ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The dark ocean [KrisYeol]

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 3...จดหมายของเฮอร์มีส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.34K
      24
      16 มิ.ย. 56

      
        ชานยอลเคยฝันว่าอยากมีคนติดตาม หรือพวกลูกน้องเจ๋งๆ ไม่เอาแบบที่ตัวเป็นคนหางเป็นเงือก หรือพวกพรายน้ำอะไรแบบนั้นนะ เขาเห็นพวกนั้นมาตั้งแต่เกิดแล้ว แต่ที่อยากได้ก็พวกมีพลังพิเศษ เท่ๆ หรืออะไรทำนองนั้น แล้วตอนนี้เขาก็สมหวังแล้ว!!!
     


        รอยยิ้มพร่างพรายถูกวาดขึ้นที่กลีบปากบาง ขณะที่กำลังนั่งมองชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งที่ยืนอยู่กลางท้องพระโรงของวังโพไซดอน นิ้วเรียวเคาะเล่นเบาๆที่พนักวางแขนของบัลลังก์อย่างสบายอารมณ์ ในขณะที่ชายหนุ่มจ้องหน้าเขากลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ยิ่งเห็นอย่างนั้นชานยอลก็ยิ่งได้ใจมากขึ้นไปอีก..




    “นับจากนี้เจ้าจะต้องคอยดูแลลูกของข้า และอย่าได้คิดทำการใดที่เป็นการหยามเกียรติแห่งโพไซดอนอีกเป็นอันขาด!!!”เสียงโพไซดอนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ประกาศกร้าวจนน้ำทะเลในท้องพระโรงปั่นป่วน



    “ครับ”คริสรับคำสั้นๆ สีหน้ายากที่จะเดาได้ว่าคิดอะไรอยู่  แต่คู่สนทนากลับตีสีหน้านั้นว่าเกิดจากผลกระทบที่ร่างกายถูกทำให้หายใจใต้น้ำได้ด้วยเวทมนตร์โบราณของกรีก



    “ดี!!! ถ้าเจ้าผิดคำพูดไปแม้แต่คำเดียว ข้าจะปลิดชีพเจ้าด้วยมือของข้าเอง!!!” คริสโค้งตัวรับตามมารยาท พลางคิดในใจ  ขู่เอาชีวิตกับบุตรแห่งฮาเดสงั้นหรอ  หึ ไม่ตลกไปหน่อยรึไงกัน


    “ผมจะทำตามที่ท่านบัญชาทุกอย่าง ท่านโพไซดอน” โพไซดอนจับจ้องใบหน้าของคนอ่อนเยาว์กว่าโดยไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา



    “ท่านพ่อครับ  ถ้างั้นผมก็เอาทาสของผมไปได้แล้วใช่มั้ย” ชานยอลจงใจเน้นคำว่าทาส กะให้คนฟังเจ็บช้ำน้ำใจแต่เปล่า...
    คริสเพียงแค่ยิ้มน้อยๆเท่านั้น




          โพไซดอนพยักหน้ารับ ชานยอลยันตัวลุกขึ้น เดินนำคริสไปที่ห้องพักของตัวเองในพระราชวัง ยอมรับเลยว่าตอนนี้เขารู้สึกหยิ่งผยองในใจราวกับว่าตัวเองเป็นผู้คุมนักโทษ แล้วคริสเป็นนักโทษผู้โชคร้ายที่ดันโชคไม่ดีมาเจอผู้คุมอย่างเขาสาบานเลยว่าตอนแรกเขาไม่ได้คิดจะเอาคนคนนี้มาเป็นผู้ติดตามเลยสักนิด มันเกิดจากดวงดีล้วนๆ เขาแค่ต้องการให้คนคนนี้ขอโทษเท่านั้น แต่เรื่องมันกลับกลายเป็นอย่างนี้ไปเสียได้ แต่ถึงจะอย่างนั้น เขาก็ไม่เสียใจหรอกนะ เผลอๆดีใจยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ





    “เตรียมใจไว้เลย  นายไม่โชคดีพอจะเจอเจ้านายที่ดีหรอกนะ บุตรแห่งฮาเดส” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเหมือนชานยอลเป็นตัวตลก



    “เท่าที่ฉันรู้ฉันแค่ต้องมาดูแลนาย”


    “จะอะไรก็ช่าง  รู้แค่ตอนนี้ฉันอยากกินสาหร่าย  แล้วก็อยากได้หอยมุก แล้วก็เอ่อ....แมงกะพรุนเรืองแสงสักตัว จะเอามาใส่ในห้องตอนกลางคืน” เด็กหนุ่มใช้น้ำเสียงในแบบที่อันธพาลใช้ข่มคนที่อ่อนแอกว่า มันคงได้ผลหากเขาไปใช้กับคนอื่น ไม่ใช่กับคริส



    “ฉันจำเป็นต้องทำ?”


    “ใช่ ไปดิ่”


    “ฉันสัญญาไว้ว่าจะดูแลนายงั้นหรอ”


    “เพิ่งรู้ว่าลูกของฮาเดสมีความจำไม่ดีเวลาอยู่ใต้น้ำ”


    “หึ อาจใช่ แต่ฉันว่าไม่เท่าลูกของโพไซดอนที่หูไม่ดีทั้งบนบกและในน้ำ”


    “หมายความว่าไง”ชานยอลเริ่มหมดความอดทน ยันตัวลุกขึ้นยืน จ้องหน้าอีกคนตาเขม็ง  คริสโน้มหน้ามาใกล้ ก่อนจะตอบหน้ายิ้ม


    “เท่าที่จำได้  ฉันไม่ได้สาบานกับแม่น้ำสติกซ์ว่าจะดูแลนายนะ”


    “เฮ้ย ไรวะเนี่ย แล้วจะมาที่นี่ทำไม!!!”


    “มาขยี้เกียรติของโพไซดอนถึงบ้านล่ะมั้ง”คริสพูดพร้อมกับยิ้มร้ายให้


    “ว่าไง....!!!”


    “ชู่ว์ อย่าเสียงดังนักสิ เดี๋ยวคนอื่นก็รู้แผนฉันหมดหรอก”คริสทาบนิ้วชี้ที่กลีบปากของอีกฝ่าย ก่อนจะแย้มยิ้มแล้วเอ่ยต่อ


    “สรุปจะเอาสาหร่าย หอยมุก แล้วก็แมงกะพรุนใช่มั้ย ได้” คริสว่าพร้อมกับผละออก แล้วเดินออกไป


    “ที่ว่าเมื่อกี้มันหมายความว่าไง” ชานยอลถามเสียงกร้าว ดวงตาสีเข้มแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าดุดัน คริสสบตาเด็กหนุ่มตรงๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ


    “แล้วแต่นายจะคิด”จากนั้นเขาก็เดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้ชานยอลยืนเคียดแค้นอยู่คนเดียว  




      เด็กหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงกับเก้าอี้ที่ทำจากเปลือกหอยมุกอย่างแรง  มือเรียวกำแน่น พลางคิดถึงคำพูดของคริส ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้เลยว่าผู้ชายคนนั้นพูดจริงหรือเล่น  เขามีลักษณะท่าทาง การพูดจาที่ลึกลับและอันตรายเหมือนกับความงามสง่าของเขา ....



    งดงาม


    พราวเสน่ห์


    แต่อันตราย




       ชานยอลกำมือจรดขึ้นที่ริมฝีปาก พร้อมกับเหลือบตามองต้นไม้น้ำที่ปลูกประดับอยู่ในห้องที่กำลังพลิ้วไหว โบกสะบัดใบใหญ่ยาวของมันไปตามกระแสน้ำที่ไหลผ่านด้วยแววตาขบคิด




    “นี่เราคิดถูกหรือคิดผิดกันนะ”มีแต่เสียงน้ำที่กำลังไหลตอบเขามา ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นด้านข้าง




    “เจ้าคิดผิดสุดๆเลยล่ะ”ชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมหมวกและรองเท้ามีปีกเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนจะวางถุงหนังที่ถุงสกรีนคำว่า...เฮอร์มีส  บริการส่งทั่วแดน ลงกับพื้น แล้วหันมายิ้มให้ชานยอล...


