กลองที่ตีไม่ดัง - กลองที่ตีไม่ดัง นิยาย กลองที่ตีไม่ดัง : Dek-D.com - Writer

    กลองที่ตีไม่ดัง

    โดย 120ta

    เมื่อดำ หมาที่เคยถูกรัก...

    ผู้เข้าชมรวม

    248

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    248

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  จิตวิทยา
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 พ.ย. 52 / 16:55 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                   ผมเป็นสุนัขพันธุ์อาเชเชี่ยน(Alsatian) รูปร่างกำยำ ล่ำสันและสูงสง่า ผมชื่อ เจ้าดำตามที่ เจ้านายกบตั้งให้ ซึ่งผมก็เฝ้าย้ำกับตัวเองอยู่เสมอว่า ทำไมผมจึงมีชื่ออย่างนี้ ทั้งๆที่แม่ของผมมีชื่ออย่างโก้หรูว่าเชอร์รี่พ่อผมชื่อ ส้มเช้ง ส่วนพี่ๆน้องๆของผมก็ชื่อหรูเหมือนกัน พี่ตัวโตชื่อ เชลโล และน้องตัวเล็กชื่อ ไวโอลินทุกตัวเป็นพันธุ์อา-เชเชี่ยน ซึ่งถ้ามองโดยรวมแล้ว ผมกับครอบครัวของเรานั้น มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกันมาก

                    ข้อสงสัยนี้มันเก็บสะสมในหัวผมนานมาก   จนวันหนึ่งผมทนอัดอั้นตันใจไม่ไหว เอ่ยถามแม่เชอร์รี่อย่างหวังในคำตอบเต็มที่ว่า

                     ทำไมผมถึงชื่อดำล่ะครับ

                  แม่ถอนใจแล้วบอกผมอย่างขอไปทีว่า

                     ลูกคงจะดำกว่าพี่น้องตัวอื่นล่ะมั้ง

                  ผมไม่เข้าใจที่แม่พูด แต่ก็รู้สึกเสียววาบๆที่กลางหลังไม่ได้

                      ผมดำกว่าพี่น้องตัวอื่นอย่างนั้นหรอ มันจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ ก็ในเมื่อพวกเราหน้าตาเหมือนกันมากๆ ชื่อนี้ช่างไม่เหมาะกับผมเอาซะเลย

                     สุดท้ายผมก็ยอมยกธงขาว  เลิกคิดซะดีกว่า เพราะถึงอย่างไรผมก็คงดำกว่าทุกๆตัวได้ไม่เกิน 3 เส้นขนอย่างแน่นอน

                      ดาม ดาม เจ้าดาม!”เสียงเรียกชื่อผมแว่วเข้ามาจากทางหน้าบ้าน คงจะเป็นเสียงของ เจ้านายน้อยลูกชุบ เธอเป็นเด็กผู้หญิงอายุ 5 ขวบ ที่หน้าตาน่ารักมากๆ ผมชอบเธอเพราะเธอชอบเรียกผมเป็นตัวแรกหลังจากก้าวเท้าลงจากรถโรงเรียน ผมรีบวิ่งเข้าไปหาเธออย่างคิดถึง เลียหน้าเลียตาอย่างรักใคร่ เธอลูบหัวผม(แต่ผมเกรงว่าน่าจะเป็นการขยำหัวมากกว่า)อย่างหมั่นเขี้ยวแล้วยัดขนมเข้าปากผม จนผมแทบสำลัก

                    ไวโอลินมองเจ้านายน้อยลูกชุบตาละห้อย เธอคงอยากได้ขนมแสนอร่อยนี่ล่ะมั้ง

                     เจ้านายน้อยลูกชุบไม่ค่อยชอบพี่น้องของผมเอาซะเลย ผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้น   เพราะตั้งแต่เธอไปเรียนดนตรีมา เธอก็มักจะเรียกผมมาเล่นด้วยเสมอ

                      วันนี้จะพาดามไปเล่นด้วยล่ะ แต่ตอนนี้น่ะ ลูกชุบอยากให้ดามกินหนมที่ลูกชุบซื้อมาฝากจากโรงเรียนให้หมดก่อนน่ะ ฮ่าๆๆเธอหัวเราะพลางแกะห่อขนมอย่างมีความสุข   ดามจะได้พุงป่องๆไง ฮ่าๆๆๆว่าแล้วเธอก็ยัดขนมเข้าปากผมซะเต็มปาก

                         นาทีต่อมา เมื่อผมกินขนมชิ้นสุดท้ายที่เธอให้จนหมด เธอก็วิ่งไปหยิบลูกเทนนิสเยินๆแล้วจัดการลากผมไปที่สระน้ำในสวนหลังบ้าน แมลงปอตัวหนึ่งบินมาใกล้ๆผม แล้วบอกให้ผมเล่นให้สนุก ผมตอบรับด้วยการครางเบาๆ

                        เธอหยุดที่ร่มเงาของต้นจามจุรีแล้วโบกมือทำท่าทำทางให้ผมเข้าไปใกล้ๆ

                        เดี๋ยวลูกชุบฟ่างไอ้นี่ไป ดามก้อไปเอามาไปลูกชุบน่ะเธอบอกด้วยสำเนียงออกเสียงไม่ชัดของเด็กๆพร้อมกับโบกลูกเทนนิสในมือไปมา ผมกระดิกหางด้วยความดีใจ ก็ลูกกลมๆสีแสบตาอย่างนี่ ผมน่ะชอบมันเหลือเกิน

                       เมื่อเด็กน้อยออกแรงขว้าง ผมก็เริ่มออกตัววิ่งตามไปในทันที ลมเย็นปะทะที่หน้า ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นมากที่สุดในช่วงวันนี้ ผมรู้สึกได้ว่าการมาเล่นกับเจ้านายน้อยลูกชุบนั้นมันทำให้ผมมีความสุขมากแค่ไหน ผมกระโดดงับลูกเทนนิสก่อนที่มันจะตกถึงพื้น แล้วรีบวิ่งกลับมาที่เจ้านายน้อยลูกชุบ

                        เมื่อเธอรับลูกเทนนิสจากผม(ที่ตอนนี้เปื้อนน้ำลายผมไปเกือบครึ่ง) เธอก็หัวเราะชอบใจเสียยกใหญ่ จากนั้นเธอก็เริ่มพฤติกรรม ขยำหัว ผมเล่นอีกแล้ว

