาดูหล่อเหลา  ที่ผายปอดช่วยชีวิตเขาไว้ จงอินเด้งตัวลุกขึ้นมาพร้อมผลักอกคนที่ช่วยเขาไว้  เท่าที่จำได้เขาหนีซอมบี้มาจนตกน้ำ

     

    “ตื่นแล้วเหรอ  ว่าแต่นายชื่ออะไร”  นาวิกโยธินร่างสูงเอ่ยถาม

     

    “ไค”  จงอินตอบสั้นๆพร้อมลุกขึ้นมาสำรวจพื้นที่ดูเป็นแม่น้ำแห่งหนึ่ง  แต่เขาไม่รู้หรอกว่าที่นี่ที่ไหน

     

    “แค่นี้เหรอ  แต่ฉันรู้สึกว่านายมีอีกชื่อ”  ชานยอลเดินเข้าไปชิดกับร่างตรงหน้าที่ตัวเล็กกว่าเขาเล็กน้อย

     

    “ไม่มีไง”  จงอินสบตากับคนตรงหน้าอย่างแน่วแน่

     

    “ฉันรู้สึกเหมือนนายมีอะไรปกปิดไว้”  ชานยอลรุกถามต่อ  ทำให้คนตัวเล็กกว่าเดินถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

     

    “ไม่บอกก็ได้  แต่ฉันจะพานายไปกับฉันด้วย”  มือแกร่งมาจับข้อมือของอีกคน  จงอินไม่ยอมบิดข้อมือไปมาและพยายามยื้อแย่งไม่ให้ถูกลากไป  ดิ้นกันไปกันมา  ชานยอลตัดสินใจกอดคนตัวเล็กและอุ้มพาดบ่าไป

     

    “ปล่อยไง  ไอ้หูกาง  บอกให้ปล่อย”  จงอินได้แต่ร้องโวยวายออกไป  แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี  ชานยอลมุ่งหน้าไปป้อมพักชั่วคราวที่สร้างขึ้นมา   

     

    ฟุบ

     

    “โอ๊ย  เบาๆหน่อยสิ”  ชานยอลเหวี่ยงจงอินลงกับฟูกนอน  พร้อมแค่นยิ้มให้

     

    “ฉันพอดูออกว่านายเป็นใคร  อีกอย่างคือนายโกหกฉันอยู่  อยู่ที่นี่จนกว่านายจะสารภาพ”  ที่จริงชานยอลดูไม่ออกหรอกว่าเป็นใครมาจากไหน  แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่าคนนี้กำลังโกหกเขาอยู่

     

     

     

     

     






     

    “เมื่อไหร่จะถึง”  ดีโอลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากหลับยาวไปหลายชั่วโมง  สิ่งสำคัญคือ  ที่ๆซูโฮจะพาเขาไปคือที่ไหนกัน

     

    “ยัง  หรอกอีกไกล  น้ำมันจะหมดแล้ว สงสัยคงต้องหาปั๊มแถวนี้ก่อน”  ซูโฮมองตามเส้นทางอันยาวไกลในยามเย็นอย่างนี้  ป้อมส่วนกลางที่เขารู้อยู่ห่างจากที่นี่มาก

     

    “ผมหิวแล้ว”  ดีโอพูดตามความเป็นจริงเขาไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว

     

    “เจอปั๊มแล้ว  เดี๋ยวจอดพักกัน”  ซูโฮชี้นิ้วบอกเมื่อเจอจุดหมายปลายทาง

     

    เพล้งงงงงงง

     

    เสียงพังกระจกดังขึ้น  ซูโฮวางขวานลงเมื่อตีให้กระจกของร้านค้าแตกพร้อมสอดมือเข้าไปปลดกลอนประตู  ดีโอตื่นตากับสินค้ามากมายเขาไม่เคยบุกร้านใครแบบนี้  แต่ตอนนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว  ดีโอหยิบขนมต่างๆที่ชื่นชอบ  พร้อมน้ำดื่มออกมาจากนอกร้าน  ก็เห็นซูโฮยืนเติมน้ำมันอยู่  ทำไมซูโฮต้องทำแบบนี้  ดีโอไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่แอบมองคนที่ยืนเติมน้ำมัน  รู้ตัวอีกทีซูโฮก็เข้ามาใกล้แล้ว

