สัญญาที่ไม่ลืม - สัญญาที่ไม่ลืม นิยาย สัญญาที่ไม่ลืม : Dek-D.com - Writer

    สัญญาที่ไม่ลืม

    คำพูดที่ไม่คิดว่าจะเป็นสัญญาที่จริงจัง กลับมาผลกับคนพูดและคนฟังอย่างที่เจ้าตัวก็นึกไม่ถึง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงยังจำได้ดี

    ผู้เข้าชมรวม

    708

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    708

    ความคิดเห็น


    14

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 ต.ค. 48 / 13:40 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เพิ่งรู้ว่าการที่ต้องเดินทางไกลๆ ก็มีประโยชน์ตรงที่ให้เราได้ใช้ความคิดอยู่ในโลกส่วนตัวของเราอย่างเต็มที่ ได้คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา อนาคตที่จะเกิดขึ้น อดีตที่ไม่เคยลืม

           คุณล่ะเคยหรือเปล่า?? เคยใช้เวลานั่งคิดถึงเรื่องราวแบบฉันบ้างไหม ให้เวลากับตัวเองมากขนาดไหน?
           ฉันกำลังเดินทางไปพบเพื่อนเก่า ที่ไม่ได้เจอกันนานมาก...มากพอดูเลย เพื่อนสมัยเรียนมัธยมโน่นแน่ะ บางคนตั้งแต่เรียนจบ ม.6 มาก็ไม่ได้พบกันอีก ไม่ใช่ว่าฉันลืมเพื่อนๆ หรอกนะ ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยก็ยังได้เจอเพื่อนบางคนอยู่ แต่พอเรียนจบฉันก็เลือกที่จะลองทำงานไกลๆ ดูบ้าง แล้วก็เกิดติดใจขึ้นมา อันที่จริงจะโทษฉันคนเดียวก็ไม่ได้ ก็เวลานัดเจอกันเพื่อนบางคนก็ไม่ยอมมาเอง บางคนเรียกว่าหายสาปสูญไปแล้วก็มี หากแต่บางคนที่ไม่ได้เจอกันก็มีโทรศัพท์หากันบ้าง แต่นานๆ ครั้งนะ
           หากตอนนี้ใครมาเห็นฉันคงคิดว่า   คนบ้าที่ไหนเนี่ย?   ก็ไม่ผิดหรอกนะ ฉันไม่ว่า ก็ตอนนี้ฉันกำลังอารมณ์ดีมากๆ นั่งยิ้มอยู่คนเดียวคงเป็นเพราะโทรศัพท์ที่ได้คุยเมื่อกี้ ก่อนขึ้นรถเดินทางมา ฉันโทรหาเพื่อนคนหนึ่งเพื่อบอกว่าให้มารับด้วย แต่ข่าวที่ได้กลับทำให้ฉันยิ้มไม่หุบตั้งแต่วางสาย
          \"แนน..ฟ้าขึ้นรถแล้วนะ คงถึงประมาณ 6 โมง อย่าลืมมารับด้วยล่ะ\"
          \"จ้า .. ไม่ลืมหรอกน่า  เออ...ฉันมีข่าวจะบอกเธอด้วย เอาไว้มาถึงแล้วค่อยบอกดีกว่า\"
          \"มีอะไรก็ว่ามา อย่ามาทำให้อยากรู้อย่างนี้ซิ\"
          \"แหม...ก็...บอยโทรมาบอกว่าทิตย์ก็มาด้วยน่ะซิ\"  
          \"จริงเหรอ\"
          \"ไม่ต้องทำเสียงดีใจอย่างนั้นหรอก มาแล้วก็เจอเองแหละ ... แค่นี้แล้วกันนะสัญญาณไม่ค่อยดีแล้ว\"
          \"จ้า\"
          ทิตย์ หรือนายอาทิตย์ เพื่อนรักเพื่อนสนิทสมัยเรียน จำได้ว่า ครั้งแรกที่คุยกันก็ตอน ม.1 ที่นายอาทิตย์เล่นบาสอยู่ แล้วดันส่งดีเกินไปมาลงที่หัวเธอซึ่งเดินอยู่ข้างสนามแท้ๆ เรียกว่าหัวสั่นกันเลย นายตัวดีก็เข้ามาดูเข้ามาถามอาการแล้วพอเห็นว่าไม่เป็นอะไรมากก็เดินหายไป พอขึ้น ม.2 มีการย้ายห้อง ไม่รู้ว่าอะไรกำหนดให้ต้องมาอยู่ห้องเดียวกับนายตัวดี ฉันจำหน้าเขาได้ดีทีเดียว ส่วนนายตัวดีน่ะเหรอ
          \"เป็นไงบ้าง สมองยังอยู่ครบหรือเปล่า\"
          นี่คือประโยคแรกที่นายตัวดีถามฉันเมื่อเราต้องมาอยู่ห้องเดียวกัน
          หลังจากนั้น นายตัวดีก็ได้ชื่อใหม่จากฉัน จริงๆ ชื่อเล่นเขาไม่ได้ชื่อทิตย์หรอก จริงๆ เขาชื่อ ซัน ที่แปลว่าอาทิตย์ตามชื่อจริงนั่นแหละ แต่มันดูหรูเกินไป ฉันทำใจเรียกชื่อนั้นไม่ได้  เลยตั้งให้ใหม่เรียกว่า ทิตย์ เฉยๆ กะให้พ้องเสียงกับคำว่า ทิด แล้วก็เรียกจนติดปาก เพื่อนๆ ก็เลยพากันเรียกทิตย์ตามกันหมด และดูเหมือนนายอาทิตย์ก็ชอบชื่อนี้เหมือนกัน ใครเรียกก็หันตามหมดไม่มีทักท้วง

          ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงรู้สึกสบายใจเวลาที่ได้คุยกับนายทิตย์ และสามารถคุยได้ทุกเรื่อง เราสนิทกันเร็วจนเพื่อนๆ งง ก็กับเพื่อนที่คบกันมาก่อนหน้านี้ยังไม่สนิทเท่านี้เลย  คงเพราะที่เราไม่ถือตัวต่อกัน นายทิตย์คงไม่ค่อยคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงเท่าไรนัก เวลาคุยกันมักจะมีตบหัวบ้าง เตะกันบ้าง ตีกันบ้าง ชกกันแบบเบาๆ นะ เรียกว่าถึงเนื้อถึงตัวกันเลย
           ครั้งหนึ่งที่เราทำงานห้องจนดึก ทิตย์ตามไปส่งฉันที่บ้าน ระหว่างทางมีนักเลงมาแซวเรา แล้วเกิดเรื่องชกต่อยขึ้น ฉันเพิ่งได้เห็นว่าทิตย์ก็ชกแรงๆ เป็นเหมือนกัน เขาคอยปกป้องฉัน แม้ว่าสุดท้ายจะเจ็บตัวมากก็ตาม แต่ทิตย์ไม่บ่นอะไรสักคำ หลังจากนั้นเมื่อมีงานที่ต้องเลิกดึก ทิตย์จะตามมาส่งฉันตลอด จนทางบ้านฉันเห็นเขาเป็นเหมือนญาติคนหนึ่ง เรียกว่าเข้าออกบ้านได้สบาย  และดูเหมือนแม่ฉันจะรักนายทิตย์มากกว่าฉันเสียอีก !!!!!
           ใช่แต่บ้านฉันเท่านั้น ฉันก็มักจะไปบ้านเขาอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน คงเพราะนายทิตย์มักจะให้ฉันไปติวหนังสือให้ ทำรายงานให้ ใช่แล้ว...ไม่ใช่ช่วยทำรายงานนะ แต่ทำให้เลยต่างหาก แม่นายทิตย์ก็แสนจะใจดี หาขนมมาเลี้ยงฉันตลอด ถ้ามีงานเยอะๆ ฉันก็คงอ้วนงานนี้แหละ เราไปมาหาสู่กันบ่อยๆ จนทางบ้านไว้ใจ

           แฟนเหรอ???

