กำราบรักเด็กร้าย
เด็กดื้อ เด็กร้าย ที่ต้องกำราบให้เชื่อง
ผู้เข้าชมรวม
9,563
ผู้เข้าชมเดือนนี้
28
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
โครม!
“แม่งเอ๊ย!
มาได้ไงวะ”
ร่างเล็กสบถออกมาด้วยความโมโห
ขณะที่ล้มลงไปกองอยู่บนพื้นพร้อมกับจักรยานคันกลางเก่ากลางใหม่ ผมม้าสั้นเต่อหันขวับ
มองรถคันหรูด้วยความไม่พอใจ ที่จู่ๆ ก็ชนเข้ากับจักรยานของเธอทั้งที่ปั่นมาในเลนที่ถูกต้องแท้ๆ
ก่อนจะลุกขึ้นมาตั้งหลักแล้วยกมือขึ้นท้าวเอวด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“ตายแล้ว!
เราชนคน” ขวัญข้าวยกมือขึ้นปิดปาก เอ่ยด้วยความตกใจ ขณะที่อานนท์
ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถก็ตกใจไม่แพ้กัน เขารีบเปิดประตูก้าวลงจากรถ
พร้อมกับภีมที่กำลังจะก้าวตามลงไป
แต่ก่อนจะลงไปเขาก็หันมากำชับกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เสียก่อน
“ข้าวอยู่บนรถ
ไม่ต้องลงไป” เขาออกคำสั่งพร้อมกับมองหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง เขาไม่อยากให้เธอต้องมาเดือดร้อนใจด้วย
“เดี๋ยวพี่เคลียร์เอง” เอ่ยให้ความมั่นใจก่อนก้าวลงจากรถ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“ขอโทษทีครับ
พอดีผมมองไม่เห็นจักรยานของน้อง”
“แล้วไง”
คนอยู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลายเอ่ย ก่อนก้มลงมองบาดแผลที่ข้อศอกของตัวเอง
แล้วเงยหน้าสบตากับคนขับรถของภีม “ฉันก็เจ็บตัวไปแล้ว เห็นไหมว่าเลือดออกด้วย”
เด็กสาวชูข้อศอกที่มีรอยแผลถลอกเป็นวง มีเลือดซึมออกมาไม่หยุดให้เขาดูด้วยท่าทางเอาเรื่อง
อานนท์มองแผลแล้วเบิกตาขึ้นเล็กน้อย เพราะมันเป็นแผลที่มีความกว้างอยู่พอสมควร
แต่ดูเหมือนคนถูกชนในเวลานี้จะโมโหมากกว่าเจ็บ
จะไม่ให้โมโหได้ยังไง
ในเมื่อเธอปั่นของเธอมาดีๆ พอถึงทางเลี้ยวโค้ง ก็มีรถเฮงซวยคันนี้มาชนจากทางด้านหลังจนรถจักรยานคู่ใจของเธอล้มลง
ดีที่ร่างไม่กระเด็นไปตกอยู่กลางถนน ไม่งั้นคงถูกสิบล้อเหยียบตายกลายเป็นผีเฝ้าถนนไปแล้ว
เธอไม่ใช่พระอิฐพระปูนแม่พระแม่ชีที่ไหนที่ถือศีลร้อยข้อแล้วใจเย็นได้กับทุกเรื่อง
เธอไม่ได้รับบทนางเอกหรือบทนางฟ้าตกสวรรค์ที่ถูกส่งมาทำความดีเพื่อกลับสู่โลกเดิมหรอกนะ
“ขอโทษแทนคนขับรถของฉันด้วย
เรื่องนี้ ฉันขอรับผิดชอบเอง” ภีมก้าวเข้ามาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
เมื่อเห็นว่าเด็กสาวมีท่าทีก้าวร้าวผู้ใหญ่ ทั้งที่อานนท์ก็ขอโทษเธอไปแล้ว
สงสัยคงอยากได้เงินมากกว่าคำขอโทษ เธอถึงจะพอใจ
เมื่อเห็นร่างสูงสง่าในชุดสูทเรียบหรูก้าวเข้ามาอีกคน
ม่านฟ้าจึงหันไปแล้วกวาดตามองอย่างนึกปรามาสภายในใจ จากนั้นจึงกอดอกแล้วเบ้ปาก ทำให้ภีมต้องขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันด้วยความหงุดหงิด
เด็กนี่
ทำตัวกวนโมโหได้ดีเกินไปแล้วมั้ง
“ว่าไง
เท่าไหร่ถึงจะจบเรื่องได้ ฉันรีบ
ไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับเด็กข้างถนนอย่างเธอหรอกนะ”
คำว่าเด็กข้างถนนทำให้ม่านฟ้าหน้าร้อนขึ้นมาทันที
เด็กสาวจ้องเขาตาขุ่น “รวยแล้วอย่าคิดว่าจะดูถูกคนอื่นได้นะ จะขับรถอะไร
มีบ้านหลังใหญ่โตแค่ไหน มันก็ตายได้เหมือนกันหมดนั่นแหละวะ” เธอเอ่ยเสียงฉุน เบื่อเหลือเกิน
พวกที่ชอบดูถูกคนที่ต่ำต้อยกว่า
คำพูดของเด็กสาวทำให้ภีมพยายามข่มอารมณ์
เขาถอนหายใจ จากนั้นจึงส่ายหน้า ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เกิดมาจากครอบครัวแบบไหน
ถึงได้พูดจาก้าวร้าวไม่มีสัมมาคาราวะกับผู้ใหญ่ได้แบบนี้ ไร้การอบรมจนดูเหลือขอ เพื่อจบเรื่องให้เร็วที่สุด
ชายหนุ่มจึงล้วงกระเป๋าเงินออกมาแล้วหยิบธนบัตรแบงก์พันห้าใบส่งให้
“ห้าพัน
เอาไปทำแผลที่โรงพยาบาลซะ”
“หึ” ม่านฟ้าส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างนึกดูถูก
“ไม่คิดว่าคนรวยอย่างนาย จะใช้เศษเงินในการแก้ปัญหา เงินห้าพัน ฉันแค่ก้าวขาเข้าไปในโรงพยาบาลวัดความดันก็หมดละ
ยังไม่ทันทำอะไรด้วยซ้ำ นายก็รู้ ว่าสมัยนี้ ค่ารักษาแพงโอเวอร์จะตาย
โดยเฉพาะพวกโรงพยาบาลเอกชน ที่ไม่รู้ว่าตั้งใจสร้างเป็นโรงพยาบาลหรือโรงแรมกันแน่”
เสียงเล็กเอ่ย
“ดูเหมือนเธอจะเป็นเด็กมีปมนะ
ฉันบอกหรือไงว่าให้เข้าเอกชน แถวนี้โรงพยาบาลรัฐบาลถูกๆ ก็มีตั้งหลายที่”
“โห...”
เด็กสาวลากเสียงยาว “รถคันตั้งหลายล้านชนทั้งที จะให้เข้ารักษาโรงพยาบาลรัฐ
มันไม่งกไปหน่อยหรือไง ถ้านายไม่อยากให้เรื่องมันยาว ก็จ่ายมาให้พอกับค่าเสียหาย
รวมถึงค่าเสียเวลาด้วย” เอ่ยพร้อมกับแบมือยื่นออกมาตรงหน้าอีกฝ่ายอย่างถือดี
หัวหมอ
เป็นคำเดียวที่ชายหนุ่มนึกขึ้นได้
ไม่คิดว่าเขาต้องมาเจอกับตัวปัญหาใหญ่ในเวลาที่รีบร้อนเช่นนี้
เห็นทีความใจดีคงใช้ไม่ได้กับเด็กคนนี้ และความรับผิดชอบก็เช่นกัน
ภีมไม่ตอบโต้
เพราะรู้ว่าเถียงไปก็เปล่าประโยชน์ เด็กคนนี้สมควรได้รับบทเรียนในสิ่งที่ตนเองแสดงออกกับคนอื่นบ้าง
คิดได้ดังนั้น เจ้าของร่างสูงสง่าจึงหันไปออกคำสั่งกับคนขับรถ
“อานนท์ ขึ้นรถ”
อานนท์ยังไม่เข้าใจ
เขาทำหน้าเลิ่กลั่ก แปลกใจกับคำสั่งของผู้เป็นนาย
แต่เมื่อเห็นภีมจ้องอย่างเน้นย้ำให้ทำตาม ร่างสูงจึงตัดสินใจก้าวไปรอที่รถตามคำสั่ง
ม่านฟ้ามองตามอย่างประเมินท่าทีของอีกฝ่ายเช่นกัน จากนั้นภีมจึงหันมาจับจ้องคนในชุดนักเรียน
“ว่าไง
จะเอาไม่เอา” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงอย่างรอคำตอบ
“ไม่” คนถูกยื่นข้อเสนอเอ่ยอย่างเล่นตัว
ยกมือขึ้นกอดอกพร้อมกับเมินหน้าไปอีกทาง ราวกับว่าเขาจะงอนง้อ
“งั้นก็ตามใจ
ไม่เอาก็ไม่ต้องเอา” เอ่ยจบร่างสูงก็ก้าวไปยังรถยนต์คันหรูของตนเองโดยไม่สนใจต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่ายอีก
ม่านฟ้าเบิกตาขึ้น
เขาจะไปไหน นี่ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ
“นี่!
