ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] LOST CONTROL (MARKBAM)

    ลำดับตอนที่ #22 : : the twenty-oneth :

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.52K
      141
      23 ส.ค. 61

     

    21

     

     

                แบมแบม พี่ปวดไหล่อะ

                เพิ่งไหล่เคล็ดมามันก็ต้องปวดน่ะสิพี่

    .

    .

     

    คันแขนที่ใส่เฝือกอะ ถอดออกไม่ได้เหรอ

    หมอให้ใส่ไว้ก่อนสองอาทิตย์ไง ถ้าถอดเองตอนนี้แล้วข้อมือเป็นอะไรขึ้นมาจะทำไง

    ไม่ถอดก็ได้

                            .

                            .

     

    เจ็บอะ แบม ยกแขนไม่ขึ้นแล้ว ป้อนหน่อยสิ

    เดี๋ยว อันนี้ไม่ใช่ละ เจ็บแขนซ้ายไม่ใช่เหรอ แขนขวาก็ใช้ได้ปกตินี่ อย่ามาเนียน

    โหย เจ็บจริงนะ เนียนตรงไหน

    ทุกตรงเลยแหละ

     

    โอ๊ย! สำออยเหลือเกิน พ่อคุณ แขนเดาะนิดเดาะหน่อยแล้วงอแงเก่ง รำคาญโว้ย!”

     

    โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นแจ๊คสัน หวังที่อดรนทนไม่ได้กับความวอแวน้องเก่งของเพื่อนรักอย่างมาร์ค ต้วน ที่หลังจากเจ็บตัวเพราะอุบัติเหตุเล็กๆ ในคืนก่อนนั้น ก็เอาแต่อ้อนแฟนของมันไม่หยุดในเช้าวันนี้ให้เป็นที่น่าหมั่นไส้แก่ผู้พบเห็น จึงเป็นเหตุให้มิสเตอร์หวัง รับอาสาเป็นตัวแทนหมู่บ้านขอพูดระบายความในใจของเพื่อนๆ ทุกคนด้วยการตะโกนดังๆ บอกให้เจ้าตัวรับรู้บ้าง เป็นการเตือนว่าถ้ายังไม่หยุดการกระทำดังกล่าว กูจะเอาแปรงทาสีขว้างใส่หัวมึง!

     

    แม่ไม่ให้คุยกับคนขี้อิจฉา

     

    มึงอยากแขนขวาหักอีกข้างใช่ไหม มาร์ค

                           

    แบมแบมส่ายหัวเมื่อเห็นคนเจ็บลอยหน้าลอยตาทำหน้าเหนือโต้ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามทำหน้ารับไม่ได้และเหมือนความดันจะขึ้น เห็นแล้วมันก็น่าโดนตีสักทีจริงๆ นั่นแหละ คนอะไรวะ กวนประสาทเก่งเป็นบ้า

     

                “...พี่มาร์คคะ

     

    ทั้งสองคนหันไปมองเมื่อจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเรียกและพบว่าเป็นคิมดาฮยอนเดินก้มหน้างุดเข้ามายังขอบเวทีที่เขาและมาร์คนั่งเล่นอยู่หลังจากเพิ่งกินข้าวกลางวันเสร็จ พวกเขามองรุ่นน้องปีหนึ่งที่ยืนกุมมืออยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย ก่อนที่เด็กสาวจะพูดออกมาด้วยเสียงตะกุกตะกัก

     

    คือ...คือว่า...เรื่องเมื่อวานนี้ หนู ขอโทษนะคะ

     

    คำขอโทษมาพร้อมด้วยสีหน้ารู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายเมื่อวานนี้ที่ทำรถเข็นใส่อุปกรณ์หลุดมือ ดาฮยอนเม้มปาก ยืนกุมมือ ค้อมหัวเหมือนเตรียมพร้อมรับการดุจากรุ่นพี่ ในขณะที่คนเจ็บกลับโบกมือเป็นเชิงไม่ถือสาและพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ

                           

    เฮ้ย ไม่เป็นไร พี่เข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ เราไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย

     

    เมื่อวานหลังกลับจากโรงพยาบาล พวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ที่โรงละครเป็นยังไงบ้าง แต่ดูจากท่าทางหงอยๆ ตอนนี้ ดาฮยอนก็คงโดนดุมาพอสมควร เห็นแล้วมาร์คก็เลยไม่อยากไปว่าซ้ำให้อีก แค่นี้น้องก็ดูพร้อมจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อแล้ว เพราะคิดแบบนั้น คนเจ็บเลยปล่อยผ่านไปโดยไม่โกรธเคืองหรือเอาเรื่องอะไร ส่วนเด็กสาวปีหนึ่งพอได้ยินดังนั้นก็โค้งแล้วโค้งอีกพร้อมกับพูดขอบคุณเสียยกใหญ่ก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ

     

    เดี๋ยวมานะ เอากล่องข้าวไปทิ้งก่อน

     

    แบมแบมยันตัวลุกขึ้น หยิบกล่องข้าวที่กินหมดแล้วไปทิ้งในถุงขยะ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามาร์คบ่นปวดแขนและตอนนี้ก็เลยเวลาที่กินยาครั้งก่อนไปแล้ว แถมยังเพิ่งมาบอกว่าลืมทายามาเมื่อเช้าด้วย (โว้ย!) หลังจากทิ้งขยะเสร็จ เขาเลยเข้าไปหลังเวทีเพื่อหยิบยาในกระเป๋าของมาร์คที่เห็นผ่านตาแวบๆ ว่าเอามาวางไว้บนโต๊ะในห้องแต่งตัว พร้อมทั้งขอน้ำเปล่าอีกขวดจากจองยอนที่ยกแพ็คน้ำเข้ามาเก็บพอดี

     

    ดูแลกันดีจังเลยเนอะสาวผมสั้นฝ่ายสวัสดิพูดพลางยิ้มๆ ขณะแกะขวดน้ำในแพ็คส่งให้

     

    พี่ไม่คิดว่าผมจะเอาไปกินเองบ้างเหรอ

     

