คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : something seven [What's happy?] : 1
topic : What's happy? #1
couple : chanyeol x sehun
warning : PG-13
ปาร์คชานยอล นักศึกษาปีสาม คณะศิลปกรรมศาสตร์ ตัวสูง หน้าตาดี ที่บ้านมีฐานะ นี่คือสิ่งที่รู้เขาทั้งหมดเกี่ยวกับคนตรงหน้าตอนนี้
“ถ้ามองนานกว่านี้จะคิดเงินเป็นนาทีแล้วนะ” คำขู่ของที่กำลังบังคับพวงมาลัยรถยนต์อยู่ไม่ได้ทำให้ใบหน้าหวานละความสนใจไปได้แต่อย่างใด
“......” ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากริมฝีปากเล็ก มือบางค่อยๆลากไปตามโครงหน้าหล่อคม ดวงตาเรียว สันจมูกโด่ง ก่อนจะมาหยุดที่ริมฝีปากอิ่มแผ่วเบา
เขามีดวงตาสีน้ำตาลเข้มและริมฝีปากอุ่นนุ่ม ผมรู้เพิ่มมาอีกสองอย่างแล้ว...
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดด
ล้อแม็กซ์ของรถปอร์เช่สีดำบดไปกับพื้นถนนอย่างแรงจนหน้าเกือบคว่ำเพราะการเหยียบเบรคกะทันหัน
“ขอโทษทีครับ” เซฮุนรีบชักมือกลับทันทีพร้อมกับใบหน้าหวานขึ้นสีแดงจางๆอย่างประหม่า
“บ้านนายอยู่ไหนล่ะ?” ร่างสูงถามเสียงเรียบก่อนจะเบนหน้าหนีไปอีกทางเพื่อหลบสายตาภายใต้กรอบแว่นสีดำนั้น
ทำไมต้องใจเต้นด้วยวะ..
“ทำไมครับ?” ถึงปากจะถามแบบนั้นแต่นิ้วสวยกลับกำลังวาดแผนที่บ้านลงบนหน้าจอไอพอทอย่างชำนาญ
“ไปเก็บของไง คนเป็นแฟนกันก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ” ชานยอลรับไอพอทเครื่องบางมาก่อนจะจดจำแผนที่แบบคร่าวๆแล้วออกรถอีกครั้ง
“มาอยู่บ้านผมก็ได้นะครับ”
“เดี๋ยวพ่อแม่นายก็ว่าฉันหรอก”
“คุณพ่อไปทำงานที่ต่างประเทศบ่อยๆ ส่วนคุณแม่เสียตั้งแต่ตอนผมอยู่ประถม” เซฮุนตอบกลับมานิ่งๆพร้อมสายตาที่มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย
“ขอโทษด้วย” เสียงทุ้มดังขึ้นเพื่อทำลายความเงียบที่ผ่านมาหลายนาทีก่อนจะหยุดรถลงตรงหน้าบ้านของเด็กตัวขาวที่เรียกว่าคฤหาสน์คงจะเหมาะกว่า
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัวไปเก็บกระเป๋าก่อน คุณมานั่งรอในบ้านก็ได้นะ”
“อือ..ไว้มีความสุขเมื่อไหร่ค่อยเอามาให้ฉันละกันนะเซฮุน” ร่างสูงครางอือในลำคอก่อนจะโยนกระเป๋าเป้ที่มีเงินจำนวนสิบล้านวอนลงบนตักของอีกคน คำพูดที่เตรียมจะปฏิเสธถูกกลืนหายเข้าไปในคอทันทีเมื่อพบกับริมฝีปากอิ่มที่ยกยิ้มน้อยๆแบบที่สามารถฆ่าคนได้
“เอางั้นก็ได้ครับ”
“วันนี้ผมมีนัดแล้ว ขอโทษด้วยนะครับคนสวย”
“อย่างอแงสิครับ ไม่ดื้อนะ”
“ไว้คราวหน้าละกันครับ บาย”
ชานยอลแทบจะกดวางสายทันทีทั้งที่ยังพูดไม่จบประโยค นิ้วยาวกดปุ่มปิดเครื่องอย่างเร่งรีบเมื่อโทรศัพท์เครื่องสวยทำท่าจะดังขึ้นมาอีกรอบ เค้าพูดประโยคด้านบนซ้ำไปซ้ำมาเกือบสิบรอบได้กับผู้หญิงที่โทรเข้ามาไม่ขาดสาย
“รอนานรึเปล่าครับ ขอโทษด้วย” เสียงหวานดังขึ้นพร้อมกับประตูรถที่เปิดออกเรียกความสนใจจากร่างสูงได้เป็นอย่างดี กระเป๋าเดินทางใบไม่ใหญ่มากนักถูกโยนไปที่เบาะด้านหลังคนขับ
“นายบอกที่บ้านว่ายังไงเนี่ย?” ดวงตาเรียวฉายแววสงสัยเล็กน้อย อยู่ๆขนของออกมาแบบนี้เดี๋ยวก็ตกใจกันหมดหรอก..
