[ERURI&ERERI]/erwin+erenXlevi
รวมฟิตที่เราแต่ง บางครั้งก็คิดเอเรริได้ก็ลง บางครั้งคิดเอรูริได้ก็ลง แต่ถ้าบางครั้ง3Pได้ก็ดีนะ555555555555
ผู้เข้าชมรวม
3,256
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
eruri ereri fic ficeruri ficereri erenxlevi erwinxlevi erenxrevi erwinxrevi eren+erwinxlevi eren+erwinxrevi
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ณ คฤหาสน์ที่บังคับการเก่าของทีมสำรวจ
เมื่อ3อาทิตย์ที่แล้วผมได้รู้จักผู้ชายคนหนึ่ง
ผู้มีเรือนผมสีดำสวยดูน่าสัมผัส ริมฝีปากที่เล็กแต่อวบอิ่มน่าลิ้มลอง
สันจมูกที่โด่งเข้ากับโฉมหน้า ดวงตาที่คมกริบชั่งเซ็กซี่.......ตั้งแต่นั้นมาทำให้มันรู้สึกชอบเขาเอามากๆ
และเมื่อได้รู้จักได้พูดคุยกันจริงๆเขาเป็นคนที่น่ารักมากสำหรับผม
บางครั้งที่มักทำตัวเย็นชาแต่กลับอ่อนโยนแบบเกินขาด เอาใจใส่คนอื่น
ดูเป็นคนหัวรั้นแต่กลับเชื่อฟังคำสั่งจากเบื่องบนอย่างว่างายถึงกระนั้นมันทำให้ผมรักเขามาก รักมาก..........
อยากจะสนิทกันให้มากกว่านี้แต่สิ่งที่ผมทำได้มีเพียงเฝ้ามองคนๆผู้นั้นจากที่ไกลๆ
.................ได้แค่มอง..............
กิจกรรมที่ทำเป็นประจำกลายเป็นการเฝ้ามองหัวหน้ารีไวล์อยู่แบบนั้น ใบหน้าที่เรียบเฉยนั้นดูไม่เป็นมิตรเอาสะเลยแต่ผมกลับคิดว่ามันชั่งมีเสน่ห์เหลือเกิน
อยากจะบอกความในใจแต่ก็ไม่กล้าสักที...........
“เห้ย มองอะไรนักหนาวะ!?”
ตาที่มองจนเยิ้มเปลี่ยนมาทำหน้าซีดตกใจ
หลังตรงกับพนักพิงอัตโนมัติ ‘อ่ะ! ชิบหายแล้ว
เผลอมองหน้าเขานานเกินไปหน่อย’เขาพึมพำกับตัวเองในสมอง “อ่ะ......คือ........อือออ.......”คำถามที่ยิงมาแบบไม่ทันตั้งตัวทำให้เอเลนหาคำแก้ตัวไม่ออก
จะให้บอกไปว่าแอบมองเพราะชอบคับก็คงไม่ได้ ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่แบบนั้น เหงื่อก็หยดย้อยลงมาด้วยความกลัว
“จะพูดอะไรก็รีบพูดสิว่ะ” รีไวล์พูดด้วยเสียงเรียบเฉยกำลังรำคาญกับท่าทีของคนตรงหน้าที่พูดจาชักช้า
พร้อมกับทำหน้าบึ่งตึง
คิ้วที่ทีแรกคลายออกดูผ่อนคลายตอนนี้กลับเข้าหากันแทบจะสามารถพันเป็นโบว์ได้
“ช....ช่วงนี้! หัวหน้ารีไวล์ดูสวยขึ้นนะคับ”เอเลนเผลอพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดไปจนต้องรีบเอามือปิดปากโดยเร็ว
พร้อมหลับตาปี๋เตรียมโดนลูกเตะของรีไวล์ที่คราวนี้น่าจะโดนเตะฟันหักมากกว่า 1
ซีกแล้วล่ะ.........
“พูดเพ้อเจ่ออยู่ได้ เด็กแบบแกไม่มีไรทำรึไงถึงมากวนประสานคนอื่นน่ะ”
รีไวล์พูดเสร็จก็ดันเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งอยู่ออกและเตรียมเดินออกไป
“หัวหน้า.....”เขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดขัดการกระทำของรีไวล์
ไม่กล้าแม้แต่จะมองตรงๆ จะเถียงหรืออะไรทั้งนั้น เพียงแต่ให้คนๆนี้เดินจากไป ’หัวหน้าคงเกลียดชั้น
ถึงจะบอกหรือไม่บอกความในใจไปก็คงมีค่าเท่ากัน.........’
“เอลวิน”รีไวล์พูดชื่อของผู้บังคับการทีมสำรวจขึ้นเมื่อเห็นบุคคลดังกล่าวกำลังเดินมาทางนี้
เจ้าตัวเมื่อเรียกเสร็จก็บึ่งไปหาผบ.โดยเร็ว เอเลนที่ได้ยินผบ.มาก็เดินตามรีไวล์ออกไป
“เป็นยังไงบ้างไปคุยงานที่เมืองหลวงเครียดรึป่าว”
รีไวล์ถามแบบนั้นเมื่อเขาไปใกล้เอลวินพอสมควร
ผบ.เอลวินมักจะมาที่นี้อาทิตย์ล่ะ2-3ครั้งเท่านั้น บางครั้งก็ไม่มาเลย ก็คงมาเพื่อดูความเรียบร้อยไปตามหน้าที่
มาทีไรเขาเองก็มักจะหงุดหงิดทุกครั้ง
“ก็ปกติ” เอลวินตอบแบบห่วนๆ ใบหน้าเรียบเฉยเหมือนเป็นเรื่องปกติที่คนตัวเล็กจะถามเหมือนไม่ใส่ใจ
หัวหน้าน่ะจะเอาใจใส่ผบ.อยู่เสมอ
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาสนิทสนมกันขนาดนั้นเลยหรอ
แล้วหัวหน้าเคยทำอะไรแบบนี้กับใครรึป่าว ก่อนหน้านั้นพวกเขาเป็นยังไงกัน
และหัวหน้ารู้สึกยังไง คำถามพวกนั้นยังเป็นสิ่งที่วนอยู่ในหัวชั้น บางครั้งก็อยากจะมองข้ามแต่ก็ทำไม่ได้.........”จะสนิทกันเกินไปแล้วนะ...........”เอเลนพูดเบาๆ
แต่ก็ไม่พ้นหูของเอลวิน สมิทไปได้
“อรุณสวัสเอเลน อยู่หน่วยรีไวล์มา 3 อาทิตย์แล้วรู้สึกยังไงบ้าง”
เอลวินหันมาถามพร้อมกับแต้มลอยยิ้มเป็นกันเองที่ดูหลอกลวง
“หัวหน้ารีไวล์ดูแลผมดีมากเลยคับ คนอื่นๆก็นิสัยดีมากเลยคับ”เอเลนเกาหัวแหงกๆเมื่อได้มีโอกาสทำแต้มชมรีไวล์
แต่รีไวล์ก็ไม่คิดจะสนใจอะไร
“เอเลนนายไปหาพวกแพตต้าสะ พวกเขาจะสอนนายเรื่องการต่อสู้
เดี๋ยวชั้นจะคุยธุระกับเอลวินสักหน่อย” รีไวล์พูดเสร็จก็ดึงแขนเสื้อเอลวินให้เดินตาม
ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของเอเลนที่จ้องเขม่งมาที่เอลวิน
คิ้มหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แสดงถึงความไม่พอใจ
“ผบ. ....เอลวิน”เอเลนพูดเบาๆเมื่อทั้งคู่เดินไปไกล
ความรู้สึกหึงก่อตัวขึ้นแบบไม่ทันรู้ตัว มือหนากำแน่นด้วยความอิจฉา
ถึงกระนั้นก็ทำอะไรไม่ได้’ถ้าเกิดชั้นมีความกล้ามากกว่านี้ล่ะก็..........ก็อยากจะกอดคนตัวเล็กคนนั้นไว้แน่นๆจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องเด็ดขาด
โดยเฉพาะ..............ผบ.’
