คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : Pandora 21
Chapter 21
ในที่สุดก็ถึงเวลา.. เวลาที่แบคฮยอนจะได้เริ่มต้นใหม่กับสิ่งใหม่ๆ เสียที...
เวลาล่วงเลยมา 3 วันแล้วนับตั้งแต่ชานยอลมาหาเขาที่บ้าน..
แต่ละวันยังคงทุกข์ทรมานเช่นเคย.. เวลาช่างเดินไปช้าเหลือเกินกว่าจะถึงวันที่จะได้ออกเดินทางจากดินแดนบ้านเกิดที่นี้
แบคฮยอนนั่งอยู่บนเก้าอี้ในสนามบินอินชอนเพียงลำพังเพื่อรอเวลาที่เครื่องจะขึ้น.. เมื่อเช้าตรู่ของวันนี้เฮเคียวดูลุกลี้ลุกลนแปลกๆ แถมยังบังคับให้เขาโทรไปเปลี่ยนไฟท์บิน.. พอถามถึงเหตุผลก็ได้คำตอบเดิมๆ ว่าอยากให้อยู่กับแม่อีกสักพัก..
นี่เขาก็อยู่บ้านมาเกือบอาทิตย์แล้ว แถมยังไปนอนคุยกับคุณแม่คนสวยทั้งคืน ยังไม่พอใจอีกหรอ ?
แต่สุดท้ายแบคฮยอนก็ดึงดันว่าจะไม่เลื่อนไฟท์.. เฮเคียวจึงต้องยอมตามใจลูกชายในที่สุด
คนตัวเล็กยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาก็พบว่าถึงเวลาแล้ว เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหันไปลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่บรรจุเสื้อผ้าไว้เป็นจำนวนมากพอที่จะใช้ได้ถึง 1 – 2 ปี...
ทว่าตอนที่แบคฮยอนกำลังจะก้าวเดินออกไปนั้นกลับมีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน...
เสียงที่สามารถเรียกน้ำตาให้ไหลรินออกมาได้เมื่อได้ยิน..
“แบคฮยอน !” เสียงแหบทุ้มตะโกนลั่นซึ่งสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของเจ้าของชื่อได้ทันที
แบคฮยอนก้มหน้าแล้วหลับตาลงอย่างพยายามข่มไม่ให้น้ำตาไหลออกมาอีก พอแล้วกับการอ่อนแอ.. ตอนนี้เขากำลังจะเริ่มต้นใหม่แล้ว...
แต่สุดท้ายน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลรินมาเป็นสายเมื่อได้รับสัมผัสอบอุ่นจากคนที่เรียกเขาจากทางข้างหลังเมื่อสักครู่นี้
ชานยอลเดินเข้ามากอดแบคฮยอนไว้จากทางด้านหลัง.. แม้จะไม่เห็นหน้าแต่เขาก็รับรู้ได้ว่าแบคฮยอนกำลังร้องไห้เพราะสัมผัสได้จากอาการสั่นไหวเล็กน้อยของไหล่บาง เขาพาดคางลงบนไหล่ของแบคฮยอนแล้วหลับตาลงเหมือนกับคนในอ้อมกอด
“แบคฮยอนจะไปไหน.. ทำไมไม่บอกยอลเลย”
“ไม่มีเหตุผลที่จะต้องบอก.. ปล่อยได้แล้ว ฮึก..”
“จะทิ้งกันไปไหนแบคฮยอน...” ไม่ใช่ว่าชานยอลไม่รู้ว่าแบคฮยอนจะไปไหน.. ความจริงเขารู้เรื่องตั้งแต่วันที่กลับมาจากบ้านของคนตัวเล็กนี่แล้วด้วยซ้ำ..
เฮเคียวกับชานยอลปรับความเข้าใจกัน ชานยอลขอโทษเฮเคียวถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากการกระทำของเขาเองทั้งนั้น..
“จะไปไหนก็เรื่องของฉัน...” สรรพนามที่เรียกแทนตัวเปลี่ยนไป.. แสดงได้ชัดเจนถึงระยะห่างที่แบคฮยอนจงใจสร้างมันขึ้นมาในความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองคน
“อย่าไปเลยนะแบคฮยอน.. อย่าทิ้งยอลไปเลยนะครับ”
“ปล่อย...”