“พ่อผมไปดูงานที่อิตาลี พี่เลี้ยงลากลับประเทศจีน คุณป้าแม่บ้านไปงานแต่งลูกชาย ตอนนี้ผมกำลังหนีออกจากบ้านอยู่ครับ” ใบหน้านิ่งเรียบเหมือนไม่สนใจกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ส่งผลให้เส้นเลือดในสมองของชานยอลเต้นตุบๆอีกครั้งในรอบวันก่อนจะยกมือขึ้นมากุมขมับ
“เฮ้ นี่นายกำลังจะไปไหนไม่รู้กับคนแปลกหน้านะ”
เชื่อใจคนอื่นง่ายไปมั้ย คำว่าระแวงไม่มีในหัวสมองรึไง หรือจริงๆแล้วเป็นเด็กอายุสิบสองในร่างนักศึกษาปีหนึ่ง?
“ไม่หรอกครับ ก็คุณเป็นแฟนผมนี่” เซฮุนพูดอย่างใจเย็น มือเรียวหยิบไอพอทขึ้นมาเล่นเกมส์ก่อนจะมองคนตัวสูงข้างๆราวกับพูดเรื่องแปลกประหลาดออกมาก
“โทรศัพท์ผมมี GPS ครับเดี๋ยวเค้าก็โทรตามเอง ไม่ต้องห่วง”
เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอคนที่น่าเป็นห่วงขนาดนี้มาก่อนเลยให้ตาย..
ประตูห้องของคอนโดหรูใจกลางเมืองถูกเปิดออกก่อนขายาวๆของเซฮุนจะเดินสำรวจไปจนทั่วไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าว ห้องครัว ห้องน้ำ ทุกสถานที่ล้วนมีกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของคนที่ได้ชื่อว่าแฟนอยู่เต็มไปหมด ริมฝีปากสวยยกยิ้มออกมาบางๆ
มันให้ความรู้สึกอบอุ่น..
ชานยอลมองคนตัวขาวที่เดินไปเดินมาภายในห้องของเค้าไม่ยอมหยุด มือบางหยิบกรอบรูปที่ประดับไว้ตามที่ต่างๆมาดูอย่างตื่นเต้นแล้ววางไว้ที่เดิม หนังสือการ์ตูนบนชั้นถูกรื้อออกมาจนเกือบหมดก่อนจะยัดกลับคืนอย่างเป็นระเบียบ ตุ๊กตาตัวนุ่มที่วางอยู่บนโซฟาถูกยกขึ้นมาอุ้มไว้ไม่ห่างพร้อมกับเดินไปสำรวจที่อื่นต่อ
เป็นเด็กที่แปลกดีแฮะ
“มากินข้าวเย็นได้แล้วเซฮุน” เสียงทุ้มตะโกนเรียกคนที่ยังเอาแต่ขุดแผ่นเกมส์ของเค้าอยู่หน้าทีวีเมื่อล่วงเลยเวลาอาหารเย็นมาซักพักแล้ว ชานยอลวางจานสปาเกตตี้ไวท์ซอสลงบนโต๊ะกระจกใสและไม่นานก็ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของอีกคน
“คุณทำเองเหรอครับ?” ร่างบางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้เข้าชุดตรงข้ามกับคนตัวสูง
“อือ ลองกินดูสิ” บทสนทนาจบลงแค่นั้นก่อนเส้นสปาเกตตี้จะลอยเข้าสู่ปากของเซฮุน ลิ้นเล็กๆไล่เก็บครีมซอสตามริมฝีปากอย่างตั้งใจ
อาหารบนโต๊ะถูกจัดการภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ชานยอลวางแก้วน้ำเปล่าในมือลงก่อนจะเริ่มเปิดประเด็นกับสิ่งที่เค้าสงสัยมาตั้งแต่ช่วงบ่ายของวัน
“นายบอกว่าตัวเองไม่มีความสุขสินะ..เพราะอะไร?”