      ชานยอลอ้าปากค้าง ตกใจไม่น้อยที่มีแขกมาเยือน เพราะเขามั่นใจว่าวันนี้เขาไม่ได้เชิญเทพเจ้าองค์ไหนมาบ้านสักหน่อย...




    ----------------------------------------------




    “สาหร่าย  หอยมุก  แมงกะพรุน”คริสเอ่ยทวนกับตัวเองด้วยสีหน้ากึ่งรำคาญกึ่งเบื่อหน่าย เขาไม่ชอบทำตามคำสั่งใคร และเกลียดที่สุดที่ต้องเป็นรองคนอื่น แต่ครั้งนี้ถือเป็นข้อยกเว้น อาจจะไม่มาก แต่เขาก็พอทำใจได้ เพราะเขาหวังผลประโยชน์มากกว่าการเป็นเบ้ครั้งนี้แน่นอน...



    มันยังมีอะไรสนุกๆให้ทำอีกเยอะ


    ยังมีอะไรให้ฮาเดสกลุ้มใจกว่านี้อีกเยอะ..




        ชายหนุ่มยิ้มให้กับความคิดตัวเองก่อนจะเดินไปตามทางของพระราชวังโพไซดอนที่โรยด้วยทรายสะอาดสีขาว ที่ด้านนอกมีสวนปะการังและดอกไม้ทะเลหลากสี ทั้งเหลือง ส้ม แดง หรือแม้กระทั่งสีฟ้า โดยมีฝูงปลาเล็กปลาน้อยแหวกว่ายไปมาขับไล่ให้สวนที่นี่น่ามองยิ่งขึ้น ต้องยอมรับว่าสวนที่นี่สวยกว่าในนรกมาก อาจเพราะดอกไม้และพืชพันธุ์ในนรกส่วนใหญ่มักมาในรูปของอัญมณี ดอกคริสตัลสีขาว  สีแดง ใบไม้เงิน ใบไม้ทอง มีให้เขาเห็นจนชาชิน ต้นไม้ที่ดูเป็นต้นไม้มากที่สุดก็คงจะเป็นต้นแสงจันทร์ที่มีดอกสีขาวสะอาด และเงาจันทร์ที่มีดอกสีดำทมิฬ  กลิ่นของมันหอมหวนมาก แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะหยุดชื่นชมมัน  เพราะความงามเหล่านั้นมันเหมือนกับเขาจนเกินไป..




    สวยงาม แต่แฝงพิษร้าย




       คริสออกเดินต่อไปเรื่อยๆ ตาคมมองหาเหล่าเงือกที่คอยรับใช้โพไซดอน ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับนางเงือกตัวหนึ่งที่กำลังแหวกว่ายดูแลสวนปะการังพวกนั้นอยู่




    “ฉันอยากได้สาหร่าย หอยมุก และแมงกะพรุนเรืองแสง หามาให้ทีได้มั้ย”นางเงือกตัวนั้นเบิกตาโพล่ง ก่อนจะก้มลงโค้งคำนับ



    “ข้าจะรีบหามาให้ท่าน  รอ  รอสักครู่ท่านคริส”



    “อืม”คริสรับคำก่อนจะโบกมือให้นางเงือกตัวนั้นไปหาของมาให้  ส่วนสาเหตุที่นางเงือกตัวนั้นรู้ชื่อเขา คงไม่ใช่ว่าเขาโด่งดังมากเสียจนสิ่งมีชีวิตทั่วแดนรู้จักเขาหรอก แต่เป็นเพราะนางเงือกตนนั้นตายไปแล้วต่างหาก...




