คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่7 คนโดนเมินก็คือโดนเมิน
บทที่7 คนโดนเมินก็คือโดนเมิน
เมื่อถึงเวลาเลิกงานสองแม่ลูกก็ตกลงกับคุณป้ายังสาวว่าจะไปทานอาหารนอกบ้านกันโดยไม่มีทีท่าจะสนใจราชนาวีหรือแม้แต่จะมีน้ำใจชักชวนก็ไม่มีทำเอาชายหนุ่มถึงขั้นซึมหนัก
นี่ลูกเมียเขางอนเรื่องที่เขาไปราชการไม่บอกแค่นั้นจริง ๆ
หรือมีอะไรมากกว่านั้นกันถึงได้เมินกันขนาดนี้
ชายหนุ่มได้แต่สงสัยแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ได้แต่หน้าด้านตามสามสาวต่างวัยไปด้วยข้อเสนอที่รติภัทรยินดีหนีบไปด้วยเป็นอย่างมากจนถึงขั้นขัดใจน้องสาวและหลาน
นั่นก็คือ เขาจะเป็นเจ้ามือเอง นี่ล่ะเพื่อนของเขาชอบนักล่ะเรื่องอิ่มจังตังค์อยู่ครบน่ะ
“วันนี้ทานกันให้เต็มที่เลยนะทุกคน”
รัมภาภัสร์เอ่ยขึ้นก่อนจะมีเสียงตอบรับเฮฮา ราชนาวีมองแล้วก็ได้แต่กุมขมับ
คุณเธอไม่ได้ออกมาทานอาหารแค่กับพี่สาวและเด็กหญิงรัมภาวีร์เท่านั้นแต่ยังนัดเพื่อนร่วมทีมและร่วมงานมาอีกตั้งหลายคน
ให้ตายชัก
เงินเดือนเขาทั้งเดือนคงจะต้องหมดไปกับคนพวกนี้แน่ ๆ
รัมภาภัสร์ยิ้มพร้อมกับยักไหล่
ก็ราชนาวีอยากจะเป็นเจ้ามือดีนักไม่ใช่เหรอ เธอก็จัดให้แล้วนี่ไงล่ะ
ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมา5-6ปีทำไมหญิงสาวจะไม่รู้ว่าราชนาวีนั้นค่อยข้างขี้เหนียว
เอ้ย สมถะ เงินเดือนแต่ล่ะเดือนที่เหลือจากใช้จ่ายในบ้านและเป็นค่าขนมลูกแล้วก็เก็บออมหมด
ไม่เคยใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย โดยเฉพาะกับเรื่องดื่มกิน
ผู้ชายคนนี้ถ้าไม่จำเป็นจะไม่เป็นเจ้ามือจ่ายค่าอาหารให้ใครหรอก เพราะเสียดายเงิน
คราวนี้มาทำใจป้ำจะเป็นเจ้ามือเธอก็จัดให้อย่างสาสม จะได้รู้สึกเสียบ้าง
“คือเต็มที่ได้เลยใช่ไหมฮะ”
ทิวาถามด้วยความเกรงใจ
“ได้สิคะพี่ทิวา
เต็มที่ได้เลยค่ะ ขนหน้าแข้งคนนั้นไม่ร่วงหรอก
เงินเดือนหมดยังมีเงินมรดกและเงินกงสี” หนูน้อยรัมภาวีร์บอกเสียงฟังชัด
“อย่างที่หนูเล็กพูดนั่นแหละค่ะ
เต็มที่เลย ไม่ต้องเกรงใจ คนนั้นเขาจ่ายไหวอยู่แล้ว”
รติภัทรมองสองแม่ลูกแล้วก็ได้แต่ตบไหล่ให้กำลังใจเพื่อนสนิท
แท้จริงแล้วราชนาวีจัดอยู่ในกลุ่มลูกหลานครอบครัวมหาเศรษฐี
ฝั่งคุณย่าก็มีธุรกิจโรงแรมชั้นนำของประเทศและมีหุ้นอยู่ในบริษัทชั้นนำอีกหลายแห่ง