           หลายๆ คนก็ถามแบบนี้  เปล่า!!!!  เราไม่ใช่แฟนกันหรอก เรียกว่าเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด สนิทมากกกกกก พูดได้ทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวขนาดไหน ไม่มีความลับต่อกันเลย   คุยได้ทุกอย่างตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ ไปไหนกัน 2 คนทางบ้านก็ไม่ห่วง เพื่อนๆ ก็รู้ว่าเราสองคนไม่ใช่แฟนกัน เวลาที่อีกฝ่ายสนใจใครก็ต้องมาถามกันว่าเห็นด้วยไหม คือถ้าไม่เห็นด้วยก็ล้มเลิกโครงการจีบไป เพราะเราต่างเห็นว่าเพื่อนสำคัญกว่าแฟน หากมีแฟนแล้วเข้ากับเพื่อนเราไม่ได้ ก็เลือกเพื่อนดีกว่า นั่นคงเป็นเหตุผลที่ใครหลายคนอิจฉาฉัน
           ประเด็นนี้ก็ไม่ค่อยจะอยากพูดถึงเท่าไหร่นะ แต่ต้องยอมรับจริงๆ ว่านายทิตย์ดังพอควร หน้าตาก็ดี...ในสายตาคนอื่นนะ สำหรับฉันก็งั้นๆ และคงเพราะเป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียนนั่นแหละเลยทำให้ดัง
           \"เฮ้ย ... ทิพย์ รายงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้เสร็จยัง ยืมดูหน่อยดิ\"นั่นก็ชื่อใหม่ของฉัน มาจากชื่อจริงฉันที่ชื่อ ทิพย์นภา จริงๆ ฉันชื่อเล่นชื่อ  ฟ้า  แต่ดันไปตรงกับชื่อเล่นพี่สาวนายทิตย์  แล้วนายทิตย์ทำใจไม่ได้ที่ต้องเรียกชื่อพี่สาวตัวเอง ก็เลยตั้งให้เสียใหม่
           \"เสร็จแล้ว นายยังไม่เสร็จอีกเหรอ แล้วจะมาลอกของคนอื่นอีก\"นายทิตย์เดินเข้ามาหาฉันที่นั่งอยู่ม้าหินอ่อนในสวนหย่อมที่โรงเรียน
           \"ไม่ได้ลอก บอกว่ายืมดูหน่อย ว่าเหมือนกันหรือเปล่าเอง หวงไปได้\"
           \"ให้มันจริงเถอะ ว่าแต่เสาร์นี้อย่าลืมนัดล่ะ\"ปากก็บ่นไปแต่มือฉันก็หารายงานมาให้นายทิตย์จนได้
           \"เออน่า เธอก็อย่าตื่นสายแล้วกัน เบื่อต้องไปปลุกคนตื่นสาย\"
           ระหว่างที่นายทิตย์กำลังดูรายงานของฉันเพื่อเปรียบเทียบกับของตัวเองอยู่นั้น ฉันก็เหลือบไปเห็นครูคนหนึ่งของเราพอดี
           \"ทิตย์ รู้ข่าวหรือยัง เขาว่าครูฝนจะแต่งงานแล้วแหละ\"
           \"พวกผู้หญิงนี่ชอบข่าวแบบนี้จังนะ\"ทิตย์ทำเสียงรำคาญ  คงได้ยินมาเยอะแล้วมั้ง
           \"แล้วยังไง ไม่เห็นเดือดร้อนใครนี่หน่า\"ฉันเริ่มทำเสียงไม่พอใจ
           \"ก็ดีแล้วนิครูเขาจะแต่งงาน ทำไมเธอแอบชอบครูเขาหรือไง\"ทิตย์เห็นว่าแหย่ผิดจังหวะก็ทำเสียงอ่อนลง
           \"บ้าเหรอ...ฉันก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ\"เพราะประโยคนี้ล่ะมั้ง ทำให้นายทิตย์ต้องละสายตาจากรายงานหันมาดูฉัน
           \"คิดอะไรของเธออีกล่ะ\"
