พี่ต๊อป
เรื่องราวของพี่ต๊อปสุดหล่อ
ผู้เข้าชมรวม
743
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ต๊อบ-ชัยวัฒน์ ทองแสง หนุ่มน้อยวัย 18 ปี คืออีกหนึ่งนักแสดงหน้าใหม่ ผู้ก้าวเข้ามารับบทโดดเด่น ในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว เขามีจุดเริ่มต้นของการเข้าวงการบันเทิงคล้ายวัยรุ่นทั่วไป คือการเข้าสังกัดโมเดลลิ่ง ผ่านการแคสติ้ง จนได้เป็นพระเอก
ผลงานแรก คือโฆษณา 40 ปีฮอนด้า เล่นกับพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย ครับ ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เพราะเป็นงานชิ้นแรกแถมเป็นงานใหญ่ ต่อมาก็เริ่มมีโฆษณาเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ผ้าอนามัย ขนม น้ำ คอนโดฯ ฯลฯ ส่วนที่เป็นของต่างประเทศก็มี เช่น โฆษณาน้ำอัดลมของประเทศเวียดนาม ต่อมาพี่ที่โมเดลลิ่งให้ต๊อบไปแคสติ้งภาพยนตร์ของพี่พจน์ อานนท์ เพราะว่าพี่พจน์ต้องการพระเอกหน้าไทย ซึ่งต๊อบคิดว่ามันเป็นโอกาสของต๊อบด้วย ถือว่าโชคดีมาก
ก้าวมารับบท อิฐ หนึ่งในพระเอกของภาพยนตร์ เพื่อน..กูรักมึงว่ะ ต้องแสดงความรักระหว่างชายกับชาย แต่เขาก็ไม่หวาดหวั่นใจ แม้จะทำให้ต้องถูกปลด จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาชิ้นหนึ่งอย่างกะทันหันก็ตาม
สำหรับความรักในเรื่องนี้ก็เหมือนกับความรักทั่วไปที่ทุกคนมีให้แก่กัน มีทั้งความรักระหว่างชายกับหญิง ความรักระหว่างครอบครัว เพียงแต่จะเด่นตรงรักระหว่างชายกับชาย เพื่อจะสื่อว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง ๆ ในสังคม
ต๊อบรู้อยู่แล้วว่าจะต้องมารับบทลักษณะนี้ และเห็นว่าเป็นโอกาสซึ่งเราควรคว้าไว้ครับ คุณพ่อคุณแม่ท่านก็ทราบว่าเราจะรับเล่นบทนี้ มีแซวเล่นเหมือนกันว่าเราเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ต๊อบยืนยันครับว่าไม่ได้เป็น ส่วนในเรื่องของโฆษณาที่ยกเลิกการจ้างไป ต๊อบอยากให้เขาเข้าใจ ว่านี่คือการแสดงเท่านั้น ต๊อบไม่กลัวคนมองภาพว่าเราเป็นอย่างในบท เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ถือว่าเราประสบความสำเร็จสูงมากที่แสดงได้ยอดเยี่ยมจนคนดูเชื่อครับ
กระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากภาพยนตร์ที่ฉายออกไป ทำให้หนุ่มต๊อบถึงกับเป็นปลื้ม
บางทีเดิน ๆ อยู่คนจะแซวว่า เพื่อน ๆ กูรักมึงว่ะ หรือไม่ก็นำบทในภาพยนตร์มาแซว เช่น เมฆ ผมคิดถึงคุณ ผมรู้นะว่าคุณอยู่ที่นี่ หรือบางครั้งเขาก็ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ให้เราได้ยิน มีวันหนึ่งต๊อบไปเดินแบบที่สยามดิสคัฟเวอรี่ เจอคนดูนำตั๋วหนังที่เพิ่งซื้อมาขอลายเซ็นด้วยครับ
