คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : My Mummy? Chapter 1
ในยามค่ำคืนที่ผู้คนในกรุงโซลพากันหลับใหลเพราะความเหนื่อยล้าจากกิจกรรมเมื่อตอนกลางวันบ้าง บางคนก็ยังทำงานอยู่บ้าง บางคนก็ไปสังสรรค์รื่นเริง ผู้คนทุกคนมีสิ่งที่ต้องทำมากมายไปหมด จนไม่มีเวลามาชมความงามของธรรมชาติ จะมีใครรู้ไหมนะว่าท้องฟ้ายามกลางคืน ที่มีดาวระยิบระยับประดับเต็มไปหมดนั้น สวยงามมากเพียงใด
คิมฮีชอลก็เป็นอีกคนนึงที่ออกมาชมความงามของท้องฟ้ายามค่ำคืนนี้ ร่างบางยังอยู่ในชุดนอนสีหวานบางเบา การได้ออกมามองท้องฟ้าและคิดอะไรไปเรื่อยมีเป็นสิ่งที่ดีทีเดียวล่ะ มือบางเลื่อนมากอดอกด้วยความหนาว
อากาศเย็นขนาดนี้ น่าจะเอาผ้าคลุมไหล่ออกมาด้วย...
หมับ!!
“อ๊ะ!!” ยังไม่ทันจะทำอะไร ผ้าคลุมไหล่ผืนหนาก็ถูกห่มลงมาพร้อมกับอ้อมกอดอุ่นๆของใครบ้างคน
“ออกมาดูดาวคนเดียวอีกแล้วนะ” พูดจบร่างหนาที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักซุกหน้าเข้ากับไหล่บางของฮีชอล
ลี ฮันคยอง นักธุรกิจพันล้านที่เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของบริษัทของคุณแม่ฮีชอล ฮันคยองได้เจอฮีชอลครั้งแรกตอนไปติดต่อธุรกิจ เขาตกหลุมรักฮีชอลตั้งแต่แรกพบ ใบหน้าสวยหวานตามแบบเจ้าหญิงและดวงตากลมโตเหมือนลูกแก้วใสนั่นติดตราตรึงใจเขาอย่างมาก หลังจากนั้นเขาก็ตามจีบฮีชอลเรื่อยมา พอยิ่งได้รู้จักนิสัยใจคอก็ยิ่งชอบ เวลาผ่านไปจากชอบก็กลายเป็นรัก รักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น จนในที่สุด เขาและฮีชอลก็ได้คบกัน
จากวันที่ได้คบกัน...ตอนนี้ก็สามปีเต็มแล้ว
วันที่ฮีชอลกลับจากนิวยอร์กวันแรก เขาไปที่บริษัทของคุณแม่เพื่อไปกอดคุณแม่ให้หายคิดถึง ฮีชอลไม่อยากเชื่อเลยว่า เขาจะได้เจอกับรักแรกพบ
ร่างหนาแต่งตัวภูมิฐาน ดูมีอายุมากกว่าเขาสักไม่กี่ปี ใบหน้าคมและตาเรียวนั่นบ่งบอกได้ว่าเขาไม่ใช่คนเกาหลี จนได้ทำความรู้จักกันถึงได้รู้ว่าเป็นคนจีน ช่วงแรกๆที่รู้จักกัน ฮันคยองพาเขาไปนู่นมานี่ทั่วเกาหลี มาให้เขาทำกับข้าวเลี้ยงทุกเย็น เนียนๆมาจีบเขาตลอด คุณแม่กับคุณพ่อของเขาก็ไม่ได้คัดค้านเสียด้วย
ไม่รู้ว่าความสนิทสนม หรือความใกล้ชิด ทำให้ฮีชอลเริ่มตกหลุมรักฮันคยองทีละนิดจนปีนขึ้นมาไม่ได้ซะแล้ว สุดท้ายก็ได้ตกลงปลงใจเป็นแฟนกัน
สามปีเต็มที่คบกัน ถือว่านานพอสมควร แต่ฮีชอลรู้สึกว่า
เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวของฮันคยองเลย
ฮันคยองไม่เคยพาเขาไปบ้าน ไปเที่ยวกันถึงจีนก็ไม่คิดจะพาฮีชอลไปแนะนำกับพ่อแม่ของตัวเองเลย จนบางทีฮีชอลก็แอบน้อยใจ อดคิดไม่ได้ว่า ฮันคยองไม่ได้คิดจะจริงจังกับเขา
“เฮีย...”เสียงหวานเรียกคนรักที่ซบหน้าอยู่กับไหล่ลาดของตน
“ครับ”
“ฉันคิดมาตั้งนานแล้วว่าจะบอกเฮียเรื่องนี้ดีหรือเปล่า”
“??”