     

    “นายง่วงนอนไหม”  ซูโฮถามเมื่อเห็นคนตัวเล็กทำตาปริบๆ 

     

    “ผมว่าคุณอยากนอนมากกว่า  ขับรถมาทั้งวันแล้ว”  ดีโอสบมองใบหน้าเนียนใสของคนตรงหน้าที่ดูหมองไม่ได้หลับนอนมาทั้งวัน

     

    “ฉันกลัวนายหนีฉันไป”  ซูโฮจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตนั้น

     

    “ผมสัญญาว่าไม่หนีหรอก  คุณนอนเถอะ” ดีโอให้คำมั่น  ซูโฮยิ้มออกมาและหันหลังขึ้นรถปรับเบาะให้สามารถนอนพักผ่อนได้   ดีโอมองการกระทำตรงหน้าและยิ้มตาม

     

     

     

     






     

    คริสนำขบวนทหารเดินทางกลับป้อมส่วนกลางได้แล้วพบผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่ง  ก็คือ  จงแด  หรือที่คริสเข้าใจว่าชื่อ เฉิน  จงแดมองสำรวจพื้นที่ไปมานานแล้วที่เขาไม่เคยเห็นผู้คนมากมายขนาดนี้ตั้งหลายปี

     

    “เฉิน  นี่  เทานะจะพานายไปบ้านพักหล่ะ”  คริสแนะนำตัวชายร่างสูงที่ชื่อ  เทา  ให้รู้จักจงแดพยักหน้าช้าๆ  ตอนนี้เขาคิดถึงพี่น้องของเขาเหลือเกินป่านนี้จะเป็นอะไรไหมนะ  แต่ที่ดีหน่อยพวกนั้นเอาตัวรอดเก่ง

     

    จงแดเดินตามเทาที่มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของป้อมปราการแห่งนี้  จงแดจดจำทุกเส้นทาง  ไว้หาทางหนีกลับบ้าน

     

    “เลย์  แบคฮยอน  นี่  เฉิน  ฝากดูแลด้วยนะ”  จงแดยิ้มให้กับเพื่อนใหม่อีกสองคน  เทาก็ขอตัวไปทำหน้าที่ดังเดิม  แบคฮยอนรู้สึกคุ้นหน้าจงแดยังไงก็ไม่รู้  คุ้นหน้ามากๆ  เหมือนเคยเห็นที่ไหน

     

    “นายจ้องหน้าฉันทำไม  มีไรผิดปกติเหรอ”  จงแดที่สังเกตนานถามขึ้น  แบคฮยอนส่ายหน้าและยิ้ม  พยายามนึกว่าเคยเจอที่ไหน  เลย์ก็ยิ้มให้  ที่นี่แปลกมากเขาอยากกลับบ้าน  จงแดขอตัวสองคนนี้ไปเข้าห้องน้ำ  พอเดินออกห่างมาสักเล็กน้อยก็เตรียมมุ่งหน้าไปยังด้านหลังอย่างรวดเร็ว

     

    “จะไปไหน”  เสียงเข้มดุดันพูดดักทางจงแดที่กำลังจะหาทางหนี

     

    “ไปเข้าห้องน้ำน่ะ”  จงแดฝืนยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่ทำหน้านิ่ง  เย็นชาใส่ตลอดเวลา

     

    “ห้องน้ำอยู่นู่น”  คริสชี้เส้นทางอีกเส้นทางที่จงแดเพิ่งจากมา  จงแดยิ้มฝืดๆให้ก่อนจะหันหลังไปยังห้องน้ำ  จงแดรีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันทีในใจก็คิดว่าคริสดูเหมือนจะจับตาดูตลอด  พอจงแดออกจากห้องน้ำมาก็ต้องตกใจที่คริสยังยืนรออยู่  ทำไมว่างกันจัง

