Life or Dead [ ศึกชิงบัลลังก์
ผู้คนที่มีความแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปจะถูกเรียกว่าอัจฉริยะ ซึ่งหาตัวได้ยากดละส่วนมากก็เป็นคนใหญ่โต แต่ถ้าหากมีคนที่เก่งกว่าพวกเขาเหล่านั้นล่ะ นี่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ
ผู้เข้าชมรวม
62
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ณ หมูบ้านเล็กๆแห่งหนึ่งในยามราตรี แสงจันทร์สาดส่องไปทั่วหมู่บ้าน ทำให้เห็นซากปรักหักพังของอาคารเรือนอย่างชัดเจน บางอาคารเหลือเพียงเถ้าถ่านและขี้เถ้ากองอยู่บนธุลี เนื่องจากผลกระทบจากสงคราม หมู่บ้านนี้ถูกข้าศึกบุกยึดปล้นอาหาร ฆ่าล้างปิดปาก ผู้หญิงถูกข่มขืนก่อนจะถูกฆ่า ทุกอย่างพินาศเพียงพริบตา เสียงกรีดร้อง สีหน้าหวาดผวา เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้น เด็กชายวันเจ็ดขวบ ผมเซอร์สีน้ำตาลซีด นัยตาหวั่นผวามองเล็ดลอดออกจากกล่อง มองเห็นโศกนาฏกรรมข้างหน้าอย่างชัดเจน ทั้งพ่อแม่และพี่ชาย เหมือนกับว่าในหัวของเขาไม่สามารถคิดอะไรได้ในตอนนั้น เหมือนดั่งถูกบังคับให้เห็นภาพข้างหน้าอย่างไม่เต็มใจ ราวกับตกนรกทั้งเป็น
" อะไรกันหมู่บ้านนี้ มีแต่มันฝรั่งกับขนมปัง ผู้หญิงก็มีแต่แก่ๆ สงสัยถูกลูกทิ้งหนีกันหมดแล้วมั้ง เสียเวลาจริงๆ พวกเราไปหาเสบียงข้างหน้ากันต่อเถอะ แค่นี้ไม่พอจะเลี้ยงครึ่งกองทัพด้วยซ้ำ แล้วอย่าให้ลอดไปแม้แต่คนเดียวล่ะ หากมีคนไปรายงานตำแหน่งของพวกเราให้กองบรรชาการ เราได้ซวยแน่ๆ "
ชายในชุดสีแดง ชุดเกราะเงินของเขาเต็มไปด้วยเลือดอาบย้อมจนถึงใบหน้า หยดเลือดไหลลงธุลีจากปลายดาบ เขาเหยียบเท้าขวาบนกองศพ ไหล่ซ้ายปรากฏให้เห็นสัญลักษณ์วงกลมรูปตาหกปีกอย่างชัดเจน เด็กชายจ้องมองไปที่สัญลักษณ์นั้นอย่างไม่กระพริบตา เมื่อเขาจากไปเด็กชายหลับตาลงจดจำตรานั้นอย่างขึ้นใจ
โดยไม่รู้ตัว เสียงตะวันเล็ดลอดเข้ามาในกล่องผ่านรูเล็กๆ เด็กชายลืมตาขึ้นมาช้าๆแววตาของเขาดำมืดเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและชิงชัง เมื่อเขาลุกออกจากกล่อง ผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทออร่ามืดมนแผ่ออกจากตัวเขา แม้แต่แสงตะวันก็ไม่อาจปัดเป่ามันออกไปได้ หลังจากที่ฝังศพคนทั้งหมู่บ้านเสร็จเรียบร้อย เด็กชายมองลงที่หน้าหลุมศพครอบครัว " ท่านแม่ ท่านพ่อ ท่านพี่ ข้าจะเอาคืนให้พวกท่านข้าจะเอาหัวพวกมันมาเส้นให้วิญญาณของพวกท่าน" แม้ดูเหมือนว่าเขาจะหมดแรงจากการขุดหลุมจำนวนมาก แต่เขาก็สามารถเดินต่อได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาเดินไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือตรงไปยังป่าไม้ที่หนาทึบ