ชนแล้วคิดจะหนีเหรอฮะ ลงมาเดี๋ยวนี้นะ” เอ่ยพร้อมกับก้าวตาม
แต่อีกฝ่ายเข้าไปนั่งในรถเสียก่อน ทำให้เธอมองคนในรถด้วยความเจ็บแค้น ก่อนเคาะกระจกให้เขาเปิดรัวๆ
ปากก็ร้องตะโกนโวยวาย
“ลงมาเดี๋ยวนี้นะ
บอกว่าให้ลงมา ชนแล้วจะหนีแบบนี้ไม่ได้นะ พวกผู้ดีตีนแดง ทำแบบนี้กันหรือไง”
เมื่อเห็นว่าการเคาะกระจกไม่ได้ผล
คนในรถยังคงนั่งนิ่งไม่คิดสนใจ มีเพียงผู้หญิงหน้าสวยคนหนึ่งที่มีสีหน้าตื่นตระหนก
แต่ก็ไม่มีใครลงมาคุยกับเธอให้รู้เรื่อง ร่างเล็กจึงหยุด แล้วเปลี่ยนแผนใหม่ทันที
“ดี
ไม่ลงใช่ไหม งั้นก็อย่าหวังว่าจะได้ไปไหนเลย” เอ่ยจบก็ก้าวไปขวางหน้ารถเอาไว้ พร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างออกอย่างท้าทาย
“ถ้าไม่ลงมา ก็จะขวางเอาไว้แบบนี้แหละ”
“พี่ภีม
มันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะคะ” ขวัญข้าวเอ่ยอย่างรู้สึกใจคอไม่ดี
เกรงว่าจะเกิดเรื่องไปมากกว่านี้ “ข้าวว่าพี่ลงไปคุยกับเด็กนั่นเถอะ อะไรยอมได้ก็ยอมไป”
“เด็กเหลือขอไร้การอบรมแบบนั้น
ต้องได้รับการสั่งสอนซะบ้าง” ภีมตอบ พร้อมกับออกคำสั่งเสียงเฉียบ “อานนท์ ออกรถ”
อานนท์หันกลับมามองคนเป็นนายอย่างลังเล
ทำให้ภีมต้องเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ฉันบอกให้ออกรถ ไม่ได้ยินหรือไง”
“แต่ว่าครับ
เด็กนั่นขวางอยู่นะครับคุณภีม” อานนท์เอ่ยอย่างไม่กล้า
อีกใจก็กลัวนายเพราะขัดคำสั่ง อีกใจก็ไม่อยากทำอะไรที่มันเป็นอันตราย
ภีมมองคนขับรถของตนเองด้วยความไม่ได้ดั่งใจ
แต่ก็เข้าใจ คงไม่มีใครอยากทำร้ายคนอื่นให้เป็นคดีความขึ้นมา แต่เขาไม่เชื่อว่าหากรถออกตัวแล้วเด็กนั่นจะไม่หลบ
“งั้นเปลี่ยนมานั่งด้านหลัง
เดี๋ยวฉันขับเอง” เขาเอ่ยเสียงเข้มติดดุ ก่อนเปิดประตูก้าวลงไป
มองเด็กที่ยืนขวางหน้ารถของเขาด้วยสายตามาดหมาย
ขณะที่ม่านฟ้าคิดว่าเขาเปลี่ยนใจจะลงมาเจรจาด้วย จึงเผยรอยยิ้มอย่างกำลังเป็นต่อ
แต่ผิดคาด เมื่อร่างสูงสง่าก้าวไปนั่งในตำแหน่งคนขับ
ส่วนคนขับก็เปลี่ยนไปนั่งด้านหลัง เด็กสาวเริ่มใจคอไม่ดี
เมื่อดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเอาจริง และอาจตัดสินใจขับรถชนเธอได้ด้วยซ้ำ ทำให้ร่างเล็กในชุดนักเรียนมัธยมเริ่มขยับด้วยความไม่มั่นใจ
แต่ทิฐิทำให้ยังคงยืนอยู่ไม่ยอมไปไหน ขณะที่ขวัญข้าวรู้สึกกลัวว่าคนที่กำลังตั้งท่าจะเหยียบคันเร่งพุ่งออกไปข้างหน้า
จะทำมันจริงๆ
“พี่ภีมใจเย็นค่ะ
อย่าให้เป็นเรื่องเป็นราวเลยนะคะ” ขวัญข้าวเอ่ยด้วยสีหน้าไม่ดีนัก
แต่ดูเหมือนว่าคนที่เธอเตือนจะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ใครก็รู้ว่าหากคนอย่างภีมภัทร
โกสิยพานิชย์ โกรธใครก็ห้ามไม่อยู่ เด็กนั่นซวยแล้วที่ท้าทายผิดคน
ภีมไม่ตอบ
เขาเลื่อนกระจกลง แล้วชะโงกหน้าออกไป เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงเน้นหนักไม่มีแววล้อเล่น
“หลบไป”
“ไม่” เด็กสาวยังคงทำปากกล้าขาสั่น
ยืนขวางอยู่แบบนั้นไม่ยอมขยับ
“ฉันบอกให้หลบไง”
เสียงเข้มเอ่ยอีกครั้ง
“ไม่!”