     

    “มีอะไรกับผมเหรอ” ถามออกไปทั้งๆที่ในใจกลัวว่าจะโดนจับได้ว่าโกหก

     

    “นายมีพี่น้องไหม”  จงแดรีบส่ายหน้ารัวๆ  และขอตัวกลับไปหาเลย์และแบคฮยอน  คริสมองตามไปในใจก็ไม่เชื่อในสิ่งที่จงแดบอก

     

     

     

     






     

    จงอินตื่นขึ้นมาอีกทีของเช้าวันใหม่  ทำไมเขารู้สึกหนาวไปหมด  หนาวมากๆ  จงอินกอดตัวเองไปมา  สักพักก็มีคนเดินเข้ามาพร้อมกับข้าวต้มและเสื้อผ้าของทหารมาหนึ่งชุด

     

    “นายไม่สบาย  กินข้าวซะและเปลี่ยนเสื้อด้วย  ที่นี่ไม่มียาต้องกลับไปป้อมส่วนกลาง”  ชานยอลอธิบายพร้อมยื่นข้าวต้มและเสื้อให้  จงอินรับมาชั่งใจสักนิดเพราะคิดว่าวางยารึเปล่า

     

    “ไม่ได้วางยา  ถ้าอยากฆ่านาย”  ชานยอลยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกนิดริมฝีปากเกือบแตะกัน

     

    “คงฆ่านายไปนานแล้ว  อีกอย่างกินข้าวเปลี่ยนชุดให้เสร็จนายจะต้องออกเดินทางอีก”  ชานยอลยิ้มออกมาและเดินจากไป  จงอินได้แต่เบ้หน้าให้ลับหลังคิดว่าเหนือกว่ารึไง 

     

    หลังจากทานข้าวเปลี่ยนเสื้อเรียบร้อยแล้ว  จงอินก็เดินออกมาจากที่พักเห็นว่าไม่มีใครอยู่  จงอินใช้โอกาสนี้หนี  จงอินรีบวิ่งเข้าป่าไปในทันที

     

    “หัวหน้าครับ  คนป่วยที่ช่วยไว้หนีไปครับ”  ชานยอลที่นั่งรับประทานอาหารเช้ากับลูกน้องรีบลุกขึ้นและวิ่งตามจงอินไปเมื่อเห็นรอยเท้าจงอินวิ่งไปทิศไหน

     

    “จับให้ได้”  ชานยอลบอกสั่งให้ลูกน้องช่วยจับและตนเองก็รีบวิ่งตามออกไป  จงอินที่วิ่งออกมาได้ไกลมองซ้ายมองขวาว่าไม่รู้จะไปทางไหนดี

     

    “กร๊าซซซซ”  เสียงๆหนึ่งดังมาจากพุ่มไม้ปรากฏร่างของซอมบี้เมื่อได้กลิ่นของเหยื่อแถวนี้  วิ่งออกมา  จงอินเห็นแล้ววิ่งเมื่อรู้ว่าเป็นตัวอะไร  วิ่งฝ่าดงหญ้าต่างๆไปเรื่อยจนถึงทุ่งหญ้าที่เห็นชานยอลยืนถือปืนอยู่แต่ไกล  จงอินรีบวิ่งเข้าไปหาชานยอลทันที

     

    ปัง  ปัง  ปัง  ปัง

     

    เสียงปืนดังสนั่นทำให้จงอินที่วิ่งไปหาคิดว่าชานยอลจะยิงใส่ตนล้มลงไป  พอเสียงปืนหยุดดัง  ชานยอลเดินเข้าไปหานึกหัวเสียขึ้นมา

     