                       ดามเก่ง ดามเก่งมากๆเลย ลูกชุบชอบ ลูกชุบรักดาม ฮ่าๆๆๆเธอกระโดดตบมือไปมาอย่างสนุกสนาน เดี๋ยวลูกชุบจะฟ่างใหม่น่ะ ดามต้องคาบมาให้ได้น่ะ เอ้าเริ่ม!” ว่าเสร็จเธอก็ขว้างลูกเทนนิสไปทางสระน้ำที่มีต้นธูปฤาษีขึ้นหนาทึบ ผมกระโจนลงไปใน น้ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   น้ำแตกกระจายเป็นวงกว้าง ผมว่ายน้ำไปงับลูกเทนนิสอย่างทุลักทุเล  ไหนจะว่ายน้ำมาถึงฝั่ง ไหนจะต้องฝ่าดงต้นธูปฤาษีมันก็กินเวลาไปเกือบๆ

      10 นาที เจ้านายน้อยลูกชุบจะยังรอผมอยู่ไหมน่ะ

                  ผมรีบวิ่งกลับไปที่เดิม  สายตาผมมันรายงานว่า มีแต่ความว่างเปล่า

               เจ้านายน้อยคงจะโกรธผมที่ผมหายไปนานเกินไป

                 ในระหว่างทางเดินกลับบ้าน ผมเดินคอตกกลับบ้านแต่ก็ไม่ลืมที่จะคาบลูกเทนนิสเปื้อนคราบน้ำลายกลับไปด้วย

               ไม่ให้ๆ จะเอาไปให้ดาม!”เสียงเล็กๆดังมาจากทางข้างหน้า ผมหยุดกึกคอยฟังเสียงนั้น เชลโลมูมมาม ลูกชุบไม่ชอบเชลโล เชลโลดื้อ เชลโลจะแย่งดามกิน ลูกชุบจะฟ้องพ่อ

                   เจ้านายน้อยลูกชุบวิ่งพรวดออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมน้ำตานองหน้า พี่เชลโลวิ่งไล่ตามมาติดๆ  พยายามแย่งของในมือเธออย่างเกรี้ยวกราด

                    ไม่ให้ๆๆๆๆ  จะเอาไปให้ดาม ดามยังไม่ได้กิน เชลโลกินแล้ว เชลโลขี้โกง ลูกชุบจะฟ้องพ่อ!” เธอร้องลั่นพลางชูมือขึ้นสุดตัว วิ่งไปวิ่งมาไม่ให้พี่เชลโลตามทัน

                    จะฟ้องพ่อ!!!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆเธอร้องลั่น พูดซ้ำไปซ้ำมาปวดแก้วหู แต่พี่เชลโลก็ไม่ได้ลดความพยายามที่จะแย่งชิงของในมือเธอสักนิดเดียว เมื่อเธอเห็นดังนั้นจึงตัดสินใจโยนของในมือเธอมาทางผม ผมมองมันตกพื้นอย่างสับสนงงงวย

                     มันคือ แฮมเบอเกอร์ที่เต็มไปด้วยซอสมะเขือเทศ

                     พี่เชลโลทำท่าทำทางจะกระโดดมาทางผม แต่ก่อนที่พี่เชลโลจะทันขยับตัว เจ้านายน้อยลูกชุบก็กระโดดจับตัวเอาไว้เสียก่อน เธอทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดทับพี่เชลโล จนทำให้ทั้งสองล้มกลิ้งไปด้วยกัน

                     ดามกิน!ๆๆๆเธอเร่งอย่างหอบๆ

                     ผมเอาจมูกดมๆที่แฮมเบอร์เกอร์ มันช่างหอมเหลือเกิน แต่ก่อนที่ผมจะได้ลิ้มชิมรสชาติว่ามันจะอร่อยสักแค่ไหน สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

                      ความอัดอั้นของพี่เชลโลหมดลง พี่เชลโลเริ่มเห่าขู่ผมด้วยเสียงอันดัง บ่งบอกความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ผมชะงัก หันไปมองพี่เชลโลอย่างไม่เข้าใจ

                       และสิ่งที่เลวร้ายก็เกิดขึ้น พี่เชลโลฝังเขี้ยวลงไปที่ต้นแขนขวาของเจ้านายน้อยลูกชุบอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้เธอร้องลั่น รีบปล่อยพี่เชลโลออกมาทันที

                        ผมงงกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น พอตั้งสติได้ ผมก็เอ่ยถามพี่เชลโลด้วยความไม่เข้าใจว่า

                       ทำไมพี่ถึง...

                    พี่เชลโลไม่ยอมให้ผมพูดจบ เอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างโมโหว่า

                        อะไรๆเด็กนี่ก็เอามาให้แกกิน  ฉันแค่ขอกินแค่นี้ทำเป็นหวง หมาตะกละ!”

                    ผมจุกอยู่ในอก พูดอะไรไม่ออก เสียงร้องของเจ้านายน้อยร้องระงมไปทั่ว หยดน้ำตาหยดหนึ่งหล่นร่วงไปผสมกับเลือดที่ไหลบนต้นแขน  พี่เชลโลทำไมถึงเป็นอย่างนี้ แค่อยากกินของนี่พูดกันดีๆไม่ได้เชียวหรือ

                     พี่เชลโลไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เดินอาดๆไปกินแฮมเบอเกอร์หน้าตาเฉย

                         เชลโลกัดหนู พ่อ!!! เชลโลกัดหนู ฮือๆๆ เธอร้องอยู่แค่นั้นพูดซ้ำไปซ้ำมา

                         รู้อะไรไหม...ผมเอ่ยถามพี่เชลโล

                          พี่เชลโลเงยหน้าขึ้นมองผม แล้วแสยะยิ้มเยาะ

                     รู้อะ-...

                    ผมไม่รู้ว่าพี่เชลโลจะพูดว่าอะไร เพราะสติผมขาดผึงไปตั้งแต่รอยยิ้มร้ายกาจนั่นแล้ว ผมกระโดดเข้าใส่พี่เชลโลอย่างไม่ทันตั้งตัว ผมทั้งกัด ข่วน ทำอย่างไรก็ได้ให้พี่ตัวนี้เจ็บปวดทรมานที่สุด

                    ผมไม่สนว่าแม่จะต้องว่าผม...