           \"นายว่าผู้หญิงนี่แต่งงานตอนอายุเท่าไหร่ถึงจะดีล่ะ\"ฉันหันหน้ามาถามทิตย์
           \"จะไปรู้เหรอ ไม่ใช่ผู้หญิงนะ\"
           \"ฉันถามความเห็นย่ะ\"
           \"คง 20 ปลายๆ มั้ง\"ตอบแบบขอไปที
           \"แล้วอายุเท่าไหร่ถึงจะว่าขึ้นคานล่ะ\"
           \"ทำไมจะวางแผนแต่งงานหรือไง\"
           \"ก็แค่คิดว่าต้องถึงอายุเท่าไหร่ถึงจะถูกคนอื่นมองว่าขึ้นคานน่ะซิ\"
           \"ก็ลองไม่ต้องแต่งงานเลยซิ เดี๋ยวก็รู้ว่าอายุเท่าไหร่\"
           \"ทิตย์ว่า 30 พอเปล่า\"
           ทิตย์มองหน้าฉันด้วยสายตางงๆ เมื่อเห็นว่าฉันต้องการคำตอบจริงๆ จึงเลิกพูดเล่น
           \"ของแบบนี้จะไปรู้ได้ไงเล่า คงสัก 35 มั้ง\"
           \"แล้วทำไมคิดว่า 35 ล่ะ\"
           \"อ้าว ก็ถ้าตอนอายุ 35 แล้วมีลูก ถ้าลูกอายุ 25 แม่ก็ 60 น่ะซิ\"
           \"คิดได้ไงเนี่ย\"
           \"ความสามารถส่วนตัว\"
           \"ทิตย์ว่าเราจะได้แต่งงานหรือเปล่า??\"
           \"เฮ้ย...ถามประหลาด ใครจะไปรู้เล่า ไม่ใช่พระเจ้าที่กำหนดชีวิตใครนะ.......ก็คงได้แต่งมั้ง\"ประโยคหลังพูดแบบเสียมิได้
           ฉันมองออกไปข้างนอกอย่างใช้ความคิด เงียบไปนาน เรียกว่าความงียบปกคลุมระหว่างเราเลยทีเดียว จนนายทิตย์เป็นคนทนไม่ได้ เอ่ยประโยคให้ฉันได้ตกใจเล่นออกมา
           \"เอางี้ไหม ถ้าตอนที่เธออายุ 35 แล้วยังไม่ได้แต่งงาน และฉันก็ยังไม่ได้แต่งงาน เราก็มาแต่งงานกัน\"
           \"อะไรนะ!!!\"
           \"ร้องซะดังเชียว\"
           คงจะจริง เพราะฉันเห็นหลายๆ คนหันมามองที่เราใหญ่เชียว
           \"นายว่าอะไรนะ พูดอีกทีซิ\"
           \"หูหนวกหรือไง ฉันบอกว่าถ้าเธออายุ 35 แล้วยังไม่แต่งงาน เรามาแต่งงานกัน\"
           \"พูดจริงเหรอ\"
           \"นี่...ยัยทิพย์ อีกตั้งเกือบ 20 ปี เธอคิดว่าจะไม่มีชายไหนมาสนใจเธอหรือไง\"
           \"งั้นแปลว่าพูดออกมาก็ไม่ได้จริงจังอะไรซิ\"ฉันทำเสียงน้อยใจ  
           \"งั้นมาสัญญากันไหม\"ทิตย์เห็นท่าทางฉันหงอยลงทันตาเห็นเลยยื่นข้อเสนอใหม่
           \"เพื่อ??\"
           \"ก็ฉันเห็นเธอคิดมากเรื่องนี้นิ เอาเป็นว่าเมื่อถึงตอนนั้นแล้วเธอยังไม่มีใคร  จะได้ดีใจว่าก็ยังมีฉันเนี่ยแหละ\"
           ฉันยังคงทำหน้าตาไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดอยู่
           \"ฉันพูดจริงๆ นะ ฉันสัญญา ในวันที่เธออายุครบ 35 แล้วยังไม่แต่งงานฉันจะมาทวงสัญญา เธอก็อย่าลืมล่ะ\"
           \"ก็ได้\"