“เฮีย เราคบกันมานานพอที่จะ...แต่งงานกันได้หรือยัง”
ฮันคยองถึงกับนิ่งไป ค่อยๆปล่อยอ้อมกอดจากฮีชอลจนร่างบางใจเสีย ฮันคยองทำหน้าเครียด หันมามองหน้าร่างบางตรงๆ มือหนายกขึ้นมาลูบหน้าตัวเองแรงๆ ฮีชอลได้แต่มองตาปริบๆ คนรักของเขาคิดอะไรอยู่
“...มันเร็วไป”
ห่ะ เร็วไป!! เร็วไปหรอ!! เร็วไปตรงไหน เขาทำตัวติดกันฮันคยองมาตั้งสามปี ควงกันออกหน้าออกตาจนใครๆก็รู้ เขาไม่อยากยิ้มแห้งๆทำหน้าเจื่อนๆ เวลาพวกเพื่อนๆของคุณแม่มาถามเขาว่าเมื่อไหร่จะแต่งงานกันสักที เขาก็รอร๊อรอว่าเมื่อไหร่ฮันคยองจะขอเขาแต่ง แต่ฮันคยองก็ไม่ยอมทำสักที
“สามปีบ้านเฮียมันยังเร็วไปอีกหรอ” ฮีชอลพูดเสียงแหลม ใบหน้าสวยหงิกง้ำลงทันใด
“ไม่เอาน่าฮีชอล...วันนี้ฟ้าออกจะสวยอย่าอารมณ์เสียเลยนะ”
“ไม่เกี่ยว เฮียอย่ามานอกเรื่อง เฮียจะไม่จริงจังกับฉันใช่มั้ย??”
“ไปกันใหญ่แล้ว...”
“ฉันบอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ใช่คนที่เฮียจะมาทิ้งไปง่ายๆ ฉันจริงใจกับเฮียและรักเฮียมากนะ...ฉันว่าเราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ” พูดตัดบทเมื่อเห็นอีกคนนิ่ง ฮีชอลสะบัดหน้าเดินกลับเข้าห้องไปหยิบกระเป๋ากับเสื้อโค้ท ฮันคยองผวารีบวิ่งไปจับแขนฮีชอลไว้ทันที
“จะไปไหนฮีชอล”
“ฉันจะกลับบ้าน!!”
“เที่ยงคืนเนี่ยนะ!! อย่าทำแบบนี้สิฮีชอล”
“ฉันไม่อยากอยู่กับเฮีย ไม่อยากเห็นหน้าเฮียแล้ว!!” ฮีชอลสะบัดแขนจนหลุดจากฮันคยอง เดินกระทืบเท้าเสียงดังออกไป ตบท้ายด้วยการปิดประตูดังปัง
“โธ่เอ๊ย!” ฮันคยองสบถ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ยกมือขึ้นมากุมหัว ด้วยความเครียดแบบสุดๆ
ไม่ใช่ว่าเค้าไม่อยากแต่งงานกับฮีชอล
แต่ว่าเขามีบางอย่าง...บางอย่างที่เป็นตัวถ่วงให้เขาไม่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ของเขากับฮีชอลเป็นสามีภรรยาตามนิตินัยได้ บางอย่างที่เขายังไม่ได้บอกฮีชอล เพราะเขาไม่รู้ว่าถ้าบอกไป ฮีชอลจะรับได้ไหม ฮีชอลจะเลิกกับเขาหรือเปล่า นั่นเป็นสิ่งที่เขากลัวที่สุด เขาอยู่ไม่ได้จริงๆถ้าไม่มีฮีชอล
~~~My mummy??~~~
“เฮ้ออออออ”
คิดผิดจริงๆที่หนีกลับบ้านมา เช้าวันต่อมาฮีชอลถึงได้ตื่นเสียเช้า เอ่อ จริงๆไม่ได้อยากจะตื่นเช้าหรอกนะ ที่จริงแล้วน่ะ ไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนต่างหาก นอนร้องไห้ทั้งคืนเลย ตาถึงได้บวมเป็นตากบแบบนี้ไงล่ะ ปกติเวลา 9 โมงเช้าๆ(?) แบบนี้ ฮีชอลยังคงนอนหลับสบายอยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆของฮันคยองนั้นแหละ พอหนีกลับมาบ้านก็เลยต้องมานั่งปล่าวเปลี่ยวเอกาอยู่คนเดียวกลางสนามหญ้าหน้าบ้านนี่ไงล่ะ
“เฮ้อออออออ~~~” ขอถอนหายใจอีกครั้ง ว่าแล้วก็ไถลเลื้อยตัวนอนหมอบไปกับโต๊ะอัลลอยด์สีขาว นี่เขาทำตัวงี่เง่าเกินไปหรือเปล่านะ?? ฮันคยองจะโกรธหรือเปล่า?? ฮันคยองจะตามมาง้อไหม??