รีไวล์ยังคงจับแขนเสื้อของเอลวิน เอลวินเองก็ไม่ได้ถือสาอะไรเดินตามร่างเล็กไปเงียบๆจนถึงห้อง
รีไวล์ก็ทำการปล่อยแขนเสื้อลงและทิ้งตัวไปนั่งบนโซฟา พร้อมกับนั่งไขว้ห้างตามภาษาความเคยชิน
เอลวินเห็นคนตัวเล็กทำแบบนี้จนชินแล้วก็เลยไม่ได้ตำนิถึงเรื่องมารยาทในห้องคนอื่น
อย่างว่านะสอนยังไงก็ไม่ฟังหรอกไอเรื่องมารยาทเนี้ย
“รีไวล์.....” เอลวินเรียกชื่อของเจ้าของชื่อขณะที่ตัวเองกำลังเก็บข้าวของไปพลางๆ
“อะไร” อีกฝ่ายหันไปมองคนถาม
“มีอะไรจะคุยกับชั้นหรอ?”
เมื่อเก็บของเสร็จก็พูดต่อและเอามือค้ำที่โต๊ะทำงานส่วนตัวของตน พร้อมหันไปมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา
“ป่าว ก็แค่อยากมานั่งในนี้” ก่อนจะพูดรีไวล์ก็หันหน้าหนี
และตอบคำถามของร่างสูงที่ดูเป็นคำตอบที่เห็นแก่ตัวน่าดู เอลวินเองก็หลุดขำออกมาในที่ท่าของคนตัวเล็ก’เป็นคนเอาแต่ใจสะจริงๆ’
“จะว่าไปนะ...........เอเลนเนี้ยดูชอบนายน่าดู”เอลวินเหล่มองคนตรงหน้าเหมือนกำลังแซวยังไงยังงั้น
“บ้าน่ะ ไอเด็กนั้นน่ะนะ? ถึงแม้มันจะชอบจริงๆ ชั้นก็ไม่สนใจหรอก”
รีไวล์กอดอกและหันหน้าหนีอีกรอบ บางทีก็คิดว่ามันน่ารักดีเหมือนเด็กน้อย
“ถ้าเอเลนได้ยินคงเสียใจแย่เลย” ร่างสูงยิ้มรอยยิ้มอ่อนโยน
เอียงคอพูดเหมือนน้องหมา
“หึ......”รีไวล์เองยิ้มตอบ เป็นรอยยิ้มที่ละมุนละไม
มันชั่งดูไร้เดียงสาเหลือเกิน
เชื่อว่าไม่เคยมีใครเห็นใบหน้านั้นยกเว้นเอลวินแน่นอน......
หลังจากฝึกการต่อสู้ตามที่หัวหน้าบอกเอเลนก็เดินหอบมายังห้องครัวเพื่อมาทำอาหารกลางวัน
ถึงจะขี้เกียจมากก็เถอะแต่มันไม่คุ้มเลยถ้าต้องมาโดนทำโทษโดยการถอนหญ้าเองทั้งแปลง
หัวหน้ารีไวล์เองก็เป็นคนเข้มงวดมากๆมีหวังได้ทำเป็นอาทิตย์แน่ๆ
“เอ๊ะ!” เอเลนอุทานเมื่อเห็นคนตัวเล็กตรงหน้ากำลังหันผักเพื่อทำอาหารกลางวัน”เอ่อ......คือวันนี้เวรหัวหน้าเหมือนกันหรอคับ?”
“ป่าว ชั้นขอแลกกับออลโอ้น่ะ เห็นว่าเอลวินมาชั้นเลยอยากทำ”รีไวล์ตอบชวนให้คิดในแง่ที่เกินกว่าเพื่อนร่วมงานและกลับมาหันผักต่อ
เอเลนแอบหน้าบูดนิดๆก่อนจะเห็นว่ารีไวล์ใส่ผ้ากันเปื้อนที่ปกติก็เคยทำอาหารด้วยกันบ้างแต่ไม่หยักจะเคยเห็นใส่
คิดแล้วถ้าหัวหน้าใส่ผ้ากันเปื้อนอย่างเดียวคงจะเซ็กซี่จนเขาอดใจไม่ไหวเหมือนกัน
เอเลนคิดแบบนั้นพร้อมกับทำหน้าหื่นเลเวล99มองไปบนหัวของตัวเองเหมือนกำลังมโนภาพหัวหน้า..........
“จะทำหน้าเอ๋ออีกนานไหม มาช่วยชั้นทำอาหารสิ”
รีไวล์ชักมีดขึ้น ทำหน้าเหมือนจะหาเรื่อง เอเลนเลยต้องรีบไปล้างมือและเดินกลับมาหารีไวล์อีกครั้ง
“หัวหน้าจะทำอะไรหรอคับ?”เอเลนยืนอยู่ข้างหลังรีไวล์พร้อมเอียงหัวถามเหมือนลูกถามแม่
“ซุปข้าวโพด”
“เอ๋ หัวหน้าชอบกินหรอคับ”
จุดประสงค์หลักของเขาคือการถามสิ่งที่คนตัวเล็กชอบแบบที่ไม่ให้อีกฝ่ายรู้
เผื่อว่าจะได้มีวิธีจีบรีไวล์ง่ายขึ้นและรีไวล์ไม่โวยกลับ
“ป่าว” รีไวล์ตอบสั้นๆโดยไม่ได้หันไปมองเอเลนเลย
“อ่าว แล้วจะทำทำไมอ่ะคับ”เอเลนทำหน้าเหวอในทันทีเมื่อได้คำตอบที่ไม่ตรงกับสิ่งที่ตนต้องการ
“ถามมากจริง ทำไมชั้นจะต้องทำแต่อาหารที่ชั้นชอบด้วยล่ะ”
รีไวล์เริ่มรู้สึกรำคาญที่ต้องมาเล่นตอบคำถามกับเด็กเหลือขอ
คิ้วที่ขมวดกันก่อนหน้านี้ยิ่งขมวดยิ่งกว่าเดิม”เอลวินชอบซุปข้าวโพดแค่นั้นแหละ!”รีไวล์ขึ้นเสียงยิ่งกว่าเดิมเล็กน้อยเมื่อต้องตอบคำถามที่เลี่ยงที่จะตอบไม่ได้
‘อีกแล้ว................พูดถึงคนๆนั้นอีกแล้ว....................ทำไมทุกสิ่งที่หัวหน้าทำจะต้องมีผบ.เอลวินมาเกี่ยวด้วยตลอด’
เขาทำหน้าโกธรขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อเอลวิน สมิทอีกครั้งเป็นรอบที่2
ก่อนจะทำหน้าเศร้าและพูดออกไป”งั้นหรอคับ......”