    “คราวนี้นายเป็นทาสของฉัน”  ชานยอลฉุดให้จงอินลุกขึ้นและเดินตาม  จงอินถีบไปที่ท้องของชานยอลและวิ่งหนีอีกรอบ  แต่ชานยอลคว้าไว้ทัน  คราวนี้เกิดการต่อสู้เล็กๆน้อยเกิดขึ้น  ถึงจงอินจะเรียนศิลปะการต่อสู้มาบ้างแต่ก็ยังเทียบชั้นกับชานยอลไม่ได้ที่ได้ทั้งเรียนและมีประสบการณ์มากกว่า  ชานยอลล็อกหมัดจงอินได้สำเร็จให้หันหน้ามาเผชิญกัน  ชานยอลรีบประทับริมฝีปากบนลงริมฝีปากนุ่มของจงอิน  ตอนนี้ชานยอลรุกเร้าหาความหวานจากปากนุ่มหน้าสัมผัสไปมาจนเกิดเสียงแปลกๆขึ้น  จงอินรีบผละออกและเสยหมัดใส่หน้าหล่อทันที  จงอินรีบสลัดให้หลุดจากพันธนาการแต่ไม่สำเร็จคนตัวใหญ่แรงเยอะกว่าจับเขาได้อยู่หมัด

     

    “อย่าดื้อให้มาก  นายต้องสารภาพความจริงออกมา”  ชานยอลหอบเหนื่อยกับการจับผู้ชายขนาดใกล้เคียงกัน

     

    “ปล่อยเว้ย  ปล่อย”  จงอินดิ้นไปมา  แต่สุดท้ายก็โดนลากกับไปที่ป้อมอยู่ดี  ชานยอลเอาโซ่มามัดข้อมือ  และข้อเท้าของจงอินไว้ป้องกันไม่ให้หลบหนีไปไหนอีก

     

    “ตอนนี้นายยังไม่สารภาพความจริง  นายก็ต้องเป็นทาสของฉัน”  ชานยอลลูบใบหน้าคมของจงอินที่ดูหล่อเหลา  แต่สำหรับเขามองยังไงก็น่ารักอยู่ดี  ชานยอลกดจูบลงไปที่ริมฝีปากอิ่มอีกครั้ง  แต่คราวนี้เป็นไปอย่างอ่อนโยน  นิ่มนวล  มือก็ไปแตะที่สะโพก  จงอินที่ดูเหมือนรู้สึกเย็นที่ท้องเหมือนมีคนมาสัมผัสก็ดิ้นอีกครั้ง

     

    “ปล่อย   ออกไป”  จงอินดิ้นไปมา มารู้สึกตัวอีกทีชานยอลก็ขึ้นคร่อมตัวเขาแล้วพร้อมใบหน้าหล่อติดออกจะหวานก้มลงกดจูบไปที่ซอกคอของเขาอย่างนิ่มนวล

     

    “อือ  ยอมแล้ว  เดี๋ยวบอกให้”  จงอินยอมยกธงขาวให้อีกรอบนึง

     

    “จะบอกอะไรหล่ะ”  สีหน้าเจ้าเล่ห์ของชานยอลดูหน้ากลัวมากสำหรับจงอิน

     

    “ผมชื่อ  จงอิน  จงอิน”  จงอินรีบบอกชื่อที่แท้จริงออกมา

     

    “จะไค  หรือ  จงอิน  ฉันไม่สนแต่ที่สนคือนายเป็นใคร”  ชานยอลไม่สนอีกแล้ว  อารมณ์ของเขาตอนนี้พุ่งสุดๆ  ชานยอลรีบปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายจนร่างกายเปลือยเปล่า  บีบเค้นไปทั่วร่างของคนใต้ร่างไปมา   ลูบไล้ตามกล้ามเนื้อสวยๆ

     

    “ต้องการอะไรอีก”  จงอินพยายามควบคุมไม่ให้เสียงสั่นออกมา

     