[" นี่พวกลูกรู้ไหมตรงข้ามป่าฝืนนี้มีหมู่เมืองอยู่ด้วยล่ะ การจะไปที่นั่นต้องอ้อมแม่น้ำทางทิศเหนือไปไกลเลย แต่หากเดินทางข้ามป่านี้ไปเพียงเดือนสองเดินก็ถึงแล้ว แต่เนื่องจากกลางป่ามีสัตว์อสูรที่ดุร้ายมากจึงไม่มีใครกล้าไปนานแล้ว"
"เลิกเล่าเรื่องไร้สาระให้ลูกฟังได้แล้ว ได้เวลาทานมื้อเย็นแล้ว วันนี้มีไก่สามขาย่างที่ลูกๆชอบด้วยนะ " "เย้!! ไก่สามขาย่าง ของข้างเอาตัวใหญ่สุด " "ไม่นะนั่นของข้า!! " " เอ้าๆ อย่าแย่งกันสิจ้ะ ยังมีให้กินอีกเยอะเลย "]
แววตาของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อยก่อนจะมืดลงและก้าวเดินเข้าไปยังป่า เขาไม่เคยเข้าป่านี้คนเดียวทุกครั้งที่มาก็จะมาล่าสัตว์กับพ่อของเขา แม้ป่านี้จะอันตรายแต่หากไปไม่ลึกมากก็ยังปลอดภัย พงไพรอันน่าพิศวง ต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้า ขนาดของมันต้องใช้คนหลายสิบคนโอบล้อม ลานกว้างใต้ต้นไม้ใหญ่นั่นคือไก่สามขา แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรระดับต่ำแต่เด็กคนเดียวไม่อาจล่ามันได้ ขาที่สามงอกบนหลังเกือบจะถึงบั้นท้ายมีเล็บแหลมคมไว้ล่าเหยื่อการโจมตีคล้ายแมงป่อง แถมเล็บของมันยังมีพิษร้าย เด็กชายไม่ได้กินอะไรมาหนึ่งวันเต็ม แถมยังเสียแรงกับการขุดหลุมจำนวนมาก เขาวิ่งตรงไปหามันอย่างไม่ลังเลและเมื่อมันเห็นเขา มันก็วิ่งตรงพร้อมกับยกขาที่สามพร้อมโจมตีทันที ไก่ตัวนี้วิ่งทางตรงได้เร็วมาก แม้แต่นายพรานก็หลบการโจมตีนี้ไม่พ้น การล่ามันต้องใช้สองคน คนนึงป้องกันและคนนึงสวนกลับอย่างว่องไว ในวินาทีที่มันโจมตีเขาเอียงหลบไปทางซ้ายและฟาดมันไปที่ต้นไม้ใหญ่อย่างสุดแรง ไม่มีแม้แต่เสียงร้องไก่ตัวนั้นตายทันที แต่ทว่าเด็กชายไม่ได้หลบพ้นซะทีเดียว ไก่ตัวนี้เหมือนจะมีสติปัญญาพอตัวจึงเล็งที่หัวไหล่ รอยบาดลากยาวที่ไหล่ขวาพิษของมันไม่ได้ทำลายระบบอะไร เพียงแต่สร้างความเจ็บปวดมหาศาล จนเหยื่อทนความเจ็บไม่ไหวและสิ้นใจตาย สีหน้าเขากระตุกเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆฝืนเดินตรงไปหาซากไก่และนั่งลงกัดกินมันสดๆ เด็กชายกินไก่จนเหลือแต่กระดูก เนื้อสดที่กินครั้งแรกนี้รสชาติไม่เลวทีเดียว เขานั่งลงพิงกับต้นไม้ใหญ่ก่อนที่จะหมดสติไปพร้อมความเจ็บปวด