ห้องทำอาหารกลับมาสงบอีกครั้งความจริงควรเรียกว่าอึดอัดมากกว่า
ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรกัน มีเพียงคำถามว่าเอเลนควรทำอะไรต่อ.............เมื่ออาหารเสร็จเอเลนก็ยกหม้อใบใหญ่ที่มีซุปข้าวพูดอยู่ครึ่งหม้อมายังโต๊ะกินข้าวที่มีทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตา
ยกเว้นเอลวิน รีไวล์ที่เดินตามหลังเอเลนมาติดๆไม่เห็นคนที่ตัวเองอุดสาทำอาหารไว้ให้ก็ถามด้วยความคล่องใจ
“เอลวินไปไหน”
“ไม่ทราบเหมือนกันคะ แต่ยังไม่เห็นเดินมาทางนี้เลยนะคะ
อาจจะกลับไปแล้วไม่ก็อยู่ที่ห้อง”แพตต้าตอบคำถามของรีไวล์มึงพูดถึงสถานที่ที่เอลวินควรจะอยู่ก็มองไปทางนั้น
“อา เดี๋ยวชั้นไปเรียก ถึงเวลากินแล้วไม่มาอยากจะหิวตายรึไง”
เขาบ่นร่างสูงที่ไม่ตรงต่อเวลาให้ลูกน้องได้ยินและเดินออกไป
“ผมขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะคับ” เอเลนที่อยากเดินไปดูหัวหน้าของตัวก็อ้างกับหน่วยรีไวล์ที่จะไปห้องน้ำและเดินตามหัวหน้าไปแบบห่างๆ
เอเลนเห็นคนตัวเล็กเดินไปที่ห้องของผบ.เอลวินแต่คงจะหาตัวไม่เจอก็เลยเดินออกมาและยืนทบทวนอยู่สักครู่ก่อนจะเดินไปข้างล่าง
ปรากฏว่าผบ.เอลวินกำลังเดินจูงม้าอยู่ใกล้ๆประตูทางออก
คงจะกลับไปจริงๆตามความคาดการของคุณแพตต้า
เอเลนอยู่ไกลจากจุดนั้นเลยไม่รู้บทสนทนาของทั้งคู่ดีแม้จะดูจากปากเอาก็ยากที่จะเดาได้
รีไวล์รีบเดินไปหาเอลวินและพูดอะไรสักอย่าง
ผบ.เอลวินก็พูดเช่นกันพูดเสร็จก็หันหลังเดินกลับไปอีกครั้ง ทีนี้หัวหน้ารีไวล์ก็เลยจับที่มือของผบ.เอลวินอย่างหลวมๆและพูดอะไรบางอย่าง
เมื่อเขาพูดกันเสร็จหัวหน้ารีไวล์ก็ปล่อยมือลงและให้ผบ.เอลวินเดินออกไป
หัวหน้ายืนอยู่ตรงนั้นพักหนึ่งด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย
เจ้าตัวคงคิดว่าไม่มีใครเห็นเลยแสดงออกทางสีหน้าได้ชัดเจนขนาดนั้น เราเองก็ไม่เคยเห็นหัวหน้าในมุมนี้มาก่อน
มันทำให้หัวใจชั้นเต้นแรงและรู้สึกเศร้าตามอย่างช่วยไม่ได้’ถ้าเป็นเราล่ะก็............จะไม่มีทางให้หัวหน้าทำหน้าเศร้าแบบนั้นเด็ดขาด’
ชั้นคิดแบบนั้นก็รู้สึกโกธรในใจ ‘ผบ.เอลวินทำร้ายจิตใจคนๆนี้อีกแล้ว’
หัวหน้ากำลังเดินกลับขึ้นมา เอเลนจึงรีบวิ่งกลับไปที่ห้องอาหารเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เอเลนไปสะนานเลยนะ ฮ่าๆๆๆ” เอริทขำออกมา คงจะหมายถึงไปอึสินะ แหะๆ
“งั้นหรอคับ”เอเลนเกาหัวหงิกๆเมื่อรู้สึกทำตัวไม่ถูก
เรื่องส่วนตัวแบบนี้ถึงจะไม่ได้ไปทำจริงแต่รู้สึกเขินอยู่เหมือนกัน เอเลนรีบเดินมาตักอาหารและนั่งกินอาหารคำใหญ่ให้เหมือนว่าเขานั่งกินนานแล้ว
“แอ๊กๆ”ในที่สุดก็สำลักออกมาตามภาษาคนซุ่มซ้าม
“ค่อยๆกินก็ได้จ้ะ ไม่ต้องรีบหรอก”แพตต้าว่าแบบนั้น
เพราะคงจะไม่ดีแน่ถ้ารีไวล์มาเห็นอาหารตกพื้นเพราะสำลักออกมา
ในที่สุดรีไวล์ก็เดินมาถึงห้องอาหาร เขาในตอนนี้เป็นใบหน้าเรียบเฉยเดาว่าคงไม่อยากให้ใครเห็นหน้าอีกแบบของเขาถึงเอเลนจะแอบเห็นไปแล้วก็ตาม
“ว่าไงบ้างคะหัวหน้า”แพตต้าถามอีกครั้ง
“เจ้าหมอนั้นกลับไปแล้ว
เห็นว่ามีงานจะต้องเคลียให้เสร็จเลยไม่มีเวลามากินกับพวกเรา แต่ชั่งเถอะ”
พูดเสร็จรีไวล์ก็เดินมาตักซุปและกลับไปนั่งที่ๆตัวเองนั่งประจำพร้อมกับกินด้วยความเรียบร้อย
แม้จะเป็นคนจากใต้ดินที่ไม่มีมารยาท
บร่อมเพราะเรื่องมารยาทถึงแบบนั้นกลับรู้คุณค่าของอาหารที่ไม่ควรกินมุมมามจนหกเรี่ยราดเปลืองของ
กว่ารีไวล์จะกินเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกลับห้องไปทำกิจส่วนตัว
เหลือเพียงเอเลนและรีไวล์สองคน
เอเลรสังเกตว่ารีไวล์เป็นคนที่กินช้าพอสมควรคงเพราะกินคำใหญ่ไม่ค่อยได้และลิ้นทนต่อความร้อนไม่ได้
ก้เคยนั่งเป่าจนกว่ามันจะอุ่นและค่อยกิน
ทำให้เอเลนที่มักจะกินเร็วต้องมาลีลาตามเพราะตัวเองมีเรื่องที่อยากจะคุยแต่อยากรอให้อีกฝ่ายกินเสร็จก่อนจะได้ไม่รบกวนการกิน เมื่อรีไวล์กินเสร็จ
เขาเห็นท่าว่าร่างเล็กกำลังจะลุกเลยรีบถามให้มันรู้แล้วรู้รอด”หัวหน้าคับ!!!.............หัวหน้ามีคนที่ชอบแล้วใช่ไหมคับ?”
อยากจะถามไปเลยว่าหัวหน้าชอบผบ.อยู่รึป่าวแต่เขาคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะเจาะจงถึงใครเพราะเขาก็พึ่งรู้จักหัวหน้าแค่3อาทิย์
และพึ่งมาสนใจเรื่องพวกนี้มาแค่อาทิตย์เดียว
ถ้าไม่ใช่ขึ้นมาอาจโดนรังเกียจได้เพราะงั้นขอไม่เสี่ยงดีกว่า
“ถามทำไม?” คนตัวเล็กตอบหน้านิ่ง ใบหน้าไม่ได้แสดงความรู้สึกตกใจ งง
เขินหรืออะไรเลย แต่กลับมองเอเลนตาไม่กระพริบ
“ผ......ผมก็แค่อยากทราบน่ะคับ”
“มันไม่เกี่ยวกับงานเพราะงั้นนายไม่จำเป็นต้องรู้”
เขาตอบแบบนั้นและเดินออกไปเลยไม่รอให้ชั้นพูดอะไรต่อ
บอกตรงๆว่ารู้สึกเจ็บ................มือชั้นกำที่หน้าอกแน่น
เป็นคำถามที่ชั้นอยากรู้แท้ๆแต่กลับเสียใจพอได้คำตอบ ชั้นอยากให้เขาตอบปฏิเสท
ไม่อยากให้เขาไปชอบใคร ไม่อยากให้เขาไปเป็นของใคร
ไม่อยากให้ใครหน้าไหนมาชอบเขายกเว้นชั้น
แต่ก็ทำไม่ได้เลยสักอย่าง..........
หลายวันต่อมา
ปกติแล้ววันที่ผบ.เอลวินไม่มาจะเป็นวันที่ชั้นมีความสุขที่สุดแต่ตอนนี้ทุกวันก็ไม่เคยมีความสุขอีกเลย
หัวหน้ารีไวล์เริ่มห่างเหิน เริ่มตีตัวออกห่าง
จากที่คุยกันบ้างตอนนี้ก็ไม่ค่อยคุยกัน
บางทีอาจจะไม่มีไรคุยก็ได้ชั้นเองก็นึกไม่ออก กิจวัตรของชั้นเริ่มจะไม่ใช่การเฝ้าดูหัวหน้ารีไวล์เพราะเขาก็แทบไม่มาให้ชั้นเห็นหน้า
เขาอาจจะคิดว่าชั้นรู้ความลับของเขาก็ได้ก็เลยพยายามทำแบบนั้น ชั้นคิดแบบนั้นไปพลางๆระหว่างเดินไปชั้นล่างเพื่อลงไปรวมตัวแถลงการณ์สิ่งที่จะทำในวันนี้
แต่นั้นมัน.........................หัวหน้ารีไวล์กับ”ผบ.เอลวิน!”
