จักรพรรดิหม้อหลอม - นิยาย จักรพรรดิหม้อหลอม : Dek-D.com - Writer
×

    จักรพรรดิหม้อหลอม

    จากนักศึกษาเเพทย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่ต้องตายลงเพราะความหิวเป็นเหตุทำให้วิญญาณของตนเองต้องข้ามภพไปยังอีกร่าง ที่เป็นร่างที่เเท้จริงเเต่หน้าสงสารนักกับชีวิตที่ตนเองได้รับถ่ายทอดมาจากความทรงจำ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,881

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    12

    ผู้เข้าชมรวม


    1.88K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    164
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  5 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 ก.พ. 66 / 12:56 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    หลังจากที่รู้สึกถึงเเรงพุ่งชนจากรถสิบล้อจากที่ไหนไม่รู้ ก็ทำเอาช่วงเวลานั้นราวกับว่าวิญญาณของตนเอง จะหลุดออกจากร่างไปในเวลานั้น

    อัก! เสียงกระดูกหัก

    เพียงเพราะรู้สึกถึงความเจ็บปวดจนจะเสียสตินี้ จนร่างของตนเองจะลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศ ก่อนจะชนเข้ากับที่กั้นถนนอย่างเเรง

    จนทำเอาสติของตนเองนั้นเริ่มเลือนหายไปช้าๆ เพราะดวงตาเริ่มจะปิดลงอย่างห้ามไม่อยู่ผสมกับความเจ็บปวดที่ได้รับมาจากการชน

    ....

    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ก่อนจะรู้สึกถึงความหนาวเย็นยะเยือก จนรู้สึกหวาดเสียวไปถึงเเกนกระดูก

    เปลือกตาที่ปิดสนิทก็เริ่มเปิด ขึ้นอย่างช้าๆ อย่างยากลำบาก เพราะรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกาย โดยเฉพาะหัวของตนเอง

    พอเปลือกตาเปิดขึ้น ก็เผยให้เห็นภาพตรงหน้าที่เป็นเหมือนบ้านเก่า โทรมๆสักหลังหนึ่ง ก่อนจะรู้สึกปวดระบมไปทั่วทั้งร่างกาย ทำเอาใบหน้าที่ซีดเซียวราวพื้นกระดาษนั้น นิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด

    "นี้มันที่ไหน! กันจำได้ว่าโดนรถชนจนสลบไปเเล้วนี้"

    เสียงที่เปร่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความอ่อนล้าเเละความไม่เข้าใจ เพราะตื่นขึ้นมาก็เห็นเป็นผนังไม้ไผ่เก่าจนผุ ไม่ใช่ผนังโรงพยาบาลสีขาวเหมือนในโรงพยาบาล

    "โอ้ย! อึก!"

    เจ้าตัวที่กำลังมื่นงงกับภาพตรงหน้าที่เห็นนั้นก็ รีบลุกขึ้นทันทีอย่างร้อนรน เพียงเเค่ยกมือขึ้นมาพยุงร่างนั้นก็ถึงกับต้องร้องลั่น

    ออกมาเพราะความเจ็บปวดที่เเล่นผ่านไปทั่วทั้งร่างกาย ทำเอาคนที่จะฝืนร่างกายนั้นนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวดพร้อมกับกัดฟันฝืนพยุงร่าง

    จนลุกขึ้นมาได้จากที่นอน ก่อนจะคว้ามือไปทางเสาไม้ไผ่ตรงขอบเตียง เพื่อจะพยุงร่างให้พิงกับหัวเตียงได้

    "เฮอเจ็บไปหมดเลย"

    พอนั่งหายใจเข้าออกจนสม่ำเสมอเเล้ว ก็ใช้สายตาสีม่วงผิดเเปลกจากคนปกติ กวาดมองไปทั่วขอบเตียงไม้ไผ่นี้ อย่างพินิจพินัยเพราะมันเป็นเหมือนบ้านหลังหนึ่ง

    โดยที่ทำจากไม้ไผ่อย่างดี เเต่กับเริ่มผุผังเเล้ว ตามมุมห้องนั้นมียักใยของเเมลงมุมเต็มไปหมด ไม่ไกลก็มีโต๊ะน้ำชาวางไว้อยู่บนโต๊ะพร้อมผู่กันเเละกระดาษ

    "นี้มันที่ไหนกันเเน่ เเล้วทำไม่มันไม่เป็นโรงพยาบาลล่ะ เเล้วทำไม่กลายมาเป็นบ้านเเบบนี้ได้กัน!”