    แล้วเป็นอะไรล่ะเราน่ะ หืม ถึงมีถุงยาด้วยเนี่ยจองยอนถามพลางพยักพเยิดไปยังถุงใส่ยาในมือของเขาก่อนจะหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นคู่สนทนากลอกตามองบนแต่ไม่เถียงอะไร

     

    แบมแบมกลับออกมาจากหลังเวที ก่อนจะชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เหมือนเดจาวูกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ดาฮยอนเดินเข้ามาเพื่อขอโทษมาร์ค เพียงแต่คราวนี้กลับเป็นเบซูจีที่เข้ามาพร้อมด้วยสีหน้ารู้สึกผิดแบบเดียวกันแทน เสียงในบทสนทนาของคนทั้งสองดังขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เขาเดินเข้าไปใกล้

     

    พี่เป็นไงบ้าง ขอโทษนะ เพราะหนูไม่ระวัง พี่เลยต้องเจ็บตัวเลย

     

    เอ้า มาอีกคนแล้วมาร์คถอนหายอย่างไม่จริงจังนัก ไม่เป็นไร เราไม่ได้เป็นคนทำนะ ไม่ต้องขอโทษพี่หรอก

     

    แต่ถ้าหนูระวังตัวมากกว่านี้...”

     

    เธอ พี่ไม่เป็นอะไรจริงๆ แค่ซ้นนิดหน่อย เดี๋ยวก็หายแล้วมาร์คยิ้มให้แล้วยื่นมือไปตบไหล่น้องรหัสตัวเองที่ยังไม่เลิกทำหน้าเศร้า แล้วเมื่อคืนส่งข้อความมามีอะไรหรือเปล่า โทษทีที่ไม่ได้ตอบ ตอนนั้นพี่ดูหนังอยู่เลยลืมไปสนิทเลย

                           

    อ๋อ ไอ้ที่โทรศัพท์สั่นครืดๆ เมื่อคืนตอนดูหนังเพราะซูจีส่งข้อความมาหรอกเหรอ

     

    .

    ..

     

    นี่ พี่มาร์ค โทรศัพท์

     

    แบมแบมใช้ศอกสะกิดบอกคนข้างๆ ให้รู้สึกตัว มาร์คปล่อยมือข้างที่ยึดมือเขาไปจับไว้เพื่อล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมา เลื่อนดูแจ้งเตือนบนหน้าจออยู่แวบหนึ่งก่อนจะกดล็อคตามเดิมและโยนไปไว้ข้างตัวอย่างไม่ใส่ใจ

     

    ไม่มีอะไรหรอก น้องส่งข้อความมาเฉยๆ

     

    มาร์คว่าแล้วกลับมาดูหนังต่อโดยที่ไม่สนใจโทรศัพท์อีก ก่อนจะดึงมือเขาไปเล่นเหมือนเดิม เบนความสนใจเขากลับมาที่หนังในจอกับสัมผัสอุ่นๆ ชวนจั๊กจี้ที่มือและลืมมันไปในที่สุด

     

    ..

    .

     

    จนกระทั่งได้ยินมาร์คพูดขึ้นมาอีกครั้งเขาถึงนึกขึ้นได้

     

    อ๋อ แค่จะถามว่าเป็นยังไงบ้างเท่านั้นเองค่ะพอได้ยินดังนั้นมาร์คก็ชูแขนข้างที่ใส่เผือกให้ดูแทนคำตอบ ซูจีหัวเราะเสียงใส ก็ดีแล้วแหละที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก

     

    ในจังหวะที่เขาเดินมาถึงและหย่อนตัวลงนั่งที่เดิมข้างมาร์ค บทสนทนาเงียบลง พอดิบพอดีจนแบมแบมรู้สึกเหมือนตัวเองเข้ามาขัดคนทั้งสองคุยกันโดยไม่ได้ตั้งใจยังไงก็ไม่รู้ เขายิ้มแทนคำทักทายให้ซูจีที่ยิ้มตอบและพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปตอบคำถามคนข้างๆ ที่ถามว่าทำไมหายไปนานขณะหมุนเปิดฝาขวดน้ำส่งให้อีกฝ่าย

     

    ไปเอาน้ำกับยามาให้นี่ไง ยังไม่ถึงห้านาทีเลยมั้ง นานตรงไหนเนี่ยเขาว่าพลางแกะยาออกจากซองส่งตามไปและรอจนคนเจ็บกินเสร็จ ก่อนจะเปิดฝาหลอดยาทาสำหรับรอยช้ำและดึงแขนมาร์คมาวางบนตักเพื่อที่จะทาให้

     

    หายไปแค่ห้านาทีก็ถือว่านานแล้ว...” แบมแบมรีบหันไปยกมือปางห้ามพูดต่อใส่หน้าอีกฝ่ายในทันใด ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาและสัญชาตญาณที่เดาได้จากสายตากับรอยยิ้มที่เห็นว่าคนพูดมันจะต้องแกล้งพูดอะไรเลี่ยนๆ ใส่เขาต่อจากประโยคนั้นแน่นอน

     

    พอ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว อยู่เงียบๆ เลยนะ ไม่งั้นผมจะหักแขนพี่

     

    เผื่อจะลืมไปว่าซูจียังอยู่ตรงนี้ ถ้าจะไม่เขิน ไม่อาย หรือไม่เกรงใจน้องรหัสตัวเองที่ยืนฟังอยู่ด้วยก็ไม่เป็นไรนะมาร์ค ต้วน แต่คนเขินคือเขายังไงล่ะโว้ย!!! เลิกหยอดกูต่อหน้าประชาชีชาวคณะได้แล้วววววววว ทุกวันนี้ก็คือโดนแซวทุกลมหายใจเข้าออก ไล่ตั้งแต่น้องปีหนึ่งไปยันอาจารย์ที่ปรึกษา จากบุคลากรทั้งหมดก็น่าจะเหลือแค่แม่บ้านกับยามและหมาที่คณะแล้วล่ะที่ยังไม่เคยแซวเนี่ย

     