ชั้นพูดชื่อผบ.เอลวินด้วยความเผลอตัว
รู้สึกโกธรอีกแล้วทุกครั้งที่ต้องเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันถึงชั้นจะได้เป็นแค่คนที่แอบรักหัวหน้าไม่มีสิทธิไปหวงเขาแต่มันช่วยไม่ได้
ตอนนี้หัวหน้ารีไวล์กำลังหันหลังให้ชั้นอยู่โดยมีผบ.เอลวินหันหน้ามาทางชั้น
เขาสังเกตเห็นชั้น ก่อนจะยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูถูกและ...........................................จูบหน้าผากหัวหน้ารีไวล์(ของชั้น)!!! เขาคงรู้ว่าชั้นจะโกธร
เขาคงรู้ว่าชั้นรักหัวหน้า เขาคงรู้มาตลอดและพยายามกวนประสาท
อย่าว่าแต่ผู้บังคับการทหารทีมสำรวจเลยถ้ามากวนTEENชั้นก็ไม่ไว้หน้าแน่
หลังจากเห็นแล้วคิดแบบนั้นร่างกายก็สั่งให้ไปต่อยไอผบ.บ้านั้นสักหมัดก็ดีถึงจะรู้ว่าต้องเละกลับมาแน่ๆ
ทันใดนั้นขณะที่เอเลนจะก้าวลงบันได ก็ฉุดคิดได้ว่า ’นี้ถ้าชั้นไปต่อยคนที่หัวหน้ารักชั้นจะไม่โดนเกลียดหรอ
ถ้าชั้นโดนหัวหน้าเกลียดจริงๆชั้นจะทนได้ไหมที่จะไม่ได้คุยกับหัวหน้าเลยแลกกับความสะใจของชั้นเพียงหยิบมือ’
เอเลนค่อยๆเดินห่างจากบันไดเรื่อยๆ..........เรื่อยๆ เขาเลี่ยงที่จะไม่เดินลงบันไดนั้นสู้เดินอ้อมแล้วไม่ต้องเห็นภาพบาดตายังจะดีกว่าถึงบันไดมันจะใกลจากห้องที่พวกเราเอาไว้รวมตัวกันก็เถอะ
ในขณะเดียวกันในมุมมองของรีไวล์
“คุยงานเป็นไงบ้าง พวกเบี่ยงบนน่ะ.........ถึงเอเลน”
“เขายังอยากให้แน่ใจว่าเอเลนจะช่วยกองทัพได้ไหม คงไม่มีใครอยากไปสู้รบกับไททันที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้หรอกนะ
นายคงทำได้ มั้งฮ่าๆ” เอลวินพูดหยอกล้อรีไวล์เล่นทุกครั้งเมื่อมีโอกาส
บางครั้งสิ่งที่ทำให้เอลวินมีความสุขได้คงไม่ใช่รอยยิ้มของรีไวล์แต่เป้นอารมณ์ตอนโมโหมากกว่า
“เออ ชั้นก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นสักหน่อยทำไมไม่ให้ยัยแว่นนั้นมาช่วยอีกแรงล่ะ
ยัยนั้นรู้เรื่องไททันดีนักนิ”
รีไวล์พูดประชดเมื่ออีกฝ่ายทีท่าจะกวนประสาทตัวเขา
“หมายถึงฮันจิสินะ เรื่องนั้นยังไม่ต้องหลอก
เรายังไม่ได้อยากให้เขากลายเป็นไททันได้สมบูรณ์แบบ
พวกเราแค่ต้องการให้เอเลนรู้จักควบคุมตัวเองให้เป็นตัวของตัวเองให้ได้และสามารถเรียกใช้ไททันได้เมื่อยามจำเป็นเท่านั้น”
“เออดี ชั้นก็ไม่ได้อยากให้หล่อนมาหรอก มาทีไรมีแต่เรื่องให้หนวกหู”
รีไวล์ทำหน้ารังเกียจฮันจินิดๆในความบ้าบิ่นนั้น แถมพูดมากแต่เรื่องไททัน
ทำให้เขาไม่ค่อยชอบใจฮันจิเท่าที่ควรถึงแม้จะเป็นเพื่อนสนิทกัน
“อา นั้นเอเลนกับคนอื่นๆเป็นไงบ้าง”
“คนอื่นๆก็ดี ดูแลกันไม่มีปัญหา
เอเลนก็เอาไว้ช่วยถอนหญ้าก็ลดแรงชั้นไปเยอะ” รีไวล์ยิ้มออกมาอีกครั้ง
เขายิ้มได้อย่างเปิดเผยเมื่อได้อยู่กับเอลวิน
บางประโยคจะพูดในส่วนทั่วไปแต่มักจะมี2-3ประดยคที่มันจะพิเศษกว่าคนอื่นไปหน่อยเมื่อพูดกับเอลวิน
“แล้วแกล่ะ ช่วงนี้งานยุ่งเยอะนิให้ช่วยไหม”
รีไวล์พูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนมากขึ้น
“ก็หนักนะแต่ไม่เป็นไรดีกว่าส่วนของนายก็เยอะเหมือนกันนิ”
เอลวินเลือกที่จะปัดความช่วยเหลือ
“อือ แต่ก็ไม่ใช่ว่าช่วยไม่ได้นะ ก็แค่.........”รีไวล์สังเกตเอลวินเมื่อตัวเองจะพูดในส่วนสำคัญแต่เอลวินเหมือนมองอะไรบ้างอย่างด้านหลังเขา
เขากะจะหันไปดูแต่ก็โดนใบหน้าของอีกฝ่ายที่เขามาใกล้ขึ้น..............ใกล้ขึ้น.......................ใกล้ขึ้น.............................จุ๊บ!
“ไอบ้า!”(เป็นช่วงที่เอเลนไม่เห็น)ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็กุมหน้าผากไว้แน่นไม่ได้เช็ดแต่อย่างใด
“ทำแบบนี้ทำไม แกก็รู้ว่าชั้นรู้สึกยังไงกับแก”ตอนนี้เขารู้สึกหน้าแดงมากกกกกกกก
พร้อมกับปากเม้มเข้าหากันเพราะความเขินอาย หัวใจเต้นแรงผิดจังหวะ
เลือดที่ไหลเวียนเขาออกหัวใจ แต่ตาก็ยังจ้องร่างสูงอยู่
“อะไร เมื่อกี้ชั้นก็แค่แกล้งเอเลนเล่นน่ะ เห็นเขาชอบนายนิ ใช่ไหม?”เอลวินพูดเหมือนเป็นเรื่องสนุก
ขำๆ แต่ความรู้สึกที่ดีของรีไวล์ตอนนี้มันมลายหายไปหมดแล้ว
“นายสนุกกับความรู้สึกของคนอื่นมากรึไง คิดว่ามันไม่สำคัญหรอ
นายก็รู้ว่าชั้นจะรู้สึกยังไงเคยสนใจกันบ้างไหม ทีหลังอย่ามาเล่นกับความรู้สึกคนอื่นอีก!!!”
ทีแรกที่จะทนุทนอมรอยจูบนี้ไว้กลายเป็นถูมันจนแดง
พร้อมกับน้ำตาที่จะหยดให้ได้ให้อีกฝ่ายเห็น จนต้องรีบเดินหนีออกมา
เอลวินไม่ได้ขอโทษหรือทำน่าเสียใจแต่อย่างใดเพียงแต่ทำหน้านิ่งๆเหมือนไม่รู้สึกผิดอะไร
ในมุมของเอเลน
เพราะตอนนี้หัวหน้ายังไม่ขึ้นมาพูดทำให้เรายังคงรวมตัวกันอยู่ในห้องมาสักพักแล้ว
คงกำลังมีความสุขอยู่ล่ะมั้ง มีความสุขแบบที่ไม่ต้องมีผม...........
หัวหน้าจะทำหน้ายังไงเวลามีคนมาหอมแกม จะทำหน้าแบบไหนเวลาเขิน จะหลบตารึป่าวนี้
จะยิ้มไหม อยากเป็นคนที่กอดหัวหน้าแล้วไม่โดนเตะบ้างจัง
ถ้าเราเป็นผบ.เอลวินล่ะก็................ไม่!
ชั้นไม่อยากเป็นคนที่ชั้นเกลียดหรอก เอเลนเถียงกับตัวเองในหัวเหมือนคนบ้า
ในที่สุดหัวหน้าก็เดิมมาถึงห้องจนได้พร้อมกับกระดาษที่จะแจกเพื่อทำความเข้าใจแผน
หน้าผากเขาเป็นสีแดงจางๆ บางจะดูไม่ค่อยออกแต่เพราะชั้นได้เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทำให้เพ่งที่หน้าผากเขาเป็นพิเศษ’จะมีอะไรนอกจากจูบหน้าผากไหมนะ?.....’
