ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The dark ocean [KrisYeol]

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 4...ความโกรธเกรี้ยวของท้องทะเล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.22K
      22
      16 มิ.ย. 56

    คริสนั่งอ่านจดหมายอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ยากจะเข้าใจ ความสนใจของเขาจดจ่ออยู่แค่เนื้อความในนั้นเท่านั้น จนไม่ทันสังเกตว่าเฮอร์มีสได้หายตัวไปแล้ว กลีบปากหนาค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาช้าๆ ก่อนจะเหลือบตาไปมองชานยอลที่ยืนกอดอกพิงกำแพงจ้องหน้าเขาอยู่
     
     
     
    “จดหมายอะไร”เด็กหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงธรรมดา ติดจะหงุดหงิดเล็กๆด้วยซ้ำ  เขาเกือบจะรู้อยู่แล้วเชียวว่าคริสมีความลับอะไร ถ้าเพียงแต่ร่างสูงไม่เข้ามาขัดเสียก่อน
     
     
     
      คริสเปรยตามองชานยอลที่กำลังแอบมองจดหมายเล็กน้อย ก่อนจะยื่นจดหมายให้ จังหวะที่มือเรียวยื่นมือมารับ ร่างสูงก็ชักมือกลับทันที
     
     
     
    “นาย!”
     
     
    “โพไซดอนไม่ได้สอนให้ลูกรู้จักมารยาทในการห้ามแอบอ่านจดหมายของคนอื่นหรอ”
     
     
    “อย่ามาว่าพ่อฉัน” ดวงตาสีดำขลับแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าดุดัน กระแสน้ำวนอันเชี่ยวกราดไหลอยู่รอบตัวเด็กหนุ่มพร้อมที่จะเข้าปะทะร่างสูงทุกเมื่อหากเอ่ยคำพูดไม่เข้าหูออกมาอีกคำเดียว
     
     
    “งั้นก็ทำตัวให้ดีจนฉันว่าไม่ได้สิ”
     
     
    “แล้วนายทำตัวดีพอให้ฉันดีด้วยรึยังล่ะ”
     
     
    “น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้คิดอยากให้นายดีกับฉัน...........แม้แต่นิดเดียว”
     
     
    “งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องดีกับนายแล้ว!!!”ความกวนประสาทของร่างสูงจุดเชื้อความโกรธเคืองของชานยอลมากเสียจนร่างโปร่งหมดความอดทน มือเรียวผลักกระแสน้ำซัดใส่หน้าร่างสูง น้ำที่เชี่ยวกราดและรุนแรงเฉือนผิวแก้มสากจนเลือดไหล  มือหนาค่อยๆปาดมันออกช้าๆ  พรางยิ้มเยาะกับตัวเอง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าทำให้เขาเลือดออก  เพราะถ้ามันกล้า จุดจบของมันคงไม่ตายดีแน่นอน!!!
     
     
     
    “ดูเหมือนว่านายอยากจะตายไวจังนะ  ให้ฉันช่วยมั้ยล่ะ รับรองว่าไม่เจ็บปวดสักนิด”
     
     
     
    “ฮาเดสสอนลูกเป็นคนอย่างนี้เองหรอ มิน่าถึงไม่ได้เป็นหนึ่งในมหาเทพโอลิมปัส เพราะแค่ลูกยังสั่งสอนไม่เป็น!!!”คริสบีบข้อมือชานยอลอย่างแรง ก่อนจะปลุกวิญญาณที่ตายในเวิ้งน้ำทั้งหมดขึ้นมารุมทึ้งร่างโปร่ง และใช้มือโปร่งใสของมันปิดจมูกเอาไว้ ชานยอลตะเกียกตะกายพยายามดิ้นให้หลุดจากการถูกฆ่า แต่ยิ่งดิ้นเท่าไร ฝูงวิญญาณพวกนั้นก็ยังตรึงเขาแน่นขึ้นเท่านั้น ออกซิเจนค่อยๆลดลงเรื่อยๆ เช่นด้วยกับสติที่ใช้ในการควบคุมน้ำของเขา  ชานยอลกำลังจะตาย เหมือนครั้งที่ถูกวิญญาณในทางสายมรณะทำร้าย แต่ครั้งนี้มันน่ากลัวกว่า รุนแรงกว่า เพราะวิญญาณที่ทำร้ายเขาล้วนเป็นวิญญาณที่เป็นอริกับโพไซดอนทั้งสิ้น...
     