    ยิ้มอะไร เป็นบ้าเหรอเหลือบตาขึ้นมองก็พบมาร์คกำลังอมยิ้มอยู่ เห็นแบบนั้นเขาเลยถามกลับไป ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาด้วยหน้าสีหน้าจริงจังเหมือนกำลังตอบปัญหาระดับชาติ

     

    อ้าว เวลาเราเห็นอะไรน่ารักมากๆ เราจะกลั้นยิ้มไหวได้ยังไงอ่ะ

     

    โอ๊ยยย พี่มาร์ค

     

    มาร์คหัวเราะจนตาหยีเป็นขีดโค้งและทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมาอีกสักอย่าง แต่พอเขาหรี่ตาใส่ก็ยอมสงบปากสงบคำ พูดเสียงกลั้วหัวเราะ โอเคๆ พี่ไม่แกล้งแล้วและยอมนั่งเงียบๆ ให้เขาทายาแต่โดยดี

     

    เสียงดูจุนตะโกนเรียกรวมนักแสดงแว่วมาไม่ไกล ซูจีที่ยืนอมยิ้มพูดขึ้นมาเบาๆ

     

    งั้น...ขอตัวไปซ้อมก่อนนะคะ

     

    เขาสองคนหันไปพยักหน้าให้ก่อนที่หญิงสาวจะเดินจากไป มาร์คถกแขนเสื้อขึ้นจนถึงไหล่เพื่อที่เขาจะได้ทายาได้ถนัด แบมแบมมองรอยช้ำบนท่อนแขนที่โผล่พ้นออกมา มันเริ่มเปลี่ยนจากสีม่วงเป็นสีออกเขียวบ้างแล้ว เขาไล้มือป้ายยาไปตามรอยเหล่านั้นเบาๆ

     

    เจ็บมากไหมเขาถามพลางช้อนตามองอีกฝ่ายขณะที่ทายาไปด้วย

     

    นิดหน่อย ถ้าไม่โดนกระแทกหรือมีคนมาทุบซ้ำก็ไม่เจ็บหรอก

     

    แบมแบมเบ้ปาก ทำตัวเป็นพระเอกเก่ง

     

    อ้าว ก็อยู่ตรงนั้นพอดีจะให้ยืนดูเฉยๆ ได้ยังไงเล่า แค่จะผลักน้องออก ไม่ได้บ้าขนาดจะโดดเข้าไปขวางไหม แต่เข้าไปแล้วพี่หลบไม่ทันต่างหาก

     

    อยากจะบอกว่าสมน้ำหน้าแต่ก็สงสารมากกว่า

     

    นายพูดว่าสมน้ำหน้าไปแล้วพวกเขาทั้งคู่หัวเราะใส่กันก่อนที่แบมแบมจะบอกให้อีกฝ่ายเลิกเสื้อขึ้นเพื่อทายาตรงรอยช้ำที่สีข้างต่อ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นคนผิวขาวจัด รอยช้ำด้านในก็ยิ่งชัดและดูจะหนักกว่าที่แขนเสียอีก

     

    เอ้า เสร็จแล้วเขาว่าและปิดฝาหลอดยา

     

    ยังไม่หมดเลย ตรงสะโพกด้วย

     

    อะ ได้ จะให้ทาก็ถอดกางเกงดิแบมแบมไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าพูดกวนอีกฝ่ายเล่นไปอย่างนั้นเอง เพราะที่นั่งอยู่ตอนนี้มันคือกลางโรงละคร ย้ำอีกทีว่าตรงนี้มันคือกลางโรงละคร เขาไม่ได้อยู่กันแค่สองคนและนี่ก็เป็นหน้าเวทีด้วยซ้ำ เขาไม่คิดว่ามาร์คจะกล้าลุกขึ้นมาถอดกางเกงจริงๆ หรอก

     

    แต่ทว่าพอพูดจบ อีกฝ่ายก็ทำท่าลุกขึ้นจะถอดกางเกงหน้าตาเฉย

     

    โว้ย! พี่จะบ้าเรอะ ล้อเล่นไหมล่ะ เอาไปทาเองเถอะไป๊!”

     

     

     

    แบมแบมออกมาด้านหลังตึกเพื่อล้างมือตรงรางก๊อกน้ำที่อยู่ในซอกระหว่างโรงละครกับหอประชุม เพราะมันใกล้กว่าเดินอ้อมไปห้องน้ำที่อีกฝั่ง บรรยากาศกำลังโพล้เพล้ใกล้มืดและเงียบสงัด เขาเปิดก๊อกและเริ่มล้างคราบสีกับแลคเกอร์ที่เปรอะเต็มมือและซอกเล็บออกอย่างพิถีพิถัน พลางนึกบ่นกับตัวเองว่าไม่น่าลืมใส่ถุงมือตอนพ่นสีเลยต้องมายืนหลังขดหลังแข็งขัดมืออยู่แบบนี้ สักพักใหญ่ แบมแบมก็เห็นเงาของใครอีกคนมายืนอยู่ข้างๆ จากทางหางตา

     

    เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นซูจีกำลังล้างมืออยู่ที่ก๊อกถัดไปสองตัว แบมแบมทำเพียงแค่ยิ้มทักทายให้อีกฝ่ายและหันกลับมา ถูคราบเปื้อนที่มือต่อไปเงียบๆ รู้สึกเก้กังวางตัวไม่ถูกทุกครั้งในสถานการณ์ที่ต้องอยู่กันตามลำพังกับเบซูจีสองคน โดยที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร

     

    เขาก้มหน้าก้มตาล้างสีน้ำเงินที่ติดอยู่ตรงซอกเล็บในตอนที่อีกฝ่ายพูดขึ้น

     

    น่ารักดีนะ

     

    ฮะ? ว่ายังไงนะ?” แบมแบมเงยหน้าขึ้น หันไปสบตาคนข้างๆ ซูจียิ้มก่อนจะทวนประโยคเดิมอีกครั้ง

     

    เราบอกว่าน่ารักดี แบมแบมกับพี่มาร์คเวลาอยู่ด้วยกันน่ะ

     

    อ้อ เอ่อ อืมเขาได้แต่ส่งเสียงตอบรับอือออในลำคอและเงียบเพราะที่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

     