“ขอโทษที่มาช้าพอดีชั้นกำลังทบทวนแผนการในวันนี้อยู่ งั้นมาเข้าเรื่องเลยดีกว่า
วันนี้เราจะมี........................................(บลาๆๆๆ)”
เมื่อภิปรายเสร็จพวกเราก็ทำความเคารพหัวหน้าและทยอยเดินออกไปกันหมดเหลือแต่ชั้นกับหัวหน้าที่กำลังเก็บเอกสารต่างๆอย่างยุ่งเหยิง
“ให้ผมช่วยนะคับ”
ร่างสูงเดินไปหาหัวหน้าของตนและอาสาจะช่วยเก็บเอกสาร
“อา” รีไวล์เงยหน้ามามองเอเลนอยู่พักหนึ่งก่อนจะตกลงให้คนที่สูงกว่าช่วย
และเอเลนก็ถือโอกาสนี้ถามในสิ่งที่ตัวเองมั่นใจดีแล้ว“หัวหน้าน่ะ.........”รีไวล์หยุดการกระทำเมื่อสังเกตุได้ว่าเอเลนน่าจะพูดในสิ่งที่เขาไม่อยากให้เอ๋ยที่สุด
เหตุการณ์เมื่อครู่เจ้าเด็กเหลือขอคงจะเห็นแล้วไม่จำเป็นต้องปกปิด”หัวหน้าชอบผบ.เอลวินใช่ไหมคับ?....”เอเลนกล่าวออกมาน้ำเสียงเรียบนิ่งเย็นชาสะจนรีไวล์แอบหวั่น
“นายรู้แล้วสินะ ก่อนหน้านี้มันดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรอ”
เขาทำหน้าอึ้งเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะทำหน้าเป็นปกติเหมือนเช่นเคย”แต่เอลวินน่ะไม่ได้ชอบชั้น.........หมอนั้นชอบผู้หญิง”หน้าเสียงที่ดูเศร้าอย่างเห็นได้ชั้นแต่ใบหน้ายังคงนิ่งไม่มีปฏิกิริยาอย่างใด
เพียงเพราะมันอาจจะแป็นเรื่องที่เขายอมรับได้มานานแล้วจนชินชาไปแม้จะยังคงอัดอั้นในใจก็ตาม
“ทำไม.........”เอเลนหลับตาลง ปากที่จะพูดในสิ่งที่คิดกลับสั่น
มือที่กำลังถือเอกสารของหัวหน้ากลายเป็นกำแน่นจนยับ”ทำไมคุณถึงยังรักคนที่ไม่ได้รักคุณด้วย”น้ำตาที่กั้นเอาไว้จะไหลให้ได้
แต่เขาก็พยายามกั้นไม่ให้คนตัวเล็กเห็น
“เอลวินบอกว่านายชอบชั้น ใช่ไหม?......”
เอเลนได้ยินแบบนั้นก็ถึงกลับสะดุงขึ้นมา ตาที่พยายามปิดและน้ำตาที่พยายามกั้น
บัดนี้มันไหลออกมาอย่างเปิดเผย
รีไวล์มองหน้าเอเลนไม่ได้คาดหวังว่าคนตรงหน้าจะตอบเพราะปากที่สั่นนั้นคงไม่อยากให้ได้ยินเสียงที่สั่นเช่นกัน”ถ้าเป็นนายล่ะ
ถ้าเกิดชั้นไม่ชอบนายขึ้นมา นายจะตัดใจจากชั้นได้จริงๆหรอ”
คำพูดที่แทงใจดำสะจนแทบจะล้มกองอยู่ตรงนั้น เอเลนคิดคำพูดไม่ออก เขาพูดไม่ออกจริงๆมันเจ็บไปหมด
มันคงจะดีกว่านี้ถ้าคำถามนี่ไม่ออกมาจากปากของคนที่เขารัก
ถ้าเป็นเขาเองก็คงตัดใจยากเหมือนกันคงจะตื้อจนกว่าอีกฝ่ายจะตอบรับ
ถึงแม้จะโดนปฏิเสทก็จะเฝ้าติดตามเขาจนกว่าเขาจะยอมรับเรา
เราคงจะไม่ทำขนาดนี้ถ้าไม่ใช่หัวหน้ารีไวล์ เราต้องการแค่หัวหน้ารีไวล์”เข้าใจแล้วใช่ไหม”
หัวหน้าพูดเสร็จก็ทิ้งเราไว้เพียงลำพัง
เขาไม่คิดจะหยิบกระดาษที่อยู่ในมือชั้นด้วยซ้ำ ทำไมเราถึงอ่อนแอได้ถึงขนาดนี้ไม่ว่าเรื่องอะไรเราก็มักจะเข้มแข็งแต่เรื่องความรักเรากลับอ่อนปวกเปียก................ชั้นยืนสะอื้นอยู่ตรงนั้นอยู่นานจนรู้สึกถึงแสงแดดที่ส่องออกมาจากหน้าต่าง
น่าจะสายแล้ว แต่ยังไม่มีใครตามหาเรา หัวหน้าน่าจะบอกว่าเราทำอะไรสักอย่างพวกคุณแพตต้าเลยไม่มาตาม
ชั้นตัดสินใจเดินออกไปจากห้อง
และเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าก่อนจะไปที่ลานกว้างเพื่อฝึกส่วนในวันนี้
“อ้าวเอเลน มาแล้วหรอไปสะนานเลย”
คุณแพตต้าดูจะเป็นคนที่ห่วงใยคนอื่นเป็นพิเศษไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่ก็มักจะใส่ใจเสมอ
“คับ......” เอเลนตอบสั้นๆและเดินไปฝึกอย่างที่ควรจะเป็นตั้งนานแล้ว “หัวหน้าไม่มาฝึกด้วยอีกแล้วหรอคับ”
ร่างสูงสังเกตเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ได้มาฝึกมาสักพักแล้ว
บางทีเขาอาจจะคิดไปเองที่หัวหน้าไม่อยากเจอหน้าเขา
ผู้ใหญ่มีเรื่องที่ต้องทำมากกว่าที่เขาคิด
แต่เอเลนก็ไม่รู้อยู่ดีว่ารีไวล์ไม่มาฝึกด้วยทำไม
“ใช่ คงจะมีงานต้องทำล่ะนะ ม่ะ!เอเลน เรามาเรียนรู้วิธีใช้เครื่องเคลื่อนย้าย3มิติบนหลังมากันเถอะ” คุณแพตต้าจูงม้าออกจากคอกแล้วยื่นม้าที่ตัวเขาจูงมาให้กลับเอเลนก่อนจะกลับเข้าไปในคอกเพื่อไปหยิบม้าอีกตัว
“เอ่อ.....คุณแพตต้ารู้เรื่องหัวหน้าอะไรบ้างหรอคับ?”
แพตต้าหันมายิ้มทำหน้าสงสัยพร้อมกับเอียงหัวมองเอเลน
“ถึงชั้นจะเป็นแฟนพันธ์แท้หัวหน้า แต่ก็ไม่ได้รู้อะไรมากหรอกนะ
ก็เรื่ออย่างเช่น หัวหน้าเคยเป็นอันธพาลใต้ดินมาก่อน
หัวหน้ามีวิธีการฆ่าไททันที่ไม่เหมือนใคร ชอบยืนกอดอก
แล้วก็ต้องดื่มชาทุกครั้งที่เริ่มทำงานล่ะมั้ง ก็ประมาณนี้ล่ะจ้ะ ” แพตต้าทำมือแตะที่ค้างและมองออกไปในที่ไกลๆเพื่อแสดงความคิดและเมื่อพูดเสร็จก็หันมายิ้มอย่างอ่อนโยนให้เอเลน
“แล้วเรื่องหัวหน้าที่เกี่ยวกับผบ.เอลวินล่ะคับ”
เอเลนทำตามุ่งมั่นเมื่อต้องการคำตอบที่ตรงกับสิ่งที่ตนต้องการ แพตต้าตกใจเล็กน้อยที่เด็กน้อยเอ๋ยชื่อของผู้บัญชาการ
ที่ดูสนใจเป็นพิเศษ ก่อนจะเอ๋ยตอบ
“หมายถึงที่หัวหน้าชอบผู้บัญชาการหรอจ้ะ?”