“ขอร้องล่ะแบคฮยอน อย่าไปได้มั้ย ?” อ้อมแขนแกร่งเริ่มกระชับมากขึ้น.. จนแบคฮยอนรู้สึกอึดอัด
“ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องบอกนาย ! ปล่อยได้แล้ว !”
“ฮึก.. ให้โอกาสยอลได้มั้ยแบคฮยอน ทุกวันนี้ก็ทรมานมากพออยู่แล้วนะ ฮึก..” คราวนี้ชานยอลกลับเป็นฝ่ายที่แสดงความอ่อนแอออกมาให้แบคฮยอนเห็นอีกครั้ง..
เกือบจะใจอ่อนแล้วถ้าภาพเมื่อตอนนั้นไม่ย้อนกลับมาให้เห็นในห้วงความคิด..
“ฉันก็ทรมานไม่ต่างจากนาย...”
“ฮึก.. ขอโทษ”
“แต่ในเมื่อความทรมานทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะนายเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง.. แล้วนายจะมีสิทธิ์มาเรียกร้องอะไรได้อีกล่ะชานยอล..”
แบคฮยอนค่อยๆ ดึงมือของชานยอลออกจากรอบเอวของเขา แล้วคราวนี้ไม่ต้องออกแรงมากก็ทำได้สำเร็จ...
ชานยอลทรุดเข่าลงกับพื้นแล้วก้มหน้าลงอย่างคนอ่อนแรง.. น้ำตาจำนวนมากที่หลั่งรินล่วงสู่พื้นกระเบื้องสีขาว...
แม้จะไม่ได้หันหลังไปมองแต่แบคฮยอนก็รับรู้ได้ว่าเบื้องหลังของเขาเกิดอะไรขึ้นบ้าง.. คนตัวเล็กยืนชั่งใจอยู่สักพักแล้วหันกลับไปดึงร่างสูงให้ลุกยืนขึ้น แล้วสอดแขนขาวไปโอบกอดทันที..
“แบคฮยอน...”
“เรื่องของเรามันจบแล้วชานยอล.. มันจบไปตั้งแต่วันที่นายกอดกับคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน...”
“ฮึก.. “
“กลับไปได้แล้ว.. ดูแลตัวเองให้ดีๆ.. ฉันเชื่อว่ายังมีคนอีกมากมายที่รักนาย....” ตาเรียวเล็กหลับลงอย่างกลั้นน้ำตา..
“แล้วแบคไม่รักยอลแล้วหรอ.. แบคลืมเรื่องราวทุกอย่าง ฮึก.. ที่เกิดขึ้นไปหมดแล้วหรือไง ?”
“รัก.. รักมาก..”
“......”
“แล้วทุกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา.. ฉันจะไม่ลืมมันเลย” แบคฮยอนผละกอดแล้วดันตัวเองออกมา...
“ยอลไม่อยากเป็นเพียงความทรงจำ...”
“......” แบคฮยอนไม่ตอบอะไร เพียงแต่ยิ้มให้บางๆ เท่านั้น.. คนตัวเล็กถอยห่างออกจากชานยอลไปเรื่อยๆ โดยที่ร่างสูงก็ไม่ได้เอ่ยทักท้วงอะไรออกมา
“เวลาจะทำให้นายลืมฉันไปเอง...”
“ยอลจะรอ...”
“ฉันเชื่อว่าสักวันทั้งนายและฉันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม...”
“อย่างไง ?”
“เราจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้เมื่อถึงเวลา..” คราวนี้แบคฮยอนหยุดเดินแล้วเอื้อมไปคว้ากระเป๋ามาไว้ในมือเช่นเดิม..
ดวงตาของทั้งคู่จ้องกันอย่างสื่อความหมายบางอย่างที่ทั้งคู่รู้ดีว่ามันคืออะไร..
“ลาก่อนชานยอล.. นายคือความทรงจำที่สวยงามที่สุดของฉัน”
..................................................................................