รู้สึกว่าชีวิตเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก จากการเป็นนายแบบ
ดาราโฆษณาซึ่งคนจะติดตาพักเดียวแล้วก็จบไป แต่พอได้มาแสดงภาพยนตร์ คนดูจะติดตามาก และจำได้ว่าต๊อบนี่แหละแสดงเรื่อง เพื่อน..กูรักมึงว่ะ" ต๊อบไม่อึดอัดเลยครับ รู้สึกดีด้วยซ้ำที่มีคนอยากรู้จักเรา ให้ความสำคัญ และอยากรู้เรื่องราวของเราว่าเป็นมาอย่างไร
ถึงแม้จะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งกับบทนำในภาพยนตร์ แต่หนุ่มคนนี้กลับไม่ได้ผูกติดตัวเอง อยู่กับความเป็น พระเอก
ตอนนี้ต๊อบก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงแล้ว ต๊อบอยากทำอะไรได้หลาย ๆ อย่างเพื่อเป็นการฝึกตัวเอง เช่น เป็นพิธีกร เล่นละคร ต่อมาอาจพัฒนาไปเล่นละครเวที ส่วนแนวละครที่อยากเล่นคงไม่ใช่แบบตบจูบแน่นอน ต๊อบไม่อยากเป็นพระเอกหรอกครับ แสดงบทไหนก็ได้ที่ท้าทายตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นบทพระรอง คนเอ๋อ คนพิการ ต๊อบไม่เกี่ยง
ผลงานชิ้นต่อไปของต๊อบ คือภาพยนตร์เรื่อง เหยิน เป๋ เหล่ ของพี่พจน์ อานนท์ เช่นกัน เป็นแนวคอมเมดี้ ต๊อบก็ไม่ได้เป็นพระเอก แต่เป็นหนึ่งในกลุ่ม บทเด่นจะอยู่ที่พี่โก๊ะตี๋และพี่จาตุรงค์ครับ
ด้วยมารยาทการไปลามาไหว้ และบุคลิกอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มเผยกับเราว่า เพราะเขามีบุคคลตัวอย่างในดวงใจ ผู้คอยอบรมสั่งสอนสิ่งเหล่านี้
ต้นแบบของต๊อบคือ พี่เอก-เอกชัย ศรีวิชัย ครับ คือคุณแม่ของต๊อบกับพี่เอกเป็นคนบ้านเดียวกัน และรู้จักกัน พี่เอกเขาจะคอยสอนคอยเตือนต๊อบอยู่ตลอด ถ้าใครรู้จักตัวตนจริง ๆ ของพี่เอกจะทราบว่า เขาเป็นคนดี น่ายกย่องมาก อีกคนคือพี่โก๊ะตี๋ครับ พี่โก๊ะจะสอนว่าเวลาอยู่ในกองถ่ายให้ต๊อบทำตัวให้เล็กที่สุด ไหว้ทุกคนตั้งแต่ยามหน้าประตูไปจนถึงผู้กำกับ
ต๊อบคิดว่าความอ่อนน้อมเป็นสิ่งดี เหมือนกับที่พ่อต๊อบสอนว่า มือสองมือพนมไหว้ไปเถอะ ผู้ใหญ่เขาไม่เกลียดเราหรอก เขาจะรักและเอ็นดู ซึ่งต๊อบยึดหลักนี้จนเป็นนิสัย ส่วนเรื่องข่าวเสียหาย ต๊อบไม่กลัวครับ เพราะยังไงเรื่องจริงก็คือเรื่องจริง ส่วนตัวต๊อบไม่ใช่คน fake อยู่แล้ว
ว่ากันถึงเรื่องเรียนของหนุ่มต๊อบกันบ้าง ในภาคการศึกษาถัดไปนี้เขากำลังจะเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยอย่างเต็มตัว
ต๊อบย้ายจากที่เรียนเดิม ม.รัตนบัณฑิต เนื่องจากมีปัญหาเรื่องเวลาเรียนไม่พอ เพราะต๊อบทำงานค่อนข้างเยอะ ทำให้ขาดเรียนบ่อย เกรงใจอาจารย์ครับ ตอนนี้รอให้ผลงานออกมาให้หมดก่อน กลับไปเรียนใหม่ที่ม.หอการค้าไทย จากเดิมเรียนนิเทศศาสตร์ สาขาการประชาสัมพันธ์ ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนมาเรียนเกี่ยวกับการแสดง ถ่ายภาพ หรือไม่ก็วิทยุ โทรทัศน์ อยากเป็นเบื้องหลังมากกว่า เพราะต๊อบไม่เก่งเรื่องการพูดคุย บุคลิกต๊อบจะเงียบ ๆ คล้ายพี่ซันนี่-สุวรรณเมธานนท์ ครับ