    เเม้จะตื่นตระหนกเพราะนี้ไม่ใช่โรงพยาบาลเเต่กับบ้านเก่าๆ เเต่ก็ยังพอสงบสติเอาไว้ได้อย่างดี

    เพราะเขานั้นเเต่เดิมมีชื่อเล่นว่า 'เปิ้ล' เป็นนักเรียนเเพทย์คณะเเพทย์เเผนจีนโบราณ ที่รักษาด้วยสมุนไพร ไม่ใช่ตัวยาสมัยใหม่ เพราะความสนใจ

    จึงได้รับทุนเรียนมาเรียนที่ประเทศจีนสมใจตนเอง ที่เป็นเด็กตัวคนเดียวเเละยากจนต้องทำงานต่างๆ ทั้งปักผ้าเเละปลูกผักขายจนเรียนจบเเละได้

    ทุนมาเรียนสิ่งที่ตนเองใฝ่ฝันนี้ จนเรียนจบจนได้ใบรับรองการจบ มหาวิทยาลัยชั้นนำมาได้ด้วยเกียรติชั้นนำ เเต่เพราะหิวจึงได้ลงมาซื้อกับข้าวหน้าบ้าน จนโดนรถสิบล้อเบรกเเตกชนเอา

    เเต่พอได้สติอีกครั้งก็ตอนที่โดนชนเเล้ว จนลอยไปกระเเทกเข้ากับที่กั้นถนน จนสติดับไปจนได้มาอยู่ที่นี้ไงล่ะ

    “เป็นไงละหิวจนซวยเรียนจบเเต่ ยังไม่ได้ใช้เลย มันจะบ้าบอคอเเตกไปเเล้ว! อัก!”

    พูดไม่ทันจบก็ต้องกุมขมับทั้งสองข้างอย่างเเรง เพราะเจ็บปวดหัวอย่างเเรง ตามมาด้วยภาพเหตุการเเละเสียงด่าทอมากมายที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน

    'เจ้าเศษสวะ ออกไปอย่ามาให้ข้าเห็นอีก!'

    'ข้าไม่เคยมีลูกชายเช่นเจ้า!'

    'ฮ่าๆสมใจข้าจริง ลูกของนางหน้าด้านนั้นเป็นเศษสวะ ฮ่าๆ'

    เสียงกังวาลดังไปทั่วบริเวณ ทั้งเสียงที่เต็มไปด้วยความสะใจเเละสมเพชอย่างปิดไม่อยู่ก็ ดังทะลุโซนประสาทของเปิ้ลทันที

    เจ้าของร่างนี้ ที่ตนเองมาอาศัยอยู่นั้นมีนามว่า มู่หรงเฟย เป็นเกอพ่วงด้วยต่ำเเหน่งบุตรชายคนโตของประมุขตระกูลมู่เเห่ง เเคว้นหยางซึ่งโลกนี้มีทั้งหมด4เเคว้นได้เเก่ หยาง ฉิง เว่ย กง

    หลังจากที่เจ้าร่างนั้นได้กำเนิดขึ้นมา ผู้เป็นบิดานั้นรังเกียจ มู่หรงเฟยอย่างมากยิ่ง เพราะ มาร ดาเเละบิดานั้น ต้องเเต่งเพื่อเพิ่มอำนาจของสองตระกลูใหญ่

    ทั้งมารดาเเละบิดานั้นหาได้รักกันไม่ เเต่ต้องเเต่งเพื่ออำนาจเท่านั้น ส่วนมู่หรงเฟยนั้นได้เกิดขึ้นมา เพราะมารดาทั้งบิดานั้นโดนวาง ยาปลุกกำหนัด จึงทำให้มู่หรงเฟยเกิดมาจากความผิดพลาดที่ไม่ได้เกิดจากทั้งสองฝ่าย

    บิดานั่นรังเกียจเจ้าของร่างนี้เป็นอย่างมากเพราะบิดาไม่อยากให้เกิดมาเสียด้วยซ้ำไป ไม่นานหลังจากที่เเต่งกับมารดา บิดาก็รับฮูหยินรองที่เป็นคนรักของบิดาตนเองเข้ามา