     
     
    พวกมันทั้งหมดล้วนต้องการชีวิตเขา....
     
     
     
     
      ตากลมโตเหลือบมองดวงตาสีทองเจิดจ้าที่เปี่ยมไปด้วยโทสะด้วยแววตาที่สับสน ไม่รู้ว่าเขาควรจะอ้อนวอนหรือเกลียดชังคนคนนี้ดี เขากำลังจะตาย  และคนที่จะช่วยเขาได้ ก็มีเพียงแค่ร่างสูงคนนี้เท่านั้น แต่ขณะเดียวกัน ผู้ชายคนนี้ก็คือมัจจุราชที่หยิบยื่นความตายให้เขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้  สองขั้วความคิดตีกันไปมาอยู่อย่างนั้นก่อนที่ความเกลียดชังจะเป็นผู้ชนะ เมื่อร่างสูงพูดประโยคหนึ่งออกมา
     
     
     
     
    “อย่าได้พูดว่าฉันเป็นลูกของเขาอีกเป็นครั้งที่สอง  ถ้านายยังไม่อยากตาย!!!” ฉับพลันนั้นฝูงวิญญาณทั้งหลายก็สลายหายไป พร้อมกับคริสที่เตรียมจะเดินออกไป
     
     
     
    “แฮ่ก  แฮ่ก  แล้วถ้าฉันจะทำ แล้ว แล้วนายจะทำไม!!!” คริสชะงักก่อนจะหันมาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มร้าย
     
     
     
    “นายก็จะได้ตายอย่างสมบูรณ์แบบ ชนิดที่แม้แต่วิญญาณก็จะไม่มีหลงเหลืออยู่ในนรก!!!”ชานยอลกำมือแน่น ก่อนจะซัดน้ำใส่ร่างสูง แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นเพียงกระแสน้ำที่พัดเร็วขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยเท่านั้นเอง ร่างโปร่งทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน  ก่อนจะใช้กระแสน้ำช่วยเพิ่มพลังให้กับเขา ขณะที่มันกำลังเยียวยา เด็กหนุ่มก็ขบคิดถึงร่างสูงที่เดินจากไปแล้วอย่างเคียดแค้น
     
     
     
     
        ความโกรธค่อยๆทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ จนน้ำทะเลในบริเวณนั้นปั่นป่วน คลื่นขนาดใหญ่สาดซัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง กระแสน้ำต่างๆไหลเชี่ยวกราด จนเกิดน้ำวนที่กลางห้อง  ความเร็วของมันทวีคูณขึ้นเรื่อยๆจนห้องสั่นสะเทือนราวกับพวกมันกำลังตอบสนองความโกรธของชานยอล
    เหล่าเงือกและพรายน้ำรับใช้ต่างแตกตื่นกับสิ่งที่เกิดขึ้น แรงพิโรธของชานยอลมากเสียจนพวกเขารับรู้ได้  ทุกตนต่างงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่บ่อยนักที่ชานยอลจะโกรธมากขนาดนี้ แล้วครั้งนี้มันเป็นเพราะอะไรกันล่ะ...
     