                    ผมไม่สนว่าต่อไปนี้ผมอาจจะไม่มีพี่

                    แต่ผมสนอยู่อย่างเดียวคือ    ใครทำร้ายเจ้านายผม

                     มันจะไม่วันลอยนวลแน่ ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม

                     แต่ก่อนอะไรจะเลยเถิดเกินห้ามปราม เสียงฝีเท้าของเจ้านายกบก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเอ็ดตะโลด่าว่าผมกับพี่เชลโล เจ้านายน้อยลูกชุบร้องไห้หนักยิ่งกว่าเก่า คงเพราะเธอเห็นเลือดที่ตอนนี้อาบไปทั้งแขนและไหลเปอะเปื้อนเสื้อนักเรียนอนุบาลของเธอ

                    เชลโลกัดหนูๆ ฮือๆๆเจ้านายน้อยลูกชุบร้องซ้ำๆอยู่แค่นั้นจากนั้นเธอก็สลบไปในทันที

                เจ้านายกบวิ่งเข้าไปหาเจ้านายลูกชุบอย่างเป็นห่วง เขาจับแขนเธอที่ตอนนี้ดูซูบลงอย่างเห็นได้ชัด  เขาอุ้มร่างเธอที่ไร้สติไว้ไนอ้อมแขนแล้ววิ่งไปที่หน้าบ้านปากร้องตะโกนให้ลุงแช่มคนขับรถออกรถไปโรงพยาบาลทันที

                     ผมรออยู่หน้าบ้าน ตอนนี้ดึกสงัด มันเงียบซะเล่นเอาผมใจหาย เจ้านายน้อยลูกชุบคงจะไม่เป็นไรหรอกน่ะ ดวงดาวบนท้องฟ้าส่งรอยยิ้มมาให้ผม บอกผมอย่างอ่อนโยนว่า เธอเป็นเด็กดีคงไม่เป็นอะไรมากนักหรอก

                    พี่เชลโลคอตก เขาคงรู้ว่าเขาได้ทำความผิดอย่างร้ายแรงเอาไว้ แม่สั่งสอนเขาด้วยการว่ากล่าวตักเตือนหลายชั่วโมง  ในใจผมฟ้องผมว่า สิ่งที่เขาได้รับโทษนั้นมันน้อยเกินไป

                   เจ้านายหญิงดูโศกเศร้ามากๆ เธอหยิบไม้เรียวอันยาวมาแถวๆที่บ้านหลังเล็กของพวกเราตั้งสิบๆครั้ง แต่ก่อนที่เธอจะทำอะไร เธอก็เดินกลับไปแล้วร้องให้เสียงดัง ปากบอกว่าเธอผิดเองที่เลี้ยงพวกผมเอาไว้

                  เสียงล้อรถบดกรวดที่ปากซอย ลุงแช่มเปิดประตูอุ้มเจ้านายน้อยลูกชุบที่ตอนนี้ยังคงไม่ได้สติ ผ้าพันแผลหนาเตอะที่แขนขวานั้น มันแทงใจผมเหลือเกิน          

                    เชลโล!!!”เสียงตะคอกจากเจ้านายกบดังกังวานไปทั่วซอยที่เงียบสงบ ถึงเวลาแล้วที่พี่เชลโลจะได้รับโทษทัณฑ์ที่ตัวเองได้ก่อเอาไว้ แกมันเลี้ยงไม่เชื่อง!!!”เจ้านายกบพูดต่อแล้วเดินมาทางผม

                  ความเจ็บปวดแล่นผ่านกลางลำตัวและตามด้วยเสียงหวดของไม้   ดังควับ สมองผมเลือนรางทันที ผมคือเจ้าดำไม่ใช่หรือ ดำ...ชื่อที่ไม่ได้เข้าพวกกับพี่น้อง ผมไม่ใช่พี่เชลโล แต่ความเจ็บปวดบังคับผมให้ข่มตาลง และสติก็   ดับวูบ แต่ถึงอย่างไรผมก็พอจะได้ยินคำพูดสุดท้ายจากเจ้านายที่ผมเคารพรัก

                        ปล่อยเอาไว้ก็ดีแต่จะทำให้เดือดร้อน พอกันที!!!”

                           

                          

                         พอผมตื่นขึ้นมา

                        ภาพแรกที่เห็นกลับไม่ใช่หลังคาสีแดงแสนคุ้นตาของบ้านผม

                         มันกลับกลายเป็นถังสี่เหลี่ยมสีเขียวๆสูงท่วมหัว

                          ผสมกับกลิ่นเหม็นเน่าของสิ่งปฏิกูลคละคลุ้งทุกลมหายใจ

                          

                 

                    ผมพยุงตัวลุกขึ้น แต่มันก็ล้มเหลว มันช่างปวดเหลือเกิน ผมปวดหลัง ปวดหัว ปวดไปหมดทั้งตัว รวมทั้งปวดหัวใจหมาอย่างผมด้วย แต่ตอนนี้คนที่ปวดกว่าผมเป็นไหนๆคงจะเป็นเจ้านายน้อยลูกชุบ เธอคงจะปวดแขนมาก ป่านนี้เธอคงจะตื่นแล้ว

                             ผมคิดถึงเธอ คิดถึงลูกเทนนิสเก่าๆที่เปื้อนน้ำลายผม  คิดถึงขนมที่เธอเก็บเงินไปซื้อให้ผมกินโดยเฉพาะ คิดถึงเสียงหัวเราะร่าเริงของเธอ

                             ผมอยากได้คำอธิบาย ทำไมผมถึงได้รับโทษ ผมทำอะไรผิด พี่เชลโลไม่ใช่หรือ พี่เชลโลที่ทำผิด แต่ทำไมถึงเป็นผมได้ล่ะ ทำไมจึงเป็นผมที่ได้มาอยู่ที่นี่

                             แสงแดดส่องผ่านมาที่ถังขยะเหม็นเน่าถังนั้น ผมรู้ รำพึงรำพันไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ผมเริ่มพยายามขยับตัวอีกครั้ง  นานพอดูกว่าจะขยับตัวได้ ผมกินกระดูกไก่ทอดที่ข้างๆถังขยะ มันช่างอร่อยมากมายในช่วงเวลานี้