หรือ ฮันคยองจะเห็นว่าเขาเป็นแค่ของเล่นจริงๆ??
“จะถอนหายใจย่นอายุตัวเองไปถึงไหนจ๊ะ??” เสียงหวานดูมีอายุดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามืออุ่นๆที่ทาบลงมาบนหัวทุยๆ ฮีชอลเงยหน้าขึ้นมามองแล้วเรียกคนเหนือหัวด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“คุณนายแม่..”
“ไปทำอะไรมาเนี่ย? หน้าโทรมเชียว”
“นอนไม่หลับอ่ะสิคุณนาย”ว่าพลางเอามือเท้าคาง
“นอนไม่หลับเรื่องอะไรล่ะ เล่าให้แม่ฟังได้ไหม?”
ฮีชอลไม่ตอบแต่ทำปากยู่ เบนหน้าหนีไปทางอื่น มองนกมองไม้ไปเรื่อย แต่คนเป็นแม่ที่เลี้ยงฮีชอลมาตั้ง 20 ปีอย่างคิมแทฮีก็ดูออก
“เอาเถอะ! ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า แต่คงจะไม่พ้นเรื่องของฮันคยองใช่มั้ยล่ะ”
“ใช่ฮะ T0T ผมไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมฮันคยองไม่ขอผมแต่งงานสักที ทั้งๆที่เค้าก็มีทุกอย่างพร้อม ผมกับเขาก็คบกันมานานพอแล้วด้วย หรือเขากลัวสังคมจะรับไม่ได้ที่มีภรรยาเป็นผู้ชายฮะ?” ฮีชอลยอมรับและยอมสารภาพเรื่องทั้งหมดแต่โดยดี ผู้หญิงคนนี้รู้ทันเขาไปทุกเรื่องเลยจริงๆ
“นี่ขนาดไม่อยากเล่านะเนี่ย” คิมแทฮีอมยิ้ม สุดท้ายฮีชอลก็เล่าให้เธอฟังอยู่ดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ฮีชอลทำหน้ามุ่ย เมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอพูดเรื่องของตนไปหมดแล้ว
“แม่ว่าไม่หรอก ไม่งั้นฮันคยองคงไม่คบกับหนูออกสื่อมาตั้งสามปีหรอก และถ้าเขาแคร์สังคมขนาดนั้นน่ะนะ เขาคงไม่จีบหนูตั้งแต่แรกแล้วล่ะ ฮันคยองอาจจะไม่พร้อมจริงๆก็ได้ อย่าคิดมากเลยนะลูกนะ”
“...”
“คนเราน่ะถ้ารักกันแล้ว มันก็ต้องรู้จักให้อภัยกัน หนักนิดเบาหน่อยก็อย่าไปถือสา จะได้รักกันนานๆนะลูก จำไว้” ฮีชอลพยักหน้ารับยิ้มๆกับคำสอนของคุณนายแม่ คิมแทฮีลูบหัวลูกชายคนเดียวของเธอเบาๆด้วยความเอ็นดู ตั้งแต่เธอคลอดฮีชอลออกมา เธอก็รู้แล้วว่าเธอคงไม่ได้ลูกสะใภ้แน่ๆ ก็ในเมื่อฮีชอลออกมา มีใบหน้าสวยหวาน ตากลมโตเหมือนเธอตอนสาวๆไม่มีผิด ยิ่งโตขึ้นผิวก็ยิ่งขาวเนียน ทรวดทรงองค์เอวก็ดีกว่าผู้หญิงบ้างคนเสียอีก ถ้าฮีชอลได้รักกับผู้ชายดีๆที่ดูแลเจ้าตัวได้โดยที่ไม่หวังสมบัติ จากที่ดูๆมาผู้ชายคนนั้นก็เป็นฮันคยองนี่แหละ
“แล้วมานั่งซึมอยู่แบบนี้จะได้อะไรขึ้นมาล่ะ วันนี้แม่ว่าง หนูไปช่วยแม่ทำขนมดีกว่า” พูดแล้วยิ้มไปพยักหน้าไป พยายามดึงมือลูกชายร่างบางที่นั่งแกร่วเป็นผักชีเหี่ยวๆให้ลุกขึ้น แต่ฮีชอลกลับส่ายหัวด๊อกแด๊กแล้วทำปากยื่น
“ขอบายฮะ ไม่ชอบเข้าครัว ผมว่า...คุณนายว่างๆแบบนี้ เราไปช็อปปิ้งกันดีกว่าน๊า” ฮีชอลพูดอ้อนๆพลางเอียงหัวไปซบกับแขนของคิมแทฮี ถูไถไปมาเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ
“ลูกคนนี้นี่!! = = เอ่า! ก็ได้ ตอนนี้ไปกินข้าวก่อนเถอะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด”
“เย่ๆ คุณนายแม่ใจดีที่สุดเล๊ยย!” ร่างบางหอมแก้มมารดาดังฟอด แล้วจัดการลากคิมแทฮีเข้าบ้านไปอย่างเร่งรีบ เพราะยิ่งกินข้าวเร็วเท่าไหร่ หลุยส์คอลเลคชั่นใหม่ที่หมายปองเอาไว้เมื่อตอนต้นเดือน ก็มาอยู่ในกำมือเร็วเท่านั้น!!