     
     
     
    “ท่านคริส” เงือกชายตัวหนึ่งเอ่ยชื่ออีกคนออกมา เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องของเจ้านาย เขาอ้าปากเตรียมจะเอ่ยถามสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ต้องชะงัก รีบกลืนคำพูดทั้งหมดลงไป เมื่อเห็นแววตาสีทองคู่นั้นจับจ้องมาที่เธออย่างรำคาญ เขาโค้งศีรษะลงทำความเคารพ ก่อนจะว่ายน้ำเลี่ยงไปให้ไกลจากชายหนุ่ม และทันทีที่เขาเดินออกไปแล้ว เขาก็รีบว่ายไปหาเจ้านายของเขาทันที
     
     
     
    “ท่านชานยอล เกิดอะ....”เขาชะงักไว้เท่านั้น เมื่อหางไปโบกโดนวัตถุบางอย่างที่อยู่บนพื้นห้อง  เขาค่อยๆหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเบิกตาโพล่งเมื่อรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร
     
     
    “ท่าน  ทำไมท่านถึงมีของพวกนี้”
     
     
    “คริสเอามา”
     
     
    “มันเป็นของที่ท่านแพ้ทั้งหมด” ตากลมเหลือบมองของทั้งหมด ก่อนจะกำมือแน่น แม้สิ่งของทั้งหมดจะมาในรูปที่ถูกแปรสภาพมาแล้ว แต่มองปราดเดียวเขาก็รู้ว่าเขาแพ้ของพวกนั้น มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ที่เผลอเอาของที่เขาแพ้มาให้โดยไม่รู้ คริสต้องตั้งใจแกล้งเขา แล้วก็มั่นใจด้วยว่าคงกะเอาให้เกือบตาย!!!
     
     
     
    “ตอนนี้ท่านพ่ออยู่ไหน”
     
     
    “เพิ่งจะกลับพระราชวังเดี๋ยวนี้เองครับ”
     
     
    “ดี เราจะไปเข้าเฝ้ากัน” ชานยอลกำมือแน่น ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายความสนุกและความโกรธเคือง  สองขายาวพาร่างของตัวเองเดินนำออกไปจากห้อง โดยมีเงือกชายตามหลังมา  ตลอดทางที่เดินมา เหล่าข้ารับใช้ทั้งหลายก็คอยหลีกทางให้แมงกะพรุนเรืองแสงที่กำลังจะทำหน้าที่ส่องสว่างให้พระราชวังในยามค่ำคืน ถึงกับหยุดเรืองแสง เมื่อชานยอลเดินผ่าน ฝูงฮิมโปแคมปัส สัตว์พาหนะของโพไซดอนที่กำลังจะว่ายน้ำเข้ามาทักทายชานยอลตามความเคยชิน ก็ถึงกับชะงัก แล้วว่ายหนีไปทางอื่น  ความพิโรธของชานยอลอาจไม่ร้ายแรงเท่าโพไซดอน แต่ก็ไม่ได้เบาบางจนไม่ต้องป้องกันตัว...
     
     
     
     
         สองขายาวเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของโพไซดอน  ยืนรอไม่นานนักประตูก็ค่อยๆเปิดออกต้อนรับเขา  รอยยิ้มพร่าพรายถูกวาดขึ้นที่กลีบปาก
     
     
     
     
    “แล้วนายจะได้ลิ้มรสความพิโรธของท้องทะเล คริส”
     
     
     
     
     
    -------------------------------------------
     
     
     
     
     
     
    “ท่านคริส”เสียงหนึ่งดังขึ้นทันทีที่ร่างสูงมาถึงบ้าน  การเดินทางจากใต้บาดาลกลับขึ้นมาบนบก ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เขาเพียงแต่เรียกใช้วิญญาณและให้รางวัลมันด้วยเหรียญเงินสักสองสามเหรียญเท่านั้นเอง อาจจะดูเล็กน้อย แต่สำหรับวิญญาณที่หาทางกลับนรกไม่เจอ เหรียญถือเป็นสิ่งสำคัญที่ใช้เป็นค่าพากลับนรกให้แครอน คนแจวเรือนำส่งวิญญาณกลับดินแดนแห่งผู้วายชนม์
     