“ผมไม่รู้ครับ...มันหลายอย่าง” ดวงตากลมภายใต้กรอบแว่นวูบไหวไปเสี้ยววินาทีก่อนจะกลับมาเหลือเพียงความว่างเปล่าดังเช่นปกติ
ชานยอลถอนหายใจน้อยๆ จากที่เค้าสังเกตดูเหมือนปัญหาของเด็กตรงหน้าจะมาจากครอบครัวไม่อบอุ่นอะไรทำนองนั้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังใหญ่ๆที่แทบไม่มีเสียงผู้คนหรือผู้ปกครองที่เอาแต่ทำงานก็ตาม
“ทำไมไม่ลองทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาแบบที่คนส่วนมากเค้าทำกันล่ะ?”
“...ผมฉลาดพอที่จะไม่ทำอะไรแบบนั้น การทำลายสิ่งที่พวกท่านสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากด้วยความเอาแต่ใจของผม เป็นอะไรที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก” มือเล็กที่วางอยู่บนตักกำแน่นจนรู้สึกเจ็บแต่ริมฝีปากบางกลับขยับไปเรื่อยๆราวกับไม่รู้สึกอะไร
.
.
.
“ผลสอบของปีนี้ครับพ่อ” กระดาษเอสี่ค่อนข้างหนาที่ด้านบนถูกประดับด้วยสัญลักษณ์ของโรงเรียนชื่อดังถูกยื่นไปให้บุคคลที่นั่งอยู่หลังโต๊ะไม้โอ๊คราคาแพง
“เก่งมากครับลูกพ่อ รักษาตำแหน่งเอาไว้ให้ดีนะ” ใบหน้าของคุณพ่อยังหนุ่มยกยิ้มกว้างด้วยความภูมิใจ มือใหญ่เอื้อมไปยีเส้นผมสีวอลนัทของลูกชายคนเดียวอย่างอ่อนโยน
คะแนนอันดับหนึ่งของโรงเรียนเป็นสิ่งที่เค้าคุ้นเคยบนแผ่นกระดาษใบนี้เสียเหลือเกิน..