    ถ้ามีคนมองเราอย่างที่พี่มาร์คมองแบมบ้างก็คงดี

     

    อ่า รอยยิ้มที่แฝงเค้าความเศร้าแปลกๆ นั่นอีกแล้ว

     

    เหมือนกับวันนั้น

     

    สีหน้าและรอยยิ้มแบบเดียวกับวันประชุมที่เขาเผอิญเหลือบไปเห็นเข้าพอดี สายตาที่มองไปยังมาร์คต่างออกไปตรงที่วันนี้รอยยิ้มนั่นส่งมาให้เขา บรรยากาศแปลกประหลาดเริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างเขาสองคน แบมแบมไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงกับท่าทีของเพื่อนตรงหน้า แต่ก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น ใบหน้าสวยจัดนั่นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม หญิงสาวยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มปกติและปิดก๊อกน้ำ

     

    เรากลับไปซ้อมก่อนนะ เดี๋ยวผู้กำกับหาว่าแอบมาอู้อีก พี่รหัสแบมนี่โหดเป็นบ้าเลย

     

    ก็แค่ตอนทำงานเท่านั้นแหละ จริงๆ แล้วเป็นบ้า

     

    แบมแบมยิ้มรับหญิงสาวที่หัวเราะเสียงใสก่อนเดินจากไป เหลือแค่เขาที่ยังยืนอยู่ตรงอ่างล้างมือคนเดียว มองตามเรือนผมยาวสลวยดำขลับที่สะบัดพลิ้วตามลมก่อนหายกลับเข้าไปในตึก จู่ๆ ความรู้สึกเดียวกับในวันนั้นก็จู่โจมเข้ามา

     

    เขาหันกลับมา จ้องมองคราบสีที่ละลายไปกับน้ำกลายเป็นกระแสสีอ่อนจางไหลวนลงท่อไปอย่างเหม่อลอย พยายามไล่ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ติดอยู่ในใจออกไป

     

    แบมแบมคิดว่าเขาเห็น และเขาก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้คิดเกี่ยวกับมันได้ ร่องรอยของอะไรบางอย่างที่สัญชาตญาณจับได้กำลังส่งสัญญาณเตือน แต่ยังมีอีกความคิดหนึ่งที่ค้านอยู่ทุกครั้งว่ามันคงไม่ใช่ เขาไม่อยากเก็บเอาเรื่องนี้มาทำให้เป็นปัญหา เพราะในท้ายที่สุดแล้วก็เป็นตัวเขาที่คิดอะไรไม่เข้าเรื่องและกลายเป็นว่าระแวงไปเองคนเดียว

     

    นั่นล่ะคำตอบ

     

    ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ

     

    แบมแบมมองเงาสะท้อนเลือนรางในอ่างน้ำขณะพูดประโยคนั้นกับตัวเองในใจ

     

     

    *

     

     

    พอเข้าเดือนสิงหาคม อากาศที่ร้อนเป็นบ้าอยู่แล้วก็ยิ่งร้อนเป็นบ้ามากกว่าเดิม

     

    แบมแบมไม่ชอบอากาศร้อน เขานึกสงสัยอยู่เสมอว่ามนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้ยังไงในสภาพอากาศแบบนี้ และสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดในหน้าร้อนก็คือเหงื่อเหนียวเหนอะหนะตามตัว รวมถึงค่าไฟหอพักที่พุ่งพรวดตามอุณหภูมิไปด้วย (เขาทำใจไม่ได้กับการไม่เปิดแอร์ และเอาจริงๆ นะ คนที่คิดค้นนวัตกรรมนี้สมควรได้รับการยกย่องให้เป็นอัจฉริยะ)

     

    พยากรณ์อากาศบอกว่าความร้อนพุ่งสูงถึงสี่สิบองศาอย่างน่าตกใจ รู้สึกโชคดีที่ไม่ต้องออกไปไหนในวันที่อากาศร้อนนรกแบบนี้ ฉากละครเวทีทั้งหมดเสร็จไปแล้วเกือบจะเก้าสิบแปดเปอร์เซ็นต์ แถมเร็วกว่าที่คิดไว้ตอนประชุมกันทีแรก เพราะอย่างนั้น วันนี้ฝ่ายฉากเลยมีเวลาให้หยุดพักร่างและฟื้นฟูสุขภาพโพรงจมูก หลังผ่านการสูดดมทินเนอร์มาตลอดสองเดือนกว่า

     

    วันนี้ตลอดช่วงเช้า นอกจากตื่นมาจัดการความรกในห้อง แบมแบมก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงและใช้ชีวิตแบบเอาตัวออกห่างจากพัดลมที่เปิดจ่อเอาไว้ให้น้อยที่สุด จะยกเว้นแค่ตอนเอาผ้าออกไปตากที่ระเบียงหลังห้อง (แม่งร้อนแบบต้องมีใครสักคนตาย) กับลุกขึ้นไปเปิดประตูให้มาร์ค ต้วนที่มาพร้อมเหงื่อเต็มหน้า เฝือกอ่อนที่ยังใส่ไว้ที่แขนซ้าย และหิ้วถุงอาหารกลางวันไว้ด้วยมือขวา

     

    พี่นี่ดื้อจริงๆ เลยว่ะแบมแบมชิงพูดขึ้นก่อนทันทีที่เปิดประตูออก รู้สึกหมั่นไส้คนตรงหน้าเหลือเกิน เมื่อเห็นอีกฝ่ายแกล้งทำหน้าสลดและพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ แบบกำลังรู้สึกผิดและน้อยอกน้อยใจเสียเต็มประดา

     

    ทำไมล่ะ คิดถึง อยากอยู่ด้วยก็ไม่ได้เหรอ

     

    พี่เป็นเด็กแปดขวบรึไงเขาว่า ดันประตูกว้างขึ้น ไม่เห็นรึไงว่ามันร้อน ผมไม่อยากให้พี่ออกมาแบมแบมงึมงำในลำคอ แต่ก็ดึงถุงกล่องข้าวไปถือและไล่อีกฝ่ายให้ไปนั่งพัก ส่วนตัวเองก็หิ้วถุงไปวางบนเคาน์เตอร์ในส่วนที่เป็นครัวเล็กๆ เพื่อแกะใส่จาน