     
     
     
     
      คริสเปรยตามองวิญญาณดวงนั้น ก่อนจะทรุดนั่งกับเก้าอี้  สุนัขสีดำสองตัวค่อยๆเดินออกมาจากเงา จากนั้นก็นั่งหมอบลงข้างๆเขา  ตาคมเหลือบมองเก้าอี้ที่ทำมาจากหินแบบเดียวกันกับท้องพระโรงของฮาเดสด้วยแววตาเกลียดชัง เก้าอี้ตัวนี้จำลองมาจากบัลลังก์ของเขาในนรกใต้พิภพ มันเป็นบัลลังก์ที่ที่บ่งบอกว่าเขาคือบุตรแห่งฮาเดส สิ่งของและความรู้สึกที่เขาอยากลบออกไปจากชีวิต แต่ก็ไม่เคยจะทำได้สักที
     
     
     
     
    “ท่านโมโหกลับมาอีกแล้ว ครั้งนี้ทะเลาะกับท่านพ่อของท่านอีกแล้วหรือ”
     
     
     
    “ไม่ใช่เรื่องนั้น”
     
     
    “หรือท่านทะเลาะกับท่านชานยอลมา”คริสพรูลมหายใจออกมาอย่างรำคาญ ก่อนจะหันไปสั่งเสียงเรียบ
     
     
     
    “เงียบสักแปบนึงได้มั้ยโอฟีอุส(ชายผู้เคยเข้าไปในนรกโดยใช้เสียงดนตรีกล่อมเซอบีรัส และใช้มันเพื่อให้ฮาเดสยอมคืนวิญญาณของหญิงอันเป็นที่รักให้กลับมาสู่โลก)” วิญญาณดวงนั้นหุบปากทันที ก่อนจะลอยออกไปจากห้อง มือโปร่งแสงตั้งท่าจะคว้าพิณขึ้นมาดีด หวังจะใช้เสียงมันช่วยคลายความโมโหของเจ้านาย แต่เมื่อคิดได้ว่ามันไร้ประโยชน์ เขาก็ค่อยๆวางมันลง...
     
     
     
     
    คริสไม่เคยเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงดนตรี
     
     
    และไม่เคยหลงใหลมันเหมือนทีฮาเดสเคยพลั้งเผลอ
     
     
     
     
      โอฟีอุสเหลือบตามองเจ้านายที่นั่งนิ่งอยู่ในห้องด้วยแววตาห่วงใย  แม้จะอยู่ไกลกัน แต่รัศมีแห่งความโกรธ เศร้า และทุกข์ระทมของคริสก็ยังคงส่งมาถึงเขา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั่งมองอยู่เฉยๆเท่านั้น เขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง และมองไปที่พิณ พลางคิดถึงสาเหตุที่คริสชุบเลี้ยงเขาเป็นข้ารับใช้...
     
     
     
      ครั้งหนึ่งคริสเคยโปรดปรานเขามาก เพราะเขาเป็นเพียงวิญญาณดวงเดียวที่สามารถทำให้ฮาเดสเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงดนตรี จนลดความเย็นชาลงไปได้บ้าง เพราะอย่างนั้นคริสถึงได้คอยเลี้ยงดูชุบเลี้ยงเขาเป็นข้ารับใช้ไว้เพื่อคอยให้ความบันเทิงแก่พ่อของตัวเองที่แสนจะเย็นชา และทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา  แต่แล้วจุดประสงค์ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้พ่อลูกบาดหมางกันอย่างรุนแรงเมื่อสามปีก่อน  คริสก็ชุบเลี้ยงเขาในฐานะแค่วิญญาณที่เคยเอาชนะพ่อเขาเพื่อเป็นการเยาะเย้ย ถากถาง และดูถูกเท่านั้นเอง...
     