คราวนี้เสียงตะโกนตอบกลับอย่างชัดเจน
ทำให้เส้นอารมณ์ของชายหนุ่มขาดผึง ขณะที่ร่างเล็กมองเขาด้วยสีหน้ามุ่งมั่นอย่างไม่คิดถอย
แต่ใครจะรู้ว่าเวลานี้ขาของเธอสั่นเป็นเจ้าเข้า จนแทบจะฉี่ราดอยู่แล้ว ทว่าศักดิ์ศรีมันค้ำคออยู่
จะหลบไปง่ายๆ ได้ยังไง แบบนั้นอีกฝ่ายก็หัวเราะเยาะเอาน่ะสิ
“ได้
อย่าหาว่าฉันใจร้ายแล้วกัน” เอ่ยอย่างมาดหมาย ตาเรียวคมหรี่แคบจ้องเขม็งไปยังคนยืนไม่ขยับราวกับจงใจท้าทาย
เขาเลื่อนกระจกรถขึ้น
คาดเข็มขัดนิริภัยโดยไม่ลืมเหลือบมองคนด้านหลังด้วย ว่าได้คาดเข็มขัดหรือยัง
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าห่วง เขาก็ถอยรถไปทางด้านหลัง สายตาเลื่อนกลับมาเล็งที่เป้าหมายอีกครั้ง
จากนั้นจึงพุ่งรถออกไปด้วยความเร็ว ขวัญข้าวทำท่าจะผวาเข้าไปห้ามแต่ไม่ทัน
เธอจึงทำได้เพียงแค่หลับตาปี๋ เพราะไม่อยากเห็นภาพสยดสยองตรงหน้า
ก่อนจะเกิดเสียงดังโครมใหญ่ ราวกับรถได้ชนอะไรเข้าอย่างจัง ขณะที่รถได้หยุดลง
ภายในห้องโดยสารก็เต็มไปด้วยความเงียบ
“พี่ภีม!”
ขวัญข้าวเอ่ยขึ้น ดวงตากลมคู่สวยเบิกกว้าง มองไปยังเบื้องหน้าด้วยความตกใจ
ขณะที่ภีมนิ่งอึ้งกับภาพที่เห็นตรงหน้า
เขาพลาดแล้ว
เด็กนั่น!
ไม่คิดหลบจริงๆ
ด้วย
“บ้าเอ๊ย”
ภีมทุบพวงมาลัยรถอย่างหัวเสีย ทำไมโง่แบบนี้นะ
ร่างสูงก้าวลงจากรถทันที
ก่อนตรงไปยังเด็กสาวที่ยังยืนนิ่งด้วยสายตาตกตะลึงแล้วคว้าต้นแขนของอีกฝ่ายเอาไว้
เด็กประหลาด สติไม่สมประกอบ ยอมยืนให้รถชนโดยไม่คิดหลบเลยแม้แต่น้อย
“อยากตายหรือไง”
เขาเอ่ยด้วยความโมโห โมโหที่อีกฝ่ายไร้สติไตร่ตรอง ยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพียงแค่คำว่าเอาชนะ
มันน่านัก เขาน่าจะชนให้ตายสมกับความดื้อดึงที่ไม่มีใครเกินแบบนี้
“เป็นอะไรบ้างหรือเปล่า”
ขวัญข้าวก้าวลงมาพร้อมกับคนขับรถ ก่อนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่ไหวติงก็รู้สึกใจคอไม่ดี
ก่อนทั้งสามคนจะเห็นของเหลวสีใสไหลลงมาตามต้นขาของเด็กสาวผู้ไม่กลัวใคร
ขณะที่ริมฝีปากเล็กจะขยับช้าๆ
ด้วยใบหน้าซีดเผือด “ฉะ ฉัน ฉันฉี่ราด”
สวัสดีค่ะ พบกับนิยายเรื่องใหม่ของไรท์อีกแล้วนะคะ ฝากติดตามกันด้วยน้าา ไรท์คนนี้พูดไม่เก่งก็เลยไม่รู้จะชวนคุยอะไร ยังไงก็ขอบคุณมากๆ นะคะทุกการสนับสนุนของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเป็นยอดวิว คอมเมนต์และกำลังใจ นั่งพับเพียบก้มกราบงามๆ ค่ะ
e-book กำราบรักเด็กร้าย โปรโมชั่นราคาพิเศษ 119 บาท แปดวันเท่านั้น
|
ผลงานอื่นๆ ของ อมยิ้มรสขม ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ อมยิ้มรสขม
ความคิดเห็น