ร่างของเขาบิดกระตุกอย่างน่าขนลุกด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าบิดเบี้ยวแม้จะหมดสติไปแล้ว เมื่อตะวันตกดินแสงสว่างก็ค่อยๆจากหายไปแสงสลัวๆจากดวงจันทร์เข้ามาแทนที่ เด็กชายลืมตาตื่นขึ้นสีหน้าของเขาดูดีขึ้นอย่างมาก พิษของไก่สามขาจะอยู่ได้24ชั่วโมง โดยจะออกฤทธิ์อย่างหนักใน4ชั่วโมงแรก ตอนนี้ก็ผ่านไป14ชั่วโมงได้แล้ว
เมื่อตื่นมาเขาก็เริ่มสร้างอาวุธโดยใช้เล็บไก่ผูกติดกับกระดูกมัน เขาเดินทางกลางคืนโดยใช้ดวงดาวนำทางตามที่พ่อสอน ใช้ชีวิตในป่าโดยการล่าสัตว์อสูรกินเป็นอาหาร ดื่มน้ำตามลำธาร และเวลาก็ผ่านไป ตอนนี้เขาเดินทางได้15วันแล้วเขาเดินทางยามราตรีตามเคยทุกอย่างเป็นไปตามที่พ่อเคยสอนจนกว่าจะข้ามแม่น้ำสายใหญ่ที่นี่ยังคือเขตปลอดภัย จนกระทั่งพบเข้ากับกิเลนตัวหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ ร่างกายมันเต็มไปด้วยบาดแผลจากการต่อสู้ ป่าเขตนี้ไม่ใช่ที่อยู่ของกิเลน มันอาจจะหนีบางสิ่งบางอย่างมาจนถึงที่นี่ เมื่อพบกับเด็กชายตรงหน้ามันจ้องมองอย่างไม่ละสายตา "มนุษย์หรอ อาาาาา ข้าไม่ได้เห็นมนุษย์มานานมากแล้ว แต่ไม่ได้ชิมเนื้อมนุษย์น้้นนานยิ่งกว่า ดูท่าว่าเจ้าจะมีพลังงานเข้มข้นพอตัวเลย แม้จะเป็นเด็กแต่ก็แผ่ออร่าได้ขนาดนี้ ทั้งดำมืดและน่ารังเกียจ ข้าเข้าใจความรู้สึกนั่นดี ความรู้สึกเครียดแค้น ความรู้สึกชิงชัง ความรู้สึกที่ถูกพรากสิ่งที่ตัวเองรัก แกเหมือนกับเงาสะท้อนของข้าในวัยเด็ก ทำไมเด็กอย่างเข้าถึงได้เข้ามาที่ป่านี้จนถึงที่นี่ได้ หลงทางหรือล่าสัตว์ล่ะ "
กิเลนเป็นสัตว์อสูรชั้นสูง มีสติปัญญาสูงส่งและพลังมหาศาล มันมองดูเด็กชายตรงหน้าพร้อมกับพูดบ่นและถามคำถามเขา กิเลนตัวนี้ดูเหมือนจะไม่ได้มีจิตอาฆาตเด็กชายมองขึ้นไปบนในหน้าอันน่าเกรงขามของมัน " ข้าต้องการข้ามฝืนป่าแห่งนี้ โปรดท่านเเจ้าป่านให้ทางข้าด้วย " น้ำเสียงที่ทำให้รู้ว่าไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด โต้ตอบกิเลนอย่างหาญกล้า " โอ้ ข้ามป่าผืนนี้งั้นรึ ไม่มีเรื่องใดตลกไปกว่านี้แล้ว แม้แต่ข้ายังไม่กล้าคิดด้วยซ้ำ กลับไปซะเจ้าหนู อย่าเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่เลยหากตายไปแล้วเจ้าก็ไม่ได้ล้างแค้นหรอก จงฝึกฝนตัวเองจนแข็งแกร่งแล้ววันนึงค่อยรอคอยการล้างแค้นอย่างใจเย็น " พูดจบมันก็ได้ทำการขวางทางเด็กชาย เขามองหน้ามันด้วยความเครียดแค้น
จากนั้นวิ่งเข้าใส่มันอย่างขาดสติ ย๊าากกกก!!!