     
     
    “เมื่อไรความเกลียดชังในใจท่านจะลดลงเสียที ท่านคริส”วิญญาณดวงนั้นเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยใจ  เจ้านายของเขาเคยเป็นคนที่ดีกว่านี้ อบอุ่น และเห็นใจคนอื่นมากกว่านี้ แต่ตอนนี้เจ้านายของเขามีแต่ความเกลียดชัง  เห็นแก่ตัว และเล่ห์เหลี่ยมจัด ทุกอย่างที่ผู้ชายคนนี้ทำไป เพียงเพื่อให้ตัวเองบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยไม่เคยเกี่ยงวิธี ไม่เคยสนใจคนอื่น รู้จักแต่หนทางแห่งการทำลายเท่านั้น
     
     
     
     
       โอฟีอุสถอนหายใจ ก่อนจะเหลือบตาไปมองที่มุมห้อง กลิ่นไอแห่งความตายค่อยๆโรยตัวไปทั่วบริเวณ ในขณะที่อุณหภูมิห้องลดต่ำลงอย่างฮวบฮาบ หมอกจางๆลอยเอื่อยเรื่อยเรี่ยกับพื้นก่อนจะค่อยๆสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้วประกอบเป็นร่างของคนคนหนึ่ง  เขาเป็นชายวัยกลางคนที่ตัวผอมแห้ง สวมเสื้อผ้าอย่างชาวเล  ร่างกายของเขาเรืองแสงสีม่วงอ่อนๆ ตาส่วนที่ควรจะเป็นตาดำกลับกลายเป็นสีขาวน่าขนลุก
     
     
     
    “มีธุระอะไร”คริสเอ่ยเสียงเรียบ แต่ก็ทรงพลังมากพอจะบิดพลิ้ววิญญาณให้พร่าเรือนได้
     
     
     
    “ท่านคริส ข้ามีเรื่องจะมาบอกท่าน” วิญญาณดวงนั้นค่อยเผยออกมาจากมุมห้อง
     
     
    “อะไร”
     
     
    “ท่านโพไซดอนกำลังตามตัวท่าน เขาต้องการเอาเรื่องท่านที่ท่านทำกับลูกชายของเขาไว้” คริสเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะในลำคอ
     
     
    “งั้นหรอ”
     
     
    “ข้าว่าท่านควรจะหนีไปซ่อนตัวที่นรก ความโกรธของโพไซดอนไม่ใช่เรื่องเล่นๆ”
     
     
    “ความโกรธของนรกก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเหมือนกัน”
     
     
    “แต่ท่าน....”
     
     
    “ไปได้แล้ว” คริสโบกมือ ก่อนที่วิญญาณดวงนั้นจะค่อยๆหายไป
     
     
    “ท่านคริส จริงอย่างที่วิญญาณดวงนั้นว่า เราควรจะกลับนะ....”คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายไป เมื่อตาคมที่เปล่งประกายสีทองจ้องมาที่เขาเป็นเชิงสั่งให้หยุด  คริสยันตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะทอดตามองวิวของแม่น้ำนอกหน้าต่างคอนโดด้วยแววตาที่ยากจะเข้าใจ เขานิ่งมองมันอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนจะค่อยๆเอ่ยออกมา
     
     
    “แถวนี้มีร้านขายสัตว์น้ำมั้ย”
     
     
    “ครับ? ก็พอมีอยู่บ้างนะครับ ท่านต้องการหรือ” โอฟีอุสถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ
     
     
    “ไปเอามาให้ฉัน  เอาแต่สัตว์จากทะเลเท่านั้น”
     
     
    “ท่านจะเอามันไปทำอะไรกันท่านคริส” คริสนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะค่อยๆแย้มยิ้มร้ายออกมาแล้วจึงเอ่ยตอบ
     
     
    “ต้อนรับเทพเจ้าแห่งท้องทะเลยังไงล่ะ”
     