ด้วยพรสวรรค์ในตัวของต๊อบ ทำให้เขาวางแผนอนาคตแตกต่างไปจากสิ่งที่เลือกศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย
อยากเป็นเชฟครับ เรียนจบแล้วอยากประกอบธุรกิจส่วนตัว เปิดร้านอาหารเป็นขงตัวเอง เพราะต๊อบเป็นคนชอบทำอาหาร ถ้าได้ทำแล้วมีความสุข..(ดวงตาฉายแววเป็นประกาย) ต๊อบเคยไปเป็นพ่อครัวทำอาหารแนวซีฟู้ดอยู่ที่ร้านของน้าด้วย ส่วนการเลือกเรียนนิเทศฯ ก็เพื่อมาเสริมการทำงานในวงการ ต่อไปอาจได้นำความรู้ที่เรียนมาเป็นอาชีพเสริมของเรา ต๊อบคิดว่าคนเราควรมีความรู้หลาย ๆ ด้าน และต้องทำทุกอย่างที่เราเป็นให้ดีที่สุด แต่อาจจะเลือกให้เด่นไปสักอย่างหนึ่งก็ได้ เช่น ตอนนี้ต๊อบเป็นนักแสดง ต๊อบก็จะเป็นให้ดีที่สุดครับ
คงจะจริงอย่างนายต๊อบบอกกับเรา เพราะยังมีอีกสิ่งหนึ่งซึ่งเขาหลงใหลเป็นชีวิตจิตใจ นั่นคือกีฬาท้าความเร็วอย่างการแข่งรถ การันตีความชอบด้วยหลายรางวัลที่เคยได้รับ
เล่นโกคาร์ทมาได้ 2 ปีแล้วครับ เป็นคนชักชวนเพื่อน ๆ ให้มาเล่นด้วยกัน เพราะต๊อบเป็นคนขับรถเป็นอยู่แล้ว และชอบความเร็ว ต๊อบเคยลงแข่งทั้งประเภทแดร็กและดริฟต์ จนมาถึง
โกคาร์ท สนุกครับ รู้สึกเหมือนได้แข่งเซอร์กิต แต่ส่วนใหญ่มักลงแข่งประเภทแดร็ก คือขับทางตรงจับเวลาใครเร็วที่สุดชนะ ได้มาหลายรางวัลแล้วครับ มีโปรแกรมว่าจะแข่งประเภทดริฟต์ต่อไป
ไม่ได้ใฝ่ฝันจะเป็นนักแข่งมืออาชีพหรอกครับ เพราะยังมีคนที่เก่งกว่าเราอีกเยอะ ถือว่าเป็นงานอดิเรกก็พอ ว่างเมื่อไรก็มาเมื่อนั้น ชวนเพื่อน ๆ มาขับแข่งกัน สนุกดี เสน่ห์ของการขับรถไม่ได้อยู่ที่ความเก่งของคนขับ แต่ขึ้นอยู่กับเทคนิคการขับที่ดี
สุดท้ายนี้น้องต๊อบขอฝากอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แก่ผู้อ่านทุกคน
ขอฝากหนังสือการศึกษาวันนี้ด้วยนะครับ เป็นหนังสือที่มีสาระมาก อยากให้เพื่อน ๆ ซื้ออ่านดูว่าเป็นอย่างไร และอยากฝากภาพยนตร์ เพื่อน..กูรักมึงว่ะ ด้วย เรื่องนี้ไม่ใช่หนังเกย์นะครับ แต่ว่าเป็นภาพยนตร์โรแมนติกดราม่า ที่ดำเนินเรื่องโดยผู้ชายที่มีความรักต่อเพศเดียวกัน สะท้อนความรักหลากรูปแบบที่เกิดขึ้นจริงในสังคม ลองไปชมนะครับ รับรองว่าภาพสวย เพลงเพราะ ผู้กำกับเก่ง และสุดท้ายนักแสดงหล่อ (หัวเราะ) ผมหมายถึงพี่เอ-รัตนบัลลังก์ โตสวัสดิ์ และพี่กัส-วีรดิษฐ์ ศรีมาลัย น่ะครับ
ปิดท้ายอีกทีด้วยนิยามความเป็นต๊อบที่ฟังดูแล้วช่างสอดคล้องกับความใฝ่ฝันของเขาเสียจริง ๆ
