Muv Luv//alternative MechaG
เมื่อ ญี่ปุ่นในอีกมิติหนึ่งไม่ได้โดนเบต้าบุก แต่กลับโดนไคจูยักษ์โจมตี ไม่นานพวกเค้าก็ฆ่ามันได้ ผ่านไปหลายสิบปีพวกญี่ปุ่นน้ำกระดูกของมันมาสร้าง หุ่นยักษ์ทว่าๆจู้ๆเกิดเหตุประหลาดหุ่นตัวนั้นหายไปและ...
ผู้เข้าชมรวม
934
ผู้เข้าชมเดือนนี้
6
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ปี 1954 โลกได้รับรู้ถึงความอันตรายของอาวุธนิวเคลียร์อีกครั่งหนึ่ง หลังจากเหตุการณ์ ที่สหรัฐทิ่งระเบิดนิวเคลียร์ลงมาที่ญี่ปุ่น หลังจากนั้นก็มี ไคจู สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ได้เข้าโจมตีญีปุ่น พวกมันนั้นเกิดมาจากระเบิดนิวเคลียร์และการทดลองที่ผิดพลาด สัตว์ประหลาดหลายๆตัวได้ปรากฏจตัวขึ้นเข้าทำลายญี่ปุ่น ซึ่งไคจูตัวแรกน้ั้นมีชื่อว่า โกจิละ มันเป็นตัวเดี่ยวที่ทำให้ญี่ปุ่นหลังจากจบสงครามโลกและกำลังฟื้นตัว กลับไปติดลบทุกๆอย่างจนประเทศไม่สามารถดำเนินการไปต่อได้ ทว่าความโชคดีนั้นก็คือมีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งได้บังเอิญสร้าง อาวุธทำลายล้างบ้างอย่างขึ้นมาแต่เพื่อไม่ให้อาวุธนี้ถูกนำไปใช้ในทางการทหารแบบผิดๆ นักวิทยาศาสตร์คนนั้นได้ทำการเสียสละตนเองพร้อมอาวุธและแบบแปลนของ ใช้มันฆ่าโกจิละปีศาจจากตำนานเทพที่กลายมาเป็นไคจูเพราะอาวุธนิวเคลียร์ที่มนุษย์สร้างขึ้นมา
ทว่าแม้จะฆ่าโกจิละไปได้แล้วนั้น ใช้ว่าญี่ปุ่นจะไม่ได้หลุดพ้นจากคำสาป ญี่ปุ่นยังคงถูกโจมตีจากไคจูจำนวนมาก แต่ใช้ว่่าพวกเขาจะไม่พัฒนาเลยแม้แต่นิด ทางญี่ปุ่นได้พัฒนาอาวุธหลากหลายรูปแบบขึ้นมาเท่าที่ทำได้ตั้งแต่รถถัง ปืนยิงลำแสง ระบบอาวุธที่บินได้ แม้แต่การนำเรือประจัญบานที่หลายๆประเทศมองว่าลาสมัยนั้นกลับมาใช้งาน บวกกับญี่ปุ่นได้สิทธิพิเศษจากน่าๆชาติ จึงเป็นประเทศที่มีอาวุธที่ดีที่สุดในโลก
ปี 1999 โกจิละ ตัวที่สองปรากฏตัวขึ้นที่ ทาเตะยามะ จังหวัดชิบะ กองกำลังป้องกันต้นเองจากสัตว์ประหลาด ญี่ปุ่นได้นำกำลังเข้าต่อสู้กับมันแต่ก็ไม่ได้ผลอะไร มินำซ่ำยังถูกกำจัด จัดการเรียบมันก็ไม่ใช้เรื่องแปลกอะไร โกจิละ คือไคจูเพียงตัวเดี่ยวที่อันตรายที่สุดผิวหนังของมันหนามาก และมันยังมีพลังที่หน้ากลัวเช่นลมหายใจปรมาณู เสียงคำรามของมันดั้งสนั้นไปทั่วพื้นปฐพี