    ก่อนจะเเต่งเข้ามาอย่างยิ่งใหญ่ เเต่ทางมารดานั้น หาเสียใจไม่ มารดานั้นทำเพียงเฝ้าเลี้ยงดูมู่หรงเฟยจนเติบใหญ่เพียงเท่านั้นเอง จวบตนเวลานั้นล่วงเลยจนมู่หรงเฟย

    อายุครบ 5 หนาวซึ่งมันเป็นวันปลุกลมปราณของเด็กๆโดยการกินยาโลหิต เพื่อที่จะเปิดจุดลมปราณ เเต่เจ้าตัวนั้นไม่สามารถปลุกลมปราณเเละพลังธาตุขึ้นมาได้

    หรือจะเรียกง่ายๆก็คือเศษสวะนั้นเอง บิดาที่รังเกียจเป็นทุนเดิมอยู่เเล้วยิ่งรังเกียจเข้าไปใหญ่เพราะโดนกล่าวหาว่ามีลูกเป็นสวะ นับเเต่วันนั้นจึงได้ขับไล่ตนเองเเละมารดาไปอาศัยอยู่ท้ายจวนตระกลูมู่ โดยไร้บ่าวไพร่ในจวน

    นับวันเวลาที่อาศัยอยู่กับมารดาก็นานมาก เเม้จะไม่ได้เคยเบี้ยหวัดสักอีเเปะ มารดาตนเองก็ไม่เคยเรียกร้องมันจนถึงทุกวันนี้ ทำเพียงปลูกผักไว้กินเองหากจะกินเนื้อมารดาจึงได้ นำเอาทรัพย์ สินเดิมของตนเองเพื่อนำไปซื้อมาให้ตนเองกิน

    พอเริ่มเข้าถึงวัย 10 มารดาบอกตนก็ได้ใช้ถ่ายละเอียดทาไปทั่วทั้งใบหน้าเเละตามตัวของตนเอง เเละบอกให้ใส่ผ้าคลุมหน้าสีดำทมิฬ

    เพื่อที่จะปกปิดใบหน้าของตนเองเอาไว้ตลอดเวลา เมื่อออกจากเรือนไปด้านนอกบริเวณเรือนหลังจวน

    ไม่นานหลังจากนั้นมารดาก็ตายลงอย่างไม่มีสาเหตุ เเต่มีหรือบิดาที่รังเกียจพวกตนเองจะหาได้สนใจเรื่องนี้ไม่ มู่หรงเฟยเจ้าตัวที่ยังเด็กอ่อนต่อโลก นั่นไม่มีเงินติดตัวเเม้เเต่สักอีเเปะตนเองจึงได้ไปนั่งคุกเข่าที่หน้าเรือนใหญ่

    ที่บิดาอาศัยอยู่นานกว่า 2 ชั่วยามเพื่อขอเบี้ยหวัดเพื่อทำพิธีศพให้เเก่มารดา อันเป็นที่รักเเละที่พึ่งหนึ่งเดียว

    เเต่สิ่งที่ได้กลับมาคือฮูหยินรองที่ได้กลายมาเป็นฮูหยินใหญ่ทันที เมื่อรู้ข่าวว่ามารดาของตนได้ตายลง ก็ได้สั่งให้บ่าวชายจับตนเองกดลงพื้น หน้าเรือนใหญ่

    โดยฮูหยินเอกนั้นก็ได้ใช้ไม้หวายเฆี่ยนตีตนเอง โดยที่มีบิดาที่ยื่นกอดน้องสาวทั้งสองที่เกิดจากฮูหยินเอก ทำเพียงยื่นมองตนเองโดยเฆี่ยตีอย่างไม่สนใจ ว่าตนเองจะเจ็บปวดเพียงใด

    ตนโดนตีอยู่นาน จึงต้องจำใจเเบกสังขารที่มีบาดเเผลจากการโดนเฆี่ยนตี เพื่อรีบกลับไปยังเรือนเพื่อดูร่างของมารดา

    เเต่พอกลับมายังร่างของมารดาที่นอนอยู่บนเตียงนั้น กับเห็นว่ามันเรือนเเสง ก่อนจะกลายเป็นเศษฝุ่นลอยกระจายออกไปทางหน้าต่าง

    ....