ฝั่งคุณตาก็มีธุรกิจสิ่งทอและมีหุ้นในสายการบินขึ้นชื่อของประเทศ
และด้วยความที่ราชนาวีเป็นหลานชายคนแรกทั้งคุณย่าและคุณตาก็พร้อมใจกันยกธุรกิจส่วนใหญ่เป็นมรดกให้กับชายหนุ่ม
พร้อมกับจัดหาคนบริหารให้อย่างเรียบร้อย
คนเป็นหลานไม่ต้องทำอะไรรอรับผลประกอบการก็พอ แล้วฝั่งคุณตายังอยู่กันอย่างระบบกงสี
เมื่อมารดาไม่รับส่วนแบ่งกงสี ส่วนนั้นจึงตกมาอยู่ที่ราชนาวีและน้อง ๆ
แต่ถึงจะมีทั้งเงินจากกิจการในมรดกและเงินส่วนแบ่งจากระบบกงสี
แต่เพื่อนของเธอก็ไม่ได้เอามาใช้เลยสักบาทหลังจากที่เริ่มมีเงินเดือน
โดยให้เหตุผลว่าแค่เงินเดือนก็อยู่ได้ เงินในส่วนอื่น ๆ ก็เก็บไว้กินดอกเบี้ยแทน
ตั้งแต่รู้จักราชนาวีมารติภัทรรู้ดีว่าเพื่อนของเธอคนนี้คลั่งใคล้การออมมากกว่าการใช้เงิน
แม้แต่เงินเดือนยังเจียดไปออมเลย
น้อยครั้งที่จะใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายโดยเหตุผลของความสมถะก็คือนายคนนี้เสียดายเงิน
น้องสาวของเธอเล่นงานสามีได้แสบสันเสียจริง
รัมภาภัสร์รู้ว่าการต้องเจียดเงินไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายทำให้ราชนาวีปวดใจก็ใช้ข้อนี้มาเล่นงานนายทหารหนุ่ม
“รัก
แกไปทำอะไรนอกเหนือจากการไม่บอกเรื่องออกเรือด่วนให้ยัยรุ้งโกรธปะเนี่ย
ฉันรู้สึกว่ามันทะแม่ง ๆ” รติภัทรหันไปถามเพื่อนหนุ่มที่มองอาหารบนโต๊ะตาปริบ ๆ
แต่กินไม่ลง
“ฉันก็รู้สึกว่าสองแม่ลูกนี่ทะแม่ง
ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขามีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า” รัมภาภัสร์และเด็กหญิงรัมภาวีร์เหมือนจะไม่ฟังเหตุผลและโกรธมากถึงพากันมาอยู่กรุงเทพมหานคร
แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าทั้งคู่เข้าใจในเหตุผลของเขาแต่มีบางเรื่องที่ทำให้ไม่อยากหายโกรธและยอมกลับบ้านกันง่าย
ๆ
“แค่เรื่องไปไหนไม่บอกในช่วงวันเกิดลูกนี่มันเหตุผลไม่เพียงพอที่จะทำให้แจ้นกันขึ้นมาหาฉัน
หรือแม้แต่หางานทำหาโรงเรียนเรียน แกแน่ใจนะว่าไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น
หรือแกมีชู้”
“สาบานให้ฟ้าผ่าเลยไหม
ตั้งแต่มีหนูเล็ก ฉันเคยไปเถลไถลที่ไหนบ้าง ไม่อยู่บนเรือก็อยู่แต่กับลูก”
ราชนาวีบอกก่อนที่โดนเพื่อนสาวเกาะแขน
“หรือเกี่ยวกับพิมมี่”
“พิมมี่?”