เพื่อป้องกันตัวเองและรับมือกับภัยร้ายครั่งใหม่ ญี่ปุ่นได้ทำการนำซากโครงกระดูกของโกจิละตัวแรงขึ้นมาจากทะเลโบโซะ สร้างเป็นอาวุธต่อต้านโกจิละ/ไตจู ซึ่งมีการสกัด DNA ของมันมาผสมกับคอมพิวเตอร์ ทว่าไม่ได้สร้างแค่ระบบDNAคอมพิวเตอร์มีชีวิต ญี่ปุ่นยังใช้สร้างสิ่งที่ผิดศีลธรรมโดยการนำ DNA ของโกจิละ มาผสมกับมนุษย์จนสร้างครึ่งโกจิละ และมนุษย์ขึ้นมา เธอถูกตั้งชื่อว่า ยูนิต ซีโร่ แต่เป้าหมายคือการใช้งานเธอในการควบคุมเมก้าโกจิละ หรือคิริวหุ่นยนต์ยักษ์สร้างจากกระดูกโกจิละ ไม่นานสุดท้ายจากากรใช้เวลากว่า 4 ปี สุดท้ายคิริวถูกสร้างเสร็จในที่สุด
ปี 2003 Multipurpose Fighting System Type-3 หรือ MFS-3 คิริว ได้สร้างได้สำเหร็จ อาวุธหลายชนิดถูกนำเสนอ ต่อส่ายตาประชาชนและทั่วโลก ทว่าไม่ใช้ทั้งหมด นักบินหรือยูนิต ซีโร่ เธอไม่ได้ถูกกล่าวแต่ถูกแถว่า เป็นการควบคุมจากระยะไกล ซึ่งจริงๆแล้วนั้น ยูนิต ซีโร่คือระบบสมองคอมพิวเตอร์ส่วนที่สองของทั้งตัวหุ่น ซึ่งจะทำงานรวมกับระบบสมองสังเคราะห์ของคิริวอีกที่หนึ่ง เพื่อควบคุม
ระบบอาวุธของ คิริว
Twin Maser Cannon ปืนใหญ่ Type-99 Double Maser Cannon แบบคู่ ติดตั้งอยู่ภายในปาก ส่วนของปาก
60mm Vulcan Gun ปืนกลนหนักแบบขนาด 60 มม ใช้สำหลักยิงกดดั้นหรือก่อกวน และยังสามารถใช้เป็นอาวุธต่อต้านขีปวาวุธได้ด้วย
Railguns อาวุธปืนคู่ ขนาด 100 มม ความเร็วสูง ถูกติดตั้ง อยู่ที่ส่วนแขนทั้งสองข้าง ในศึกครั่งแรกนั้น จะติดตั้งรุ่น Type-0 Railguns ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้ แบบ Type-4 Railguns กระสุนที่ยิงออกมานั้นเป็นกระสุนแบบพลังงานความร้อนสูงซึ่งจะยิงออกมาเป็นชุดๆ ด้วยอัตตราความเร็วที่สูงมากแต่ยังสามารถ เปลี่ยนเป็นโหมด เมเซอร์บีมได้ ซึ่งจะยิงเป็นลำแสงเลเซอร์ความร้อนสูงออกมาแถน แต่มันใช้พลังงานเยอะ
Maser Blade ถูกเก็บไว้ในถุงมือ Railgun Type-0 ของ Kiryu แต่ละอัน คิริวใช้ดาบเล่มนี้แทงก็อดซิลล่าและส่งกระแสไฟแรงเข้าสู่ร่างกายของเขาโดยตรง ดาบเล่มนี้ถูกตัดออกจากปืนเรลกัน Type-4
Back Unit ซึ่งมีเครื่องยิงจรวดคู่และบูสเตอร์ คิริวสามารถยิงจรวดที่แตกต่างกันได้สองประเภทจากยูนิตด้านหลัง ทั้งจรวดแบบปล่อยไม่นำวิถี และจรวดแบบนำวิถี ในขณะที่ตัวบูสเตอร์จะช่วยให้ มีความสามารถในการบินที่ดีขึ้น และความสามารถในการขับเคลื่อนตัวเองไปข้างหน้าสู่ศัตรูด้วยความเร็วสูง และเมื่อไม่สามารถใช้งานได้แล้ว สามารถยิง Back Unit พุ่งเข้าใส่ศัตรูได้เพื่อลดน้ำหนักของตัวเครื่องและยังเพิ่มความเร็วให้กับคิริว
- Multiple Interlocking Rockets อาวุธที่ติดตั้งใน Back Unit คิริวยิงจรวดประสานหลายลูกสามารถยิงจรวดหลายลูกประสานขนาดใหญ่ Type-87 680 มม. หรือ MRL 2 Mk. จรวด IV[13] จากด้านหน้าของปืนใหญ่ติดไหล่