    “ตอนนี้ฉันต้องการตัวนายมากกว่า”  ชานยอลพูดแล้วยิ้มไม่ใช่ยิ้มที่อ่อนโยน  แต่เป็นยิ้มกระหายของซาตาน  จงอินตอนนี้เขากลัวเหลือเกิน

     

     

     

     





     

    มินซอกมองซ้ายมองขวาและลงจากรถบรรทุกได้  เขาอยู่ที่ไหนดูยังไงก็เหมือนป้อมทหารใช่เขาขึ้นรถทหาร  แต่มินซอกก็กลับบ้านตอนนี้ไม่ได้  ไม่รู้ว่าพวกนั้นยังดักอยู่ไหม  มินซอกเดินสำรวจสถานที่ไปมา

     

    “นายเป็นใคร”  เสียงของผู้ชายหน้าสวยพูดขัดขึ้นเมื่อเห็นมินซอกเดินกินลมชมวิวอยู่

     

    “มาสูดอากาศ”  มินซอกพูดด้วยความเป็นจริง

     

    “ฉันเห็นนายลงจากรถบรรทุกอาหาร”  ชายหน้าสวยแย้งขึ้น

     

    “พอดีหิว  หาอะไรกินหน่อย  ว่าแต่นายเป็นใคร”  มินซอกถามบ้าง  ชายหน้าสวยอมยิ้มรู้สึกเอ็นดูท่าทางแบบเด็กๆของคนตรงหน้า

     

    “ชื่อ   ลู่หาน  รู้แค่นี้ก็พอ” 

     

    “อ๋อ  ฉันชื่อ  คิมมินซอก”  มินซอกพูดออกมาตามความเป็นจริงเมื่อไม่เห็นคนตรงหน้ามีพิษมีภัยอะไร

     

    “คิมมินซอกเหรอ”  ลู่หานครุ่นคิดเกี่ยวกับชื่ออยู่สักพัก  มินซอกก็ขัดขึ้นมา

     

    “คนนามสกุลคิมมีหลายคนจะตาย”  มินซอกพูดดักทางความคิดของลู่หานไว้ก่อน

     

    “อืม  นายอยากนอนยังเดี๋ยวฉันพาไปหาที่นอน”  ลู่หานเอ่ยชวนคนตรงหน้า  มินซอกพยักหน้าเขาก็รู้สึกง่วงแล้วเหมือนกัน  ลู่หานคว้าข้อมือและจูงไปบ้านพักของตนเอง

     

     

     

     





     

    ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นไปทั่วร่างกาย  รอยสีกุหลาบมีอยู่เต็มตามร่างกายผิวสีแทนสวย  จงอินพยายามสกัดกลั้นน้ำตาเอาไว้  ดีแล้วที่ความลับเขายังไม่พูดออกมา  เมื่อคืนเหมือนฝันร้าย  ฝันที่มีแต่ความเจ็บปวด  เขาคิดถึงพี่ชายทั้งสามเหลือเกิน

     

    “ตื่นแล้วเหรอ  เดี๋ยวเตรียมตัวกลับป้อมกัน”  ผู้ชายที่ทำร้ายจงอินเมื่อคืนนี้ยังลอยหน้าลอยตาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก

     

    “นายรีบแต่งตัวซะ”  เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบก็รีบบอก  ยังไงซะจงอินก็ยังต้องเป็นทาสเขาไปอีกนาน  และเขาชักจะติดใจกับทาสคนนี้แล้วสิ  จงอินก็ยังไม่ขยับตัวชานยอลจะเดินเข้ามาช่วยแต่งตัวให้  แต่จงอินรีบหยิบเสื้อผ้าและแต่งตัวเอง

     

    “อวดเก่งไปเหอะ”  ชานยอลแค่นยิ้มอย่างเหยียดๆ  ชื่อ จงอิน  เหลือแต่นามสกุล  ถ้ารู้เขาก็จะสืบได้ว่าจงอินเป็นใคร

     