“ก็ฉันได้ข่าวมาว่าพิมมี่มันเลิกกับแดนนี่แล้ว
แล้วก็กลับไปอยู่สัตหีบ” รติภัทรบอก พิมมี่ หรือ พีรมา
เป็นแฟนเก่าของราชนาวีที่บอกเลิกไปแต่งงานกับหนุ่มสเปนเจ้าของโรงแรมใหญ่ในพัทยาจนทำให้ราชนาวีเมาเหมือนหมาให้เธอลากกลับไปนอนที่ห้องนั่งเล่นของบ้านในวันที่พ่อแม่และน้องไม่อยู่
จนเกิดเรื่องจะเข้าห้องน้ำแต่ดันไปเข้าห้องน้องสาวเธอนั่นล่ะ
“เลิกกับแดนนี่แล้วไง
ไม่เห็นจะเกี่ยวกับฉัน ฉันกับเขาก็จบกันตั้งแต่วินาทีที่เขาบอกเลิกฉันแล้ว”
ความรู้สึกดี ๆ ราชนาวีไม่มีให้พีรมาตั้งนานแล้ว
มีแต่ความรู้สึกแค้นที่พ่อของสาวเจ้าทำแพปลาบังหน้าแต่ลับหลังลักลอบส่งยานรกจากกัมพูชาเข้ามาปล่อยในไทยแล้วยังแอบอ้างชื่อเขาไปเกี่ยวข้องจนเขาเกือบจะซวยกลายเป็นแพะรับบาปเมื่อไม่นานมานี้
“ก็หล่อนอาจจะอยากมาคืนดีกับแกจนไปกุเรื่องให้ยัยรุ้งเข้าใจผิดก็ได้ใครจะไปรู้”
“ตลก
คนบ้าที่ไหนจะอยากคืนดีกับคนที่ทำให้พ่อตัวเองเข้าคุก” ราชนาวีค้านความคิดของเพื่อนก่อนที่จะหันไปคำนวนค่าอาหารมื้อนี้ด้วยใบหน้าซึม
ๆ ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเพื่อนสาวเลยแม้แต่น้อย
“ฉันก็หวังว่ายัยนั่นจะไม่ใช่คนบ้า”
เพื่อนสาวพึมพำก่อนที่จะตักนั่นตักนี่กินให้คุ้มกับที่ราชนาวียอมเป็นเจ้ามือ
10ปีจะมีสักครั้งหรอกนะโอกาสแบบนี้ เธอต้องกินให้คุ้ม
คนโดนเมินก็คือโดนเมิน
จะจ่ายหนักขนาดไหน ทั้งลูก ทั้งเมียก็ยังคงเมิน ทันทีที่กลับถึงคอนโดของรติภัทรสองแม่ลูกก็เข้าห้องปิดประตูไม่ยอมโผล่หน้ามาเจรจาภาทีกับชายหนุ่มแม้แต่คำเดียว
“แล้วคืนนี้แกจะนอนไหนเนี่ย
โซฟาหน้าทีวี หรือว่าไปหาห้องพัก?
หรือไปนอนบ้านน้า” รติภัทรส่งคำถามมาด้วยตาปรือ
ๆ สาวเจ้าง่วงนอนเต็มทีแต่ก็ยังห่วงเพื่อนหนุ่ม “ไม่ต้องตอบ แกนอนนี่ล่ะ
เดี๋ยวไปหาผ้าห่มกับหมอนมาให้”
“อือ”
ชายหนุ่มตอบกลับก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟา ไม่นานรติภัทรก็นำผ้าห่มและหมอนมาให้และขอตัวไปนอน
ราชนาวีจัดแจงที่นอนก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนแต่ไม่ได้หลับไปในทันที
สมองของเขายังคงครุ่นคิดในหลาย ๆ เรื่อง หนึ่งในนั้นคือเขาจะต้องทำยังไงถึงจะไม่กลายเป็นคนถูกเมินของทั้งลูกและทั้งแม่ของลูก
แม่ของลูกนั้นไม่เท่าไหร่เพราะถ้าหนูน้อยรัมภาวีร์หายโกรธยังไงแม่ก็พร้อมจะเซย์เยสกับลูกสาว
นั่นหมายความว่าตัวเขาต้องง้องอนเด็กหญิงรัมภาวีร์ให้หายโกรธและกลับมาเป็นหนูเล็กผู้น่ารักของพ่อรักเหมือนเดิมให้ได้
ปัญหาแม่ของลูกจะไม่ยอมมันก็ไม่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้ปัญหาใหญ่ก็คือ...