     
     
     
    ------------------------------------------
     
     
     
     
     
    “มันต้องได้รับโทษ!!!”เสียงโพไซดอนประกาศกร้าว พร้อมกับกระแทกตรีศูลใส่เวิ้งน้ำจนมหาสมุทรปั่นป่วน คลื่นลูกใหญ่เข้าปะทะซัดชายฝั่ง แผ่นดินสั่นไหวดังกึกก้องกัมปนาท สัตว์น้อยใหญ่ใต้ผืนน้ำต่างพากันหนีเข้าที่กำบัง เกรงกลัวต่อความพิโรธของโพไซดอน
     
     
    “ทางตะวันออกยังหาไม่เจอเลยครับท่านโพไซดอน”ทหารเงือกคนหนึ่งรายงาน
     
     
     
    “ไม่ว่ายังไงก็ต้องหาให้เจอ!!!”
     
     
    “ครับ เราจะรีบหาให้เร็วที่สุด”ทหารเงือกคนนั้นโค้งลาก่อนจะออกไปตามหาต่อ
     
     
    “ท่านพ่อครับ เขาอาจจะหนีไปอยู่ที่นรกก็ได้ นั่นคือที่ที่เขาปลอดภัยที่สุด”
     
     
    “ต่อให้เป็นนรกพ่อก็จะตามมันให้เจอ!!!”โพไซดอนพูดอย่างโกรธแค้น ก่อนจะตั้งท่าลงไปนรก
     
     
    “ท่านครับ!! เรารู้แล้วว่าเขาอยู่ไหน!!”เสียงทหารนายหนึ่งรีบบอก
     
     
    “ที่ไหน!”
     
     
    “ละติจูด 49 องศา 7ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 123องศา 11.5 ลิปดา ตะวันตกครับ!!!” สิ้นเสียงคำสั่งชานยอลก็เอ่ยชื่อสถานที่นั้นทันที
     
     
    “นั่นมัน แถวแม่น้ำฟราเซอร์ ในรัฐแวนคูเวอร์ ประเทศแคนนาดานี่ครับท่านพ่อ”
     
     
    “หึ! ไม่ฉลาดเลยนะ บุตรแห่งฮาเดส!!!”โพไซดอนว่าก่อนจะควบรถม้าศึกเทียมฮิปโปแคมปัสไปยังที่หมาย
     
     
     
     
      กระแสน้ำต่างๆล้วนเป็นใจพากันผลักดันให้รถม้าศึกของโพไซดอนขับเคลื่อนไปเร็วขึ้น และเมื่อยิ่งผนวกกับฝีเท้าของฮิปโปแคมปัสด้วยแล้ว ก็ทำให้พาหนะคันนี้เดินทางได้ว่องไวเร็วปานลมกรด ทุกครั้งที่มันขับเคลื่อนไปคลื่นน้ำก็จะกระจายตัวเองเป็นระลอกคลื่นขนาดใหญ่ จนหยดน้ำกระเด็นขึ้นมาโดนหน้าของเด็กหนุ่ม แต่เขาก็ทำเพียงแค่ปาดมันออกจากหน้าช้าๆ แล้วซึมซับเอากลิ่นทะเลที่พัดโชยขึ้นมาเข้าเต็มปอด  ทะเลทำให้เขารู้สึกดี และในตอนนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกลิงโลดในใจมากเข้าไปอีกเมื่อรู้ว่าคริสอาศัยอยู่ใกล้น่านน้ำ...
     
     
     
     
        โพไซดอนควบรถม้าศึกต่อไปอีกไม่นานนัก ในที่สุดก็มาถึง  รถม้าศึกถูกจอดเทียบริมชายฝั่ง ในขณะที่โพไซดอนและชานยอลขึ้นฝั่งไป  ตาสีฟ้าและน้ำเงินที่อัดแน่นด้วยความโกรธเคืองสอดส่ายสายตาหาที่หมาย ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความตายจากคอนโดหรูที่ตั้งอยู่ตรงหน้า พวกเขาบุกเข้าไปอย่างไม่รีรอ และยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไร กลิ่นไอของความตายก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ และดูจะชัดเจนมากที่สุดเมื่อพวกเขาหยุดอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่ง....
     