‘ไม่จริงน่า มีคนรู้เรื่องนี้มากกว่าที่ชั้นคิดอีกหรอ’
เขาแอบตกใจที่หัวหน้าแสดงความเป็นห่วงต่อผบ.ได้เปิดเผยขนาดนี้
แต่ก็แน่ล่ะคุณแพตต้าหรือคนอื่นๆก็อยู่กับหัวหน้ามานานกว่าเราก็ต้องรู้เรื่องพวกนี้เป็นธรรมดาแม้หัวหน้าจะยังไม่รู้ว่าพวกเรารู้แล้วก็ตาม
หรือป่าว….? และตัดสินใจถามข้อข้องใจแบบภาษาเด็กอยากรู้อยากเห็น “คุณแพตต้าเคยถามเรื่องนี้กับหัวหน้าไหมคับ”
“แปลว่าเธอก็รู้สินะ
บางทีก็อยากถามนะแต่สัญชาตญาณมันบอกว่าไม่ควรถามน่าจะดีกว่าน่ะ” หญิงสาวยิ้มแห้งๆให้กับคำตอบของเธอ
ขื่นถามเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องกับหัวหน้ามีหวังได้ตายก่อนแก่แหงๆ ”หรือว่า..........เอเลนไปถามหัวหน้าเรื่องนี้หรอ” สมกับเป็นคุณแพตต้าที่ใส่ใจคำพูดคนอื่น
ถึงกับคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นจากคำพูดเพียงเล็กน้อย เอเลนถึงกลับเกาหัวเมื่อในที่สุดก็โดนจับได้
“ก็อะไรประมาณนั้นแหละคับ”
“เธอควรไม่ควรจะถามเขาอีกนะ ถ้าปล่อยได้ก็ปล่อยไปเถอะ
ถ้าไม่ไปย้ำเขาบ่อยๆไม่นานก็คงลืมไปเอง” เธอพูดและอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่มีอะไรสงสัยแล้วใช่ไหม
นั้นเรามาฝึกกันดีกว่าเดี๋ยวจะหมดเวลาฝึกเอานะ” แพตต้าเดินนำหน้าเอเลนไปม้าจะได้ม้าช้ากว่าเอเลน
เธอเดินนำหน้าเอเลนไปยังลานฝึกที่มีทุกคนอยู่ยกเว้นหัวหน้ารีไวล์
เอเลนก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมพลางพูดกับตัวเองอยู่ในหัว
‘ยังไงก็ต้องบอกไปให้ได้
จะถามให้เคลียร์โดยไม่มีเสียใจที่หลัง เราจะได้รู้สักทีว่าหัวหน้าคิดยังไงกับเรา’ เมื่อพูดเสร็จเอเลนก็รู้สึกเจ็บที่หัวใจอีกครั้ง’ถึงผลมันจะดูแย่มากว่าดีก็เถอะ’
เอเลนยืนดักรีไวล์อยู่ที่ห้องของคนดังกว่า
เพราะอย่างที่คาดไว้มื้อเย็นคนตัวเล็กจะตัดสินใจให้คุณออลโอ้นำอาหารไปให้แทนที่จะมากินอาหารพร้อมหน้ากัน
พยายามหลบหน้าหรือ? มันจะใช่หรอ? เขายังไม่รู้ติ่สิ่งแน่ๆคือวันนี้! คืนนี้! ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง
เมื่อสังเกตเห็นแสงเทียนและเงาปริศนากำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
รีไวล์ก้เริ่มจะต้องสติให้มากขึ้น
เมื่ออยู่ต่อหน้าคนตัวเล็กจะได้ไม่พูดอ้ำอึ่งจนโดนเตะสลบไปก่อน...............................ในที่สุดรีไวล์ก็เดินมาถึงทางแยกเพื่อเลี้ยวขวามาที่ห้องของตนก็ต้องมาเจอเด็กเหลือขอที่ทำหน้ามุ่งมั่นเต็มที่มองมาทางเขา
รีไวล์เดินมาหาเอเลนและหยุดเมื่อระยะห่างของทั้งคู่มากพอ
“หัวหน้าผมรักคุณ” เอเลนพูดเสียงดังฟังชัด
และท่าทีที่ดูเขินและหน้าแดงขึ้นมานิดๆ แต่ยังคงยืนตรงอย่างหนักแน่นเพื่อขอคำตอบ
รีไวล์ถึงกับหลับตาลงเพราะเอือมที่ต้องมาฟังคำพูดไร้สาระจากเด็กเมื่อวานซืน
พลางคิดอยู่ในใจ ทำงานหนักมาทั้งวันจะไม่ให้พักบ้างรึไง“นี้แกยังไม่เลิกพูดถึงเรื่องนี้สักทีหรอเนี้ย”
“ได้โปรดเลิกกับผบ.เอลวินแล้วมาแต่งงานกับผมด้วยคับ” คำพูดที่ดูกล้าหาญและห่างไกลความเป็นจริงไปหน่อย
ทำให้เส้นเลือดที่ขมับของรีไวล์ถึงกลับปูดเลยทีเดียว
“ชั้นยังไม่ได้คบกับมันสักหน่อยเลยเห้ย!!!!!”
แววตาอาฆาตแผ่ซ่านออกมาจากตัวรีไวล์จนบรรยากาสของลานเดินมีแววว่าจะมีคนตายอีกไม่นานนี้
เอเลนเองก็กลืนน้ำลายตัวเอกดักเอือกและปลอบใจตัวเอง
ถึงจะตายก็ดีกว่าตายแล้วยังไม่ได้พูดล่ะหว๋า
“ง.....งั้น......ช่วยไปถามผบ.ให้แน่ใจด้วยคับว่าคิดยังไงกับหัวหน้ากันแน่” ร่างสูงพูดงึกๆงักๆก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกับคำท้าย
เพื่อขอความกรุณาต่อรีไวล์
“ชั้นเคยบอกมันไปหลายครั้งแล้ว.......................” รีไวล์พูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้า
และมือที่ถือเทียนก็กำมันแน่นจนเปล่วไฟจับจังหวะได้ว่ากำลังสั่นอยู่ “หลายครั้งพอ จนชั้นเบื่อที่จะพูดแล้ว”
เป็นครั้งที่เท่าไหรแล้วที่เอลวินไม่เลิกทำร้ายคนตัวเล็กสักที
แต่น่าแปลกที่คนอดทนต่ำแบบรีไวล์จะยังเฝ้ารอแต่เอลวินผู้เดียว
เอเลนอดที่จะอิจฉาไม่ได้ที่ไม่สามารถครอบครองคนที่ตนรักได้
แต่กลับเป็นคนที่ไม่แม้จะเหลียวมองกลับได้ครอบครองหัวใจทั้งใบของคนที่เขารัก
“ได้โปรด...............ได้โปรดเอาไปพิจารณาด้วยคับ” เอเลนไม่แม้จะรอให้คนตัวเล็กตอบ
กลับวิ่งลงร่างเพื่อไปห้องใต้ดินที่ที่ตนอยู่ ถ้าเกิดรอคำตอบของรีไวล์ล่ะก็
ก็คงจะต้องโดนปฏิเสธอีกแน่ๆ
ถ้าอย่างนั้นเลือกที่จะไม่ขอคำตอบสะจะดีกว่า.............
รีไวลืไม่คิดจะทักท้วงหรือด่าทอคนที่วิ่งสุดชีวิตไปเมื่อครู่นี้
ความจริงเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่ตัวเขาเองก็อยากรู้มานานแล้วเหมือนกัน
มันคงถึงเวลาที่จะต้องทำให้รู้เรื่องสักทีสินะ
เช้าวันต่อมา.................
ชั่งพอดิบพอดี
เอลวินเองก็กลับมาดูความเรียบร้อยเพื่อไปรายงานผลต่อคนใหญ่คนโต
รีไวล์จึงถือโอกาสนี้เมื่อทั้งคู่อยู่เพียงลำพังที่ห้องของเอลวิน
ที่เอลวินกำลังจดบันทึกอะไรสักอย่างโดยที่ไม่ได้สนใจคนที่เขามาในห้องแม้แต่จะเหลียวมอง...............