ฟลุบบ!!! ไม่ทันได้ถึงตัวกิเลนเขาฟลุบลงพื้นทันทีเมื่อเข้าใกล้มัน แรงกดดันจากตัวมันเพียงพอจะหยุดเขา เพียงแค่มันหายใจผิดจังหวะเด็กชายอาจตายได้ " ทำไม ทำไมกัน ทำไมมมมมม ย๊าาาก!!" เขากัดฟันตะเกียกตะกายเพื่อประชิด
วิ้งงงงงง ตู้มมม!! ร่างกายกิเลนมีแสงออร่าแผ่ออกมาเล็กน้อยจากนั้นลำแสงที่โผล่ออกมากลางอากาศพุ่งเข้าใส่เด็กชายทำให้เขากระเด็นอัดเข้ากับต้นไม้ อรั่กก!! เลือดพวยพุ่งออกจากปาก เด็กชายคล้ายสิ้นหวังแววตาแทบไม่เหลือห้วงแห่งความคิด "เจ้านี่มันเหมือนกับข้าในอดีตจริงๆ
เอาสิ คาราวะข้าเป็นอาจารย์แล้วข้าจะสอนเจ้าให้แข็งแกร่ง เพื่อที่เจ้าจะได้กลับไปล้างแค้น แต่มีข้อแม้อยู่อย่าง หลังจากที่เจ้าล้างแค้นสมใจอยาก ชีวิตของเจ้าที่เหลือจะต้องคอยผืนป่าแห่งนี้จนกว่ากิเลนลูกข้าจะสามรถปกป้องตัวเองได้ ข้าเองก็คงอยู่ได้ไม่นาน ไม่มีทางเลือกนักหรอก เจ้าจะรับข้อเสนอนี้ไหม มนุษย์เอ๋ย "
แววตาของเขาลุกวาวมองไปที่ใบหน้าของกิเลนอันทระนง " โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วย " เขาพูดพร้อมกับก้มหัวอย่างรวดเร็ว "ดี งั้นต่อจากนี้จนกว่าข้าจะพอใจในความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าจะไม่สามารถออกจากป่านี้ " ครับอาจารย์ "
ในบรรดานักรบ จอมเวทย์ หรือจอมยุทธ์ พวกเขาฝึกฝนกันอย่างหนักเพื่อที่จะแข็งแกร่งและไต่เต้าไปยังจุดสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการฝึกหนัก วิชาต้องห้าม ทุ่มเทเงินทองไปกับยาเสริมพลังมากมาย ในหมู่ผู้ที่ฝึกฝนหาความแข็งแกร่งผู้ที่แข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วในวัยเดียวกันจะถูกเรียกว่าอัจฉริยะ ซึ่งพบเจอได้น้อยมาก อย่างมากก็เพียงแค่เก่ง ไม่ถึงขั้นอัจฉริยะ ผู้คนพวกนี้จะได้รับการดูแลอย่างดี ฝึกฝนเพื่อเป็นกำลังหลักของอาณาจักรนั้นๆ แต่เหล่าอัจฉริยะกว่าครึ่งก็ชอบไม่แสดงตัว บ้างก็ถูกฆ่าโดยนักฆ่าฝั่งศัทตรู ทำให้อัจฉริยะในหนึ่งอาณาจักรมีไม่ถึงยี่สิบคน ซึ่งคนเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งคนที่มีเกียรติและสำคัญยิ่งต่ออาณาจักร แต่ในบรรดาหมู่อัจฉริยะเหล่านี้นั้น หากมีคนที่เก่งกว่าพวกเขาเป็นเท่าเท่าตัวล่ะ จะถูกเรียกว่าอะไร