     
     
    ปัง!!
     
     
     
    เสียงพังประตูดังลั่น
     
     
     
     
    “จงออกมา บุตรแห่งฮาเดส!!!” โพไซดอนกู่ร้องเมื่อไม่พบวี่แววของคริส ชานยอลสอดส่ายสายตามองหาเขาท่ามกลางความมืดมิด  
     
     
    “จงออกมา บุตรแห่งฮาเดส”โพไซดอนประกาศอีกครั้ง
     
     
    “ผมก็อยู่นี่แล้วไงครับ ท่านโพไซดอน”ฉับพลันนั้นไฟในห้องก็สว่างขึ้น ตู้ปลาขนาดใหญ่ที่ภายในเต็มไปด้วยสัตว์น้ำจากท้องทะเลก็เผยให้เห็นสู่สายตาของแขกทั้งสอง โพไซดอนและชานยอลจับจ้องตู้ปลานิ่ง ก่อนที่เด็กหนุ่มอารมณ์ร้อนจะโพล่งขึ้นมา
     
     
     
    “นาย! นายกล้าขังพวกเขาได้ยังไง!!!”
     
     
    “มันเป็นสิทธิของฉันไม่ใช่หรอ”คริสที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าตู้ปลาเอ่ยขึ้นโดยข้างๆมีวิญญาณและสุนัขปีศาจอยู่เคียงข้างแต่โพไซดอนและชานยอลไม่เห็นมันหรอก
     
     
    “เจ้า!!!”โพไซดอนเงื้อตรีศูลขึ้นหมายจะลงทัณฑ์คนที่จับราษฎรของตัวเองมากักขัง
     
     
    “ผมมั่นใจว่าท่านไม่ได้มาหาเรื่องผมด้วยเรื่องนี้นะครับ” ร่างสูงเงยหน้ารับปลายตรีศูลที่จะแทงลงมาอย่างไม่เกรงกลัว สำหรับเขา ความตายไม่ใช่สิ่งที่ต้องพรั่งพรึง เพราะมันคือสิ่งที่เขาพบเจอแทบทุกวันจนเคยชิน!!!
     
     
     
     โพไซดอนกำมือแน่น ก่อนจะลดมือลง แต่ก็ยังไม่คลายความโกรธเกรี้ยว
     
     
     
     
    “เจ้าจงใจจะฆ่าลูกข้า!!!”
     
     
    “หลักฐานล่ะครับ” จริงที่เขาเกลียดพ่อ แต่นิสัยรักความยุติธรรมเหมือนพ่อก็เป็นสิ่งที่ตกทอดมาถึงเขา แต่จะต่างกันสักนิดตรงที่ ความยุติธรรมของเขา มันต้องเอื้อประโยชน์ให้เขาเท่านั้น
     
     
    “นี่ไง!!!”โพไซดอนโยนถุงที่เต็มไปด้วยสินค้าทางทะเลมาให้คริส ร่างสูงจับจ้องมันด้วยแววตายากที่จะคาดใดความรู้สึก
     
     
    “นี่ไง หลักฐานที่เจ้าคิดจะฆ่าลูกข้า  เจ้าดิ้นไม่หลุดแน่ คริส สภาจะลงโทษเจ้า!!!”เทพเจ้าเอ่ยย้ำอีกครั้ง ชานยอลยิ้มอย่างเป็นต่อเมื่อคิดว่าตัวเองได้เปรียบ
     
     
    “แล้วมีอะไรที่บอกว่าผมเป็นคนทำล่ะครับ ท่านโพไซดอน”คริสเอ่ยด้วยน้ำเสียงธรรมดาติดจะสบายเกินไปด้วยซ้ำ ไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิดเมื่อมาอยู่ต่อหน้าเทพเจ้า  แต่สำหรับลูกของเทพเจ้าแห่งความตายแล้ว ในโลกนี้เขายังมีอะไรต้องกลัวอีกล่ะ...
     
