NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา [E-Book]

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 236
      7
      30 ก.ค. 63

    บทนำ

     

              ดวงตาคู่งามดั่งตากวางของหญิงสาวสะท้อนแสงจันทร์นวลกระจ่าง เบื้องหน้าของเธอคือม่านละอองน้ำสีรุ้งอันเกิดจากสายน้ำตกกระทบโขดประกายสีเงินยวง เป็นที่อาจทำให้หัวใจของผู้ได้เห็นแช่มชื่นเอิบอิ่ม ทว่าหัวใจของเธอกลับมีแต่ความทุกข์ระทม แค่ฟังเสียงน้ำตกกระทบผาก็เศร้าโศกจนอยากหลั่งน้ำตา

              เธอกับเขาผูกพันลึกซึ้งครั้งแรกที่นี่ แต่เขากำลังจะเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์กับผู้ที่เหมาะสมกัน ส่วนเธอก็เป็นได้เพียงนางบำเรอในคืนอ้างว้าง จะโทษใครได้เล่า ถ้าไม่โทษหัวใจอัปลักษณ์ผิดมนุษย์ธรรมดาของตัวเอง

              ‘จนกว่าจะถึงวันนั้น เราจะแหงนมองท้องฟ้ายามค่ำคืน ระลึกถึงสายใยที่ผูกพันกันอย่างไม่มีทางตัดขาด แม้จะหมดสิ้นลมหายใจ ดวงจันทร์และดวงดาวจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป’

              เธอกล่าวเสียงแผ่วคล้ายเห็นตัวอักษรเหล่านั้นเรียงร้อยอยู่บนน่านฟ้า หลับตาแล้วยกสองมือขึ้นแนบประทับหน้าอก สัมผัสจังหวะของลมหายใจ บอกตัวเองว่าพร้อมแล้วที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับแดนดินแสนรัก ขอให้ผาชันแห่งน้ำตกรับดวงวิญญาณของเธอสู่ห้วงนทีไปพร้อมกับชีวิตบริสุทธิ์ในครรภ์ที่เขาไม่ต้องการ จากนั้นก้าวเท้าเรียวงามล่วงล้ำสู่สายน้ำเย็น

              ปัง!

              ทว่าเสียงปืนที่ดังแว่วในป่าแทรกแซงความเงียบสงัดหยุดขาเรียวให้ชะงักงัน ดวงตาคู่งามหันกลับไปทางฝั่งเห็นดงไม้ใต้เงามืดสั่นไหว จนเมื่อมีลำแสงนวลของดวงจันทร์สาดฉายลงมากระทบเงา ปรากฏเป็นร่างสูงใหญ่ของชายฉกรรจ์เจ้าของดวงตาทมิฬ กระแสความเย็นเยือกก็แล่นปราดเข้าสู่หัวใจหญิงสาวได้ดียิ่งกว่าธารน้ำเย็น

              ‘นะ...นายพนา’ ปากอิ่มสั่นขยับเสียงแหบ เอ่ยนามของมหาโจรใจโฉด

              ปัง!

              ร่างบอบบางสะดุ้งเฮือกในตอนที่ได้ยินเสียงปืนครั้งที่สองดังใกล้กว่าเดิม ดวงตาคู่นั้นก็กร้าวขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน จึงก้าวเท้าถอยห่างด้วยหัวใจเต้นสั่นระรัวราวลูกกวางผจญพญาเสือ

              แต่ในทุกก้าวที่เขาขยับขาล่วงสู่ห้วงน้ำ คือในทุกก้าวที่ถอยเท้าห่างออกไป และเมื่อสุดเขตแผ่นดินที่เท้าเหยียบย่ำ ร่างบอบบางก็ถลำลึกไม่อาจสัมผัสพื้นแผ่นดิน จนต้องใช้ทั้งมือและขาพุ้ยตีน้ำพยายามประคองตัวให้ลอยคอละล่องเหมือนลูกหมาหาทางรอด