                            เวลาผ่านไป ผมมองตามถนนที่มีแต่รถวิ่งไปวิ่งมาไม่เว้นว่าง คนขับบางคนหัวเราะ บางคนหน้าบูดบึ้ง ผู้คนเหล่านี้จะรู้จักเจ้านายน้อยลูกชุบของผมไหมน่ะ

                     ผมหาทางกลับไปที่บ้านของเจ้านายน้อย ผมงงไปหมด ที่นี่ที่ไหนน่ะ มันช่างดูวุ่นวายจริงๆ ผมเดินไปเดินมา รู้ตัวอีกทีก็มืดซะแล้ว

                          ยามมืดนี่ดูน่ากลัวเหลือเกิน แต่ตอนนี้ที่น่ากลัวกว่าความมืดก็คือความหิว

                          ผมมองๆไปรอบๆ หาเศษอาหารตกๆแถวนี้ มันไม่มีเลย ผมเดินไปอีกห้าหกก้าว ก็เจอลาบชิ้นโต...

                          มันคือ แฮมเบอเกอร์ที่เต็มไปด้วยซอสมะเขือเทศ

                         ผมเดินไปใกล้ๆ กลิ่นของมันช่างหอมหวนเหลือเกิน

                        ไป๊!!!”เสียงตะคอกแหลมคุ้นหูดังขึ้นทางขวาของผม ผมหันไปมอง เห็นผู้หญิงวัยกลางคนกับเด็กหญิงน้อยน่ารักที่กำลังถือลูกโป่งด้วยมือข้างซ้าย หมาข้างถนน ลูกชุบอย่าไปเดินใกล้มันน่ะลูก หมาบ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้

                  ผมอึ้ง จ้องหน้าเธออย่างไม่เชื่อตาตัวเอง เธอคือเจ้านายน้อยลูกชุบ!!! ผมเห่าด้วยความดีใจ กระดิกหางไปมาลืมความเจ็บปวดไปหมด

                      ดามอ่ะแม่!!!ลูกชุบจำได้ เนี่ยดาม!!!”เธอเขย่ามือผู้เป็นแม่ด้วยแขนข้างซ้ายอย่างบ้าคลั่ง พร้อมชี้มือชี้ไม้มาทางผม ลูกโป่งไหวไปมาตามแรง

                        ใช่แล้ว เจ้านายน้อยจำผมได้ เธอไม่มีวันจำผมไม่ได้หรอก

                        ดรัมที่ไหนล่ะลูก ดรัมก็อยู่บ้านเราไง

                  ดรัมเหรอ...

                         ไม่ใช่ๆๆๆ นั่นเชลโล!!! นั่นไม่ใช่ดาม!!! พ่อเอามาปล่อยผิดตัว นั่นเชลโล!!!”เธอตะโกน น้ำตาคลอเบ้า

                         ลูกชุบรู้ได้อย่างไรลูก!!!”ผู้เป็นแม่พูดเสียงดังกลบเสียงงงแงของเธอ เชลโลกับดรัมเหมือนกันยังกับแกะ

                    ดามนิสัยดี ดามเก่ง ดามช่วยหนูเธอพูดพลางมองมาที่ผมแล้วยิ้มกว้าง เธอเดินตรงมา ลูบหัวผมอย่างรักใคร่  ดามรักหนู

                     นี่ไม่ใช่ดรัมหรอกจ๊ะผู้เป็นแม่พูดเสียงอ่อนโยน  แล้วพาเธอเดินจากไป เด็กน้อยพยายามดิ้น แต่เธอปวดแผลเกินกว่าจะทำอะไรได้ เธอทำได้แค่หันมามอง เธอไกลไปเรื่อยๆจนมองแทบไม่เห็น

                               ผมตัดสินใจวิ่งตาม 2 คน นั่นไป ถึงอย่างไรผมก็จะตาม ในเมื่อเจ้านายน้อยลูกชุบจำผมได้ แล้วผมจะต้องกลัวอะไร

                                ลมแรงจากไหนไม่รู้พัดมาวูบหนึ่ง ทำให้ลูกโป่งที่ถูกเกาะกุมหลุดออกไปจากกำมือ เจ้านายน้อยตกใจที่มันลอยหลุดออกไป เธอวิ่งตามมันไปในถนนที่เต็มไปด้วยรถคับคลั่ง

                                รถยนต์คันคุ้นตาพุ่งตรงเข้าหาเจ้านายน้อย

                                 ผมกระโดดเข้าไปขวางเอาไว้ ทั้งๆที่มันเป็นกริยาที่โง่เง่าสิ้นดี แต่ผมก็ทำ

                                ร่างของผมลอยกระเด็นไปอีกฟากของถนน

                                เจ็บ เจ็บมากเหลือเกิน...

                    ดาม ดาม!!!” ผมลืมตา มองคนเรียก

                     เธอคือเจ้านายน้อยลูกชุบ นี่เธอปลอดภัยหรือนี่

                      ความดีใจพุ่งทะลักออกมาเป็นน้ำเลือด

                     ผมคงดีใจมากไปหน่อยล่ะมั้ง

                    นี่ดรัมหรอลูก!!!”เสียงทุ้มลึกถาม

                ดรัมเหรอ...

                     ผมหันไปมอง เจ้านายกบเพิ่งลงจากรถคันคุ้นๆคันนั้นแล้วรีบลงมาหาผม

                    นี่เจ้านายมารับผมแล้วใช่ไหมนี่

                     ทุกคนเข้าใจแล้วใช่ไหม ว่าผม

                      ไม่ได้ทำอะไรผิด

                      ตาผมเริ่มมองไม่เห็นอะไรแล้ว

                      แต่ผมก็ภูมิใจ

                      ที่ผมรู้แล้วว่าผมชื่อดรัม

                       ไม่ใช่ดำ...

                       ดรัมที่แปลว่ากลอง เครื่องดนตรีที่เจ้านายน้อยลูกชุบกำลังเรียนอยู่  เธอถึงได้ชอบผมหนักหนา

                     แต่ยังไงก็ช่างผมรักเธอ แม้จะหมดลมหายใจไปแล้วก็ตาม...