     

    เขาสองคนกินมื้อกลางวันเรียบง่ายหน้าพัดลม และตัดสินใจว่าใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายไปกับหนังในเน็ตฟลิกซ์ที่คราวนี้มาร์คเป็นคนเลือก และ ใช่ แน่นอนว่ามาร์ค ต้วนเลือกดูหนังในหมวดสยองขวัญ ซึ่งทำให้แบมแบมต้องระเห็จตัวเองขึ้นมานอนดูอยู่ห่างๆ บนเตียง (เพราะถ้าเราเห็นจอเล็กลง มันก็จะน่ากลัวน้อยลงยังไงล่ะ) ที่จริงเขาไม่ได้ถึงกับว่าไม่ดูหนังประเภทนี้หรอก เขาดูได้ถ้ามีคนดูด้วยและมันไม่น่ากลัวเกินไป และถ้าตอนนั้นไม่ใช่เวลาหลังเที่ยงคืนไปแล้ว ถึงตอนดูจะปิดหน้าปิดตาไปครึ่งหนึ่งก็เถอะ

     

    แบมแบมนอนหันมาทางปลายเตียงและเอาหมอนรองคางไว้ โดยที่มาร์คนั่งพิงขอบเตียงอยู่ด้านล่าง ในตอนที่หนังเล่นไปได้กว่าครึ่งเรื่อง โทรศัพท์มือถือของมาร์คก็ดังขึ้น เจ้าตัวกดรับแล้วลุกออกไปคุยตรงโซฟาแต่ปล่อยให้หนังในจอเล่นต่อไป เขาเลยเอื้อมแขนไปกดหยุดเอาไว้ รอให้อีกคนกลับมาดูพร้อมกัน

     

    เออๆ ถ้าเสร็จแล้วก็โทรมา มารับด้วยนะ กูอยู่หอน้อง

     

    มาร์คกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งก่อนจะกดวางสาย นั่งลงที่เดิม เขารอให้อีกฝ่ายกดเล่นหนังต่อแต่มาร์คกลับนิ่ง เงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น

     

                จินยองโทรมาแล้วก็เงียบไปอีก แบมแบมหันไปมองแล้วพยักหน้าให้กับท่าทางของคู่สนทนาที่ดูเหมือนมีอะไรอยากจะพูดต่อ มันจะไปกินเนื้อย่างกันเย็นนี้เลยโทรมาชวน

     

                อือฮึ ก็ไปสิ

     

                ไปด้วยกันไหม

     

                แบมแบมขมวดคิ้ว พี่ไปกับเพื่อน จะเอาผมไปด้วยทำไม

     

                เพื่อนพี่ก็คนรู้จักนายทั้งนั้นไหม พี่รหัสนายก็ไปนะ เห็นจินยองบอกว่าหลังซ้อมเสร็จจะไปกันหมดทั้งนักแสดงทั้งพวกผู้กำกับเลย แล้วก็สองคนที่เหลือนั่นด้วยมาร์คหมายถึงแจ๊คสันกับเจฮยองที่เป็นสองคนที่เหลือ ในขณะที่แบมแบมชะงักไปหลังจากได้ยินว่าทีมนักแสดงก็ไปด้วย เขาจะไม่รู้สึกแปลกๆ แบบนี้ขึ้นมาเลยถ้าในบรรดาทีมนักแสดงไม่มีซูจีเป็นหนึ่งในนั้น แต่สุดท้ายเขาก็ไล่ความคิดไม่เข้าท่านั้นออกไป

     

    พี่ไปเถอะ อย่าดื่มจนเมากลับหอไม่ได้ก็พอเขาแกล้งพูดดักคอไว้ เพราะรู้ว่านอกจากเนื้อย่าง พี่พวกนี้มันต้องสั่งโซจูหรือไม่ก็เบียร์มากินด้วยแน่นอน

     

    เดี๋ยวจะกินแต่น้ำเปล่าเลย

     

    ให้มันจริงเขาย่นจมูก อย่าให้มีคนโทรมาบอกให้ผมไปรับกลับแล้วกัน

     

                มาร์คยกมือขึ้นมาขยี้ผมแบมแบม มีคนห่วงแบบนี้จะกินลงได้ไง

     

    คนฟังกลอกตาพลางส่ายหัว พึมพำว่า เบื่อพี่ว่ะ แล้วหันหนีไปอีกทาง ฟุบหน้าลงกับท่อนแขน ยิ่งทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างขึ้นอย่างนึกเอ็นดู หันกลับมาเร็ว ดูหนังต่อเขาเขย่าแขนเรียกแบมแบมให้หันกลับมา คนถูกเรียกยอมหันกลับแต่ก็ซ่อนใบหน้าครึ่งหนึ่งไว้ในหมอนและยกมือขึ้นมาดันหน้าเขาให้หันกลับไปทางจอ มาร์คหัวเราะเบาๆ กับท่าทางเหล่านั้น เอื้อมมือไปกดเพลย์ให้หนังเล่นต่อ

     

                  มองออกไปนอกหน้าต่างอีกที ท้องฟ้าหน้าร้อนในตอนเย็นก็เริ่มมีริ้วสีชมพูจางๆ แต้มอยู่ในสีฟ้าอ่อน ผสมแสงสีส้มก่ำของดวงอาทิตย์เกิดเป็นท้องฟ้าสีแปลกตา พวกเขาดูหนังจบไปหนึ่งเรื่องตอนเกือบๆ หกโมง แต่ยังไม่มีการติดต่อจากจินยองที่เป็นคนโทรมาชวนและบอกว่าจะมารับ ให้เดาก็น่าจะยังซ้อมไม่เสร็จตามเคย มาร์คเลยตัดสินใจว่าจะดูหนังต่อเรื่องที่สอง

     

    คิดถึงพี่ตอนผมแดงเหมือนกันนะ

     

    แบมแบมพูดขึ้นขณะจับผมอีกฝ่ายเล่นพลางมองมาร์คเลือกหนังเรื่องต่อไปที่จะดู นึกไปถึงตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่เจอกัน จำได้ดีว่ามาร์คมาพร้อมผมแดงเด่นสะดุดตากว่าชาวบ้านชาวช่องในคณะขนาดไหน เลยทำให้เขาชอบเรียกอีกฝ่ายในใจว่า ไอ้พี่หัวแดง เวลาหมั่นไส้มากๆ ก่อนที่มาร์คจะย้อมกลับเป็นสีน้ำตาลเข้มเมื่อไม่นาน และตอนนี้เริ่มกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ คล้ายสีของคาราเมล

     

    กลับไปย้อมสีแดงอีกรอบดีไหม?”