ต๊อบ-ชัยวัฒน์ พ่อหนุ่มวาไรตี้ ไม่หล่อแต่ (ทำอาหาร) อร่อย..ครับผม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ต๊อบ-ชัยวัฒน์ ทองแสง” หนุ่มน้อยวัย 18 ปี คืออีกหนึ่งนักแสดงหน้าใหม่ ผู้ก้าวเข้ามารับบทโดดเด่น ในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว เขามีจุดเริ่มต้นของการเข้าวงการบันเทิงคล้ายวัยรุ่นทั่วไป คือการเข้าสังกัดโมเดลลิ่ง ผ่านการแคสติ้ง จนได้เป็นพระเอก
“ผลงานแรก คือโฆษณา 40 ปีฮอนด้า เล่นกับพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย ครับ ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เพราะเป็นงานชิ้นแรกแถมเป็นงานใหญ่ ต่อมาก็เริ่มมีโฆษณาเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ผ้าอนามัย ขนม น้ำ คอนโดฯ ฯลฯ ส่วนที่เป็นของต่างประเทศก็มี เช่น โฆษณาน้ำอัดลมของประเทศเวียดนาม ต่อมาพี่ที่โมเดลลิ่งให้ต๊อบไปแคสติ้งภาพยนตร์ของพี่พจน์ อานนท์ เพราะว่าพี่พจน์ต้องการพระเอกหน้าไทย ซึ่งต๊อบคิดว่ามันเป็นโอกาสของต๊อบด้วย ถือว่าโชคดีมาก”
ก้าวมารับบท “อิฐ” หนึ่งในพระเอกของภาพยนตร์ “เพื่อน..กูรักมึงว่ะ” ต้องแสดงความรักระหว่างชายกับชาย แต่เขาก็ไม่หวาดหวั่นใจ แม้จะทำให้ต้องถูกปลด จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาชิ้นหนึ่งอย่างกะทันหันก็ตาม
“สำหรับความรักในเรื่องนี้ก็เหมือนกับความรักทั่วไปที่ทุกคนมีให้แก่กัน มีทั้งความรักระหว่างชายกับหญิง ความรักระหว่างครอบครัว เพียงแต่จะเด่นตรงรักระหว่างชายกับชาย เพื่อจะสื่อว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง ๆ ในสังคม
ต๊อบรู้อยู่แล้วว่าจะต้องมารับบทลักษณะนี้ และเห็นว่าเป็นโอกาสซึ่งเราควรคว้าไว้ครับ คุณพ่อคุณแม่ท่านก็ทราบว่าเราจะรับเล่นบทนี้ มีแซวเล่นเหมือนกันว่าเราเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ต๊อบยืนยันครับว่าไม่ได้เป็น ส่วนในเรื่องของโฆษณาที่ยกเลิกการจ้างไป ต๊อบอยากให้เขาเข้าใจ ว่านี่คือการแสดงเท่านั้น ต๊อบไม่กลัวคนมองภาพว่าเราเป็นอย่างในบท เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ถือว่าเราประสบความสำเร็จสูงมากที่แสดงได้ยอดเยี่ยมจนคนดูเชื่อครับ”
กระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากภาพยนตร์ที่ฉายออกไป ทำให้หนุ่มต๊อบถึงกับเป็นปลื้ม
“บางทีเดิน ๆ อยู่คนจะแซวว่า “เพื่อน ๆ กูรักมึงว่ะ” หรือไม่ก็นำบทในภาพยนตร์มาแซว เช่น “เมฆ ผมคิดถึงคุณ ผมรู้นะว่าคุณอยู่ที่นี่” หรือบางครั้งเขาก็ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ให้เราได้ยิน มีวันหนึ่งต๊อบไปเดินแบบที่สยามดิสคัฟเวอรี่ เจอคนดูนำตั๋วหนังที่เพิ่งซื้อมาขอลายเซ็นด้วยครับ
รู้สึกว่าชีวิตเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก จากการเป็นนายแบบ