“แบคฮยอนอา จงแด ! มากินข้าวได้แล้ว” เสียงแหลมเล็กของมินซอกดังขึ้นลั่นบ้านเพื่อปลุกผู้ใหญ่ไม่รู้จักโตทั้งสองคน... ซึ่งเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้วกับการที่ต้องมาตะโกนทุกเช้าแบบนี้
จากเด็กน้อยอายุ 24 ปี ที่เคยน่ารักขยันขันแข็งตื่นแต่เช้ามาช่วยทำอาหารกับพี่ชายตัวเล็ก กลับเปลี่ยนไปนับตั้งแต่เข้าปีที่ 2 ที่มาอยู่ที่นี่..
แบคฮยอนขยับตัวยุกยิกในผ้าห่มผืนหนา.. แล้วดันตัวเองขึ้นมานั่งบนเตียง ผมที่ชี้ไปมา ดวงตาที่ยังคงปิดสนิทอยู่ทำให้แบคฮยอนยังคงเป็นเหมือนเด็กน้อยน่ารัก.. มือบางยกขึ้นขยี้ตาแล้วอ้าปากหาว ก่อนจะเดินลงจากเตียงเพื่อไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน แล้วออกจากห้องไป
เมื่อพี่ชายตัวเล็กเห็นน้องชายเดินลงมาแล้วก็ยิ้มเปร่กับภาพตรงหน้า..
แม้แบคฮยอนตอนนี้จะอายุ 26 แล้ว แต่ดูจากใบหน้าและท่าทางก็สามารถทำให้เข้าใจผิดไปได้ว่าพึ่งจะอายุ 20 ต้นๆ เท่านั้น.. หากบอกอายุจริงไปแล้วมาเห็นภาพแบบที่มินซอกเห็นตอนนี้ใครที่ไหนเขาจะเชื่อกันล่ะ !
ฝ่ายจงแดที่เดินออกจากประตูห้องมา เมื่อเห็นน้องชายเดินลงบันไดอยู่ก็อดที่จะหลุดขำกับสภาพของแบคฮยอน..
คนตัวเล็กรวบผมหน้าม้ามามัดไว้เป็นทรงน้ำพุ แล้วสวมใส่ชุดนอนลายหมาน้อยสีเหลืองอ๋อยตัดกับรองเท้ารูปหมาสีชมพูอ่อน... แฟชั่นชุดนอนยอดฮิตของแบคฮยอนเขาเลยล่ะ....
“เห้อ.. นี่นายจะตกบันไดตายก่อนมั้ยเนี่ยแบคฮยอน ? เวลาเดินน่ะ พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ลืมตา ! จงแดก็เหมือนกัน.. บอกกี่ครั้งแล้วว่าเวลาจะทานข้าวไม่ต้องเอาหนังสือสวดมนต์มาน่ะ !” จงแดที่โดนภรรยาตัวน้อยว่าทำหน้ายู่แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อเอาหนังสือสวดมนต์ไปเก็บ ปากก็บ่นขมุบขมิบกับความขี้บ่นของมินซอก..
“มินซอกอา.. เพราะไม่รู้จักอ่านหนังสือพวกนี้ไง ถึงได้เป็นคนใจร้อนแล้วยังขี้บ่นขนาดนี้ !”
เมื่อทั้งสามคนทานข้าวมื้อเช้ากันเสร็จแล้ว แบคฮยอนก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะออกไปข้างนอกอย่างที่เคย... คนตัวเล็กเลือกที่จะสวมเสื้อผ้าหนาๆ กับผ้าพันคอสีเทาผืนโปรดของเขา...
มินซอกเคาะประตูห้องของแบคฮยอนแล้วเปิดประตูเข้าไปเมื่อได้รับคำอนุญาต
“แบคฮยอนอา.. วันนี้จะไปที่นั่นอีกแล้วหรอ ?”
“ใช่ฮะ...”
“อือ.. งั้นสวมเสื้อผ้าหนาๆ นะ นี่ก็ใกล้ช่วงที่หิมะจะตกแล้ว.. เดี๋ยวจะไม่สบาย” พี่ชายตัวเล็กยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วหันไปหยิบเสื้อคลุมมายื่นให้แบคฮยอน..