เมื่อรีไวล์กำลังยืนอยู่ในห้องของคนรักของตน
เขายืนคิดก่อนว่าควรที่จะพูดรึป่าวก่อนจะตัดสินใจพูดให้มันหมดเรื่อง “เอลวินชั้นชอบแก!!!!!!”
เป็นแบบเดียวกับที่เอเลนมาสารภาพรักกับเขาเมื่อคืน
เมื่อได้มาอยู่ในจุดๆหนึ่งที่ต้องมาพูดรักใครสักคน
ถึงแม้จะเคยพูดไปหลายครั้งแต่มันก็ทำให้ใจสั่นไม่น้อยกว่าครั้งแรก
“รีไวล์ มีหญ้าพอสำหรับอาหารม้าไหม” เอลวินถามหน้าตาเฉย
เหมือนไม่มีอะไรจะพูดเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำเมื่อครู่
“เลิกเมินกันสักที ถ้าไม่รักกันก็บอกมาไม่ใช่เงียบเฉย!!!!”
รีไวล์ตะหวาดเสียงดังเมื่อไม่ได้คำตอบจากคนตรงหน้า
“........”
รีไวล์เดินเข้าไปใกล้คนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะและกระชาดคอเสื้อของร่างสูงให้เงยหน้ามามองหน้าเขาตรงๆ
พร้อมกับพูดเสียงดังเพื่อข่มคนที่โดนกระชากคอ “ตอบสักทีสิว่ะ!!”
ถึงแม้ร่างสูงจะไม่แสดงความรู้สึกถึงการข่มของร่างเล็กเลยก็ตาม
“ชั้นคิดว่านายรู้คำตอบแล้วสะอีก”
“ชั้นจะไปรู้ได้ไงก็แกไม่เคยพูดเลยสักคำ ห้ะ?!!!” รีไวล์ยังคงกระชากคอเสื้อเอลวินไว้แน่นแล้วเน้นกว่าเดิม
“งั้นนานคิดว่าการที่ชั้นนิ่งไม่ได้อะไรแปลว่าอะไร?”
รีไวล์คิดในใจว่านี้เขาถามยังจะมาถามย้อนอีกนะก่อนจะนิ่งไปสักพักแล้วพูดเสียงดังอีกครั้ง
“นิ่งก็ไม่ได้แปลว่าปฏิเสธสะหน่อย
แล้วก็ไม่ได้แปลว่าจะตอบรับชั้นด้วย
ชั้นก็เลยไม่รู้ว่าแกรู้สึกยังไงถึงมาถามอยู่นี้ไง”
“ชั้นนิ่งแปลว่าชั้นไม่รู้สึกอะไรกับนาย ก็แค่นั้นแหละ.........” ร่างสูงยังคงตีหน้านิ่ง ไม่สะทบสะท้านถึงแม้ร่างเล็กจะออกสีหน้าอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
รีไวล์ค่อยๆคายมือออกจากคอเสื้อของอีกฝ่ายแต่ก็ยังจับอยู่เบาๆ
“งั้นก็แปลว่า..........นายไม่ได้ชอบชั้นสินะ” เสียงของรีไวล์สั่นนิดๆเมื่อต้องพูดคำพูดที่มันติดอยู่ในคอ
มันชั่งพูดยากสะเหลือกเกินแต่เพราะเขาอยากให้แน่ใจอีกครั้งว่าเอลวินไม่ได้ชอบเขาจริงๆ
แม้เอลวินจะบอกคำตอบนั้นแล้วก็ตาม
“.........”
รีไวล์สะบัดคอเสื้อของเอลวินเมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบคำถามของตน
“อา ขอโทษที่รบกวนเวลาทำงานอันมีค่าของแก!!....”หลังพุดเสร็จก็เดินชิ่งออกไปจากห้องในทันที
แล้วไม่ลืมที่จะเปิดประตูและปิดเสียงดัง
เอลวินยังคงนิ่งเฉยเหมือนคนไร้หัวใจทั้งๆที่เพิ่มหักอกคนที่เปรียบเสมอมือขวาของตนไปอย่างไม่มีเยื่อใย
รีไวล์เดินมุ่งหน้าไปหาที่ๆจะมีเอเลน
อย่างเช่น ห้องอาหาร ระหว่างทางรีไวล์ก็น้ำตาไหลออกมา เขาคิดว่าตัวเองเข้มแข็งพอแล้วไม่ว่าจะเรื่องอะไรแต่คนที่แข็งแกร่งก็ย่อมมีมุมที่อ่อนแอ
ไม่มีใครจะเข้มแข็งในทุกๆเรื่องและก็ไม่มีใครอ่อนแอตลอดเวลา
คนเราต่างมีสองแบบที่แตกต่างในร่างเดียวกัน
รีไวล์เอามือเช็ดน้ำตาสีใสที่ไหลมาตามแนวแก้ม
ก่อนจะเช็ดน้ำมูกที่จะไหลด้วยมืออีกข้างนึง เมื่อมาถึงเอเลนที่กำลังหยิบจานและช้อนวางเรียงตามจำนวนคน
ซึ่งคนอื่นก็กำลังช่วยกันทำอาหารแล้วบางส่วนกำลังนั่งพักอยู่ที่โต๊ะม้านั่งลานกว้าง
รีไวล์ไม่รอช้าเดินเข้าไปใกล้เอเลนโดยเอเลนไม่ทันตั้งตัวแล้ว ’กอด’ พร้อมกับเอาหน้าซบกับอกแกร่ง
“ห....หัวหน้า!” เอเลนยังคงอึ้งกับสิ่งที่เห็น
เขายังคงถือจานแล้วส้อมเอาไว้ในมือในขณะที่โดนร่างเล็กสวมกอดอย่างหลวมๆ
ก่อนที่เขาจะค่อยวางของทุกอย่างที่โต๊ะและสวมกอดร่างเล็กกลับด้วยความอ่อนโยน
หัวที่อยู่ไม่นิ่งก้มลงมาซบที่หัวของร่างเล็กพร้อมกับสูดดมกลิ่นหอมน่าเย้ายวน “ผมจะอยู่กับคุณเองไม่ต้องกลัวนะ..........”
พวกเขายังคงกอดกันอยู่นานจนร่างเล็กหายร้องไห้เสร็จก็เอาหน้าออกจากอกแกร่ง
น้ำตาและน้ำมูกเปลื่อนเสื้อของเอเลนแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้น
หน้าที่ยังคงมีน้ำตาอาบแก้มและน้ำมูกที่ไหลจนจะถึงปากเงยหน้าขึ้นมามองเอเลนอย่างออดอ้อน
เอเลนเห็นแบบนั้นอยากจะอุ้มขึ้นเตียงให้มันรู้แล้วรู้รอด “โอ้ๆ ไม่ร้องนะ บอกผมได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” เอเลนยิ้มอ่อนโยนให้กับร่างเล็ก
ร่างเล็กคิดอยู่สักพักก่อนจะก้มหน้าพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“เอลวินเขาไม่ต้องการชั้นแล้ว............” รีไวล์พูดสั้นๆให้ร่างสูงไปคิดเอาเอง
เอเลนเองก็พอจะเดาได้จากสิ่งที่เป็น
“คุณถามเขาแล้วหรอ” เอเลนยังคงกอดเอวบางของรีไวล์ไว้ไม่ปล่อย
รีไวล์ที่เอามือทาบอกเอเลน ก็พยักหน้าแทนคำพูด
เมื่อเข้าใจแล้วเอเลนก็ถือโอกาสพูดต่อ “ถึงเขาจะไม่ต้องการคุณ
แต่ผมต้องการคุณนะคับ.......ช่วยเลิกคิดถึงเขาแล้วมาคิดแต่เรื่องของผมได้ไหม........” คำพูดที่ขอเป็นแฟนแบบอ้อมๆ ทำให้ รีไวล์หน้าแดงและพยายามหันหน้าไปทางอื่นแก้เขินในขณะเดียวกันเอเลนก็หน้าแดงไม่แพ้กันที่ได้พูดขอคบ(แต่งงาน)กับรีไวล์ได้สำเร็จ
รีไวล์ไม่ตอบอะไรแต่เอาเอเลนเข้ามากอดแล้วเงยหน้ามาซบที่ไหล่พร้อมกับหัวที่พิงกับคอเอเลน
เอเลนเองก็คล้อยตามเช่นกัน..................