    หลังจากวันที่ตนเองที่เห็นว่าร่างท่านเเม่นั้นสลายหายไปเเล้ว ก็ต้องอยู่อย่างหวาดกลัว จากการที่โดนเฆี่ยนตีครั้งนั้นเพราะไม่มีท่านเเม่คอยปลอบตนเองเเล้ว ทำให้เวลาเห็นฮูหยินเอกทั้งบิดาของตนรวมไปถึงน้องรวมสายเลือดของตนเอง

    จะเกิดอาการหวาดระเเวงขึ้น ไม่นานจากนั้นตนเองก็ไม่ต่างจากทาสคนหนึ่ง ตนเองต้องทำงานหนักมากมายเพื่อเเลกข้าวต้มจืดๆหนึ่งถ้วยเเละผักเหี้ยวๆ รวมไปถึงผลไม้ที่เน่าเเล้วเพื่อประทังชีวิตไปวันๆจนร่างกายผอมเเห้ง เเต่ก็ยังโดนรังเเกจากบรรดาน้องทีเกิดจากฮูหยินรองมีชื่อว่า

    มู่หลิงอี๋เเละมู่ฉิงอี๋อายุเพียง9หนาวเพราะตนเองไม่มีลมปราณ จึงทำให้โดนกลั่นเเกล้งมาก มายทั้งโดนจับโบยหรือจับกดน้ำ ตนเองล้วนโดนน้องรวมบิดาทำทั้งหมดกับตนเองราวกับไม่ใช้คนทำเหมือนสัตว์ทีอยู่ในกำมือ จะบีบให้ตายก็ตายได้จะปล่อยให้รอดๆก็รอด

    จนอายุได้15หนาววัยปักปิ่นของตนที่ควรจะจัดงานเเต่กลับมีเพียงความเงียบเหงาภายในเรือนหลังจวนมู่ ตลอดเวลาที่ตนต้องทนอยู่ภายในตระกลูมู่มันราวกับหายใจไปวันๆ

    จนถึงวันที่เหมือนมีสายฟ้าฟาดลงกลางตัวของตนเอง เพราะตนเองต้องโดนจับหมั่นหมายระหว่างสองตระกูลเพื่อเพิ่มอำนาจ ให้ตระกลูมู่ตนเองคู่ต้องหมั่นกับคุณชายโจวอี้หยางจากตระกูลโจวที่เป็นนคุณชายใหญ่

    ตนเองนั้นไม่เคยพบหรือเห็นหน้าของคุณชายโจวอี้หยางเลย ไม่นานนับจากนั้นก็ได้ยินข่าวลือจากบ่าวไพร่ในจวนพูดถึงความหล่อเหลาดังเทพเซียน ของคุณชายโจวอี้หยางที่หลงรักน้องสาวรวมสายเลือดของตนเอง

    เเต่มู่หรงเฟยก็ไม่ได้คิดอะไรเกิ้นเลย นั้นไปเลยเพราะตนก็ไม่ได้รักคุณชายโจวเลยเหมือนกัน

    จำได้เพียงตนเองก็ไม่ต่างจาก หมากตัวหนึ่งในกระดานหมายที่ใช้เพื่อเพิ่มอำนาจให้เเก่ตระกูลเท่านั้น ทำได้เพียงอาศัยอยู่ภายในจวนไปวันๆเหมือนดังรอความตาย

    จนอายุอยางเข้า20หนาวตนเองที่ทำเพียงนั่งพับดอกบัวดังที่ท่านเเม่ชอบพาตนมาทำอยู่ยังศาลากลางน้ำภายในจวน

    อย่างสงบเงี่ยมอยู่ภายในศาสาเเต่ตนเองก็ไม่วายโดน มู่ฉิงอี๋น้องรวมสายเลือด ของตนกล่าวหาว่าตนเองไปผลักนางตกน้ำ จนเจ็บป่วยได้ไข้ไปหลายวัน

    จึงทำให้คู่หมั้นที่ไม่เคยพานพบหน้ามาก่อน ได้ผลักตนตกน้ำ จนทำให้ตนเกลือบตายในเวลานั้น เพียงเพราะคำพูดคำเดียวที่ออกมาจากปากน้องสาวตนเอง คุณชายโจวอี้หยางจึงได้ทำการประกาศ