           ฉันจำได้ว่าตอนนั้นที่ตอบไป เพราะคิดว่าเดี๋ยวพอนานไปก็ลืมเองแหละ และตอบเพื่อเอาใจคนพูดเท่านั้น ก็ตอนนั้นเราเพิ่งอยู่ ม. 5 อายุก็เพิ่งจะ 17 ไม่คิดเลยว่า ฉันยังจำเรื่องราวเหล่านั้นได้อย่างดี จนตอนนี้ที่ฉันอายุ 28 เสียแล้ว

           ฉันไม่รู้หรอกว่าทุกวันนี้นายทิตย์ยังจำได้อยู่หรือเปล่า เพราะตั้งแต่วันนั้น เราก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้อีกเลย เหมือนกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ฉันก็ไม่กล้าเอ่ยเรื่องนี้อีก
           พอจบ ม.6 เราเรียนคนละมหาวิทยาลัย แต่เราก็โทรหากัน นานๆ ก็ไปเที่ยวด้วยกัน ไปบ้านของกันและกันบ้าง หากแต่ไม่บ่อยเท่าสมัยเรียน ตอนที่เรารับปริญญายังไปแสดงความยินดีกับอีกฝ่ายเลย แต่พอทำงานนี่ซิ คงเพราะฉันทำงานไกลไปหน่อย ทำให้เราไม่ได้เจอกันนานมาก มีก็เพียงโทรศัพท์ที่นานๆ จะโทรหากัน
           ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก ครั้งสุดท้ายรู้สึกว่าเมื่อปีกว่าที่ผ่านมาเอง ไม่ใช่แต่กับนายทิตย์นะ กับเพื่อนคนอื่นๆ ฉันก็ไม่ค่อยได้ติดต่อเหมือนกัน ก็งานมันวุ่นนี่หน่า ไม่รู้ว่าตอนนี้นายทิตย์จะมีแฟนหรือแต่งงานไปหรือยัง...........ครั้งสุดท้ายที่คุยกันน่ะยังเลย
           ฉันเหรอ??
           ฉันมันพวกบ้างาน เคยมีคนที่มาเป็นแฟนฉันเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็เลิกกันไป เพราะเขาว่าฉันบ้างานเกินไป แต่แปลกนะพอเป็นเพื่อนกันก็คบกันได้นาน ไม่เห็นบ่นว่าฉันบ้างานเลย
           อีกไม่กี่ชั่วโมงฉันก็จะได้เจอนายทิตย์แล้ว และอีกไม่กี่วันฉันก็จะอายุครบ 29 นายทิตย์จะจำสัญญาของเราได้หรือเปล่านะ

           \"ฟ้า  มานานหรือยัง\"
           \"ไม่นานหรอก เพิ่งมาได้สักพักนี่แหละ\"
           \"นี่ออกมาแต่เช้าแล้วนะ ว่าไง จะแวะเข้าบ้านก่อนใช่ป่ะ\"
           \"อืม ไปให้พ่อแม่เห็นหน้าเสียก่อน นัดกัน ตั้ง 9 โมงไม่ใช่เหรอ\"
           \"อืม\"ว่าแล้วแนนกับฉันก็เดินขึ้นรถไป ระหว่างทางฉันก็มองไปข้างนอกคิดอะไรมากมาย คิดถึงเพื่อนหลายๆ คนที่จะเจอในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
           \"เมื่อกี้ยัยพิมโทรมาว่ามีข่าวใหม่ล่าสุดมาบอกด้วย\"
           \"เรื่องอะไร\"
           \"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน นี่ก็อยากรู้ใจจะขาดแล้ว\"
           ระหว่างทางแนนก็เล่าเรื่องเพื่อนคนอื่นๆ ให้ฉันฟัง เรียกว่าอัพเดทข้อมูลกันสุดๆ ก็ประมาณชั่วโมงนึงได้กว่าจะถึงบ้านฉัน ฉันเข้าไปทักพ่อแม่และพี่ๆ ของฉัน จริงๆ ฉันก็กลับบ้านบ่อยนะ แต่ว่าไม่ได้เจอเพื่อนเท่านั้นเอง พออาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางกันต่อ เพื่อไปยังที่นัดหมาย ถนนก็ช่างเป็นใจเหลือเกิน เรียกว่า 9 โมงยังอยู่บนรถอยู่เลย
           \"ว่าไงพิม...กำลังไป รถติดมาก...เออ แล้วมีใครมาบ้าง...จ้าๆ\"
           \"ยัยพิมโทรมาตามแล้ว ไม่รู้จะรีบอะไรนักหนา 9 โมงตรงก็โทรมาเชียว\"
           \"แล้วมีใครมาแล้วบ้าง\"
           \"ก็หลายคน รวมทั้งนายทิตย์ของเธอด้วย\"
           \"ทิตย์มาแล้วเหรอ\"
           \"เห็นยัยพิมบอกว่าทิตย์เปลี่ยนไปเยอะมาก ดูดีขึ้นเยอะ\"
           ทิตย์ก็เป็นอีกคนที่เกือบจะหายไปจากวงการเพื่อนๆ ไม่ค่อยมีใครได้เจอทิตย์เลย เวลานัดกันทิตย์ก็มักจะไม่ว่าง
           \"ไม่ต้องทำหน้าตาชวนฝันอย่างนั้นหรอกย่ะ เดี๋ยวก็เจอกันแล้ว\"
           ฉันไม่สนใจที่แนนพูดเสียแล้ว เพราะมัวแต่คิดถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้นมากกว่า