     

    แล้วแต่สิ

     

    แล้วสีน้ำตาลเป็นไง ชอบไหม หรือไม่ชอบ

     

    ก็สีสวยดี พอมันเป็นน้ำตาลแบบตอนนี้ พี่ยิ่งดูเหมือนเด็กฝรั่งมากเข้าไปอีก" คนฟังเพียงแค่หัวเราะในลำคอ

     

    งั้นคราวนี้ไปทำสีเหลืองนะ

     

    ก็แล้วแต่ ทนแสบหนังหัวได้ก็เอาเลย

     

    พูดจริง?”

     

    เออ ทำสีไหนก็ชอบหมดนั่นแหละ แบมชอบพี่ ไม่ได้ชอบพี่เพราะสีผมซะหน่อย พี่จะไปทำสีอะไรแปลกๆ มาก็ไม่ได้ทำให้ผมชอบพี่น้อยลง พอเข้าใจที่ผมจะพูดเปล่า พี่อยากจะทำสีอะไรก็ทำไปเลย

     

    “…..”

     

    เป็นอะไร ทำไมเงียบ

     

    แบมแบมก็แค่ตอบไปตรงๆ ตามที่ตัวเองคิด แต่มาร์คก็เงียบไม่โต้ตอบจนเขารู้สึกว่ามันผิดวิสัยและทำให้เริ่มคิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ก็ไม่นะ มีอะไรในรูปประโยคที่ทำให้ฟังแล้วรู้สึกแย่เหรอวะ? ก็บอกว่าชอบ- แล้วเขาก็ยิ้มออกมาในทันที เมื่อลองทวนประโยคที่ตัวเองพูดไปเมื่อกี้ก็พอเข้าใจในปฏิกิริยาของอีกฝ่ายขึ้นมาบ้าง

     

    อะไรเนี่ย เขินเหรอเขาสะกิดต้นคออีกฝ่าย ชะโงกหน้าเข้าไปหา เริ่มแหย่อย่างได้ที

     

    เปล่าซะหน่อยอีกฝ่ายงึมงำตอบมาและหดคอหนี

     

    จริงอะ?”

     

    มาร์คไม่ตอบและเลื่อนแทรกแพดบนแมคบุ๊คอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ยอมแสดงอาการอะไรที่เป็นการยอมรับทั้งสิ้น ทั้งที่เห็นได้ชัดว่าหูเริ่มแดง ชัดพอที่แบมแบมจะสังเกตเห็น เขาเม้มปากกลั้นเสียงหัวเราะ และยังคงแกล้งอีกฝ่ายต่อไปด้วยการโน้มตัวเข้าไปและเอียงหน้าไปมองใกล้ๆ

     

    หือ? เขินนี่หว่า เขินจริงๆ ด้วย

     

                โดยปกติแล้ว แบมแบมไม่ใช่คนที่พูดจะมาอะไรแบบนี้ให้ได้ยินบ่อยๆ ถ้าไม่มองตาเขียวเวลาโดนกวนตีนก็โวยวายที่โดนแกล้งแล้วแอบด่าอยู่ในใจซะเป็นส่วนใหญ่ ดูจะเป็นมาร์คเสียมากกว่าที่ชอบพูดอะไรทำนองนี้ใส่เพราะอยากเห็นปฏิกิริยาคนฟังว่าจะเป็นยังไง ชายหนุ่มไม่คาดคิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จากแบมแบมมาก่อน พอโดนจู่โจมแบบไม่ตั้งตัวบ้าง ก็ทำเขาเขินขึ้นมาเหมือนกัน

     

    เขินผมเหรอ

     

    แบมแบมสะกิดไหล่คนที่นั่งเงียบเป็นเชิงเย้าแหย่ หัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจที่ได้เห็นรีแอคชั่นไม่คาดฝันจากมาร์ค ต้วน ก็ปกติได้เห็นง่ายๆ เสียที่ไหน ถ้าไม่นับเหตุการณ์น่าอายล่าสุดในโรงละครนั่น เขาก็แทบไม่เคยเห็นมาร์คแสดงอาการเขินอายอะไรออกมาเลย คราวนี้พอสบโอกาส เขาเลยไม่พลาดที่จะได้แกล้งคืนบ้าง

     

    นานๆ ทีจะเห็นพี่เขินนะเนี่ย

     

    เขาวางคางลงบนไหล่และพูดแหย่อยู่ใกล้ๆ หู ในพริบตานั้นมาร์คก็หันหน้ากลับมาและรู้ตัวอีกทีแบมแบมก็นอนหงายอยู่บนเตียง ดิ้นไปดิ้นมาด้วยความบ้าจี้โดยมีมาร์คคร่อมทับอยู่ด้านบน

     

    โอ๊ย! พี่ อย่า! ไม่เอา ผมจั๊กจี้เขาหัวเราะขณะที่ดิ้นหลบไปมาพร้อมกับปัดป้องมืออีกฝ่ายที่พยายามจี้เอว

     

    ล้อพี่เหรอ

     

    พอแล้วววว ไม่เอา อย่า! มันจั๊กจี้ พี่มาร์ค! พออออ

     

    เราล้อพี่ก่อนเองนะ

     

    พอแล้วๆ แบมเหนื่อยแบมแบมพูดเสียงหอบ พี่มาร์ค! พอแล้ววว พอแล้วไง! ไม่ล้อแล้ว

     