~~~My mummy??~~~
“ลาล๊า~~” ฮีชอลฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ มีคนเคยพูดไว้ว่า ถ้าเครียดเมื่อไร ก็ออกไปช็อปปิ้ง คิมฮีชอลคนนี้ขอยืนยัน นั่งยัน นอนยันเลยว่ามันเป็นจริงซะยิ่งกว่าจริง เมื่อเช้าเค้ายังมานั่งนอยด์เรื่องฮันคยองอยู่เลย แต่พอได้ออกไปช็อปปิ้ง ฮีชอลจำเป็นต้องใช้หัวในการคำนวณว่าร้านไหนเซลล์มากกว่ากัน
มือขวาโยนกุญแจรถให้คนรถที่นั่งรดน้ำต้นไม้อยู่แถวนั้น ซึ่งอีกคนก็สามารถกระโดดรับได้อย่างทันท่วงที มือซ้ายหอบถุงแบรนด์ชื่อดังต่างๆเสียพะรุงพะรัง ก่อนจะวิ่งอ้อมมาเปิดประตูให้คุณนายแม่ผู้เป็นคนจ่ายเงินให้กับของในมือทั้งหมด ก่อนที่สองแม่ลูกจะเดินจับมือควงแขนกันเข้าบ้านหลังใหญ่
“คุณหนูคะ คุณฮันคยองมารอพบตั้งแต่เที่ยงแล้วค่ะ” ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน คนรับใช้ก็รีบเข้ามาบอกทันที มืออวบอ้วนเอื้อมมารับถุงจำนวนมากในมือคุณหนูของเธอ ก่อนจะโค้งทีนึงแล้วเอาของไปเก็บตามหน้าที่
“สงสัยเขามาง้อแล้วมั้ง? งั้นแม่ขึ้นไปข้างบนดีกว่า” คิมแทฮีปล่อยมือของลูกชาย ใช้มือเดิมดันหลังลูกชายให้เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นพลางยิ้มให้ แล้วคุณนายแม่ของฮีชอลก็เดินขึ้นบันไดไป
~~~My mummy??~~~
“นี่…” เสียงแหลมบาดแก้วหูคนจะหลับจะนอนเสียเหลือเกิน และยังจะสัมผัสกึ่งนิ่มกึ่งแข็งนี่อีก จะอะไรกันหนักหนาวะคร้าบบบ!! จะให้คนจีนนอนหลับสบายๆได้ม้ายยยย!! ว่าแล้วก็ปัดสัมผัสกวนใจนั้นทิ้งซะ ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเหมือนเด็กโดนกวน ก่อนจะเริ่มกรนออกมาเบาๆ
ฮีชอลอยากจะบ้า! ร่างบางหรี่ตามองคนตัวใหญ่ที่นอนเหยียดกินพื้นที่บนโซฟาบ้านของเขาไปมากกว่าครึ่ง แถมยังมากรนใส่อีก!! คนบ้าเอ๊ย!!
“นี่! เฮีย” เพิ่มเสียงขึ้นอีกนิด มือที่จิ้มๆที่แก้มสากเมื่อกี้ก็เปลี่ยนมาเป็นจับไหล่แล้วเขย่าแรงๆหวังจะให้อีกคนตื่นมาคุยกัน
“คร่อกกก...”