                       

                            

       

                                    

                     

                    

                         

       

       

              

                

       

                  

                 

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                    ผมเป็นสุนัขพันธุ์อาเชเชี่ยน(Alsatian) รูปร่างกำยำ ล่ำสันและสูงสง่า ผมชื่อ “เจ้าดำ”ตามที่ “เจ้านายกบ”ตั้งให้ ซึ่งผมก็เฝ้าย้ำกับตัวเองอยู่เสมอว่า ทำไมผมจึงมีชื่ออย่างนี้ ทั้งๆที่แม่ของผมมีชื่ออย่างโก้หรูว่า “เชอร์รี่” พ่อผมชื่อ “ส้มเช้ง” ส่วนพี่ๆน้องๆของผมก็ชื่อหรูเหมือนกัน พี่ตัวโตชื่อ “เชลโล” และน้องตัวเล็กชื่อ “ไวโอลิน”ทุกตัวเป็นพันธุ์อา-เชเชี่ยน ซึ่งถ้ามองโดยรวมแล้ว ผมกับครอบครัวของเรานั้น มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกันมาก
                    ข้อสงสัยนี้มันเก็บสะสมในหัวผมนานมาก   จนวันหนึ่งผมทนอัดอั้นตันใจไม่ไหว เอ่ยถามแม่เชอร์รี่อย่างหวังในคำตอบเต็มที่ว่า
                     “ทำไมผมถึงชื่อดำล่ะครับ”
                  แม่ถอนใจแล้วบอกผมอย่างขอไปทีว่า
                     “ลูกคงจะดำกว่าพี่น้องตัวอื่นล่ะมั้ง”
                  ผมไม่เข้าใจที่แม่พูด แต่ก็รู้สึกเสียววาบๆที่กลางหลังไม่ได้
                      ผมดำกว่าพี่น้องตัวอื่นอย่างนั้นหรอ มันจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ ก็ในเมื่อพวกเราหน้าตาเหมือนกันมากๆ ชื่อนี้ช่างไม่เหมาะกับผมเอาซะเลย
                     สุดท้ายผมก็ยอมยกธงขาว  เลิกคิดซะดีกว่า เพราะถึงอย่างไรผมก็คงดำกว่าทุกๆตัวได้ไม่เกิน 3 เส้นขนอย่างแน่นอน
                      “ดาม ดาม เจ้าดาม!”เสียงเรียกชื่อผมแว่วเข้ามาจากทางหน้าบ้าน คงจะเป็นเสียงของ “เจ้านายน้อยลูกชุบ” เธอเป็นเด็กผู้หญิงอายุ 5 ขวบ ที่หน้าตาน่ารักมากๆ ผมชอบเธอเพราะเธอชอบเรียกผมเป็นตัวแรกหลังจากก้าวเท้าลงจากรถโรงเรียน ผมรีบวิ่งเข้าไปหาเธออย่างคิดถึง เลียหน้าเลียตาอย่างรักใคร่ เธอลูบหัวผม(แต่ผมเกรงว่าน่าจะเป็นการขยำหัวมากกว่า)อย่างหมั่นเขี้ยวแล้วยัดขนมเข้าปากผม จนผมแทบสำลัก
                    ไวโอลินมองเจ้านายน้อยลูกชุบตาละห้อย เธอคงอยากได้ขนมแสนอร่อยนี่ล่ะมั้ง
                     เจ้านายน้อยลูกชุบไม่ค่อยชอบพี่น้องของผมเอาซะเลย ผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้น   เพราะตั้งแต่เธอไปเรียนดนตรีมา เธอก็มักจะเรียกผมมาเล่นด้วยเสมอ
                      “วันนี้จะพาดามไปเล่นด้วยล่ะ แต่ตอนนี้น่ะ ลูกชุบอยากให้ดามกินหนมที่ลูกชุบซื้อมาฝากจากโรงเรียนให้หมดก่อนน่ะ ฮ่าๆๆ”เธอหัวเราะพลางแกะห่อขนมอย่างมีความสุข   “ดามจะได้พุงป่องๆไง ฮ่าๆๆๆ”ว่าแล้วเธอก็ยัดขนมเข้าปากผมซะเต็มปาก
                         นาทีต่อมา เมื่อผมกินขนมชิ้นสุดท้ายที่เธอให้จนหมด เธอก็วิ่งไปหยิบลูกเทนนิสเยินๆแล้วจัดการลากผมไปที่สระน้ำในสวนหลังบ้าน แมลงปอตัวหนึ่งบินมาใกล้ๆผม แล้วบอกให้ผมเล่นให้สนุก ผมตอบรับด้วยการครางเบาๆ
                        เธอหยุดที่ร่มเงาของต้นจามจุรีแล้วโบกมือทำท่าทำทางให้ผมเข้าไปใกล้ๆ
                        “ เดี๋ยวลูกชุบฟ่างไอ้นี่ไป ดามก้อไปเอามาไปลูกชุบน่ะ”เธอบอกด้วยสำเนียงออกเสียงไม่ชัดของเด็กๆพร้อมกับโบกลูกเทนนิสในมือไปมา ผมกระดิกหางด้วยความดีใจ ก็ลูกกลมๆสีแสบตาอย่างนี่ ผมน่ะชอบมันเหลือเกิน