- Multipurpose Guided Missiles อาวุธขรวดท่อยิงแนวดิ่ง ติดตั้งจรวดนำวิถีขนาดเล็กซึ่งยิง Type-95 470 mm multipurpose จรวดเหล่านี้สามารถโจมตีเป้าหมายจากระยะไกลหรือในขณะที่คิริวอยู่ในการต่อสู้ระยะประชิด
Absolute Zero Cannon ปืนใหญ่ Absolute Zero Type-3 หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า Absolute Zero ติดตั้งอยู่ภายในหน้าอกของคิริว และปกปิดด้วยแผงด้านนอกสามแผง ซึ่งกางออกเพื่อเผยให้เห็น เป็นอาวุธที่ใช้หลังงานสูงสุดของคิริว ซึ่งใช้หลังงานไปกว่า 50 % ของพลังงานทั้งหมด อาวุธตัวนี้สามารถทำลายโดยการยิงลำแสงแช่แข็ง ซึ่งมี อุณหภูมิต่ำสุดตามทฤษฎีที่ -273.15 องศาเซลเซียสหรือศูนย์เคลวิน ซึ่งอะตอมทั้งหมดจะหยุดการเคลื่อนที่ ด้วยเหตุนี้ เป้าหมายที่ถูกโจมตีโดย Absolute Zero จะถูกแช่แข็งทันทีในระดับอะตอม ทำลายอะตอมของมันและทำให้มันพังทลายลงด้วยน้ำหนักของมันเอง
Living DNA computer processing system หรือ LD-CPS ระบบควบคุมพิเศษติดตั้งอยู่ภายในตัวซึ่ง จะติดตั้งหลังห้อง cockpit ภายในตัวของ คิริว ซึ่งเป็นระบบอาวุธที่จริงๆแล้วมันคือห้องแทงน้ำพิเศษที่ ยูนิต ซีโร่จะถูกกักขังเอาไว้และจะมีสายเชื่อต่อหลายๆอย่างเชื่อมกับตัวเธอ พร้อมกับระบบคอมพิวเตอร์หน้าจอแสดงผลต่างๆ ที่จะบอกสถานะต่างๆ เมื่อเปิดใช้งาน คิริว เธอจะเป็เหมือนนักบินและกึ้งๆนักบิน โดยเธอมีหน้าที่ควบคุมระบบคอมพิวเตอร์และอาวุธต่างๆ รวมทั้งจะกดไม่ให้ระบบ DNA คอมพิวเตอร์ของ เมก้าก็อตซิลล่าทำงานหรือเข้าควบคุมระบบโดยสมบูรณ์ หากโดนเข้าระบบโดยสมบูรณ์ คิริวก็จะกลับไปเป็นโกจิละ
ปี 2003 เดือน ธันวาคม คิริว เข้าปะทะกับ โกจิละตัวที่สอง และได้สร้างความเสียหายบาดแผลหนักให้กับโกจิละจนได้รับบาดเจ็บสาหัสจนมันไม่กลับมาบุกญี่ปุ่นอีกเลยหลายปี คิริวได้รับการซ่อมแซมโชคดีที่ญี่ปุ่นสามารหา เพชรขนาดใหญ่จำนวนมากมาได้ทำให้ระบบ Absolute Zero กลับมาใช้งานได้
ในระหว่างการทดสอบ ระบบต่างๆ ยูนิต ซีโร เกิดอาการแปลกๆทว่าจู่ๆ ห้องใต้ดินที่เป็นฐานเก็บคิริวนั้นเกิดการระเบิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ห้องโถงขนาดใหญ่ถล่มลงมา ทับทั้งทหารช่างและเจ้าหน้าที่ รวมทั้งคิริวแต่ว่าไม่ใช้ คิริวหายไป
1999 เมือง อิชิจิ ฝูงเบต้า จากเกาะ ซาโดได้บุกขึ้นมาที่ชายฝั่งอย่างรวดเร็ว กองกำลังสหประชาชาติ และกองกำลังจักรวรรดิญี่ปุ่น ได้ใช้กำลังกันอย่างสุดความสามารถ กองกำลังจักรวรรดินั้นโดนเล่นงานไปจนเกือบหมดแล้ว ในอีกไม่นาน เบต้าคงจะบุกเข้าแผ่นดินใหญ่ได้เป็นแน้