         โลกใต้น้ำอาจเป็นถิ่นของโพไซดอน แต่ขณะเดียวกันทั่วทุกที่ไม่ว่าจะพื้นน้ำ พื้นดิน ล้วนมีคนตายด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นจึงไม่มีที่ไหนที่คริสจะเสื่อมอำนาจลงได้



          และที่สำคัญพลังของเขาก็เอื้อประโยชน์ต่อเกมส์ของเขามาก เพราะในที่นี่ไม่มีใครสื่อสารกับวิญญาณได้นอกจากเขา นั่นหมายความว่า ต่อให้เขาทำผิดแค่ไหนก็ไม่มีใครล่วงรู้ เพราะคนที่สมรู้ร่วมคิดด้วย.....ไม่ใช่คน



         ร่างสูงยืนรอนางเงือกตนนั้นสักพัก ในที่สุดนางเงือกก็กลับมาพร้อมกับสิ่งของที่เขาต้องการ นางโค้งตัวลง ก่อนจะถวายของเหนือหัวให้คริส


    “ขอบใจ”


    “ท่าน ท่านจะเอามันไปทำไมหรือคะ” ความหวาดกลัวเจือปนอยู่ในน้ำเสียง แม้คริสจะยังไม่ทันทำอะไรนางเลยก็ตาม


    “ให้ชานยอล”


    “โอ๊ะ  ท่านชานยอลน่ะหรือคะ งั้น งั้นฉันจะไปเอาให้ใหม่”นางเงือกว่าจบก็รีบสะบัดตัวเตรียมจะว่ายออกไปทันที


    “เดี๋ยว ทำไม”


    “ท่านชานยอลแพ้ มีของใต้ทะเลหลายอย่างที่ท่านแพ้” รอยยิ้มร้ายถูกวาดขึ้นที่กลีบปากหนา ก่อนที่เขาจะออกคำสั่งนางเงือกใหม่


    “เอามาให้หมดของที่ชานยอลแพ้” พูดจบวิญญาณเงือกตัวนั้นก็ว่ายออกไปตามคำสั่งของคริส


    “เป็นคนของมหาสมุทร แต่แพ้ของมหาสมุทร ใช้ไม่ได้เลยนะชานยอล” คริสหันกลับไปมองยังทางที่ตัวเองเดินจากมา พลางคิดถึงใครบางคนที่อยู่ในห้องนั้น...



    มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ชานยอล


    มันเพิ่งจะเริ่มต้น...





    -----------------------------------------





       ชานยอลอยากจะบ้า ใช่อยากจะบ้ามากด้วยตอนนี้  เพราะเทพที่อยู่ข้างหน้าเขาตอนนี้กำลังทำเขาสติแตก เพราะนอกจากจะไม่ตอบคำถามเขาแล้ว ยังง่วนอยู่กับการพูดคนเดียว จะเรียกว่าพูดคนเดียวก็ไม่ได้ เพราะมันเหมือนกำลังพูดอยู่กับใครก็ไม่รู้ที่อยู่ไกลมากกว่า...



    “ครับ เฮอร์มีส โอเคได้ แล้วข้าจะไปส่งให้”



    “ท่านเฮอร์มีสครับ คือ”ชานยอลร้องทักเป็นรอบที่สิบแล้วภายในเวลาห้านาที  เฮอร์มีสยกมือห้าม ก่อนจะหันไปพูดกับใครก็ไม่รู้ต่อ...


