"ชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอน...พ่อแม่มีลูกหวังพึ่งพาเจ้าเวลาเฒ่าแก่ แต่กาลเวลาชะตาชีวิต กลับหมุนเปลี่ยนให้ผู้เฒ่าแก่ต้องเป็นที่พึ่งให้เจ้ายามป่วยหนัก" ยายคนหนึ่งอายุเจ็ดสิบกว่า มานอนเฝ้าลูกสาว ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ลูกสาวอายุ สี่สิบกว่าเจ็บป่วยด้วยเลือดคั่งในสมองจากภาวะเส้นเลือดในสมองแตก คุณหมอบอกกลับยายและญาติว่าผู้ป่วยมีสมองตายเป็นบางส่วน โอกาสที่จะดีขึ้นยากมาก วันแล้ววันเล่ายายเฝ้าภาวนาให้ลูกสาวอาการดีขึ้น ๆ แค่เพียงยายเห็นลูกลืมตาแค่นิดหน่อย หัวใจอันเหี่ยวเฉากับรู้สึกชื่นชุ่มยินดี หลายวันผ่านไปญาติคนอื่นๆเริ่มหายเงียบ แต่ยายก็ยังคงเฝ้ารอใกล้เตียงลูกสาว คอยอยู่เคียงข้างเผื่อลูกตื่นมาจะได้รู้ว่าเค้าไม่ได้ต่อสู้อยู่คนเดียวยังมีคนอยู่เคียงข้างเสมอ วันนี้อาการคนป่วยแย่ลงมาก หายใจเหนื่อย ออกซิเจนในร่างกายเริ่มลงถอยลง น้ำตาแห่งความเป็นแม่เริ่มหยาดรินอาบสองแก้ม ยายหยิบผ้าเช็ดตัวชุบน้ำบิดพอมาดค่อยๆเช็ดลงบนตัวลูก เช็ดไปพูดกับลูกไปเรื่อยๆ ต่างๆ นาๆ แต่ประโยคสุดท้ายที่แม่พูด "แม่รักลูกนะ รักมาก ลูกเป็นเหมือนดวงใจของแม่ แต่บัดนี้แม่รู้สึกเหมือนคนที่กำลีงจะขาดสิ้นดวงใจ ถ้าวันนี้ลูกเหนือยนักจงพักเถิดลูก อยากหลับจงหลับให้สบาย" มือที่แสนเหี่ยวเพราะความชรา ค่อยๆล้วงนำแบงค์ห้าร้อยที่แสนยับออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วใส่ในมือลูก "แม่อาจไม่เคยมีอะไรให้ลูกมากนัก เงินแต่ละบาทช่างหายาก ตั้งแต่เล็กจนโตของเล่นซักชิ้นแม่ไม่เคยมีให้ลูก บางครั้งขนมที่จะให้หนูกินเหมือนเพื่อนๆแม่ก็ไม่ค่อยมีให้ วันนี้แม่อาจจะให้ลูกช้าไป แต่มันคือสิ่งที่แม่มีในตอนนี้ ลูกคงไม่โกรธแม่นะ" แม่พูดจบ น้ำตาผู้ป่วยที่ยังคงหลับตานิ่งแต่มี่หยดน้ำใสๆไหลออกมา เครื่องช่ายหายใจที่ร้องเตือนไม่ขาดสาย สัญญาณชีพที่เริ่มขาดหายไป พยาบาลและแพทย์มาช่วยชีวิตคนไข้ แต่ก็ไม่อาจยื้อลมหายใจให้กลับมาอีกตลอดกาล
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น