              ปากของเธอเริ่มปริ่มน้ำ จมูกก็ค่อย ๆ จมลงตาม หากจะร้องบอกให้เขาช่วยละก็ เขาคงเลือกกดหัวเธอให้ดำดิ่งหมดลมหายใจ ซึ่งมันก็ไม่ต่างกันเลยกับที่เขาแหวกว่ายพาร่างกายใหญ่หนาเข้ามาใกล้แล้วคล้องคอเธอไว้ด้วยลำแขนแกร่งราวกับเหล็ก

              ‘ถ้าส่งเสียงแค่เพียงนิด ฉันจะจับหัวเธอกดน้ำ’

              ช่างประจวบเหมาะจริง ๆ ที่เธอกำลังต้องการฆ่าตัวตาย แต่ไม่ได้อยากถูกใครฆาตกรรม มือบางจึงเกาะเกี่ยวลำแขนใหญ่แน่น ตะลีตะลานให้จมูกอยู่เหนือน้ำ เป็นการแสดงออกถึงความโง่เขลาให้เขารู้ว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็น

              ‘สูดลมหายใจให้ลึกสุดปอด’

              คำสั่งเสียงเข้มทำให้เธอทำตามอย่างเสียไม่ได้ แล้วที่เขาบอกให้สูดหายใจลึกก็ไม่ได้สื่อความหมายว่าเขาจะพาเธอดำดิ่งลงไปใต้น้ำ แม้จะพยายามตะเกียกตะกาย แต่เขากอดเธอไว้แน่นราวโซ่ตรวน แล้วพาว่ายทวนกระแสธารามืดมิด กระทั่งลมหายที่กักเก็บไว้ใกล้จะหมดลง จึงได้โผล่พ้นเหนือน้ำเพื่อสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่

              ‘ลุกขึ้นเร็ว’

              ด้วยกำลังเหนือกว่าจึงไม่ยากเลยที่จะบังคับหญิงสาวให้ยอมจำนนต่อการฉุดลากขึ้นฝั่ง แต่เมื่อเท้าได้เหยียบย่ำบนผืนธรณี ร่างใหญ่ก็ทรุดตัวนั่งหอบหายใจพร้อมกับพาเธอล้มไปด้วยกัน น้ำที่หยดออกจากเสื้อชื้นของเขาปนเลือดสดโชยกลิ่นคาว ใบหน้าเหี้ยมซีดปากสั่น แต่ดวงตายังคงความแข็งกร้าวจับจ้องมองมาอย่างมาดร้าย

              เขากำลังบาดเจ็บ แต่เธอไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจ บอกตัวเองแล้วพยายามสะบัดแขนออกจากการเกาะเกี่ยว แต่เขากลับกระชากเธอลงไปนอนแล้วขึ้นคร่อม จากนั้นตรึงข้อมือบางทั้งสองไว้เหนือหัว

              ‘อย่าทำอะไรฉันเลย แม่ฉันแก่แล้ว ฉันต้องดูแลแม่’ เธอวิงวอนตัวสั่นเทิ้มต่อแววตาของชายที่จ้องมองราวกับเสือจ้องเหยื่อ

              ‘แต่จากที่เห็นก่อนหน้า ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะลาแม่ตาย’ เขาแสยะยิ้มเยือกเย็น

              หญิงสาวเม้มปากสนิทมองแววตาหยันหยามของอีกฝ่าย ในใจก็คิดว่าถ้าเธอกระแทกหมัดเข้าที่บาดแผล ก็อาจล้มเขาได้โดยไม่ต้องออกแรง แต่ก็ทำได้แค่ในความคิด เพราะเขาชักมีดพกปลายคมที่เหน็บเอวออกมาแล้วจ่อเข้าที่คอ