                       เมื่อเด็กน้อยออกแรงขว้าง ผมก็เริ่มออกตัววิ่งตามไปในทันที ลมเย็นปะทะที่หน้า ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นมากที่สุดในช่วงวันนี้ ผมรู้สึกได้ว่าการมาเล่นกับเจ้านายน้อยลูกชุบนั้นมันทำให้ผมมีความสุขมากแค่ไหน ผมกระโดดงับลูกเทนนิสก่อนที่มันจะตกถึงพื้น แล้วรีบวิ่งกลับมาที่เจ้านายน้อยลูกชุบ
                        เมื่อเธอรับลูกเทนนิสจากผม(ที่ตอนนี้เปื้อนน้ำลายผมไปเกือบครึ่ง) เธอก็หัวเราะชอบใจเสียยกใหญ่ จากนั้นเธอก็เริ่มพฤติกรรม ‘ขยำหัว’ ผมเล่นอีกแล้ว
                       “ ดามเก่ง ดามเก่งมากๆเลย ลูกชุบชอบ ลูกชุบรักดาม ฮ่าๆๆๆ” เธอกระโดดตบมือไปมาอย่างสนุกสนาน “เดี๋ยวลูกชุบจะฟ่างใหม่น่ะ ดามต้องคาบมาให้ได้น่ะ เอ้าเริ่ม!” ว่าเสร็จเธอก็ขว้างลูกเทนนิสไปทางสระน้ำที่มีต้นธูปฤาษีขึ้นหนาทึบ ผมกระโจนลงไปใน น้ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   น้ำแตกกระจายเป็นวงกว้าง ผมว่ายน้ำไปงับลูกเทนนิสอย่างทุลักทุเล  ไหนจะว่ายน้ำมาถึงฝั่ง ไหนจะต้องฝ่าดงต้นธูปฤาษีมันก็กินเวลาไปเกือบๆ
      10 นาที เจ้านายน้อยลูกชุบจะยังรอผมอยู่ไหมน่ะ
                  ผมรีบวิ่งกลับไปที่เดิม  สายตาผมมันรายงานว่า มีแต่ความว่างเปล่า
               เจ้านายน้อยคงจะโกรธผมที่ผมหายไปนานเกินไป
                 ในระหว่างทางเดินกลับบ้าน ผมเดินคอตกกลับบ้านแต่ก็ไม่ลืมที่จะคาบลูกเทนนิสเปื้อนคราบน้ำลายกลับไปด้วย
               “ไม่ให้ๆ จะเอาไปให้ดาม!”เสียงเล็กๆดังมาจากทางข้างหน้า ผมหยุดกึกคอยฟังเสียงนั้น “เชลโลมูมมาม ลูกชุบไม่ชอบเชลโล เชลโลดื้อ เชลโลจะแย่งดามกิน ลูกชุบจะฟ้องพ่อ”
                   เจ้านายน้อยลูกชุบวิ่งพรวดออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมน้ำตานองหน้า พี่เชลโลวิ่งไล่ตามมาติดๆ  พยายามแย่งของในมือเธออย่างเกรี้ยวกราด
                    “ไม่ให้ๆๆๆๆ  จะเอาไปให้ดาม ดามยังไม่ได้กิน เชลโลกินแล้ว เชลโลขี้โกง ลูกชุบจะฟ้องพ่อ!” เธอร้องลั่นพลางชูมือขึ้นสุดตัว วิ่งไปวิ่งมาไม่ให้พี่เชลโลตามทัน
                    “จะฟ้องพ่อ!!!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”เธอร้องลั่น พูดซ้ำไปซ้ำมาปวดแก้วหู แต่พี่เชลโลก็ไม่ได้ลดความพยายามที่จะแย่งชิงของในมือเธอสักนิดเดียว เมื่อเธอเห็นดังนั้นจึงตัดสินใจโยนของในมือเธอมาทางผม ผมมองมันตกพื้นอย่างสับสนงงงวย
                     มันคือ แฮมเบอเกอร์ที่เต็มไปด้วยซอสมะเขือเทศ
                     พี่เชลโลทำท่าทำทางจะกระโดดมาทางผม แต่ก่อนที่พี่เชลโลจะทันขยับตัว เจ้านายน้อยลูกชุบก็กระโดดจับตัวเอาไว้เสียก่อน เธอทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดทับพี่เชลโล จนทำให้ทั้งสองล้มกลิ้งไปด้วยกัน
                     “ ดามกิน!ๆๆๆ”เธอเร่งอย่างหอบๆ
                     ผมเอาจมูกดมๆที่แฮมเบอร์เกอร์ มันช่างหอมเหลือเกิน แต่ก่อนที่ผมจะได้ลิ้มชิมรสชาติว่ามันจะอร่อยสักแค่ไหน สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
                      ความอัดอั้นของพี่เชลโลหมดลง พี่เชลโลเริ่มเห่าขู่ผมด้วยเสียงอันดัง บ่งบอกความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ผมชะงัก หันไปมองพี่เชลโลอย่างไม่เข้าใจ
                       และสิ่งที่เลวร้ายก็เกิดขึ้น พี่เชลโลฝังเขี้ยวลงไปที่ต้นแขนขวาของเจ้านายน้อยลูกชุบอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้เธอร้องลั่น รีบปล่อยพี่เชลโลออกมาทันที
                        ผมงงกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น พอตั้งสติได้ ผมก็เอ่ยถามพี่เชลโลด้วยความไม่เข้าใจว่า
                       “ทำไมพี่ถึง...”
                    พี่เชลโลไม่ยอมให้ผมพูดจบ เอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างโมโหว่า