    เขาคว้าข้อมือของมาร์คแล้วจับไว้แน่นเพื่อให้อีกฝ่ายหยุด ก่อนที่จะตายเพราะหายใจไม่ทันเสียก่อน น้ำตาไหลพรากเป็นทางจากการหัวเราะ เหงื่อยังซึมเล็กน้อยเพราะออกแรงดิ้นไปดิ้นมาเมื่อกี้ เสียงหอบหายใจก้องสะท้อนในความเงียบ พวกเขายังคงค้างอยู่ในท่านั้น จ้องหน้ากันนิ่งงัน แล้วมาร์คก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมา

     

    อันตรายแล้วนะ รู้ตัวไหม

     

    แบมแบมส่งเสียงหัวเราะเบาๆ เลิกคิ้วใส่อย่างท้าทาย มาร์คมองใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ หน้าอกขยับขึ้นลงตามการหอบหายใจ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกำลังถูกทดสอบความอดทนด้วยรอยยิ้มเย้าและสีหน้าท้าทายนั่นกำลังกัดกร่อนความแข็งแกร่งของจิตใจเขาลงเรื่อยๆ จนเมื่อริมฝีปากอิ่มตึงคู่นั้นเผยอออก มาร์คคิดว่าเขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่างในตัวพังครืนลงมา

     

    เขาถอนข้อมือที่ถูกยึดไว้ก่อนจะทาบมือตัวเองกับมือของแบมแบมให้กางออก ประสานนิ้วมือทั้งห้าเข้าด้วยกันขณะที่ค่อยๆ โน้มตัวลงมา กระชับพื้นที่ระหว่างกันให้หดสั้นลง ใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้นและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คล้ายมีแรงดึงดูดให้เข้าหาก่อนที่ริมฝีปากจะเคลื่อนเข้าทาบทับตามมา

     

    ร้อนแต่นุ่มนวล

     

    เนิบช้าแต่ปั่นป่วน

     

    แบมแบมเผยเปลือกตาขึ้นเมื่อริมฝีปากคู่นั้นผละออกอย่างอ้อยอิ่ง เราอยู่ใกล้กันมากพอที่จะมองเห็นเงาสะท้อนของกันและกันในดวงตา เขามองเห็นทั้งความไม่แน่ใจ ความคาดหวังและคำถามฉายอยู่ในนั้น เหมือนต้องการการยืนยันก่อนที่อะไรๆ จะดำเนินไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ แล้วแบมแบมก็เข้าใจ บรรยากาศระหว่างเขาสองคนในตอนนี้มันพาให้เลยเถิดได้ง่ายดายขนาดไหน

     

    อันตรายสุดๆ เลยมาร์คพูดด้วยเสียงกระซิบ เกลี่ยผมที่ปรกหน้าแบมแบมด้วยมืออีกข้าง

     

    แบมแบมยกมือขึ้นแนบแก้มคนตรงหน้า ไล้นิ้วโป้งไปตามแนวกระดูกโหนกแก้มใต้ดวงตาอย่างแผ่วเบา เขาจ้องมองนัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้น มันบอกความรู้สึกของเจ้าของอย่างตรงไปตรงมาเสมอ แล้วเขาก็ยิ้มออกมา เลื่อนมือสอดใต้กลุ่มผมบริเวณท้ายทอย รั้งอีกฝ่ายเข้าหา ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดใบหน้า เขาหลับตาลงรับสัมผัสนุ่มนวลที่แตะบนเปลือกตา

     

    ปลายจมูก

     

    ริมฝีปาก

     

    แบมแบมเงยหน้าขึ้นเพื่อรับจูบได้ถนัด มันต่างออกไปจากครั้งแรก ทั้งรุกไล่ รุนแรงและเต็มไปด้วยอารมณ์ชวนให้หวามไหว มือข้างที่สอดประสานกันแน่นขึ้น รู้สึกเหมือนกำลังลอยขึ้นไปในอากาศ ผละริมฝีปากออกจากกันชั่วขณะหนึ่งเพื่อหายใจ ก่อนที่สัมผัสต่อไปจะเคลื่อนต่ำลงมา แตะแผ่วเบาที่ปลายคาง เขาเอียงหน้าไปอีกทาง สมองขาวโพลนอย่างสิ้นเชิงเมื่อริมฝีปากร้อนๆ นั้นประทับจูบที่ลำคอ และ

     

    Rrrrrrrrrrrrrrrrr

     

    ถูกดึงกลับลงมายังห้องที่ร้อนอบอ้าวด้วยเสียงโทรศัพท์ที่แผดร้องดังลั่นเป็นทำนองเพลงของ Oasis เขาสองคนจ้องมองกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เจ้าของโทรศัพท์อย่างมาร์คจำต้องดึงตัวเองออกมา คำรามเสียงต่ำในลำคออย่างหงุดหงิดขณะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง พ่นลมหายใจพรืดใส่หน้าจอที่ปรากฏเป็นชื่อพัคจินยองแล้วกดรับ ทักทายปลายสายด้วยน้ำเสียงที่ยินดีที่สุดในโลกว่า

     

    เกลียดมึง"

     

    [เอ้า อะไรวะ กูทำอะไรผิด]

     

    ผิดเวลาน่ะสิ ไอ้เวร

     

    แบมแบมได้ยินเสียงจินยองลอดออกมาก่อนที่มาร์คจะลุกออกไปนั่งคุยที่ขอบเตียง เขายันตัวขึ้นนั่งพลางพรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ กดมือทาบลงบนหัวใจที่เต้นรัวพยายามจะทำให้มันสงบลง แต่สัมผัสเมื่อครู่ยังทิ้งร่องรอยร้อนผ่าวให้รู้สึกวาบหวามไปทั้งตัวก็ยิ่งยากเกินที่เขาจะสงบใจได้ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาสองคนไม่หยุดอยู่แค่ที่จูบ

     

    แถมตอนจูบครั้งที่สองเขาเป็นฝ่ายเริ่ม....

     

    บ้าเอ๊ย ทำตัวไม่ถูกเลยทีนี้

     

    อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ

     

    แบมแบมหันไปตามเสียง มาร์ควางสายจากจินยองแล้ว

     

    แบบไหน

     

    แบบ...เหมือนกำลังเสียดาย อะไรทำนองนั้น"

     

    ผมไปทำหน้าแบบนั้นตอนไหน!”