              ‘เธอเป็นคนในหมู่บ้านชนเผ่า เธอต้องรู้จักหมอไหมแก้ว’ เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าสลับอาการหอบหายใจ ‘พาหมอไหมแก้วมารักษาฉัน’

              ‘ทำไมฉันต้องช่วยแกด้วย’ เธอปฏิเสธ แม้เสียงจะไม่แข็งนัก แต่ไม่อยากพาความยุ่งยากใจไปให้คุณหมอสาว ทุกวันนี้ก็กินบนเรือนขี้บนหลังคาของคุณหมออยู่แล้ว

              ‘ถ้าอย่างนั้น...’ เขาหยุดพูดประหนึ่งอยากสูดลมหายใจลึก ก่อนเอ่ยต่อพร้อมกับกระชากร่างบอบบางขึ้น ง้างมีดเตรียมปักลงบนหน้าอก ‘ก็ตายเสียให้สมใจ แล้วฉันจะตามไปจัดการแม่เธอกับหมอไหมแก้วอีกคน’

              ‘อย่า ฉันยอมแล้ว!’ หญิงสาวจำต้องเปลี่ยนใจ แม่นั้นสำคัญเสมอ หมอไหมแก้วก็เป็นผู้ที่ทุกคนรัก เธอไม่ต้องการให้ทั้งสองเดือดร้อน

              ‘แกต้องสัญญากับฉันก่อนว่า ถ้าฉันช่วยแกแล้ว จะไม่ทำร้ายแม่ฉันกับหมอไหมแก้ว’ จึงเรียกร้องขอคำสัญญา

              เสียงกัดฟันกรอดนั้นเกิดจากความโกรธเกรี้ยวที่ถูกยื่นข้อเสนอ หรือเป็นเพราะบาดแผลที่เริ่มสร้างความร้าวรานมากขึ้นทุกที แต่ข้อเสนอที่หญิงสาวหยิบยื่นให้มันไม่ได้ทำให้ตายในวันนี้ จึงจำต้องเอ่ยคำที่โจรเช่นเขามัธยัสถ์เอาไว้ใช้เวลาจำเป็น

              ‘ฉันสัญญา’

     

              “ผมสัญญาว่าจะตามล่าหาตัวสมุนนายพนาที่เหลืออยู่จนสิ้นซาก!”

              หลังเสียงประกาศกร้าวของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ให้สัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายหลังจากได้เบาะแสสำคัญของคดีดัง มือบางก็กรีดนิ้วลงบนปุ่มรีโมตปิดโทรทัศน์ที่กำลังฉายรายการข่าว แล้วเลื่อนดวงตาลงมองรูปภาพของมหาโจรผู้จบชีวิตของตนด้วยการฆ่าตัวตายหนีความผิดทางอาญาร้ายแรง ตามข่าวที่เขียนบนหน้าหนังสือพิมพ์

              หลังจากที่การปฏิบัติการพิเศษนำทีมโดยสารวัตรอัชวินนำกำลังบุกทำลายค่ายโจรได้สำเร็จ และปลดปล่อยผู้ที่ถูกลักพาตัวเพื่อนำไปตัดอวัยวะขายให้เป็นอิสระแล้ว หน้าที่สำคัญต่อจากนี้ของเหล่ามือปราบก็คือการกวาดล้างสมุนโจรใจชั่วที่หนีรอดจากการจับกุมคราวนั้น

              ถัดจากพาดหัวข่าวลงมาเป็นรูปของนายพนา มหาโจรตัวร้าย และที่ข้างกันนั้นปรากฏภาพถ่ายไม่งามตาของศพหญิงสาวชาวชนเผ่านางหนึ่งที่พบบนเตียงผู้ป่วยในบ้านไม้กลางป่า