     
    “นายกลับมาพร้อมกับถุงนี่ ถ้าไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใคร”
     
     
    “ใช่ ฉันเป็นคนเอามา”
     
     
    “นายยอมรับแล้วว่านายตั้งใจจะฆ่าฉัน!!!”
     
     
    “ฉันเป็นคนเอามาจริง แต่ฉันจะรู้มั้ยว่านายแพ้อะไร ไม่แพ้อะไร”
     
     
    “แต่ของทุกอย่างที่เจอเอามามันเป็นของที่ลูกชายข้าแพ้ทั้งหมด มันจะไม่ดูจงใจไปหน่อยรึไง เจ้ามนุษย์” โพไซดอนก้าวเท้าเข้ามาหา ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรไปจากสายน้ำที่กราดเกรี้ยวเลย
     
     
    “ผมจะฆ่าลูกชายของท่านไปทำไมกันล่ะครับ มันไม่มีประโยชน์”
     
     
    “แต่เจ้าเป็นคนทำมัน!!!”
     
     
    “หลักฐาน แล้วก็พยานล่ะครับ”
     
     
    “เจ้าอาจใช้วิญญาณ!!!”
     
     
    “ไม่มีใครยืนยันเรื่องนั้นได้นะครับ ท่านโพไซดอน” โพไซดอนกำตรีศูลแน่น ไม่ว่าเขาจะพูดยังไงก็ดูเหมือนจะแพ้ทางเด็กเมื่อวานซืนคนนี้เสียหมด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อาจปล่อยให้คนคนนี้อยู่ใกล้ลูกเขาต่อไปได้
     
     
    “ไม่ว่ายังไงเจ้าจะต้องเลิกดูแลลูกชายของข้า!!!”
     
     
    “คงไม่ได้หรอกครับ”ชานยอลและโพไซดอนฉงน คริสมองสีหน้าของพวกเขาทั้งสอง ก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมา
     
     
    “เพราะคำสั่งของมหาเทพซุสสั่งออกมาว่าอย่างนี้” ซองจดหมายสายฟ้าค่อยๆถูกเปิดออก ก่อนจดหมายจะค่อยๆร่อนลงตรงหน้าของโพไซดอน...
     
     
     
     
    คำสั่งจากซุส นับจากนี้คริส บุตรแห่งฮาเดส จะต้องย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนเดียวกับชานยอล บุตรแห่งโพไซดอน ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ เจ้าจะต้องอยู่ดูแลชานยอลตลอดเวลาตลอดสามเดือนนี้ โดยคำสั่งนี้มีผลตั้งแต่วันเปิดภาคการศึกษาใหม่เป็นต้นไป หากเจ้าไม่ทำ สภามหาเทพโอลิมปัสจะลงโทษเจ้าสถานหนัก
     
     
     
     
    “คงเห็นแล้วนะครับว่าซุสสั่งให้ผมดูแลลูกชายของท่านต่อไป แต่ถ้าท่านจะขัด ผมเกรงว่าซุสจะลงโทษให้ท่านไปก่อกำแพงเมืองสหรัฐแทนกำแพงเมืองทรอยอย่างเมื่อครั้งก่อนก็ได้นะครับ ท่านโพไซดอน”***
     
     
     (ครั้งหนึ่งโพไซดอนเคยคิดจะโค่นล้มซุส แต่ไม่สำเร็จซุสเลยสั่งให้โพไซดอนไปก่อกำแพงเมืองทรอยเพื่อเป็นการลงโทษ)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×