..ลมหนาวมันพัดหวนเข้ามาอีกครั้ง... ฉันยืนจับที่ราวระเบียงหลังห้องงนอน เหม่อมองท้องฟ้าที่ในค่ำคืนเดือน 12 ดวงจันทร์ส่องแสงสกาว เฉิดฉาย...
ลมหนาวมันพัดหวนเข้ามาอีกครั้ง...
ฉันยืนจับที่ราวระเบียงหลังห้องงนอน
เหม่อมองท้องฟ้าที่ในค่ำคืนเดือน 12
ดวงจันทร์ส่องแสงสกาว เฉิดฉาย
ให้หมู่มวลสรรพโลกสว่างไสว ในราตรีที่เงียบสงัด
***
....ฉันยังคงนั่งอยู่ตรงระเบียงห้อง นั่งคิดครวญถึงครอบครัว
พ่อ แม่ และบ้าน น้ำตาที่ฉันมิอาจหักห้ามมันไม่ให้ไหลออกมา
มันดันพร่วงพรูไหลทะลักราวกับธารน้ำเชี่ยว ที่ไหลเรื่อยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
"ป่านนี้ พ่อกับแม่ ทำอะไรกันอยู่นะ.. จะรู้ไหมว่าลูกคนนี้เหงา เศร้าและคิดถึง"
ฉันพึมพำอยู่ในห้วงแห่งความเศร้าหมอง ทั้งๆที่น้ำตายังเอ่อนองอยู่นั้น
***
"...สิ่งที่ฉันเหงาและคิดถึงมากที่สุด คือการเดินทางแยกจากครอบครัว
วันเวลาตั้งแต่ชีวิตฉันได้กำเนิดมา ไม่เคยห่างอกพ่อและแม่ ด้วความรัก
ความอบอุ่น ความหวง และความห่วงใย ฉันไม่เคยเลยแม้กระทั่งไปนอน
ค้างที่ไหน นานนักหากทว่า พ่อกับแม่เคียงข้างด้วยที่แห่งนั้นก็ย่อมมีฉัน เค้า
อาจจะบอกว่าฉันคือลูก แหง่ แต่ฉันไม่เคยอยากจะสน ฉันคิดว่า ฉันเป็น
ผู้ใหญ่พอ ทำไมหล่ะ ถ้าฉันเป้นลูกแหง่ ฉันคงไม่มีจิตสำนึกๆนึกถึงพ่อและแม่"
"โทรหาแน่เด้อ กดเบอร์ที่ใจเผ้าจำ..." เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันปิดหน้าสมุดบันทึกที่ฉันเขียนพรำพรรณาอยู่ครู่ ลุกเดินจากระเบียง ตรงมาที่เสียงโทรศัพท์
"ฮัลโหล ..สวัสดีครับ"
"ลูกเหรอ...นอนยังลูก" คำถามที่แม่ถามคำถามแรกมันทำให้ฉันกลั้นน้ำตาไม่ไหว ฉันเงียบและพยายามแข็งเสียงสะอึก สะอื้นไว้ไม่ให้แม่ได้ยิ้น ฉันคิดถึงครั้งที่ฉันนอนอยู่ที่บ้าน ยามฉันหลับฉันชอบปัดผ้าห่มออก แม่จะเข้ามาที่ห้องนอนฉัน และหยิบผ้าห่ม ห่มให้ฉันทุกครั้ง ฉันรู้ ฉันเห็น ฉันได้ยินทุกครั้ง แม่จะเข้าไปที่ห้องนอนฉันทุกครั้งหลังจากที่ฉันหรือคนอื่นนอนหลับหมดแล้ว
"ยัง..ยังครับแม่" ฉันปาดน้ำตา แล้วตอบแม่ไป
"แล้วแม่หละครับ ทำไมยังไม่นอน"
"รอพ่ออยู่...พ่อยังไม่กลับบ้านเลย"
"พ่อไปไหนหละครับ..."