     

    แบมแบมมองตาเขียว ในขณะที่คนโดนมองหัวเราะร่วน แม้ความจริงแล้วเขากำลังสับสนและตีกับตัวเองอยู่ในใจ บอกไม่ถูกว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหนกันแน่ กึ่งๆ อยู่ที่ใจหนึ่งรู้สึกโล่งเพราะอะไรๆ ยังไม่เลยเถิดไปไกลกว่านี้ แต่ก็พอๆ กับอีกใจหนึ่งที่รู้สึกเสียดายกับการที่มันถูกหยุดลงกลางคัน เพราะเขาก็ยอมรับว่ายังอยากให้มันดำเนินต่อไป

     

    แบมแบมหดคอหนีตามสัญชาตญาณ ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ มาร์คก็ยื่นหน้าเข้ามาโดยไม่ทันได้ตั้งตัวขณะที่เขากำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ยกมือขึ้นดันอีกฝ่ายไว้ด้วยความเคยชิน

     

    ออกไปห่างๆ เลย ร้อน

     

    แหม ทีเมื่อกี้ไม่เห็นพูดแบบนี้เลย

     

    เขาขึงตาใส่คนพูดที่ทำหน้าล้อเลียนและชกไหล่ไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ มีรอยยิ้มในดวงตาคู่นั้น ก่อนที่มันจะหลุบต่ำลงมองที่ริมฝีปาก จดจ้องสักพัก แล้วเลื่อนกลับขึ้นมาตามเดิมคล้ายกำลังหยั่งเชิง แบมแบมแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างลืมตัว เรียกให้คนตรงหน้าคลี่ยิ้มและขยับตัวขึ้นไปจูบเบาๆ ที่หน้าผากแล้วถอยกลับมา ก่อนที่สุดท้ายจะไล่พรมจูบไปทั่วใบหน้า เสียงพูดฟังอู้อี้ขณะที่ริมฝีปากคลอเคลีย

     

    หรือจะไม่ไปแล้วดี

     

    แต่ในทันทีที่มาร์คพูดจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นแทนคำตอบ ชายหนุ่มถอนหายใจพลางพึมพำว่า พัคจินยอง ด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายเพราะถูกขัดจังหวะไม่เลิกรา แบมแบมยิ้มอย่างขบขันกับท่าทางหัวเสียเล็กๆ ของอีกฝ่าย กระซิบตอบชิดริมฝีปาก

     

    แบบนี้ยังไงก็คงต้องไปแล้วล่ะ

     

    เสียงโทรศัพท์ฟังดูเร่งเร้าไร้ความอดทนก่อนจะตัดไป

     

    ติดไว้แค่นี้ก่อนแล้วกัน" มาร์คว่าก่อนจะจูบย้ำอีกครั้งอย่างตัดใจบอกแล้วไงว่าอย่าทำหน้าแบบนั้น ไม่งั้นพี่ไม่ไปจริงๆ นะ"

     

    ไม่ได้ทำซะหน่อย หยุดพูดเลยเขาดันไหล่มาร์คให้ถอยกลับไป ไปได้แล้ว พี่จินยองโทรมาขนาดนี้ น่าจะรออยู่ข้างล่างแล้วมั้ง รีบไปแบมแบมลุกขึ้น รุนหลังอีกฝ่ายให้เดิน เขายกมือขึ้นกอดอกเอนตัวยืนพิงกรอบประตูขณะมองดูมาร์คใส่รองเท้า

     

    เดี๋ยวโทรหานะ"

     

    แบมแบมยิ้มและพยักหน้า โบกมือให้รีบไปก่อนที่จินยองจะโทรขึ้นมาตามอีกรอบ มองตามจนอีกฝ่ายเดินเลี้ยวหายไปทางลิฟต์

     

    เขาปิดประตูแล้วหันกลับเข้ามาในห้อง ยกสองมือขึ้นปิดหน้า รู้สึกได้ว่าผิวใต้มือกำลังเผาไหม้ตัวเองอยู่ ส่วนหัวใจก็ยังคงเต้นแรงมากเสียจนเขาต้องลูบอกกล่อมให้มันเบาลงบ้างเพราะเริ่มกลัวตัวเองจะหัวใจวาย แต่เมื่อมองไปยังเตียงที่เพิ่งลุกจากมาก็ยิ่งไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นเลยสักนิด ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ย้อนกลับเข้ามาในความคิด ฉายวนซ้ำไปซ้ำมาอย่างดื้อด้านและไม่ยอมจางหายไปง่ายๆ

     

    ให้ตายสิ เป็นแบบนี้แล้วคืนนี้เขาจะหลับลงได้ยังไง!

     


     

    *

     

     

    Got you shackled in my embrace

    I’m latching on to you

    ล็อกคุณไว้ในอ้อมกอดของฉัน

    ฉันโดนเธอตรึงเอาไว้แล้ว

     

     

     

     







    #ลคทมบ


    _________________________________________ _______________________________________

    Talk:

    บอกตามตรงว่ายังตื่นเต้นทุกครั้งที่ลงฟิค 555555

    เรามาแล้วววววววววววว

    มากับตอนที่อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เป็นบ้าและก็หวานเป็นบ้าตายไปเร้ยเช่นกัน

    คิดว่าถ้าฟังเพลง (Latch – Disclosure ft. Sam Smith) ตอนอ่านพาร์ทครึ่งหลังไปด้วยน่าจะเห็นบรรยากาศหรือได้ฟีลบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ กลับมา

    แต่ไม่ฟังก็ไม่เป็นไรค่ะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับจินตนาการของคนอ่านอยู่แล้ว J

     

    ขอบคุณทุกคนเสมอที่อ่านฟิคเรื่องนี้ อยากให้รู้ว่าพวกคุณคือกำลังใจของเรานะคะ

    อยากติอยากชมอะไรสามารถบอกได้ตลอดและหวังว่าจะชอบกัน

    สุดท้ายนี้ เอ็นจอยรีดดิ้งค่ะ :)



    .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×