“ผมขอหยุดเรียนพิเศษซักวันได้มั้ยครับ?” เซฮุนยกยิ้มน้อยๆเมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือที่เขาโหยหา
“เพื่ออนาคตของเซฮุน เพื่ออนาคตของตระกูล ไม่ดื้อนะครับ” ประโยคเดิมๆดังขึ้นเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ตั้งแต่เขาจำความได้ ก่อนจะตามด้วยอ้อมกอดอบอุ่นที่ไม่อยากปล่อยไปแม้แต่วินาทีเดียว
“คุณอี้ฟานครับ ช่วยเซ็นรับรองเอกสารมาใหม่ให้ด้วยครับ” เลขาคนสนิทผลักประตูห้องทำงานให้เปิดออกพร้อมแฟ้มเอกสารที่สูงเกือบเท่าหัว
“เอาวางไว้ตรงนั้นแหละอี้ซิง...พ่อต้องทำงานต่อแล้ว” สิ่งที่เด็กหนุ่มอายุ 15 ปีต้องการเพียงหนึ่งเดียวค่อยๆลอยหายไปอย่างไม่สามารถทำอะไรได้ ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะวาดรอยยิ้มที่เค้าคิดว่าสดใสที่สุด
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” ขายาวๆเดินออกมาจากห้องทำงานทันทีพร้อมกับตรงไปที่ห้องนอนของตัวเองอย่างเร่งรีบ ดวงตากลมสะดุดเข้ากับสายรุ้งจำนวนมากที่พาดอยู่ตามผนังห้องนั่งเล่นและเค้กปอนด์โตที่วางไว้บนโต๊ะหินอ่อนอย่างสวยงาม
“สุขสันต์วันเกิดนะเซฮุนนา!” น้ำเสียงสดใสของพี่เลี้ยงคนสนิทดังขึ้นทันทีพร้อมกับแรงดึงให้ตกลงสู่อ้อมกอด
“อยู่ฉลองวันเกิดกับพี่ลู่แทนคุณพ่อคุณแม่นะครับ” มือเรียวลูบผมสีวอลนัทของอีกคนอย่างเบามือ สัมผัสเปียกชื้นบนไหล่ยิ่งทำให้ต้องกระชับกอดแน่นขึ้นไปอีก
“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ไม่ลืมวันเกิดผม” ริมฝีปากบางระบายยิ้มน้อยๆก่อนจะแตะลงบนแก้มขาวเนียนที่ชื้นไปด้วยน้ำตา
“ไม่ร้องไห้นะครับ พี่ลู่มีของขวัญมาให้ด้วยนะ”
“พี่ลู่หาน..” เซฮุนรับกล่องพลาสติกแข็งสีเบจซึ่งถูกประดับด้วยริบบิ้นสีโอรสแบบที่คุณแม่ของเขาชอบก่อนจะเปิดออกอย่างเบามือ
“คุณผู้หญิงซื้อเตรียมไว้ให้น่ะ ชอบรึเปล่า?”
แว่นกรองแสงรูปทรงเรียบๆสีดำถูกจับขึ้นมาอย่างทะนุถนอม ขาแว่นด้านในถูกสลักด้วยชื่อของตัวเองเป็นภาษาอังกฤษอย่างประณีตสวยงาม น่าเสียดายที่ท่านจากไปเสียก่อน...
“ครับ” ร่างบางพยักหน้าน้อยๆพร้อมกับปาดน้ำที่บริเวณหางตาออก ริมฝีปากอุ่นของพี่เลี้ยงแตะลงบนหน้าผากใสอย่างปลอบโยน
“คุณอี้ฟานรักเซฮุนนาที่สุดในโลกเลยนะ..”
“.....”
“เชื่อพี่ลู่สิ”
น้ำตาไหลออกจากดวงตาที่เริ่มแดงก่ำอีกครั้งโดยไร้เสียงสะอื้น ริมฝีปากบางค่อยๆหยัดเป็นเส้นตรงจนคนเห็นหัวใจกระตุกวูบ พร้อมมือเล็กที่ยกขึ้นมาปาดน้ำตาออกอย่างใจเย็น
แม้การแบกรับความหวังและความกดดันจากครอบครัวจะหนักหนาสาหัสซักเท่าไหร่ แต่ถ้าเพื่อแลกกับรอยยิ้มและความสุขของคนสำคัญที่สุดในชีวิตแล้ว
เค้ายอม...
.
.
.
“พรุ่งนี้มีเรียนเช้ารึเปล่า?” เสียงทุ้มดังขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบที่แสนอึดอัดหลังจากคำถามสุดท้ายบนโต๊ะกินข้าวนั้นคนตัวขาวก็ไม่เปิดปากพูดอะไรอีกเลย
“สิบโมงเช้าครับ” เซฮุนพยักหน้าน้อยๆแต่สายตายังคงจดจ่อไปที่หนังสือการ์ตูนในมือซึ่งอยู่หน้าเดิมมาหลายนาทีแล้ว
ดูยังไงก็หลบหน้ากันชัดๆ
“หันมาทางนี้สิ”
“.........” คนตัวเล็กเปิดหนังสือการ์ตูนหน้าถัดไปพร้อมกับดันแว่นให้ขึ้นไปอยู่บนสันจมูกเหมือนไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ทำเอาชานยอลต้องสูดหายใจเข้าลึกๆอย่างระงับอารมณ์ ไอ้เด็กบ้านี่...