ฉันถามถึงพ่อเมื่อรู้ว่าพ่อไม่ได้อยู่บ้าน ทุกครั้งที่แม่โทรหาฉัน หรือฉันโทรหาแม่ ฉันไม่เคยได้คุยกับพ่อสักครั้ง หรือฉันโทรหาพ่อ พ่อก็ไมใด้อยู่กับแม่ และก็ไม่ได้อยู่ที่บ้าน ฉันรู้ว่าพ่อไปไหน เป็นธรรมดาของผู้ชายส่วนใหญ่
"...พ่อเขาไปธุระ"
แม่เงียบเสียง และตอบฉันด้วยน้ำเสียงเหมือนแม่มีเรื่องปิดฉันอยู่ ฉันพลางเศร้าไปคิดไปเรื่อยตามความเข้าใจ ทุกครั้งที่ฉันได้รับรู้ ฉันรู้ว่าพ่อคงไปกกินเหล้ากับเพื่อนฝูงของพ่อ อีกตามเคย ถ้าไม่เมา หรือ เงินหมดก็ไม่กลับบ้าน ทุกครั้งที่ฉันคิดถึงบ้าน
และกล่าวถึงพ่อ ฉันหน่ายมาก ฉันเศร้า และรู้สึกไม่ดี ฉันอยากให้พ่อเลิดเหล้า เลิกบุหรี่ ทุกคนทั้งแม่ และพี่ๆ ก็พูดและขอร้องพ่อหลายครั้ง พ่อก็ทำได้ แต่แค่ระยะเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นก็เหมือนเดิม
"เปิดประตูสิว๊ะ.."
เสียงของพ่อดังจากโทรศัพท์ ฉันคิดไว้ไม่มีผิด พ่อก็กลับมาที่สภาพเมาเหมือนคนเอาตัวไม่รอดพยุงตัวไม่ไหว โซซัดโซเซ ทุกครั้ง ฉันเห็นแล้วฉันสงสารแม่ ฉันไม่เคยคิดสงสารพ่อเลย
"อีนี่...มึงโทรคุยกับชู้เหรอ"
ฉันได้ยินเสียงพ่อดังชัดเจน เหมือนว่าพ่อยืนอยู่ใกล้แม่แล้ว
"เปล่า ... ฉันคุยอยู่กับลูก"
"ลูกเหรอ...ลูกชู้..มึงไปมีลูกกับใครว๊ะ"
เสียงของพ่อเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ฉันทนฟังไม่ไหว ฉันอย่างปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามเรื่อง แต่คิดอีกที ฉันอย่างกลับบ้าน ในเวลานั้นฉันคิดถึงแม่ ฉันสงสารแม่
"ตู๊ด .. ตู๊ด .. ตู๊ด"
เสียงตัดสายโทรศัพท์หลุดไป เรี่ยวแรงฉันอ่อน มือขาฉันไม่มีแรงที่จะทำอะไรได้ ทั่วทั้งตัวเหมือนขนนก เบาหวิว น้ำตาก็หลั่งไหลอาบสองแก้ม แววตาที่เหม่อลอยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฉันทิ้งตัวล้มบนเตียง หัวลงไปหนุนกับหมอนสีขาว ปลอกไหมพรมที่แม่ถักให้ฉัน น้ำตายังไหลชุ่มหมอบใบนั้น ฉันไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร ฉันเหงา ...เหงา ... เหงา....และ เหงา เปลือกตาบางๆ ค่อยรี่ลง รี่ลง แล้วฉันก็หลับไป
***
ภาพและความทรงจำที่ปวดราว มันวิ่งผ่านเข้ามาในม่านของความฝัน ฉันเห็นเรื่องราวร้ายๆที่เคยผ่านพบมา ทำไม ชีวิตของคนๆหนึ่ง มันไม่ได้พบกับสิ่งดีๆ ความสุข เช่นกับคนอื่นบ้าง แม้แต่ความฝัน ภาพความปวดร้าว ความเหงา ยังคงตามหลอกหลอนฉันอยู่ตลอดเวลา
"พ่อ..พ่อ อย่าทำแม่นะ พ่อ" เสียงจากในความฝันคือเสียงของใครคนหนึ่งห้ามผู้เป็นพ่อหยุดการกระทำที่รุนแรงกับผู้หญิงที่เธอเรียกว่า แม่
...........ฉันสะดุ้งตื่นจากความฝัน น้ำตายังคงไหลอยู่อย่างไม่ขาดสาย ฉันลุกขึ้นนั่งกอดเข่าอยู่มุมเตียง ฉันกลัวว่า เรื่องในฝัน มันเป็นเรื่องของฉัน คิดแค่นั้น ปลอบใจตัวเอง ว่าพ่อคงไม่ทำอย่างนั้นแต่ เพื่อความสบายใจ ฉันคว้าโทรศัพท์ขึ้นกดโทรศัพท์หาแม่ ฉันต่อสายอยู่หลายครั้ง ไม่มีใครรับสักที
"หรือว่า..!!"