           เราไปถึงที่นัดหมายประมาณ 10 โมงกว่าแล้ว นี่รีบสุดๆ แล้วนะ ที่ๆ เรานัดเป็นร้านอาหารแห่งหนึ่ง เรียกว่ามีความเป็นส่วนตัวสูง เพราะเพื่อนเราคนหนึ่งเป็นหุ้นส่วนที่นี่ พอไปถึงก็โดนเพื่อนๆ รุมว่าน่ะซิ หูอื้อกันไปข้างเลย ตอบคำถามก็ไม่ทัน ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามไหนก่อนดี คนที่ฉันอยากเจอก็ไม่อยู่ เพื่อนบอกว่าออกไปธุระก่อนที่ฉันจะมาสัก 5 นาที แต่เดี๋ยวจะกลับมาอยู่ ฉันนั่งคุยกับเพื่อนๆ จนเหนื่อยเลยทีเดียว จนพิมบอกให้เงียบฟังนั่นแหละ
           \"มีอะไรยัยพิม ว่ามาเร็วๆ\"
           \"เพื่อนๆ ฟังให้ดีนะยะ  ฉันจะแต่งงาน\"
           \"ว่าไงนะ\"คงไม่ต้องบอกว่ามีเสียงใครบ้าง เพราะแทบจะทุกคนที่พูดประโยคนี้
           \"ฉันบอกว่าฉันจะแต่งงาน\"
           \"เมื่อไหร่\" \"กับใคร\" \"จริงเหรอ\"
           \"ฉันจะแต่งงานเดือนหน้า เชิญทุกคนเลยนะ กับใครไปเห็นเองแล้วกัน\"
           \"ได้ไง ต้องพาเจ้าบ่าวมาด้วยซิไม่งั้นไม่ไปนะ\"ใครคนหนึ่งพูดขึ้น
           \"ใช่ๆ  โทรเรียกมารายงานตัวกับเพื่อนๆ เดี๋ยวนี้\"ฝ่ายสนับสนุนเริ่มทำงาน
           พิมโดนเพื่อนๆ บังคับให้โทรไปตามชายผู้ลึกลับคนนั้นมา ทำให้ฉันมีเวลาสังเกตคนอื่นๆ อย่างถี่ถ้วน และแล้วฉันก็ได้เห็นคนที่ฉันรอคอยจะเจอ เขาก็มองมาทางฉันเช่นกัน เราต่างยิ้มให้กัน แล้วเขาก็เดินมาหาฉัน
           \"ว่าไง มาเมื่อไหร่เนี่ย\"
           \"มาก่อนเธอแล้วกัน\"
           \"ก็เห็นว่าออกไปธุระ ไปหาแฟนมาเหรอ\"นี่เป็นข่าวใหม่ที่เธอเพิ่งรู้จากยัยฝนว่าทิตย์มีแฟนแล้ว
           \"เปล่า ไปทำธุระให้พี่น่ะ\"
           \"แล้วแฟนเป็นไงบ้าง ไม่พามาแนะนำให้รู้จักบ้างล่ะ\"
           \"จะเอาคนไหนมาล่ะ\"
           \"มีหลายคนเหรอ เจ้าชู้เหมือนกันนี่\"
           \"ไม่มีสักคนเลยต่างหาก เพิ่งเลิกกันเมื่อ 2 เดือนก่อนน่ะ\"
           \"อ้าว...ขอโทษนะ\"นี่เป็นข่าวใหม่ยิ่งกว่าเสียอีก
           \"ช่างเถอะ\"
           \"เสียใจอยู่เหรอ\"
           \"เปล่าหรอก เธอล่ะ ไม่พาแฟนมาด้วยเหรอ\"
           \"ถ้ามีก็พามาแล้ว\"
           \"อย่าบอกนะว่าเพิ่งเลิกเหมือนเราน่ะ\"
           \"ของฉันน่ะเลิกกันตั้งนานแล้ว\"
           \"ที่พูดน่ะหมายความว่าเคยมีแฟนแล้วดิ\"
           \"พูดงี้หมายความว่าไงย่ะ\"
           \"พูดเล่นๆ แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะ\"
           \"ไม่รู้สิ รู้สึกว่ามันไม่ใช่น่ะ ไปๆ มาๆ ก็เป็นได้แค่เพื่อน บอกไม่ถูก นายล่ะ\"
           \"ก็เหมือนเธอนั่นแหละ\"
           แล้วเราก็เงียบใส่กัน ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดตัวเอง ฉันอยากจะบอกทิตย์ว่า ไม่มีใครที่ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจและอุ่นใจได้เหมือนเวลาอยู่กับเขา หลายครั้งที่ฉันมักจะคิดว่าถ้าเป็นทิตย์ ก็นั่นแหละ ขืนพูดไปนายทิตย์คงหัวเราะใส่ฉันแล้วก็คงแซวฉัน  เอ๊ะ.......
           ฉันชอบทิตย์หรือเนี่ย???
           \"แม่บ่นคิดถึงน่ะ\"อยู่ดีๆ นายทิตย์ก็เปลี่ยนเรื่องซะอย่างนั้น ดึงความคิดฉันกลับมาเสียหมด
           \"เหมือนกันแหละ\"เราต่างยิ้มให้กัน เหมือนต่างคนต่างพูดไม่ออกชั่วขณะ
           \"พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่า?\"
           \"ทำไมจะชวนไปไหนเหรอ\"
           \"ก็จะชวนไปบ้านน่ะ ไหนๆ มาทั้งที\"
           \"อืม...ตอนเย็นก็ว่างนะ\"
           \"แล้วตอนเช้าล่ะมีนัดเหรอ\"
           \"ไม่มีหรอก แต่นายก็ต้องทำงานนี่หน่า ก็ต้องไปบ้านนายตอนเย็นซิ\"
           \"ฉันลาพักร้อนอยู่น่ะ\"
           \"เหมือนฉันเลย ฉันลามาเป็นอาทิตย์เลย\"
           \"ลามาเป็นฉันทำไม\"ฉันงงอยู่นานพอสมควร  อ๋อ.......ชื่อของนายตัวดีไง.....อาทิตย์
           \"ไม่ขำ\"
           \"งั้นพรุ่งนี้ฉันไปรับที่บ้านนะ บ้านเดิมหรือเปล่านี่\"
           \"บ้านเดิมซิ จะให้ฉันย้ายไปไหนล่ะ\"
           แล้วเพื่อนเราใครคนหนึ่งก็เข้ามาขัดขวางการพูดคุยของเรา ก็แฟนของยัยพิมน่ะซิ โดนบังคับมาในงานจนได้ หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย จนตอนจะกลับบ้านนั่นแหละ
           \"ทิพย์กลับไง\"นายทิตย์มาโผล่ข้างๆ ฉันตอนไหนไม่รู้
           \"ก็คงกลับกะยัยแนนแหละ ทำไมเหรอจะไปส่งหรือไง\"
           \"อืม\"สั้นๆ แต่ได้ใจความ ซ้ำพูดเสร็จก็เดินไปหายัยแนน ปล่อยฉันยืนงงงอยู่
           \"ไป.......ยืนเป็นหุ่นอยู่ได้\"ว่าแล้วก็ลากฉันไปที่รถ
          