ดาราโฆษณาซึ่งคนจะติดตาพักเดียวแล้วก็จบไป แต่พอได้มาแสดงภาพยนตร์ คนดูจะติดตามาก และจำได้ว่าต๊อบนี่แหละแสดงเรื่อง “เพื่อน..กูรักมึงว่ะ" ต๊อบไม่อึดอัดเลยครับ รู้สึกดีด้วยซ้ำที่มีคนอยากรู้จักเรา ให้ความสำคัญ และอยากรู้เรื่องราวของเราว่าเป็นมาอย่างไร”
ถึงแม้จะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งกับบทนำในภาพยนตร์ แต่หนุ่มคนนี้กลับไม่ได้ผูกติดตัวเอง อยู่กับความเป็น “พระเอก”
“ตอนนี้ต๊อบก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงแล้ว ต๊อบอยากทำอะไรได้หลาย ๆ อย่างเพื่อเป็นการฝึกตัวเอง เช่น เป็นพิธีกร เล่นละคร ต่อมาอาจพัฒนาไปเล่นละครเวที ส่วนแนวละครที่อยากเล่นคงไม่ใช่แบบตบจูบแน่นอน ต๊อบไม่อยากเป็นพระเอกหรอกครับ แสดงบทไหนก็ได้ที่ท้าทายตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นบทพระรอง คนเอ๋อ คนพิการ ต๊อบไม่เกี่ยง
ผลงานชิ้นต่อไปของต๊อบ คือภาพยนตร์เรื่อง “เหยิน เป๋ เหล่” ของพี่พจน์ อานนท์ เช่นกัน เป็นแนวคอมเมดี้ ต๊อบก็ไม่ได้เป็นพระเอก แต่เป็นหนึ่งในกลุ่ม บทเด่นจะอยู่ที่พี่โก๊ะตี๋และพี่จาตุรงค์ครับ”
ด้วยมารยาทการไปลามาไหว้ และบุคลิกอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มเผยกับเราว่า เพราะเขามีบุคคลตัวอย่างในดวงใจ ผู้คอยอบรมสั่งสอนสิ่งเหล่านี้
“ต้นแบบของต๊อบคือ พี่เอก-เอกชัย ศรีวิชัย ครับ คือคุณแม่ของต๊อบกับพี่เอกเป็นคนบ้านเดียวกัน และรู้จักกัน พี่เอกเขาจะคอยสอนคอยเตือนต๊อบอยู่ตลอด ถ้าใครรู้จักตัวตนจริง ๆ ของพี่เอกจะทราบว่า เขาเป็นคนดี น่ายกย่องมาก อีกคนคือพี่โก๊ะตี๋ครับ พี่โก๊ะจะสอนว่าเวลาอยู่ในกองถ่ายให้ต๊อบทำตัวให้เล็กที่สุด ไหว้ทุกคนตั้งแต่ยามหน้าประตูไปจนถึงผู้กำกับ
ต๊อบคิดว่าความอ่อนน้อมเป็นสิ่งดี เหมือนกับที่พ่อต๊อบสอนว่า มือสองมือพนมไหว้ไปเถอะ ผู้ใหญ่เขาไม่เกลียดเราหรอก เขาจะรักและเอ็นดู ซึ่งต๊อบยึดหลักนี้จนเป็นนิสัย ส่วนเรื่องข่าวเสียหาย ต๊อบไม่กลัวครับ เพราะยังไงเรื่องจริงก็คือเรื่องจริง ส่วนตัวต๊อบไม่ใช่คน fake อยู่แล้ว”
ว่ากันถึงเรื่องเรียนของหนุ่มต๊อบกันบ้าง ในภาคการศึกษาถัดไปนี้เขากำลังจะเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยอย่างเต็มตัว
“ต๊อบย้ายจากที่เรียนเดิม ม.รัตนบัณฑิต เนื่องจากมีปัญหาเรื่องเวลาเรียนไม่พอ เพราะต๊อบทำงานค่อนข้างเยอะ ทำให้ขาดเรียนบ่อย เกรงใจอาจารย์ครับ ตอนนี้รอให้ผลงานออกมาให้หมดก่อน กลับไปเรียนใหม่ที่ม.หอการค้าไทย จากเดิมเรียนนิเทศศาสตร์ สาขาการประชาสัมพันธ์ ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนมาเรียนเกี่ยวกับการแสดง ถ่ายภาพ หรือไม่ก็วิทยุ โทรทัศน์ อยากเป็นเบื้องหลังมากกว่า เพราะต๊อบไม่เก่งเรื่องการพูดคุย บุคลิกต๊อบจะเงียบ ๆ คล้ายพี่ซันนี่-สุวรรณเมธานนท์ ครับ”