ฉันอุทานด้วยความเป็นห่วงแม่ แต่พยายามไม่คิดแล้วปลอบใจตัวเองอีกครั้ง
"สงสัย พ่อ กับแม่คงหลับกันแล้ว"
ความพยายามที่จะกดโทรศัพท์หาแม่ยังไม่หยุด เ พื่อความสบายใจฉันก็นั่งโทร...โทร...โทร..และก็มีคนรับสาย
"เออ..กูมันไม่เคยดี...กูไม่ได้ดีเหมือนมึงนิ่..ที่จะออกไปกินเหล้าทุกวัน"
เสียงตอบรับที่ฉันได้ยิน มันไม่ใชช่น้ำเสียงอันนุ่มของแม่ที่ฉันเคยได้ยิน แม่...ร้องไห้ แม่กำลังเถียงกับพ่อ แม่ฉันคงทนไม่ไหวกับการกระทำของพ่อ เพระหลายครั้ง พ่อเมากลับบ้านแม่ก็คอยนั่งเช็ด อ้วก! เช็ดตัว หุงข้าว ตักข้าวให้พ่อ และรอให้พ่อหลับ แม่จึงจะหลับ แต่วันนี้คงไม่เหมือนทุกวัน ฉันคิดว่ามันคงไม่ไดแน่นอน ฉันทำใจไม่ได้กับเรื่องนี้ ฉันยิ่งเหงาขึ้นทุกครั้ง น้ำตาก็ยังคงไหลอยู่ไม่หยุด ตาทั้งสองบวมแดงขึ้นทุกขณะ เหมือนประหนึ่งโดดมดแดงรังหนึ่งเข้ารุมกันที่ตาของฉัน
"มึงเป็นเมีย..มึงมีหน้าที่ดูแลผัว ไม่ใช่มาด่าแบบนี้"
พ่อขึ้นเสียงกับแม่ และเถียงกันยกใหญ่ ฉันไม่อยากจะทนฟังเสียงนรกที่ทำร้าย และสร้างความเจ็บปวดของฉันอีกต่อไปได้ ฉันพยายามที่จะหยุดความคิดบ้าๆ ของฉันไว้ และมองหาสิ่งหนึ่งที่ช่วยบรรเทาความเหงาให้ฉันได้นั่นก็คือ...สมุดบันทึก
...ฉันนั่งเขียน พรำพรรณาถึงความเจ็บปวด ความเมหงา ให้กำลังใจกับตัวเอง ระบายความรู้สึกที่อัดอั้นตันใจตัวเอง เขียน...เขียน....เขียน...และก็เขียน น้ำตายังคงไหลอยู่อย่างนั้น หน้ากระดานชื้นไปด้วยน้ำตาที่หลั่งรินจากสองตาของฉัน คราบแห่งคราวเจ็บปวด คราบแห่งความทรมาน คงถูกบันทึกและปิดฉากลงในสมุดบันทึกเล่มนี้ ความทุกข์ ความเหงา ความอ้างว้าง ความว้าเหว่ ความโดดเดี่ยว ความเดียวดาย กำลังใจ และน้ำตา มันจะรวมกันเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันลุกขึ้นสู่ต่อไป น้ำตาที่หลั่งออกมาราวกับน้ำทะลักจากเขื่อน ปานประหนึ่งสายธารท่วมตา ฉันปาดน้ำตาเม็ดสุดท้ายและท้าทายกับปัญหา ความเหงา ความเศร้าเหลานั้น
ขีดเส้นความทุกข์ไว้ เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าเส้น เพื่อกั้นน้ำตาแห่งความเจ็บปวดไม่ให้ไหลทะลักออกมา ฉันปิดสมุดบันทึกเล่มนั้นลง พลิกตัวนอนหงายผายมือออกด้วยความเหนื่อยล้า นัยตาแห้งแล้ว เหลือเพียงคราบน้ำตาที่ยังเปรอะเปื้อนแก้ม ม่านตาเริ่มรี่ลงอีกครั้ง รี่ลง และฉันก็หลับลง...
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น