แต่เล็กจนโตราชนาวีไม่เคยต้องงอนง้อใครแม้แต่คนที่เขาเคยคิดว่ารักนักรักหนาอย่างพีรมา
เรียกว่าเขาง้อใครไม่เป็นเลยก็ว่าได้ ตอนเด็ก ๆ ก็เคยทำให้รัมภาภัสร์โกรธจนถึงขั้นไม่ถูกกันมาจนถึงปัจจุบันก็เพราะความที่เขาง้อใครไม่เป็นนี่ล่ะ
คนง้อไม่เป็นอย่างเขาไม่รู้สักนิดว่าควรจะเริ่มต้นยังไงให้ลูกสาวหายโกรธ
แม้จะนอนลงแล้วแต่หูของชายหนุ่มก็ยังได้ยินเสียงต่าง
ๆ หนึ่งในนั้นคือเสียงเปิดประตูและเดินไปยังมุมหนึ่งของห้องโดยผ่านด้านหลังโซฟาไป ชายหนุ่มหันสายตาไปมองก่อนจะเห็นร่างบางของคนเป็นภรรยาเดินไปยังห้องครัว
ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในสมอง
หรือเขาจะเปลี่ยนคนไม่พอใจมาเป็นตัวช่วยดีนะ
ถ้ารัมภาภัสร์เปลี่ยนมาอยู่ข้างเขาอะไรมันก็ง่ายขึ้นไม่ใช่เหรอ?
ทันความคิดร่างสูงก็ลุกไปยังห้องครัวในทันที
ดวงตาคมทอดมองไปยังร่างบางที่กำลังนั่งตักไอศกรีมเข้าปากก่อนจะขมวดคิ้ว
นี่รัมภาภัสร์กลายเป็นคนชอบกินของหวานตอนกลางคืนตั้งแต่ตอนไหนกัน
ดูเหมือนเธอจะไม่รับรู้การมาของเขาสักนิดซ้ำยังใส่หูฟัง
ฟังเพลงและง่วนอยู่กับการกิน ราชนาวีพาร่างสมชายชาติทหารของตนไปหยุดด้านหลังของหญิงสาวก่อนที่จะสวมกอดจากด้านหลังจนคนถูกจู่โจมสะดุ้งโหยง
เขาหยิบหูฟังออกจากหูบางก่อนจะทัก
“ดึก ๆ ดื่น ๆ แอบออกมากินของหวานแบบนี้ไม่กลัวอ้วนเหรอเมียจ๋า”
“บ้า
เมียจงเมียจ๋าอะไร น่าเกียจ” คนถูกจู่โจมดิ้นเมื่อรู้ว่าใครคือคนที่เล่นงานเธอ
“ปล่อย”
“ไม่ปล่อย”
“ถ้าไม่ปล่อยฉันจะร้องให้พี่ครีมกับหนูเล็กมาช่วยนะ”
หญิงสาวขู่เมื่อนอกจากมือจะไม่ปล่อยแล้วใบหน้าคมยังอยู่ไม่นิ่งมายุ่มย่ามกับซอกคอของเธอจนขนลุก
“อีตาคนผีทะเลปล่อย”
“ไม่ปล่อย
ตะโกนเรียกครีมกับหนูเล็กก็ไม่ปล่อย ดีสิ ถ้าเธอตะโกนเรียกลูกมาฉันจะบอกลูกว่าพ่อกำลังง้อแม่และทำน้องให้หนูเล็กอยู่
ดูสิคราวนี้หนูเล็กจะว่ายังไง”
ชายหนุ่มบอกและแน่นอนว่าทั้งเขาและรัมภาภัสร์รู้คำตอบดีว่าหนูน้อยคงจะตรงกลับห้องแน่นอน
ด้วยว่าแม้จะแก่แดดยังไง รู้ประสาขนาดไหนหนูน้อยก็ยังอยากจะมีน้องเหมือนคนอื่น ๆ
เพียงแค่ไม่เรียกร้องก็เท่านั้น
“ไอ้ผีทะเล
ปล่อยฉันนะ”
“อย่าดิ้นสิ คุยกันก่อน ฉันแค่อยากคุยกันเธอเท่านั้นเอง” ชายหนุ่มบอกก่อนที่จะอุ้มร่างบางกลับไปที่โซฟา
เธอยังคงขัดขืนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“ปล่อยฉันนะไอ้ผีทะเล
ฉันไม่มีอะไรต้องคุยกับนาย”
“แต่ฉันมี
และก็ต้องการคุยวันนี้ด้วย”
“ไม่คุย
จะคุยอะไรก็ไม่คุย”
“ไม่คุยงั้น...”