    “โอเค ว่าต่อเลย พอดีอยู่ใต้น้ำ ไม่ค่อยจะได้ยินเท่าไร แต่ก็พอฟังออกอยู่ จะให้ไปส่งที่ไหนนะครับ แล้วกี่โมงด้วย โอ้ ไม่เป็นไรครับ สามารถไปได้  อ่า โอเคได้ครับ ขอบคุณมาก” ชานยอลพรูลมหายใจก่อนจะทรุดนั่งลงอย่างเก่า เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะรู้สึกยังไง ทึ้ง หรือหงุดหงิดดี



                เฮอร์มีสเป็นชายหนุ่มวัยกลางคนรูปร่างสันทัด   ผิวพรรณนวลผ่องอย่างที่พบเห็นได้ทั่วไปในผู้เป็นอมตะ ใบหน้าหล่อเหล่าแต่ไม่ถึงกับทำให้ต้องมนต์สะกด จัดว่าเป็นความสมบูรณ์แบบในรูปแบบของความดีงาม ไม่มีความลึกลับหรือเสน่ห์ซ่อนเร้นให้ต้องค้นหา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังมีชายามากมาย และเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าเทพและมนุษย์ อาจเพราะเขามีนิสัยที่โอบอ้อมอารีย์และชอบช่วยเหลือผู้อื่นเลยทำให้ทุกๆคนชอบเขา  นอกจากนี้เขายังมีบุคลิกพิเศษที่ไม่มีในเทพองค์อื่นๆนั่นคือความเป็นมิตร เข้าอกเข้าใจ และความกระฉับกระเฉงแบบที่พวกแมสเซนเจอร์ในโลกมนุษย์ทั้งหลายมีกัน



    “อ่า โอเค ข้าพร้อมจะคุยแล้ว เมื่อกี้เราคุยกันถึงไหนนะ” ชานยอลนั่งเล่นกับกุ้งสีแดงตัวนั้น ก่อนจะสะดุ้งโหยง ทำหน้าเหรอหราเมื่อเฮอร์มีสเรียกชื่อตน


    “ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ”



    “ผมคิดว่าท่านกำลังคุยกับเอ่อ........มันเรียกว่าโทรศัพท์ได้มั้ย”


    “มนุษย์เก่งนะที่คิดของแบบนั้นได้ แต่ข้าไม่ใช้มันหรอก เพราะข้ามีนี่” เขาพูดก่อนจะชี้มาที่หูของตัวเองแล้วฉีกยิ้มให้


    “หูของข้าจะได้ยินเสียงคนหรือเทพที่จะใช้บริการอยู่ตลอดเวลา ข้าว่ามันดีกว่าโทรศัพท์เป็นไหนๆ เพราะไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหน หูเจ้าก็ได้ยินไม่เปลี่ยน เอ่อ....แค่อาจจะเสื่อมไปบ้างตามสถานที่น่ะนะ”


    “อ่า....ครับ ว่าแต่ที่ท่านพูดเมื่อครู่คืออะไรครับ ที่บอกว่าผมตัดสินใจผิดที่ให้คริสมาดูแล”


    “อ้า เรื่องนั้น  โอ๊ะ เดี๋ยว!  เปลี่ยนเวลาส่งงั้นหรอ กี่โมงครับ แล้วยังส่งตรงที่วิหารพาเธนอนเหมือนเดิมมั้ย”  ชานยอลเบ้ปาก พอจะเข้าใจว่าเทพองค์นี้เป็นเทพที่วุ่นวายอยู่ตลอดเวลา เพราะต้องคอยส่งสารนู่นนั่นนี่ให้ผู้อื่นอยู่เสมอ แต่ไม่คิดว่ามันจะมากขนาดนี้น่ะสิ


    “โอเค โทษที  ช่วงนี้วุ่นวายนิดหน่อย เมื่อกี้เราพูดถึงเรื่องอะไรนะ คริสใช่มั้ย”


    “ครับ ท่านกำลังจะบอกว่าผมคิดผิดยังไงที่ให้เขามาดูแล”  เฮอร์มีสขมวดคิ้ว ก่อนจะเบ้ปาก ทำหน้าลำบากใจนิดหน่อย ก่อนจะค่อยๆพูดออกมา


    “อย่างที่รู้กันว่าข้าเป็นเทพผู้ส่งสาร และหนึ่งในหน้าที่ที่ต้องทำคือส่งคนไปยังยมโลกด้วย เลยทำให้เจอกับคริสบุตรแห่งฮาเดสคนนั้นบ่อย” ชานยอลยืดหลัง มือประสานกันข้างนอกอย่างตั้งใจฟัง


    “จะว่าสนิทกันมั้ย ก็คงในระดับหนึ่ง เขาเป็นคนดีนะ  ถึงจะกวนประสาทไปบ้าง แต่เขาก็เป็นมนุษย์ที่ใช้ได้คนหนึ่ง แต่สิ่งเดียวที่จะทำให้เขากลายเป็นปีศาจร้ายได้นั่นคือ....”