“หันหน้ามาคุยกับพี่สิโอเซฮุน” มือเรียวจับเข้าที่ปลายคางของอีกคนก่อนจะหันให้มาประจันหน้ากับตัวเอง
ดวงตาสีเข้มเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับแว่นกรองแสงราคาแพงที่ถูกดึงออกไป ริมฝีปากบางแดงอ้าออกจากกันอย่างลืมตัวเพราะสมองที่ยังไม่สามารถประมวลผลได้ในขณะนี้ก่อนจะสะดุ้งเพราะสัมผัสเย็นๆที่แตะลงบนหน้าผาก
“ครับ...ขอโทษ” เซฮุนพูดเสียงแผ่ว ปลายจมูกโด่งของร่างสูงชนเข้ากับสันจมูกของเค้า ลมหายใจอุ่นๆในระยะประชิดทำให้ใบหน้าเริ่มร้อนขึ้นมาอย่างประหลาด
“พรุ่งนี้จะไปส่ง อย่าลืมปลุกด้วย” ชานยอลแนบหน้าผากลงไปหาคนตัวเล็กกว่า พร้อมกับประคองใบหน้าไว้เพื่อไม่ให้หลบหนี
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเกรงใจ” มือเล็กที่พยายามดันแผ่นอกกว้างออกไม่ได้ช่วงให้ระยะห่างที่มีอยู่เพิ่มขึ้นเลย ริมฝีปากอิ่มกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะจงใจพูดให้กลีบปากนิ่มขยับเกือบโดนกันหลายครั้ง
“แต่พี่อยากไปส่ง...เลิกใช้คำพูดที่สุภาพเกินจำเป็นแบบนั้นซักที”
“ครับ...ขอโทษ” คนตัวบางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอแล้วเลียริมฝีปากเบาๆอย่างประหม่า สายตาโฟกัสไปที่โซฟาด้านล่างจนชานยอลนึกขำ
“ขอโทษทำไม...ทำอะไรผิด” ร่างสูงยังคงพูดแกล้งต่อไปแม้รู้ดีว่าจะไม่มีเสียงตอบกลับจากคนตัวเล็กก็ตาม
“นายต้องเอาแต่ใจให้มากกว่านี้นะ...อ้อนพี่เยอะๆ” ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มบางๆ น้ำเสียงอ่อนโยนกระซิบที่ข้างหูพร้อมอ้อมกอดอบอุ่นที่แทบจมหายไปในแผ่นอกกว้าง
ใบหน้าค่อยๆวางลงบนไหล่ลาดบางก่อนจะหลับตาพริ้ม สันจมูกโด่งสูดกลิ่นหอมอ่อนๆเฉพาะตัวของคนตัวเล็กพร้อมกับริมฝีปากอิ่มที่ยกยิ้มน้อยๆ
“เลิกเรียกว่าคุณด้วย โอเคมั้ย?” มือเล็กกำเข้าที่ชายเสื้อของชานยอลแน่น ริมฝีปากบางขยับเป็นเสียงอู้อี้ที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องนัก
“ได้เหรอ...ทำแบบนั้นได้เหรอครับ”
“ไม่โกหกหรอก...เรียกชื่อพี่หน่อยสิ”
“คุณ..เอ่อ...พี่ชานยอล” เจ้าของชื่อยกยิ้มกว้างอย่างลืมตัว เซฮุนเรียกชื่อเขาซ้ำๆเพื่อสร้างความคุ้นชินให้กับตัวเอง มือใหญ่ยีเส้นผมสีน้ำตาลนิ่มของอีกคนอย่างหมันเขี้ยว
เด็กอะไรน่ารักชิบหายเลย..
ความคิดเห็น