    ถอดหมั้นกับตนในเวลานั้นก่อนจะพามู่ฉิงอี้ที่ยิ้มอย่างมีความสุขภายใต้อ้อมกอดของคุณชายโจวอี้หยาง ก่อนจะพากันเดินจากไปปล่อยให้ตนเองต้องตะเกียดตะกายขึ้นจากสระน้ำโดยไม่มีใครช่วยในเวลานั้น

    หลังจากที่บิดาทราบข่าวเรื่องนี้ จึงเดือดดาลเพราะตนเองไปทำลูกสาวหัวเเก้วหัวเเหวน ของตนเองเข้า จึงได้สั่งให้งดอาหารเป็นเวลาหลายวัน

    พร้อมทั้งนำตัวเองไปโบยต่อหน้าบ่าวคนอื่นหน้าเรือนใหญ่ ถึง30ไม้ทำให้เจ้าตัวนั้นถึงกับสลบกลางลานหน้าเรือน เเต่ก็ต้องตื่นขึ้นเเละโดนน้ำสาดไปทั่วร่างกาย

    จึงได้เเบกร่างกายที่ปริเเตกจากการโดนโบยกลับเรือนไป ก่อนจะตายลงหลังจากนั้นไม่กี่วันเพราะไม่ได้รับการรักษาใดๆเลย ไม่มีเเม้เเต่หมอจะมาดูดำดูดี

    ทำให้เปิ้ลนั้นต้องมาอยู่ยังร่างนี้เเทนนั้นเอง เพียงเเค่ได้รู้เรื่องราวเลวร้ายเเบบ นี้ก็เอาทำสะเทือนใจไม่น้อยสำหรับตนเอง

    "พวกสารเลวไม่ต่างจากเดรัจฉานมันต้องได้รับสิ่งที่พวกมันทำไว้!"

    ยังดีที่ร่างนี้ถึงจะไร้ค่าเเต่ก็ยังพออ่านออกเขียนได้ โดยมารดาได้สอนเเอาไว้จึงได้รู้ว่าโลกนี้เรียกว่าอู่เซี่ยน เป็นโลกที่มีลมปราณเหมือนในนิยายโลกก่อนมีทั้ง มุนษย์ สัตว์อสูร มาร

    ซึ่งมีการฝึกตนเเบ่งเป็นสองเเบบ มีทั้งทางด้านเซียนที่สามารถเหาะบนฟ้าพลิกได้เเม้กระทั้งท้องฟ้าเพื่อมีชีวิตอันเป็นอมตะ ผู้ฝึกสายเซียนที่จะดูดซับเอา

    พลังของสวรร์เเละปฐพีเข้ามายังทะเลลมปราณของตนเองเพื่อเลื่อนระดับลมปราณของตนเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์

    ผู้คนนั้นจะสามารถฝึกลมปราณหรือกำลังภายในได้ตอนอายุ5หนาวต้องปลุกพลังลมปราณจากเม็ดยาโลหิต

    เเต่เจ้าของร่างนี้ไม่สามารถปลุกได้ลมปราณทำให้เหมือนเศษสวะไร้ค่าคนหนึ่งภายในตระกูลทั้งข่าวลือถึงความอัปลักษณ์ที่ต้องปิดใบหน้าตลอดเวลา ที่ถูกปล่อยออกไปด้วยน้ำมือของเเม่นางบัวขาวทั้งสามหน่อ

    "มู่หรงเฟยในเมื่อนายตายไปเเล้ว ฉันจะขอเเก้เเค้นพวกสัตว์เดรัจฉานเเทนนายเอง!”

    “ใครที่มันเคยรังเเกนายเเละเคยทำร้ายนายฉันจะเอาคืนพวกมันทั้งหมดเอง!ต่อไปนี้! ข้าคือ มู่หรงเฟย!”

    จากพูดจบก็ยิ้มอย่างอาฆาตภายในความมืดมิด เพราะหากตนเองมายังร่างนี้ก็คงจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันกับร่างนี้เเน่ๆ เเละจะได้ล้างเเค้นเเทน ร่างนี้โดยเฉพาะเจ้าตระกูลสารเลวนี้อีก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น