           หลังจากงานเลี้ยงคราวนั้น ทิตย์ก็มาหาฉันที่บ้านทุกวัน เราไปเที่ยว ไปกินข้าว ไปที่ต่างๆ เหมือนสมัยเรียนที่เราสนิทกันมาก เราเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่หายไปของแต่ละคนให้กันฟัง เล่าเรื่องงาน เรื่องเพื่อนใหม่ และที่สำคัญเรื่องแฟน ฉันเพิ่งรู้ว่าทิตย์มีสาวๆ มาชอบเยอะมาก มากกว่าตอนเรียนเสียอีก และยังอุตส่าห์มีข่าวว่าทิตย์เป็นเกย์ คงเพราะไม่มีโครงการแต่งงานเสียทีล่ะมั้ง
           ฉันรู้สึกสบายใจ และมีความสุขมากเมื่อมีทิตย์อยู่ด้วย เวลาหลายวันที่ผ่านไปทำให้ฉันรู้ตัวเองแล้วว่า หลายปีที่ผ่านมาที่ฉันไม่ลงหลักปักฐานกับใครซะที เพราะฉันมีทิตย์อยู่ในใจตลอด  นี่ฉันแอบรักเพื่อนสนิทคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?? แต่ฉันคงต้องเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้คนเดียว ฉันไม่บอกทิตย์หรอก ก็ฉันกลัวว่าถ้าฉันบอกไปแล้วฉันจะเสียเพื่อนสนิทไปน่ะซิ
           วันนี้ทิตย์มารับฉันไปกินข้าว ดูหนัง และซื้อของตามปกติเหมือนทุกวัน เขามีท่าทีปกติทุกอย่างจนฉันนึกกลัว เขาจะจำได้หรือเปล่านะ ว่าวันนี้เป็นวันเกิดฉัน ไม่เห็นเขาจะมีท่าทีอะไรสักอย่าง แล้วอย่างนี้เขาจะจำสัญญาของเราได้หรือเปล่านะ??? กลุ้มจริงๆ
           ตอนเย็นทิตย์มาส่งฉันที่บ้านแล้วยังแถมท้ายด้วยการบอกว่าพรุ่งนี้เช้าจะมารับไปหาหลานของทิตย์(ลูกพี่ฟ้า)ให้รีบนอน เสร็จแล้วก็ขับรถกลับบ้านไป เซ็งจริงๆ เขาลืมวันเกิดฉันจริงๆ หรือเนี่ย
           กลับเข้าบ้าน พ่อแม่และพี่ๆ ของฉันก็เตรียมเค้กวันเกิดให้ เอาน่ายังมีครอบครัวฉันนี่แหละที่ไม่ลืม เรากินข้าว เป่าเทียน กินเค้กกันเรียบร้อย พอดึกหน่อยฉันก็ขอตัวไปนอนก่อน ก็มันเหนื่อยนิ ทั้งเหนื่อยกายและเหนื่อยใจ
           ฉันมารู้ตัวอีกทีก็เพราะเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังไม่หยุด ทิตย์นั่นเองที่โทรมา ฉันแอบดีใจเล็กๆ
           \"ทิตย์มีอะไรมันดึกแล้วนะ\"
           \"ขอโทษทีทิพย์ พอดีมีเรื่องด่วนน่ะ\"น้ำเสียงที่ฉันได้ยินทำให้ฉันตกใจมาก เกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย เมื่อตอนเย็นก็ดีๆ อยู่
           \"มีอะไรว่ามาซิ\"
           \"ฉันเป็นอะไรไม่รู้ เจ็บไปหมดเลย\"
           \"นายไปทำอะไรมา ตอนนี้นายอยู่ไหน เดี๋ยวฉันไปหา\"ทิตย์บอกสถานที่ฉันมา ฉันรีบแต่งตัวแล้วคว้ากุญแจรถพี่ออกไป ไม่ต้องขอยืมล่ะ เดี๋ยวไม่ทัน
           ระหว่างทางฉันพยายามคิด สถานที่ที่ทิตย์บอกมันอยู่ใกล้ๆ โรงเรียนเก่าเราซึ่งไม่ไกลบ้านฉันเท่าไรนัก แล้วนายทิตย์ไปทำอะไรแถวนั้น ฉันเหลียวดูนาฬิกา นี่มัน 5 ทุ่มกว่าแล้ว ทิตย์ควรจะถึงบ้านตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ เกิดอะไรขึ้นแน่
           เมื่อฉันไปถึง ฉันเห็นรถทิตย์จอดอยู่ข้างทาง แล้วเจ้าของไปไหนเนี่ย ฉันพยายามมองหารอบๆ ก็ไม่มี หรือว่าอยู่ในรถ คงเจ็บหนักต้องนอนในรถแน่ๆ ฉันเดินไปชะโงกดูในรถ ด้วยความมืดและฟิล์มกรองแสงทำให้ฉันไม่สามารถเห็นในรถได้ ฉันจึงเปิดประตูด้านคนขับ ไม่ล็อคอีกต่างหาก นายนี่ไม่รู้จักระวังอะไรเสียเลย เมื่อเปิดมาฉันก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ไม่อยากจะเชื่อ น้ำตาพาลจะไหลออกมา
           \"สุขสันต์วันเกิด\"นายทิตย์ตัวดีแอบมาอยู่ข้างหลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ ซ้ำยังมากระซิบที่ข้างหูฉันอีก ใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วนะ ฉันสะดุ้งสุดตัวรีบหันไปดูเจ้าของเสียง นายตัวดียิ้มจนจะถึงรูหูอยู่แล้ว
           \"เล่นอะไร  ตกใจหมดเลยรู้ไหม\"