“= = คนบ้า!!!!”
เพียะ!!
“โอ๊ยย! ใครมาทำไรอั๊ววะ!!” ฮันคยองที่สะดุ้งตื่นจากแรงตบของฮีชอลโวยวายเป็นภาษาบ้านเกิดลั่น ร่างสูงทำหน้าตื่น มองซ้ายมองขวาอย่างระแวง จนสายตามาป๊ะเข้ากับฮีชอลที่ยืนเท้าสะเอวมองตนอยู่
“อ่าว...ฮีชอลหรอ..เอ่อ”
“นี่ตกลงจะมาง้อหรือมาหลับเนี่ย ทำยังกับเมื่อคืนไม่ได้นอน”
“...ก็ใช่นะสิ เฮียคิดถึงหมอนข้างนุ่มๆจนนอนไม่หลับเลยเนี่ย” นี่พูดจริงจากใจ ไม่ได้หยอดคำหวานเลยจริงๆนะ ร่างสูงลุกขึ้นนั่ง จัดการเสยผมอันยุ่งเหยิงให้เข้าที่ ก่อนจะดึงมือคนขี้งอนมานั่งข้างกัน
“ฮีชอล...หายโกรธเฮียหรือยัง”
“ยัง!” ฮีชอลตอบห้วนๆตามอารมณ์ ใบหน้าสวยสะบัดหนีไปอีกทางเหมือนเด็กๆแต่หางตาก็ยังแอบเหลียวมองคนรัก
“ฮีชอล...ถ้าเป็นเรื่องเมื่อคืน เฮียมีเหตุผลจริงๆนะ”
“เชอะ...เงินเฮียก็มี หน้าตาทางสังคมเฮียก็มี ทุกอย่างเฮียมีพร้อมหมดแล้ว ฉันไม่เห็นเข้าใจเลยว่าทำไมเฮียจะแต่งงานกับฉันไม่ได้” พูดไปก็หูแดงหน้าแดงก่ำไปหมด ให้ตายสิ น่าอายชะมัด พูดไปแบบนี้เหมือนว่าเขาอยากจะแต่งงานกับฮันคยองซะจนตัวสั่น ทั้งๆที่เขาอยากได้ความแน่ใจว่าร่างหนาจะไม่ไปมีใครอีกก็แค่นั้นเอง ก็ฮันคยองทั้งหล่อทั้งรวย มีคนอยากมาสมัครเป็นคุณนายตระกูลหานไม่รู้ตั้งกี่คน แค่กระดิกนิ้วทีหนึ่งก็มากันจนเต็มบ้านเต็มเมืองแล้ว อะไรจะเป็นหลักประกันได้ว่าฮันคยองจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้นกันล่ะ
นอกเสียจาก...ทะเบียนสมรส!!
ฮันคยองถอนหายใจ ดวงตาคมสบตากับคนรัก ทำไมเขาจะไม่รู้ ฮีชอลแค่อยากได้หลักประกันที่เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่มีใครมาแย่งเขาไปได้ ใช่ว่าเขาจะไม่ห่วงเรื่องนี้ ฮีชอลเองก็เป็นคนสวย ใครๆก็มอง เขาเองก็แอบหวงอยู่ แต่ทำอะไรไม่ได้
สงสัยต้องบอกแล้วล่ะ เหตุผลที่เขาไม่สามารถแต่งงานกับฮีชอลได้
ฮันคยองคิดในใจ ก่อนจะคว้ามือคนตรงหน้าแบบที่ฮีชอลไม่ทันตั้งตัว
“ถ้าฮีชอลอยากรู้เหตุผลนัก เฮียจะพาไปดูเดี๋ยวนี้เลย”
~~~My mummy??~~~
Talkative :3
เย่ๆ ได้ฤกษ์ลงฟิคยาวเรื่องแรกแล้ว ^0^ จริงๆเรื่องนี้กะไว้ว่าจะแต่งให้
จบก่อนค่อยลง แต่ตอนนี้เครื่องกำลังร้อนค่ะ อยากให้รีดเดอร์ได้อ่านไวๆ
แต่ไม่ต้องห่วงนะ สัญญาว่าจะเข็นให้จบแน่นอนค่ะ ช่วยคอมเม้นติชมด้วยน๊าา
ตัวอักษรอยากจะให้เว้นมากกว่านี้ไหม ใบพลูอยากให้อ่านกันแบบสบายตานะคะ
ความคิดเห็น