หลายวันต่อมาแสนหรรษาหน้ารื่นรมย์...............ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้คบกันแต่ก็ไม่ได้บอกใคร
รีไวล์เองก็ไม่ได้ไปหาเอลวินตามปกติที่เป็น
เอเลนเองก็ไม่ได้เพียงแค่เฝ้ามองคนๆนี้อีกต่อไป ภายนอกทั้งคู่ยังคงทำตัวเหมือนปกติ
แต่เมื่อมีโอกาสก็มักจะอยู่ด้วยกันมากกว่าปกติ
“หัวหน้าคับผมทำความสะอาดเสร็จแล้วคับ”
เอเลนเดินมาหารีไวล์ที่กำลังเช็ดกระจกห้องรับแขกอย่างตั้งใจ
“อา ดีมาก” รีไวล์เอามืออีกข้างที่สะอาดขยี่หัวเอเลนเบาๆอย่างเอ็นดู
“นั้นขอจูบแทนได้ไหม” เอเลนออดอ้อนรีไวล์ด้วยใบหน้าลูกหมา
“ถ้านายทำความสะอาดห้องเมื่อกี้สะอาดล่ะก็
บางทีอาจจะให้นะ”
“ง่ะ! นั้นขอผมไปทำมันอีกรอบนะคับ”
เอเลนลุกลี้ลุกลนเมื่อกังวลว่าตัวเองจะทำสะอาดรึป่าว
เขาแทบจะวิ่งไปทำอีกครั้งในทันทีแต่ก็โดนรีไวล์ฉุดเอาไว้
“นั้นก็มัดจำไว้ก่อนล่ะกัน.......”
รีไวล์ค่อยๆเขย่งขาเพื่อไปจูบคนรักที่อยู่สูงกว่าตน10เซน พร้อมกับเอามือจับที่ท้ายทอยของร่างสูง เอเลนที่ถุกดึงกระทันหันแต่ก็เอามือไปจับที่เอวบางร่างเล็ก
ก้มหน้าลงมารับจูบหวานอย่างดูดดื่ม
หลายวันที่ผ่านมาทำให้เอเลนจากที่หลงรีไวล์อยู่แล้วหลงเข้าไปอีกจนแทบหลั่ง
วันไหนที่ไม่ได้เจอหน้าอีกฝ่ายตั้งแต่เช้าก็จะมองหาจนทั่วปราสาท
รีไวล์เองก็เคยมองเอเลนเป็นเด็กไม่เอาไหน บุ่มบ่ามเลือดร้อน
ก็เป็นเหมือนเด็กเหลือขอทั่วๆไป แม้จะรู้จักมากขึ้นความรู้สึกแบบนั้นก็ยังคงอยู่แต่เพิ่มขึ้นที่ว่า
เป็นคนที่ดี เอาใจใส่ผู้อื่น อบอุ่น ฯลฯ มันทำให้รีไวล์เริ่มชอบเอเลนมากขึ้นทุกวัน
มันถึงเวลาที่ต้องลืมใครบางคนที่เคยคิดถึงมากแล้วล่ะ....................................แม้จะปกปิดยังไงก็คงไม่พ้นสายตาเหยี่ยวชั่งสังเกตุเหยื่อแบบเอลวิน
ไม่มีความลับไหนมีในโลกสำหรับเอลวิน สมิท..........
ระหว่างทางเดิน เอเลนกำลังมุ่งหน้าไปลานฝึกประจำวันทุกเช้าเป็นปกติ
แต่ที่ผิดปกติคือการมีตัวตนของเอลวิน สมิทที่กำลังเดินมาหาเอเลน
ก่อนจะหยุดเดินที่ตรงหน้าของเอเลน
เอเลนเองก็หยุดเดิมเช่นกันเมื่ออยู่ตรงหน้าของผบ.ของตน
เขาจับสัญชาตญาณนี้ได้ว่ากำลังมีเรื่องในไม่ช้า
“พลทหารเอเลน
นายกำลังคบกับรีไวล์อยู่สินะ”
ไม่มีคำพูดอ้อมค้อมใดๆทั้งสิ่งในตอนเวลานี้
เอเลนที่ได้ยินคำพูดแบบนั้นที่ออกมาจากปากผบ.เอลวิน
ก็อดยิ้มที่มุมปากไม่ได้
“ถูกต้องแล้วคับ
ทำไมหรอคับ?
พอเสียเขาไปก็เกิดหวงขึ้นมาหรอ”
ไม่มีแล้ววึ่งความสุภาพต่อผู้บัญชาการ เขาเองต่อให้โดนทำโทษกี่ร้อยครั้งก็ไม่ยอมปล่อยให้หัวหน้ารีไวล์คนรักของตนตกเป็นของใครอีกเด็ดขาด
เอลวินหรี่ตามองต่ำ
แววตาน่ากลัวแผ่ซ้านออกมาจากใบหน้าหล่อเหลา
ดูเหมือนเอเลนจะพูดไปสะกิดใจนิดหน่อยทำให้เขาไม่พอใจ ”นายคิดว่าเขาจะเป็นของนายตลอดไปงั้นหรอ!?” เอลวินยิ้มที่มุมปากบ้างเป็นเชิงเยาะเย้ย
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน และแสดงสีหน้าเกลียดชัง
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณต้องการอะไรกันแน่
แต่ผมจะไม่มีทางยกเขาให้ใครทั้งนั้นโดยเฉพาะ’คุณ’ ” เอเลนเดินผ่านเอลวินไป เขาเบื่อที่จะต้องมาฟังคำพูดขู่เข็นจากผู้บัญชาการ
เขาเองก็กังวลอยู่เหมือนกัน ผบ.เอลวินนั้นฉลาดมาก ไม่ว่าอะไรถ้า เอลวิน สมิท
อยากได้ก็ต้องได้
“น่าชื่นชมนายจริงๆนะ
แต่รีไวล์เคยรักชั้นมากมาแล้วในครั้งหนึ่ง ชั้นก็สามารถทำให้เขากลับมารักชั้นได้’อีกครั้ง’เหมือนกัน”
END
รู้สึกตัวเองแต่งได้ห่วยจริงอ่ะ เรารู้ตัวแล้วนะไม่ต้องย้ำก็ได้แง้ๆๆๆ มือใหม่หัดแต่งเป็นกำลังใจให้ด้วยน้า มาพูดถึงเนื้อเรื่องกันดีกว่า เอลวินนี้เป็นพวกหวงก้างสินะ ตอนเขาอยู่ก็ทำเมิน พอเขาไปหัวใหม่กลับจะมาแย่ง ร้ายมาก เอเลนนี้ตอนแรกของเรื่องต้องยกเพลงนี้ให้เลยคะ “จิตใจทำด้วยอะไรเหตุใดจึงไม่รักกัน ทุ่มเทให้ทุกๆวันบอกลาด้วยการเฉยๆ ไม่เหมือนที่ทำให้เขากี่ครั้งจะยอมให้หมดเลย อยากจะรู้จริงๆอยากจะรู้จังเลยหตุใดจึงมีค่าพอ……………”ที่เหลือไปฟังเองนะ แง้ๆๆๆๆๆๆๆ แต่ถ้าให้แต่งต่อยังไงก็จะให้เป็นเอเรริคะ(เอเลนรีไวล์) เพราะเอลวินทำดูไม่รักอ่ะ เหมือนอยากเอาชนะมากกว่าเชื่อว่าพอรีไวล์กลับไปรักแล้วทิ้งเอเลนอีกเจ้าตัวก็คงไม่สนใจแลวอ่ะคะ อันนี้เอลวินฉบับเลวยอมรับกันหน่อยนะ ปกติเราชอบเอลวินอ่อนโยนนะแต่อันนี้ขอสักหน่อย5555555555555555555555555 ปล.เราแต่งลุครีไวล์กุ๊งกิ๊งไปป่ะ5555
ผลงานอื่นๆ ของ EVERYTHING NOT STILL ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ EVERYTHING NOT STILL
ความคิดเห็น