           \"ก็อยากให้เซอร์ไพร์สไง ชอบหรือเปล่า\"นายตัวดีชะโงกหน้าเข้ามาเสียใกล้ ถอยไปหน่อยก็ได้มั้ง ฉันตื่นเต้นนะ ไม่รู้จะได้ยินเสียงหัวใจฉันหรือเปล่า
           \"ชอบ แต่อย่าเล่นแบบนี้อีกนะ เรากลัว\"
           \"กลัวเราเป็นอะไรไปเหรอ\"
           \"ยังมีหน้ามาพูดเล่นอีก\"
           \"ดีใจจังที่ทิพย์เป็นห่วง ลองอุ้มดูซิ ว่านุ่มหรือเปล่า\"
           \"ตัวใหญ่ขนาดนี้ เดี๋ยวก็ทับเราตายหรอก\"ปากก็พูดไปอย่างนั้น แต่ฉันก็หันกลับไปเตรียมอุ้มหมีตัวใหญ่ที่กำลังทำหน้าที่เป็นคนขับอยู่ หากแต่ยังไม่ทันได้อุ้มขึ้นมาเลย ทิตย์ก็มากระซิบที่ข้างหูฉัน
           \"งั้นเล็กๆ แบบนี้ล่ะ ชอบหรือเปล่า\"ทิตย์ยื่นกล่องเล็กๆ อ้อมมาให้ฉันดู ถ้าคิดเข้าข้างตัวเอง ตอนนี้ก็เหมือนเขากำลังกอดฉันอยู่เลยนะเนี่ย แค่คิดนะหน้าฉันคงแดงไปเรียบร้อยแล้ว  ระหว่างนั้นทิตย์ก็เปิดกล่องเล็กๆ นั่น พร้อมกับคำพูดที่ฉันไม่คิดว่าจะได้ยินจากผู้ชายคนนี้
            \"แต่งงานกับเรานะ\"
           ฉันยอมรับว่าตกใจมาก อึ้งไปสัก 2 - 3 นาที ฉันไม่กล้าหันหน้ากลับมามองทิตย์ ก็หน้าฉันแดงอย่างนั้น แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าต้องตอบอะไร พูดยังไงด้วย
           \"ล้อเล่นอะไรอีกล่ะ\"นี่คือคำพูดที่นึกได้
           \"ฉันพูดจริงๆ นะ\"อย่ามากระซิบข้างหูฉันอย่างนี้นะ
           ฉันไม่ตอบก็นึกคำพูดไม่ออกนี่หน่า เรื่องมันเกิดแบบไม่ทันตั้งตัวเลย ทิตย์คงรู้จึงดึงฉันไปเดินเล่นบริเวณหน้าโรงเรียนที่เขาจัดไว้เป็นสวนหย่อม ทิตย์บอกว่า เขาคิดมาหลายครั้งแล้ว เวลาที่ห่างกัน เวลาที่มีใครเข้ามา ทิตย์มักจะรู้สึกว่าไม่ใช่ และมักจะคิดถึงฉันเสมอ จนสาวๆ ที่คบด้วยมักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทิตย์ไม่มีหัวใจ ตลอดหลายวันที่ผ่านมาทิตย์รู้สึกว่า นี่คือสิ่งที่ทิตย์ต้องการ และไม่อยากเสียมันไปอีก
           ทำไมคิดเหมือนฉันเลยนะ หัดมีความคิดเป็นของตัวเองบ้างไม่ได้หรือไงตาบ้า!!!!
           ทิตย์พูดอะไรอีกฉันก็จำไม่ได้ เรียกว่าสติล่องลอยอยู่นาน หากแต่ประโยคหนึ่งที่เรียกสติฉันกลับมาได้fuยิ่งกว่าคำขอแต่งงานเมื่อกี้ก็คือ
           \"เร็วกว่าสัญญาไป 6 ปี ไม่ว่ากันนะ\"
           \"นายจำได้เหรอ\"เสียงของฉันไม่รู้หายไปไหนหมด เหลือเพียงเสียงที่เหมือนกระซิบนี้เท่านั้น
           \"นี่คิดว่าฉันลืมสัญญานั่นเหรอ\"
           \"ก็ไม่เห็นนายพูดถึงอีกเลยนี่หน่า\"ฉันทำเสียงน้อยใจ แล้วก็ทำเป็นมองไปทางอื่นซะ
           \"เธอก็ไม่พูดถึงเหมือนกันนั่นแหละ\"นั่น ... ผู้ชายก็น้อยใจเป็นเหมือนกันนะเนี่ย
           \"ตกลงจะแต่งงานกับฉันหรือเปล่า หรือว่าต้องรอให้ 35 ก่อน\"
           \"นี่ขอแต่งงานหรือว่าขู่ให้แต่งงานย่ะ\"
           \"แล้วว่าไง\"ทิตย์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันจนฉันรู้สึกถึงลมหายใจของเขาที่กระทบแก้มฉัน ไม่ต้องบอกก็รู้นะว่าหน้าฉันแดงขนาดไหน ไม่มีคำพูดอื่นๆ สำหรับฉัน มีเพียงรอยยิ้มและสีหน้าที่ฉันรู้ว่าทิตย์คงเข้าใจ
           อืม......ทิตย์เข้าใจดีเลยล่ะ เพราะฉันได้ยินเสียงหัวเราะจากเขา และมือเขาอีกที่มากอดฉันซะแน่น และสิ่งสุดท้ายที่ทำให้ฉันหน้าแดงยิ่งขึ้นไปอีก ก็อยู่ดีๆ เขาก็เอาจมูกมาชนแก้มฉัน ฉันต้องทำไงต่อไปเนี่ย??? ช่วยบอกที
           เรื่องราวของฉันก็คงบอกได้แค่เท่านี้ เรื่องต่อจากนี้ไว้มีเวลาจะมาเล่าให้ฟังนะคะ

              คุณล่ะ .... เคยทำสัญญาแบบนี้กับใครบ้างหรือเปล่า???
              ลองดูนะ เผื่อจะเจอคนที่ใช่อยู่ใกล้ๆ ตัว

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×