                        “อะไรๆเด็กนี่ก็เอามาให้แกกิน  ฉันแค่ขอกินแค่นี้ทำเป็นหวง หมาตะกละ!”
                    ผมจุกอยู่ในอก พูดอะไรไม่ออก เสียงร้องของเจ้านายน้อยร้องระงมไปทั่ว หยดน้ำตาหยดหนึ่งหล่นร่วงไปผสมกับเลือดที่ไหลบนต้นแขน  พี่เชลโลทำไมถึงเป็นอย่างนี้ แค่อยากกินของนี่พูดกันดีๆไม่ได้เชียวหรือ
                     พี่เชลโลไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เดินอาดๆไปกินแฮมเบอเกอร์หน้าตาเฉย
                         “เชลโลกัดหนู พ่อ!!! เชลโลกัดหนู ฮือๆๆ” เธอร้องอยู่แค่นั้นพูดซ้ำไปซ้ำมา
                         “รู้อะไรไหม...”ผมเอ่ยถามพี่เชลโล
                          พี่เชลโลเงยหน้าขึ้นมองผม แล้วแสยะยิ้มเยาะ
                     “รู้อะ-...”
                    ผมไม่รู้ว่าพี่เชลโลจะพูดว่าอะไร เพราะสติผมขาดผึงไปตั้งแต่รอยยิ้มร้ายกาจนั่นแล้ว ผมกระโดดเข้าใส่พี่เชลโลอย่างไม่ทันตั้งตัว ผมทั้งกัด ข่วน ทำอย่างไรก็ได้ให้พี่ตัวนี้เจ็บปวดทรมานที่สุด
                    ผมไม่สนว่าแม่จะต้องว่าผม...
                    ผมไม่สนว่าต่อไปนี้ผมอาจจะไม่มีพี่…
                    แต่ผมสนอยู่อย่างเดียวคือ    ใครทำร้ายเจ้านายผม…
                     มันจะไม่วันลอยนวลแน่ ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม…
                     แต่ก่อนอะไรจะเลยเถิดเกินห้ามปราม เสียงฝีเท้าของเจ้านายกบก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเอ็ดตะโลด่าว่าผมกับพี่เชลโล เจ้านายน้อยลูกชุบร้องไห้หนักยิ่งกว่าเก่า คงเพราะเธอเห็นเลือดที่ตอนนี้อาบไปทั้งแขนและไหลเปอะเปื้อนเสื้อนักเรียนอนุบาลของเธอ
                    “เชลโลกัดหนูๆ ฮือๆๆ”เจ้านายน้อยลูกชุบร้องซ้ำๆอยู่แค่นั้นจากนั้นเธอก็สลบไปในทันที
                เจ้านายกบวิ่งเข้าไปหาเจ้านายลูกชุบอย่างเป็นห่วง เขาจับแขนเธอที่ตอนนี้ดูซูบลงอย่างเห็นได้ชัด  เขาอุ้มร่างเธอที่ไร้สติไว้ไนอ้อมแขนแล้ววิ่งไปที่หน้าบ้านปากร้องตะโกนให้ลุงแช่มคนขับรถออกรถไปโรงพยาบาลทันที
                     ผมรออยู่หน้าบ้าน ตอนนี้ดึกสงัด มันเงียบซะเล่นเอาผมใจหาย เจ้านายน้อยลูกชุบคงจะไม่เป็นไรหรอกน่ะ ดวงดาวบนท้องฟ้าส่งรอยยิ้มมาให้ผม บอกผมอย่างอ่อนโยนว่า เธอเป็นเด็กดีคงไม่เป็นอะไรมากนักหรอก
                    พี่เชลโลคอตก เขาคงรู้ว่าเขาได้ทำความผิดอย่างร้ายแรงเอาไว้ แม่สั่งสอนเขาด้วยการว่ากล่าวตักเตือนหลายชั่วโมง  ในใจผมฟ้องผมว่า สิ่งที่เขาได้รับโทษนั้นมันน้อยเกินไป
                   เจ้านายหญิงดูโศกเศร้ามากๆ เธอหยิบไม้เรียวอันยาวมาแถวๆที่บ้านหลังเล็กของพวกเราตั้งสิบๆครั้ง แต่ก่อนที่เธอจะทำอะไร เธอก็เดินกลับไปแล้วร้องให้เสียงดัง ปากบอกว่าเธอผิดเองที่เลี้ยงพวกผมเอาไว้
                  เสียงล้อรถบดกรวดที่ปากซอย ลุงแช่มเปิดประตูอุ้มเจ้านายน้อยลูกชุบที่ตอนนี้ยังคงไม่ได้สติ ผ้าพันแผลหนาเตอะที่แขนขวานั้น มันแทงใจผมเหลือเกิน          
                    “เชลโล!!!”เสียงตะคอกจากเจ้านายกบดังกังวานไปทั่วซอยที่เงียบสงบ ถึงเวลาแล้วที่พี่เชลโลจะได้รับโทษทัณฑ์ที่ตัวเองได้ก่อเอาไว้ “แกมันเลี้ยงไม่เชื่อง!!!”เจ้านายกบพูดต่อแล้วเดินมาทางผม
                  ความเจ็บปวดแล่นผ่านกลางลำตัวและตามด้วยเสียงหวดของไม้   ดังควับ สมองผมเลือนรางทันที ผมคือเจ้าดำไม่ใช่หรือ ดำ...ชื่อที่ไม่ได้เข้าพวกกับพี่น้อง ผมไม่ใช่พี่เชลโล แต่ความเจ็บปวดบังคับผมให้ข่มตาลง และสติก็   ดับวูบ แต่ถึงอย่างไรผมก็พอจะได้ยินคำพูดสุดท้ายจากเจ้านายที่ผมเคารพรัก
                        “ปล่อยเอาไว้ก็ดีแต่จะทำให้เดือดร้อน พอกันที!!!”
                          