    หลังจากรับประทานอาหารเสร็จทุกคนเตรียมตัวออกเดินทาง  จงอินเดินไปอย่างเงียบๆตลอดทางพร้อมนักโทษคนอื่นที่ทำตัวนิสัยเลวทรามในยุคที่มนุษย์ต้องพึ่งพากันมาที่สุด  ไม่ใช่เห็นแก่ตัวแบบนี้   การเกิดสงครามทำให้เรารู้ซึ้งถึงจิตใจของมนุษย์มากขึ้น  ชานยอลได้แต่มองคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมีย  เขาแล้วทำไมเขาต้องเป็นห่วงด้วยหล่ะ ก็แค่ทาส

     

    “ถึงป้อมแล้วครับ  หัวหน้า”   เสียงลูกน้องคนหนึ่งพูดขึ้น  ชานยอลพยักหน้าและลงจากรถไปคว้าข้อมือของจงอินที่ฝืนร่างกายของตัวเองทั้งที่รู้ว่าเจ็บยังจะฝืน

     

    “หึ  อวดเก่ง”  พูดได้แค่นั้นชานยอลก็ลากจงอินไปหาเซฮุนทันที  เซฮุนดูอาการไปมาก็พอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง

     

    “เบาๆหน่อยก็ได้อย่ารุนแรงมากนะ  ไม่เป็นไรมากแล้วพักผ่อนสักนิดเดี๋ยวก็หาย”  เซฮุนหันมากระซิบกับชานยอลอย่างแผ่วเบาไม่ให้อีกคนได้ยิน  และเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

     

    “ฉันจะให้นายไปพักผ่อนที่ห้องพักฉัน”  ชานยอลฉุดให้จงอินลุกขึ้นตามอย่างว่าง่าย  จงอินดูเหม่อลอยเหมือนชีวิตนี้เขาไม่เหลืออะไรแล้ว  ชานยอลพาจงอินมุ่งหน้าไปที่พักของชานยอล  ในระหว่างนั้นจงแดเดินผ่านเพื่อจะหาทางหนี  ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นจงอิน

     

    “นั่นไคนี่  มาอยู่นี่ได้ไงนะ”  จงแดเตรียมจะเดินตามจงอินไปแต่โดนมือใครอีกคนฉุดรั้งไว้

     

    “จะไปไหนเหรอ”  คริสถามพลางดึงคนตัวเล็กเข้ามาใกล้ๆ  ใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน

     

    “หิวข้าว  จะไปกินข้าว”  จงแดก้มหน้างุดหลบสายตาที่ดูเหมือนจะล้วงลึกหาอะไรสักอย่างจากแววตาของเขา  แววตาไม่เคยโกหกใคร

     

    “โรงอาหารอยู่ทางนู้น”  คริสชี้ไปสถานที่ที่อยู่ใกล้เคียงกับบ้านพัก  จงแดได้แต่ยิ้มแหยๆ  เอาอีกแล้วเขาปล่อยไก่อีกครั้ง

     

    “เลย์  วันนี้นายทำกับข้าวอะไร  ดูอร่อยจัง”  เทาที่โผล่มาจากข้างหลังของเลย์  เลย์ชี้ไปที่หม้อใส่อาหารแต่ละหม้อเป็นเชิงว่ามีอะไรบ้าง  ยิ้มแย้มให้อย่างสดใส  จนแบคฮยอนที่อยู่ใกล้ๆ  หมั่นไส้

     

    คืนนี้เขาจะออกไปล่าซอมบี้มาทำการศึกษาเพื่อผลิตยาแก้ให้ได้ว่าแต่จะแอบยังไง  สายตาพลางมองเลย์ที่ยิ้มแย้ม  ไม่ได้จ้างให้เลย์คงไม่อยากออกไป  จงแดหล่ะหมอนั่นหาแต่ทางหนีตลอดเวลาโดยมีสายตาคริสจับตามองตลอด 

     

    “เฮ้อ  ไปคนเดียวก็ได้”  แบคฮยอนพ่นลมออกมา







    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×