“อ๊ะ ! พี่มินซอก วันนี้วันที่เท่าไหร่หรอ ?” แบคฮยอนร้องถามมินซอกเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้.. มินซอกทำหน้าสงสัยแล้วตอบกลับไป
“อืมม.. วันที่ 24 แล้วล่ะ มีอะไรหรือเปล่า ?”
“ไม่มีอะไรฮะ.. ผมไปแล้วนะพี่มินซอก ! เดี๋ยวกลับมา” แล้วแบคฮยอนก็วิ่งออกจากห้องไป เพื่อไปยังสถานที่โปรดของเขา..
ในที่สุดก็มาถึง....
แบคฮยอนเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สีขาวที่เขานั่งเป็นประจำ แล้วทอดสายตามองตรงไปยังสะพานโกลเดนเกต สะพานที่ได้ชื่อว่ายาวที่สุดในโลกของสหรัฐอเมริกา..
เขามักจะมาที่นี่เป็นประจำแล้วรอถึงช่วงเวลาที่เขาชอบมากที่สุด.. ในระหว่างที่นั่งรอเขาก็มักจะได้พบปะกับผู้คนมากมาย แล้วบางคนก็เข้ามาคุยด้วย เพราะเห็นว่าแบคฮยอนเหมือนเด็กน้อยน่ารัก.. ดึงดูดสายตาชายหนุ่มและหญิงสาวได้เป็นจำนวนมาก...
ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมานี้.. แม้แบคฮยอนจะโดนชาวต่างชาติสนใจเป็นจำนวนมาก.. แล้วหญิงสาวบางคนที่อยากจะสานความสัมพันธ์ต่อ ก็โดนแบคฮยอนปฏิเสธทุกรายไป..
ไม่ใช่ว่าเพราะเขาชอบเพศเดียวกันหรอก.. เพียงแต่เขายังไม่อยากเปิดใจให้กับใครทั้งนั้นต่างหากล่ะ...
คนตัวเล็กนั่งรอจนถึงตอนค่ำ.. แสงไฟหลากสีในเมืองเริ่มเรืองรองขึ้นเพื่อสร้างสีสันให้กับความมืดที่เริ่มเข้าปกคลุม..
สิ่งนี้คือสิ่งที่แบคฮยอนนั่งคอยมาตลอดทั้งวัน...
นี่ก็ใกล้จะถึงวันใหม่อีกแล้วสินะ...
แบคฮยอนก้มหน้าลงมองไปยังผืนน้ำที่สะท้อนเงาของไฟหลากสี พลางคิดอะไรบางอย่าง.. สายตาของแบคฮยอนจับจ้องไปที่คลื่นน้ำซึ่งกระทบกับฝั่งแล้วเผลอเหม่อลอยออกไปไกล..
วันที่ 27 พฤศจิกายน นี้ก็วันเกิดชานยอลแล้ว... อยากกลับไปฉลองด้วยจัง..
แล้วคนตัวเล็กก็เผลอหลับไปพร้อมๆ กับภาพของชานยอลที่ยังวนเวียนอยู่ในห้วงความคิด..
แม้จะผ่านมาถึง 3 ปีแล้ว แต่ไม่มีสักวันที่แบคฮยอนจะลืมชานยอลได้เลย.. ไม่เคยที่จะไม่รัก และไม่คิดถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นของชานยอล...
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงเที่ยงคืน คนตัวเล็กก็สะดุ้งตื่นขึ้นเพราะแรงสั่นจากโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อ มือเรียวหยิบขึ้นมาดูแล้วก็ต้องตกใจกับเวลาที่เห็น
“หวา ! เที่ยงคืนแล้วหรอเนี่ย ! โดนพี่มินซอกดุแน่ๆ เลยเรา งื้อออ..” บ่นกับตัวเองสักพักแล้วก็กดรับสายที่โทรเข้ามา..
“ยอโบเซโย ! คิดถึงจังครับคุณแม่ !” แบคฮยอนยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าปลายสายเป็นใคร เขาลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังเพื่อเตรียมที่จะเดินกลับบ้าน ทว่าสิ่งที่เขาได้ยินต่อจากนี้ก็ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวของเขาหยุดชะงักทันที...
[ แบคฮยอน ! ช.. ชานยอล ฮึก.. ตอนนี้ชานยอลอยู่ที่ห้อง ICU เขาเสียเลือดมาก ฮือ.. ] เสียงของจีมินพูดเข้ามาตามสายโทรศัพท์ ก่อนจะตามด้วยเสียงอีกมากมายจนแยกไม่ออกว่าเป็นของใครแทรกเข้ามา..
แต่เหมือนการรับรู้ของแบคฮยอนจะหยุดลงนับตั้งแต่ที่ได้ยินว่าชานยอลอยู่ที่ไหน..
แบคฮยอนก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความเร็ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นการวิ่งแทน.. น้ำตาใสไหลออกจากดวงตาเรียวไม่ขาดสาย หัวใจกระตุกด้วยความเจ็บปวด... เป็นห่วง.. กลัวว่าชานยอลจะเป็นอะไรไป..
พระเจ้า.. ได้โปรดปกป้องคนรักของลูกด้วยเถอะครับ..
แล้วในที่สุดเขาก็มาถึงบ้าน.. แบคฮยอนวิ่งเข้าไปข้างในแล้วขึ้นไปชั้นสอง ก่อนจะทุบประตูห้องนอนของมินซอกและจงแดเสียงดังเพื่อปลุกทั้งสองคน
“พี่ ฮึก.. พี่มินซอก พี่จงแด ! เปิดประตู ฮึก.. ฮือ...”
เสียงร้องไห้ที่ดังแทรกเข้าไปถึงในห้องบวกกับเสียงเคาะประตูอย่างแรงทำให้จงแดที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่สะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ ก่อนจะเขย่าคนรักให้ตื่นแล้วเดินไปเปิดประตูห้องออก
แบคฮยอนวิ่งเข้าไปกอดมินซอกโดยที่อีกคนไม่ทันได้ตั้งตัว มือเล็กลูบศีรษะของน้องชายเพื่อปลอบโยนแม้ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
“พี่มินซอก ฮึก.. จองตั๋วเครื่องบินให้แบคฮยอนทีฮะ ฮึก.. แบคจะไปหาชานยอล ฮือ...”
ใช้เวลาเพียงไม่นาน แบคฮยอนก็มาถึงที่สนามบินพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ที่ใช้เมื่อตอนที่เดินทางมาที่นี่ครั้งแรก
คนตัวเล็กกระวนกระวายรอจนกว่าจะถึงเวลาที่เครื่องจะบินออกจากอเมริกาแล้วกลับไปที่เกาหลี.. มินซอกและจงแดที่เห็นท่าทางแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง จึงต้องมานั่งรอเป็นเพื่อน..
ระหว่างทางที่นั่งรถมาแบคฮยอนพร่ำบอกเขาทั้งสองว่าเป็นห่วงชานยอล กลัวว่าชานยอลจะเป็นอะไรไป..
และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง...
แบคฮยอนลุกขึ้นยืน แล้วหันไปหาพี่ๆ ทั้งสองคนที่นั่งเป็นเพื่อนมาเกือบชั่วโมง
“ขอบคุณนะครับ สำหรับการดูแลมาตลอด 3 ปี.. แล้วผมจะมาใหม่นะ” แบคฮยอนยิ้มให้ทั้งสองแล้วโค้งตัวให้ตามมารยาทก่อนจะก้าวเดินออกไป...
โดยมีจุดหมายปลายทางที่กรุงโซล ประเทศเกาหลี..
อย่าพึ่งเป็นอะไรไปนะชานยอล... ฉันกำลังกลับไปหานายแล้ว..
ย้อนกลับไปตอน 16.30 ของกรุงโซล ประเทศเกาหลี... ( เวลาของประเทศเกาหลีจะเดินเร็วกว่าที่อเมริกา 17 ชม. )
ชานยอลเดินออกมาจากคอนโดหลังจากที่กระเพาะของเขาเริ่มส่งเสียงเรียกร้อง.. คนตัวสูงเดินเตร็ดเตร่ไปตามพื้นหิมะ ภายในหัวก็คิดไปถึงภาพของกินต่างๆ นาๆ
แล้วเมื่อนึกถึงของกินทีไร ก็มักจะนึกถึงแบคฮยอนทุกที...
ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเวลาที่มีหิมะแบบนี้ แบคฮยอนมักจะไม่ออกไปข้างนอกเลยถ้าไม่จำเป็น... แบคฮยอนเป็นคนที่ชอบหิมะ แต่ก็ไม่ชอบอากาศหนาวเย็น.. แล้วตอนที่เขาอยู่ด้วยกัน เวลาตอนกลางคืนแบคฮยอนก็ชอบที่จะขยับตัวมาซุกเขาไว้ หรือไม่ก็แย่งผ้าห่มไปห่มคนเดียวโดยที่ทิ้งให้เขาต้องนอนหนาวอยู่อย่างนั้น..
“หึ..” แล้วเขาก็มักจะหลุดขำออกมาคนเดียวทุกครั้ง เมื่อนึกถึงเวลาที่ได้ใช้อยู่ร่วมกันกับแบคฮยอน..
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา พวกคุณเชื่อมั้ยว่าปาร์คชานยอลไม่เคยเปิดใจให้ใครเข้ามาอีกเลย.. ไม่ว่าจะความสัมพันธ์ทางใจหรือทางกายก็ตาม..
ชานยอลหยุดแล้ว แล้วเลือกที่จะรอคนรักของเขาเพียงคนเดียว ซึ่งคนนั้นก็คือ แบคฮยอน..
หัวใจของเขา ยินดีที่จะรักแค่คนคนนี้คนเดียวเท่านั้น...
เพราะตอนนี้เป็นฤดูหนาว ท้องฟ้าเลยถูกปกคลุมด้วยความมืดเร็วกว่าปกติ.. ชานยอลเดินไปตามทางเรื่อยๆ จนไปถึงบริเวณที่เริ่มห่างไกลจากผู้คน
ขายาวก้าวไปตามทางแล้วก็หยุดชะงักลงเมื่อได้ยินเหมือนเสียงผู้หญิงกรีดร้องจากซอยที่เขากำลังจะเดินไปถึง..
แล้วจากที่เดินไปเรื่อยๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นการออกวิ่งแทน.. ชานยอลวิ่งไปถึงบริเวณนั้นก็พบกับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ที่กำลังยืนรุมผู้หญิงตัวเล็กอยู่กลางวงล้อมนั่น..
ถ้าจะวิ่งไปตามคนอื่นมาช่วย มีหวังผู้หญิงคนนั้นคงไม่รอดก่อนแน่ล่ะ...
สุดท้ายชานยอลจึงตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปคนเดียว แล้วตะโกนสุดเสียงจนพวกวัยรุ่นทั้งหมดหันมามอง
“เห้ย ! ทำอะไรกันวะ ?!”
“แล้วมึงหยุดเหี้ - อะไรด้วย !?” คำตอบที่ได้รับทำเอาชานยอลเริ่มโมโห... รู้ว่าไม่ใช่เรื่องของเขา แต่จะให้อยู่เฉยๆ มันก็ไม่ใช่อีกนั่นล่ะ...
“พวกมึงนี่ดีเนาะ ! รุมแม้กระทั่งผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว” ชานยอลเดินเข้าไปใกล้วงล้อมนั้น แล้วส่งสายตาไปทางหญิงสาว เชิงว่าให้ค่อยๆ เดินเข้ามาหาเขา
แต่.. ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายเสมอไปอย่างที่เขาคิด..
เมื่อผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินมาทางชานยอล ก็มีมือหยาบกร้านจากคนในวงล้อมนั่นจับเข้าที่แขนของเธอ แล้วกระชากจนร่างผอมบางนั่นเซเข้าไปหา
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด !”
“เห้ย ! พวกมึงแม่ง.. มีอะไรก็ค่อยๆ คุยกันสิวะ”
“แต่พวกกูไม่ได้อยากคุยกับมึงว่ะไอ้พี่หูกาง ! ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ไสหัวไปสะ !!” แล้วไอ้เด็กตัวผอมแห้งคนหนึ่งก็เดินมาผลักอกของชานยอลอย่างแรง ชานยอลหลับตาลงอย่างพยายามข่มอารมณ์ที่เริ่มปะทุในอกตอนนี้
“อย่าเสือกทำตัวเป็นคนดีไปหน่อยเลยมึง ! หึ ! มาคนเดียวทำเป็นกร่าง”
“ค.. คุณ ช่วยด้วย ! ฮึก.. อย่านะ กรี๊ดดดดด !” เสียงแหลมกรี๊ดขึ้นเมื่อมาหยาบกร้านของคนที่จับเธอไว้เริ่มไล้เข้าไปใต้กระโปรงของเธอ ชานยอลลืมตาขึ้นมา ก่อนจะปล่อยหมัดใส่คนตรงหน้าอย่างแรง !