                          
                         พอผมตื่นขึ้นมา…
                        ภาพแรกที่เห็นกลับไม่ใช่หลังคาสีแดงแสนคุ้นตาของบ้านผม
                         มันกลับกลายเป็นถังสี่เหลี่ยมสีเขียวๆสูงท่วมหัว
                          ผสมกับกลิ่นเหม็นเน่าของสิ่งปฏิกูลคละคลุ้งทุกลมหายใจ
                          
                 
                    ผมพยุงตัวลุกขึ้น แต่มันก็ล้มเหลว มันช่างปวดเหลือเกิน ผมปวดหลัง ปวดหัว ปวดไปหมดทั้งตัว รวมทั้งปวดหัวใจหมาอย่างผมด้วย แต่ตอนนี้คนที่ปวดกว่าผมเป็นไหนๆคงจะเป็นเจ้านายน้อยลูกชุบ เธอคงจะปวดแขนมาก ป่านนี้เธอคงจะตื่นแล้ว
                             ผมคิดถึงเธอ คิดถึงลูกเทนนิสเก่าๆที่เปื้อนน้ำลายผม  คิดถึงขนมที่เธอเก็บเงินไปซื้อให้ผมกินโดยเฉพาะ คิดถึงเสียงหัวเราะร่าเริงของเธอ
                             ผมอยากได้คำอธิบาย ทำไมผมถึงได้รับโทษ ผมทำอะไรผิด พี่เชลโลไม่ใช่หรือ พี่เชลโลที่ทำผิด แต่ทำไมถึงเป็นผมได้ล่ะ ทำไมจึงเป็นผมที่ได้มาอยู่ที่นี่
                             แสงแดดส่องผ่านมาที่ถังขยะเหม็นเน่าถังนั้น ผมรู้ รำพึงรำพันไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ผมเริ่มพยายามขยับตัวอีกครั้ง  นานพอดูกว่าจะขยับตัวได้ ผมกินกระดูกไก่ทอดที่ข้างๆถังขยะ มันช่างอร่อยมากมายในช่วงเวลานี้
                            เวลาผ่านไป ผมมองตามถนนที่มีแต่รถวิ่งไปวิ่งมาไม่เว้นว่าง คนขับบางคนหัวเราะ บางคนหน้าบูดบึ้ง ผู้คนเหล่านี้จะรู้จักเจ้านายน้อยลูกชุบของผมไหมน่ะ
                     ผมหาทางกลับไปที่บ้านของเจ้านายน้อย ผมงงไปหมด ที่นี่ที่ไหนน่ะ มันช่างดูวุ่นวายจริงๆ ผมเดินไปเดินมา รู้ตัวอีกทีก็มืดซะแล้ว
                          ยามมืดนี่ดูน่ากลัวเหลือเกิน แต่ตอนนี้ที่น่ากลัวกว่าความมืดก็คือความหิว
                          ผมมองๆไปรอบๆ หาเศษอาหารตกๆแถวนี้ มันไม่มีเลย ผมเดินไปอีกห้าหกก้าว ก็เจอลาบชิ้นโต...
                          มันคือ แฮมเบอเกอร์ที่เต็มไปด้วยซอสมะเขือเทศ
                         ผมเดินไปใกล้ๆ กลิ่นของมันช่างหอมหวนเหลือเกิน
                        “ไป๊!!!”เสียงตะคอกแหลมคุ้นหูดังขึ้นทางขวาของผม ผมหันไปมอง เห็นผู้หญิงวัยกลางคนกับเด็กหญิงน้อยน่ารักที่กำลังถือลูกโป่งด้วยมือข้างซ้าย “หมาข้างถนน ลูกชุบอย่าไปเดินใกล้มันน่ะลูก หมาบ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้”
                  ผมอึ้ง จ้องหน้าเธออย่างไม่เชื่อตาตัวเอง เธอคือเจ้านายน้อยลูกชุบ!!! ผมเห่าด้วยความดีใจ กระดิกหางไปมาลืมความเจ็บปวดไปหมด
                      “ ดามอ่ะแม่!!!ลูกชุบจำได้ เนี่ยดาม!!!”เธอเขย่ามือผู้เป็นแม่ด้วยแขนข้างซ้ายอย่างบ้าคลั่ง พร้อมชี้มือชี้ไม้มาทางผม ลูกโป่งไหวไปมาตามแรง
                        ใช่แล้ว เจ้านายน้อยจำผมได้ เธอไม่มีวันจำผมไม่ได้หรอก
                        “ดรัมที่ไหนล่ะลูก ดรัมก็อยู่บ้านเราไง”
                  ดรัมเหรอ...
                         “ไม่ใช่ๆๆๆ นั่นเชลโล!!! นั่นไม่ใช่ดาม!!! พ่อเอามาปล่อยผิดตัว นั่นเชลโล!!!”เธอตะโกน น้ำตาคลอเบ้า
                         “ ลูกชุบรู้ได้อย่างไรลูก!!!”ผู้เป็นแม่พูดเสียงดังกลบเสียงงงแงของเธอ “เชลโลกับดรัมเหมือนกันยังกับแกะ”
                    “ดามนิสัยดี ดามเก่ง ดามช่วยหนู”เธอพูดพลางมองมาที่ผมแล้วยิ้มกว้าง เธอเดินตรงมา ลูบหัวผมอย่างรักใคร่  “ดามรักหนู”
                     “นี่ไม่ใช่ดรัมหรอกจ๊ะ”ผู้เป็นแม่พูดเสียงอ่อนโยน  แล้วพาเธอเดินจากไป เด็กน้อยพยายามดิ้น แต่เธอปวดแผลเกินกว่าจะทำอะไรได้ เธอทำได้แค่หันมามอง เธอไกลไปเรื่อยๆจนมองแทบไม่เห็น
                               ผมตัดสินใจวิ่งตาม 2 คน นั่นไป ถึงอย่างไรผมก็จะตาม ในเมื่อเจ้านายน้อยลูกชุบจำผมได้ แล้วผมจะต้องกลัวอะไร
                                ลมแรงจากไหนไม่รู้พัดมาวูบหนึ่ง ทำให้ลูกโป่งที่ถูกเกาะกุมหลุดออกไปจากกำมือ เจ้านายน้อยตกใจที่มันลอยหลุดออกไป เธอวิ่งตามมันไปในถนนที่เต็มไปด้วยรถคับคลั่ง
                                รถยนต์คันคุ้นตาพุ่งตรงเข้าหาเจ้านายน้อย
                                 ผมกระโดดเข้าไปขวางเอาไว้ ทั้งๆที่มันเป็นกริยาที่โง่เง่าสิ้นดี แต่ผมก็ทำ
                                ร่างของผมลอยกระเด็นไปอีกฟากของถนน
                                เจ็บ เจ็บมากเหลือเกิน...
                  “  ดาม ดาม!!!” ผมลืมตา มองคนเรียก
                     เธอคือเจ้านายน้อยลูกชุบ นี่เธอปลอดภัยหรือนี่
                      ความดีใจพุ่งทะลักออกมาเป็นน้ำเลือด
                     ผมคงดีใจมากไปหน่อยล่ะมั้ง
                    “นี่ดรัมหรอลูก!!!”เสียงทุ้มลึกถาม
                ดรัมเหรอ...
                     ผมหันไปมอง เจ้านายกบเพิ่งลงจากรถคันคุ้นๆคันนั้นแล้วรีบลงมาหาผม
                    นี่เจ้านายมารับผมแล้วใช่ไหมนี่
                     ทุกคนเข้าใจแล้วใช่ไหม ว่าผม…
                      ไม่ได้ทำอะไรผิด…
                      ตาผมเริ่มมองไม่เห็นอะไรแล้ว
                      แต่ผมก็ภูมิใจ
                      ที่ผมรู้แล้วว่าผมชื่อดรัม
                       ไม่ใช่ดำ...
                       ดรัมที่แปลว่ากลอง เครื่องดนตรีที่เจ้านายน้อยลูกชุบกำลังเรียนอยู่  เธอถึงได้ชอบผมหนักหนา
                     แต่ยังไงก็ช่างผมรักเธอ แม้จะหมดลมหายใจไปแล้วก็ตาม...
                        
                            

                                    
                      
                     
                         


              
                

                  
                 


                  

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                  

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×