เขาพูดแค่นั้นก็ลากสายตาลงไปหน้าอกอวบอิ่มที่ถูกปกปิดด้วยชุดนอนสายเดี่ยวลายลูกไม้
นอกจากการแต่งเนื้อแต่งตัวไปทำงานเปลี่ยนไปจากเดิมแล้วแม้แต่ชุดนอนก็ยังไม่ใช่ชุดที่เข้าคู่กับของเด็กหญิงรัมภาภัสร์เสียด้วย
“งั้นอะไรของนาย
ไอ้บ้า ไอ้ผีทะเล” หญิงสาวโวยวายเมื่อมองตามสายตาของพ่อของลูก ให้ตายเถอะ
ทำไมเธอถึงเลือกชุดนอนนี้ตามที่ลูกสาวพยักหน้าแทนที่จะเป็นชุดนอนที่ปกปิดตั้งแต่คอลงไปถึงขาได้นะ
เลยเปิดโอกาสให้ราชนาวีมามองหน้าอกเธอได้เลย
“จะปิดทำไม
มากกว่านี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเห็น”
“ไอ้บ้า
เลิกมองแล้วก็ถอยไปเลยนะ”
“ก็ถ้ายอมคุยดี
ๆ แล้วจะเลิกมอง แต่ถ้ายังดื้อ ทำมากกว่ามองนะบอกให้”
แน่นอนว่ารัมภาภัสร์เข้าใจความหมายของคนผีทะเลคนนี้ดีว่ามากกว่ามองคืออะไร
ก็ไอ้วิธีการเอาชนะที่เขาทำบ่อย ๆ นั่นไงล่ะ
“ทุเรศ
อย่ามามองฉันแบบนั้นนะ”
“ก็บอกก่อนสิว่าจะคุยดี
ๆ” เขาบอกพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ไม่อย่างนั้นก็คงต้องเสียเหงื่อกันสักหน่อย”
มือบางดันใบหน้าคมออกห่างก่อนจะตอบ“จะคุยอะไรก็ว่ามา”
“ช่วยฉันทำให้ลูกหายโกรธแล้วกลับบ้านกัน
ฉันรู้ว่าเธอกับลูกไม่พอใจแต่ฉันก็อยากให้เข้าใจฉันด้วย”
“ทำไมฉันจะต้องช่วยนาย
แล้วทำไมต้องเข้าใจ นายอยากให้เข้าใจนาย แต่นายเข้าใจฉันกับลูกไหม”
เธอพูดพร้อมกับผลักร่างหนาออกห่าง “นายจะทำอะไร จะไปไหน ไม่เคยบอกฉันเลย
เหมือนฉันเป็นหัวหลักหัวตอแล้วทีนี้จะมาให้ช่วย มันใช่เรื่องเหรอ?”
“แล้วมีสักครั้งไหมที่คุยกันแล้วเธอจะไม่เถียง
ไม่ชวนแต่ทะเลาะน่ะ” เขาสวนกลับก่อนที่จะหันหน้าหนี “ฉันรู้ว่าฉันผิดที่ไม่บอกก่อน
แต่ฉันไม่ได้มีเจตนาจะไม่บอก ฉันแค่ไม่อยากทะเลาะกับเธอ กะจะรอให้น้ำโทรบอกให้
แต่น้ำก็ลืมเอาโทรศัพท์ไป โทรศัพท์ฉันก็แบตหมดตั้งแต่เรือเดินไม่ถึงครึ่งชั่วโมง”
“ไม่อยากทะเลาะ
งั้นก็ไม่ต้องคุยกันเลยจะดีกว่า กลับไปสีตหีบ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานเสีย
วันไหนอยากมาหาหนูเล็กก็ค่อยมา แบบนั้นดีกว่านะ
ไม่ควรจะกลับไปอยู่กันสามคนแบบนั้นอีก เพราะเดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีกนั่นแหละ”
“เธอพูดแบบนี้หมายความว่าไงรุ้ง”
ราชนาวีมึนงงไปชั่วขณะกับคำพูดของหญิงสาวจนต้องหันไปมอง เขารู้สึกหายใจไม่ออกกับคำว่าไม่ควรกลับไปอยู่กันสามคนแบบนั้นอีกทั้งยังลำคอแห้งผาดราวกับขาดน้ำ
“ก็หมายความว่าบางทีเราควรแยกกันอยู่
หรือไม่ก็หย่ากันเลยดีกว่า หนูเล็กก็ใช่ว่าจะไม่รู้อะไร แกฉลาด แกคงเข้าใจ”
“ไม่มีทาง”
เขาบอกพร้อมกับส่ายหน้าไปมา ไม่ยอมหรอก เขาไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้นแน่นอน
ความคิดเห็น