ด้วยพรสวรรค์ในตัวของต๊อบ ทำให้เขาวางแผนอนาคตแตกต่างไปจากสิ่งที่เลือกศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย
“อยากเป็นเชฟครับ เรียนจบแล้วอยากประกอบธุรกิจส่วนตัว เปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง เพราะต๊อบเป็นคนชอบทำอาหาร ถ้าได้ทำแล้วมีความสุข..(ดวงตาฉายแววเป็นประกาย) ต๊อบเคยไปเป็นพ่อครัวทำอาหารแนวซีฟู้ดอยู่ที่ร้านของน้าด้วย ส่วนการเลือกเรียนนิเทศฯ ก็เพื่อมาเสริมการทำงานในวงการ ต่อไปอาจได้นำความรู้ที่เรียนมาเป็นอาชีพเสริมของเรา ต๊อบคิดว่าคนเราควรมีความรู้หลาย ๆ ด้าน และต้องทำทุกอย่างที่เราเป็นให้ดีที่สุด แต่อาจจะเลือกให้เด่นไปสักอย่างหนึ่งก็ได้ เช่น ตอนนี้ต๊อบเป็นนักแสดง ต๊อบก็จะเป็นให้ดีที่สุดครับ”
คงจะจริงอย่างนายต๊อบบอกกับเรา เพราะยังมีอีกสิ่งหนึ่งซึ่งเขาหลงใหลเป็นชีวิตจิตใจ นั่นคือกีฬาท้าความเร็วอย่างการแข่งรถ การันตีความชอบด้วยหลายรางวัลที่เคยได้รับ
“เล่นโกคาร์ทมาได้ 2 ปีแล้วครับ เป็นคนชักชวนเพื่อน ๆ ให้มาเล่นด้วยกัน เพราะต๊อบเป็นคนขับรถเป็นอยู่แล้ว และชอบความเร็ว ต๊อบเคยลงแข่งทั้งประเภทแดร็กและดริฟต์ จนมาถึง
โกคาร์ท สนุกครับ รู้สึกเหมือนได้แข่งเซอร์กิต แต่ส่วนใหญ่มักลงแข่งประเภทแดร็ก คือขับทางตรงจับเวลาใครเร็วที่สุดชนะ ได้มาหลายรางวัลแล้วครับ มีโปรแกรมว่าจะแข่งประเภทดริฟต์ต่อไป
ไม่ได้ใฝ่ฝันจะเป็นนักแข่งมืออาชีพหรอกครับ เพราะยังมีคนที่เก่งกว่าเราอีกเยอะ ถือว่าเป็นงานอดิเรกก็พอ ว่างเมื่อไรก็มาเมื่อนั้น ชวนเพื่อน ๆ มาขับแข่งกัน สนุกดี เสน่ห์ของการขับรถไม่ได้อยู่ที่ความเก่งของคนขับ แต่ขึ้นอยู่กับเทคนิคการขับที่ดี”
สุดท้ายนี้น้องต๊อบขอฝากอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แก่ผู้อ่านทุกคน
“ขอฝากหนังสือการศึกษาวันนี้ด้วยนะครับ เป็นหนังสือที่มีสาระมาก อยากให้เพื่อน ๆ ซื้ออ่านดูว่าเป็นอย่างไร และอยากฝากภาพยนตร์ “เพื่อน..กูรักมึงว่ะ” ด้วย เรื่องนี้ไม่ใช่หนังเกย์นะครับ แต่ว่าเป็นภาพยนตร์โรแมนติกดราม่า ที่ดำเนินเรื่องโดยผู้ชายที่มีความรักต่อเพศเดียวกัน สะท้อนความรักหลากรูปแบบที่เกิดขึ้นจริงในสังคม ลองไปชมนะครับ รับรองว่าภาพสวย เพลงเพราะ ผู้กำกับเก่ง และสุดท้ายนักแสดงหล่อ (หัวเราะ) ผมหมายถึงพี่เอ-รัตนบัลลังก์ โตสวัสดิ์ และพี่กัส-วีรดิษฐ์ ศรีมาลัย น่ะครับ”
ปิดท้ายอีกทีด้วยนิยามความเป็นต๊อบที่ฟังดูแล้วช่างสอดคล้องกับความใฝ่ฝันของเขาเสียจริง ๆ
“ต๊อบ-ชัยวัฒน์ พ่อหนุ่มวาไรตี้ ไม่หล่อแต่ (ทำอาหาร) อร่อย..ครับผม”
ผลงานอื่นๆ ของ เเมวน้อยมองจันทร์ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เเมวน้อยมองจันทร์
ความคิดเห็น