              เนื้อหาข่าวบอกว่าคุณหมอสาวท่านหนึ่งให้การกับทางตำรวจว่า ผู้ตายคืออดีตผู้ช่วยงานวิจัยสมุนไพรที่ถูกนายพนาฉุดตัวไปในอดีต แต่จากการพิสูจน์ทางนิติวิทยา ผู้ตายเสียชีวิตนานแล้วด้วยโรคมะเร็ง ทว่านายพนายังเชื่อมั่นว่าจะรักษาเธอหายได้ด้วยการปลูกถ่ายอวัยวะ

              และนี่เป็นเหตุผลที่นายพนาก่อเหตุสะเทือนขวัญลักพาตัวประชาชนเพศหญิงไป เพื่อส่งอวัยวะให้องค์กรเถื่อนทำการทดลอง

              “ไอ้เสี่ยบัดซบนั่นเอาแต่มั่วกามจนเกือบทำงานพัง!”

              เสียงแหบห้าวดังขึ้นหลังจากเปิดประตูห้องเข้าพา แล้วพกพาเสียงดนตรีที่ดังจากลำโพงด้านล่างของผับใหญ่ให้เล็ดลอด ดึงดวงตาคู่งามพิสุทธิ์ละจากหน้าข่าวหันไปมอง

              “ฉันเบื่อที่จะทำงานร่วมกับมัน อยากเขี่ยมันไปไกล ๆ เสียที” เจ้าของคำพูดบอกเธอแล้วก้าวขาเดินเข้ามาวางมือทั้งสองข้างบนโต๊ะ จ้องมองด้วยดวงตาขุ่นเคือง “เรารอมานานแล้วนะ แล้วฉันก็เริ่มอยากปลดตัวเองจากคำสั่งสุดท้ายของนายแล้ว”

              หล่อนรู้ว่าในหน่วยตาเคร่งขมึงคู่นั้นกักเก็บความข้นแค้นไว้นานแค่ไหน และมันคงถึงเวลาที่ต้องทวงคืนแล้วจริง ๆ 

              ร่างอรชรในชุดเดรสสีดำลุกขึ้นยืน ก้าวเดินไปหยุดที่หน้าต่างฉาบฟิล์มดำหนาทึบ แต่สามารถมองเห็นภาพการเคลื่อนไหวของนักท่องราตรีทั้งหลาย รวมไปถึงนางระบำยั่วยวนบนเวทีได้ชัดเจน

              “พวกมันอยู่ใกล้มือแล้ว จะรออะไร” เสียงเข่นเขี้ยวยังดังแทรกซึมเข้าสู่ความคิด “อย่าลืมสิว่าที่เราทำมาตลอดก็เพื่ออะไร”

              หล่อนหยุดนิ่งหลับตาแล้วผ่อนลมหายใจ ทวนภาพเหตุการณ์มากมายที่ทำให้ความแค้นฝังลึกหลั่งรินท่วมหัวใจ นึกถึงใบหน้าของไอ้คนเลวที่พรากทั้งชีวิตและความรักให้สูญหายไปจากตัว

              “เราจะทำให้มันเจ็บปวดทรมานเหมือนที่มันเคยทำกับคนที่เธอรัก” เสียงพูดแหบห้าวใกล้เข้ามาทุกที 

              “พวกเขาทรมานอย่างไร มันก็จะได้คืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า” หล่อนเปรยออกมาราวกับละเมอ หายใจหอบหนักจนเนินอกอิ่มขยับขึ้นลง เปลือกตาบางลืมขึ้นฉับพลัน เผยดวงตาที่มีประกายไฟลุกวาว เปล่งเสียงพูดหนักแน่น 

              “ฉันจะเอาเลือดหัวมันมาล้างความแค้นของฉัน!”






    ขอบคุณที่แวะเข้ามานะคะ
    ผลงานที่อัพจบแล้ว



    ผลงานที่กำลังอัพ




    อยากคุยกับไรท์ กดแอดเฟรนด์หรือกดติดตามเลยค่า





    ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

    ฤดีวัลย์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×