เสียงหมัดที่กระทบกับสันกราม แล้วตามด้วยเสียงคนล้มทำให้ทุกคนหยุดการกระทำของตนแล้วมองไปทางชานยอล ก่อนที่ทุกคนจะพากันวิ่งไปรุมคนตัวสูงพร้อมกัน !
เสียงหมัดแลกหมัดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหญิงสาวที่โดนทำร้ายก่อนหน้านี้ก็ยังคงยืนอยู่กับที่ ไม่ไปไหน.. ขาเรียวสั่นจนแทบประคองตัวไว้ไม่อยู่ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อเสียงของชานยอลดังขึ้นเตือนสติของเธอในตอนนี้...
“ออกไป อั่ก ! ไปตามคนมาเร็วๆ !!” แล้วหญิงสาวคนนั้นก็รีบวิ่งออกไปทันทีที่ฟังคำสั่งนั้นจบ.. เหมือนจะมีคนจะวิ่งตามไป ทว่าก็โดนชานยอลดึงกลับมาก่อน..
คนพวกนี้แม้จะตัวเล็กกว่าชานยอลมาก แต่เมื่อเขามีเพียงแค่คนเดียว แล้วต้องมาสู้กับคน 5 คนแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติที่เขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ...
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เมื่อไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมแพ้...
แต่แล้วทุกการเคลื่อนไหวก็หยุดชะงักลง เมื่อชานยอลทรุดตัวลงกับพื้นหิมะสีขาวโพลน..
มือหนายกขึ้นกุมกับหน้าท้อง บริเวณที่โดนมีดปักไว้... เลือดจำนวนมากไหลรินจากปากแผลหยดลงสู่พื้นหิมะ
“เห้ย ! หนีเร็ว !” หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นพวกนั้นตะโกนขึ้น แล้วพากันวิ่งออกไป จนบริเวณนั้นเงียบสนิทเหลือเพียงแค่ชานยอลเพียงคนเดียว...
ชานยอลเลื่อนมือไปจับที่ด้ามมีดไว้แน่น แล้วออกแรงดึงมีดเล่มนั้นออกมาพรวดเดียว.. เลือดสีแดงข้นจำนวนมากไหลออกมาตามบาดแผลของชานยอล
เหมือนโลกมันหยุดหมุนไปแล้วตอนนี้.. ภาพข้างหน้าทุกอย่างเริ่มพร่าเบลอ และเป็นสีดำรางเลือน.. ร่างสูงทิ้งตัวนอนคว่ำลงกับพื้น แล้วนอนหายใจโรยระรินเพียงลำพังตรงนั้น...
เลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดเริ่มซึมไปตามหิมะจนกระจายเป็นวงกว้าง..
ชานยอลปรือตาขึ้นอย่างอ่อนแรงแล้วพบกับภาพหลอนของคนที่หัวใจโหยหามากที่สุด
“แบคฮยอน..”
หากต้องตายจริงๆ ก็ไม่เสียดาย.. เพียงแต่อยากพบอีกสักครั้ง...
“ย.. ยอลขอโทษ....” แล้วโลกทั้งใบของชานยอลก็ถูกความมืดเข้าแทรกทันที..
ผ่านไปเกือบ 10 นาทีก็มีผู้คนวิ่งเข้ามาในบริเวณนั้น หญิงสาวที่วิ่งออกไปตามคนกลับมาช่วยแล้ว..
แต่เมื่อเห็นภาพของชานยอลที่นอนอยู่พร้อมกับหิมะที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะเลือดที่รินไหลออกมาก็ถึงกับตกใจ.. เธอรีบวิ่งเข้าไปดูชานยอล แล้วก็พบว่ายังหายใจอยู่.. หากแต่มันช่างดูอ่อนแรงเสียจนน่าใจหาย
รอเพียงพักเดียวก็มีรถโรงพยาบาลมารับไป..