    “ท่านเฮอร์มีส” เสียงหนึ่งดังขึ้นขัด พร้อมกับการปรากฏตัวของคริส  ชานยอลหันกลับไปมองอย่างขัดใจ อีกนิดเดียวเขาจะได้รู้เรื่องแล้วเชียว!!!


    “โอ้  คริส ไม่เจอกันเสียนาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เทพเจ้าตาโตพร้อมกับเดินไปจับแขนคริส


    “เราเพิ่งจะเจอกันไปเมื่อวานเองครับ ท่านเฮอร์มีส”


    “ข้ามั่นใจว่าไม่นะ” เฮอร์มีสยืนยัน


    “ในงานวันเหมายันไงครับ”


    “อ้อ งั้นหรอ สงสัยข้าคงไปไหนมาไหนบ่อยจนบางทีก็ลืมๆไปว่าเคยเจอใครบ้าง” เทพเจ้าอธิบายด้วยสีหน้ารู้สึกผิด แต่ดูคริสจะไม่สนใจแม้แต่น้อย


    “เมื่อกี้ที่ท่านคุยค้างไว้ ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไรหรอครับ”


    “อ้อ.....”


    “ท่านมีสารมาส่งน่ะ ใช่มั้ยครับท่านเฮอร์มีส”ชานยอลรีบพูด  คริสหรี่ตามองอย่างพิจารณาก่อนจะเอ่ยถามเทพเจ้าอีกครั้ง


    “สารงั้นหรอครับ  ถึงใคร”


    “ถึงเจ้านั้นแหละ” คริสเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เฮอร์มีสจะล่วงมือไปหยิบจดหมายสองฉบับมาให้ แค่ดูจากซองจดหมายก็พอจะเดาได้แล้วว่ามาจากใคร...




         มือหนาค่อยๆเปิดซองจดหมาย ประกายแปลบปลาบของสายฟ้าไหลท้วมมือเขา พร้อมกับประจุอิเล็กตรอนจำนวนมหาศาลไหลทะลักออกมาจากซองจดหมายจนกระแสน้ำที่อยู่รายล้อมปั่นป่วน นิ้วแกร่งชาเพราะถูกสายฟ้าเล่นงานไปชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆกลับเป็นปกติ เมื่อกระดาษในซองค่อยคลี่ตัวเองออกมาแล้ววางตัวลงบนมือของเขา ตาคมกวาดตาอ่านอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามเทพเฮอร์มีสที่เพิ่งคุยกับลูกค้าสักคนหนึ่งเสร็จ



    “แน่ใจแล้วหรอครับ”



    “อืมไม่รู้สิ เห็นว่าซุสสั่งอย่างนั้นนะ”


    "เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเลยใช่มั้ยครับ"


    “ก็คงจะอย่างนั้น สงสัยอะไรก็กรอกคำถามพร้อมรายละเอียดที่อยู่ ส่งไปยังโอลิมปัสได้เลย ข้ายินดีจะส่งให้พวกเจ้าเสมอ ขอบคุณที่เลือกบริการเฮอร์มีส ส่งทั่วแดน”


    พรึ๋บ!



    เฮอร์มีสหายตัวไป แต่ความรู้สึกลิงโลดในใจของคริสยังคงอยู่...


    ดูเหมือนจะมีเรื่องสนุกให้ทำอีกแล้วสิ


    แล้วครั้งนี้มันก็ดูจะยิ่งสนุกสุดๆไปเลยเสียด้วย



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×