ทว่า จู้ๆ มันก็มีการระเบิดครั่งใหญ่เกิดขึ้นมา ถามกลาง หน่วย TFS ของสหประชาติและ จักรวรรดิญญี่ปุ่น
เสียงคำรามของไคจูผสมกับเสียงอีเล็กทรอนิคของคอมพิวเตอร์ดั้งขึ้นมา ดวงตาสีแดงกำแม้จะเป็นดวงตาที่ผ่านหน้าจอกระจก ความสูงของมัน ใหญ่กว่า เบต้าแบบป้อมปรากาศเสียอีก มันคำรามออกมาเสียงดั้งร่างกายทำจขากโลหะ หันไปมองฝูงเบต้าที่บุกเข้ามา มันเห็นยังงันจึงทำการยิงอาวุธกระนำใส่ฝูงเบต้า ไม่นาน การฆ่าของมันกว้าดล้างเบต้าจำนวนมากไปอย่างไม่อยากเย็นอาวุธของมันนั้น แตกต่างจาก หุุ่น TSA หรือ TFS การกลาดล้างฝูงเบต้า นับหมื่นตัวของหุนยักษ์ประหลาดหน้าตาเหมือนไดโนเสาร์นั้น จบลงไม่นานมันก็ได้หันหน้ามามองกลุ่มของ TFS ก่อนที่มันจะคำรามเสียงดั้งสนั้น และเริ่มโจมตีใส่ TFS และกองกำลังจักรวรรดิญี่ปุ่น
การทำลายล้างยังคงมีอย่างต่อเนื่อง กระสุนของรถถังไม่สามารถโจมตีเข้าเกราะของมันได้แต่ยังพอสร้างลอยบุบได้บ้าง หรือแม้แต่ หุ่น TFSนั้นก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้เหมือนกัน เนื่องจากมันไม่ใช้เบต้าแต่มันคือหุ่นรบ ความคล่องตัวของมันนั้นแม้ตะตัวใหญ่ แต่ก็เร็วทำให้พวกนักบิน TFS ประหลาดใจ พร้อมกับอาวุธจำนวนมากทั้ง จรวดและปืน กองกำลังสหประชาซาติและ ญี่ปุ่นเสียนักบินดีๆไปหลายคนเพราะหุ่นตัวเดี่ยว การโจมตีของหุ่นประหลาดนั้น ใช้เวลาไปมากกว่าว 3 ชั่วโมง ไม่นาน
ยามแสงอาทิตย์เริ่มตกลงแสงสีส้มกำลังค่อยๆหายไป หุ่นประหลาด ก็เริ่มเดินช้าลงช้าลง จนสุดท้ายมันก็เดินมายื่นอยู่ใจกลางเมือง มันเดินผ่านทะลุตึกที่มีความสูงจากมันไม่มากนัก และความเร็วก็ช้าลงด้วย การเดินของมันหลังจากเดิน ทะลุตึกมาได้นั้น ไม่นานมันก็เดินมาหยุดนิ่ง ก่อนจะค่อยๆก้มหน้าลง สีไฟสีแดงที่ดวงตาของมันก็ดับหลง และเสียงการทำงานของระบบไฮโดลิกต่างๆ รวมทั้งเครื่องยนต์ก็หยุดลงก่อนที่หุ่นมันจะยื่นนิ่งไปทั้งแบบนั้น สร้างความประหลาดใจให้กองทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ แต่ก็ยังเฝ่าระหวังตัวกันอยู่
กองกำลังสหประชาซาติได้เข้าไปตรวจสอบ หุ่นไม่ทราบฝ่ายอย่างทั้นที่โดยอย่างแรกคือการพยายามหาห้องนักบินเนื่องจากไม่สามารถเข้าได้ โชคดีที่ หุ่นตัวนี้มีประตูทางเข้าหลายจุดเพียงแค่การแฮ็กระบบที่ใช้เวลานาน สุดท้ายก็เข้าไปได้ แต่ก็ไม่พบนักบินเลย นอกจาก ด้านหลังที่มี เหมือ่นกล่องดำขนาดใหญ่และ หน้าจอที่แสดงผล ชีพจร และค่าต่างๆ
งอกใหม่่!
เรื่องนี้เป็นแฟนฟิคของเค้าเองนะ หึบๆ
ผลงานอื่นๆ ของ tigertham ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ tigertham
ความคิดเห็น