บุรุษพยาบาลวิ่งมารับร่างชานยอลขึ้นมานอนบนเตียงแล้วรีบไสไปยันห้องไอซียู.. ใบหน้าของชานยอลซีดเผือกราวกับคนที่ไม่มีเลือดอยู่ในตัว ริมฝีปากซีดพร้อมกับลมหายใจที่อ่อนแรงจนน่าเป็นห่วง
บาดแผลยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด แม้จะพยายามห้ามเลือดไว้แค่ไหนก็ตาม...
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ที่นำมาจากกระเป๋ากางเกงของชานยอลแล้วถือวิสาสะกดโทรออกหาผู้เป็นแม่ของร่างสูงอย่างร้อนใจ แล้วเพียงไม่นาน จีมิน มินโฮ และเฮเคียวก็รีบมาด้วยความกระวนกระวาย
จีมินน้ำตาไหลพรากด้วยความเป็นห่วงลูกชายของเธอ.. แม้ข้างๆกายจะมีมินโฮและเฮเคียวคอยปลอบอยู่แต่ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้เลย
หญิงสาวที่ได้รับการช่วยเหลือจากชานยอลเดินเข้ามา แล้วอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ทั้งสามฟัง เธอกล่าวขอโทษหลายต่อหลายครั้งเพราะความรู้สึกผิด แต่ทั้งสามก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเรื่องแบบนี้ใครๆ ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นทั้งนั้น
เฮเคียวนั่งเงียบๆ อยู่สักพักเพื่อตัดสินใจว่าจะโทรบอกแบคฮยอนดีมั้ย แต่สุดท้ายโทรศัพท์ของเธอก็โดนจีมินหยิบไปทันที จีมินกดโทรออกหาแบคฮยอนอย่างร้อนใจแล้วรอเพียงไม่นานปลายสายก็รับ
[ ยอโบเซโย ! คิดถึงจังครับคุณแม่ ]
“แบคฮยอน ! ช.. ชานยอล ฮึก.. ตอนนี้ชานยอลอยู่ที่ห้อง ICU เขาเสียเลือดมาก ฮือ..” จีมินละล่ำละลักออกไป บวกกับน้ำตาที่เริ่มไหลเยอะขึ้นจนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทั้งสองอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง
แล้วจังหวะเดียวกันคุณหมอคนสวย.. จางอี้ชิงก็เดินออกมาจากห้อง ICU
“ชานยอลเป็นอย่างไรบางคะคุณหมอ !?” เฮเคียววิ่งไปหาอี้ชิงแล้วถามด้วยความใจร้อน ใบหน้าของคุณหมอดูไม่ค่อยสู้ดีนักทำให้คนทั้งสามรู้สึกใจเสียอย่างบอกไม่ถูก
หากแต่คำตอบที่ได้รับก็ยังพอสร้างความสบายใจขึ้นได้ในระดับหนึ่ง...
“พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่อาการน่าเป็นห่วงอยู่มากเพราะคุณชานยอลเสียเลือดไปเยอะทีเดียว... หมอคงต้องดูอาการอย่างใกล้ชิดนะครับ”
หากต้องการที่จะเอาชีวิตเขาไปก็มีเพียงสิ่งเดียวที่อยากขอก่อนตาย...
ขอให้เขา... ได้เจอกับแบคฮยอนอีกสักครั้ง.....
To be continued….
มีข่าวจะบอกไม่รู้ว่าข่าวดีหรือข่าวร้าย แต่... ฟิค Pandora จะจบแล้วนะคะ คาดว่าอีกประมาณ 3 ตอนเท่านั้น !
เตรียมตัวพบกับเรื่องใหม่ ‘.Geminate.’ { Chanbaek } ได้เลยยยย รับรองว่าขนมาทั้งความดราม่า ความละมุน และความอบอุ่นมาพร้อม >_O
จบแล้วรบกวนติดแท๊ก #ฟิคPandora หน่อยน๊า ขอบคุณฮับ ^^
ความคิดเห็น