วังน้ำค้างเยือกแข็ง ท่ามกลางพายุหิมะอันหนาวเย็น หญิงสาวนั่งจิบชาอยู่ริมหน้าต่างอย่างเหม่อลอยร่างเล็กผมขาวราวกับสีหิมะ ตาสีฟ้าเปร่งประกาย ในหน้ามีความงามอันไร้ที่ติ " คุณหนูคะได้เวลาแล้วค่ะ นายน้อยจากตระกูลเพลิงพิโรธมาถึงแล้วค่ะ " มีอันเรียวขาวของเธอวางแก้วชาลง เธอหันไปยิ้มอ่อนๆให้สาวใช้พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
" ที่นี่หนาวเป็นบ้า ปราสาทที่ดูไร้ความอบอุ่นนี่ทำไมถึงได้มีคนมาอยู่กันนะ นี่เอาชงชามาหน่อยสิ ไม่เห็นรึไงว่าแขกมา "
" เพคะ "
กลุ่มชายในชุดสีแดงนั่งรออยู่ห้องโถงรับแขกนิสัยดูก้าวร้าวและหยิ่งทะนง
" พวกท่านมาหาข้ามีเรื่องอันใดรึ "
หญิงสาวปรากฏตัวกลางอากาศ เรือนร่างอันเล็กจ้อยแต่มีใบหน้าอันงดงาม นางดูอายุไม่เกิน8ขวบเมื่อนางเผยตัว
*0* เหล่าชายหนุ่มอ้าปากค้างเมื่อเห็นใบหน้าอันงดงามของหญิงสาว น้ำเสียงอันไพเราะแทรกซึมเข้าไปในจิตใจ มีเพียงชายชราคนนึงที่ยืนกอดอกจ้องมองอย่างไม่หวั่นไหว "อายุเพียงเท่านี้กลับฝึกฝนระดับพลังได้ถึง23นับว่าหายากจริงๆ ในวัยเท่านี้ข้าเองก็ไม่อาจเทียบได้เลย อนาคตไม่อาจจินตนาการได้ ตาเฒ่าผู้นี้ขอชมจากใจ " ชายชราในชุดสีแดงกล่าวชมพร้อมกำคำนับเล็กน้อย
" เจ้าชื่ออะไร อยู่ที่นี่กับเมด4คนจริงหรอ ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่ "
หญิงสาวชำเลืองมองเด็กน้อยก่อนจะกล่าวตอบชายที่ดูคล้ายอายุ18
" ข้าชื่อ วีโอเล็ต มีเพียงข้าและสาวใช้4คนอยู่ที่นี่ ข้าอยู่ที่นี่เพราะมันคือบ้านข้า ที่นี่เหมาะกับผู้ฝึกธาตุวารีอย่างพวกเรา "
สายตาของชายหนุ่มจ้องมองเด็กหญิงอย่างหื่นกระหายก่อนที่ชายชราจะสกิดเขา " เรามาที่นี่เพื่อที่จะเชิญท่านไปยังนครหลวง องค์ราชาทรงรับสั่งให้พวกเราเป็นตัวแทน นี่คือบัตรเชิญในการสมัครผู้มีความสามารถ องค์ราชาจะให้รางวัลอย่างงามแก่คนที่หาคนเก่งเข้าร่วมได้ แน่นอนว่ารวมถึงท่านด้วย " " ถ้าหากข้าปฏิเสธล่ะ " โดยไม่ทันได้พูดจบเด็กหญิงพูดแทรกขึ้นด้วยท่าทีปฏิเสธ ชายชราแววตาเปลี่ยนไปบรรยากาศรอบๆนิ่งสงัด ทั้งคู่จ้องมองกันอย่างนิ่งงัน " ถ้าหากท่านปฏิเสธ เราผู้เฒ่าก็ต้องขอใช้กำลังพาท่านไป ตอนนี้อาณาจักรขาดแคลนคนอย่างมากเราจำเป็นต้องหาคนเพิ่มให้เร็วที่สุด " " เฮ้ออ เอาสิ ใช้กำลังพาข้าไป" หญิงสาวตอบโต้ชายชราด้วยความเบื่อหน่าย " ท่านไม่ต้องการแบบนี้แน่" ไฟสีฟ้าอ่อนปกคลุมไปทั่วร่างของเขา ผู้คนบริเวณนั้นรีบลุกหนีทันที ไฟสีฟ้าบ่งบอกได้เลยว่าร้อนกว่าไฟทั่วไปแน่นอน ผู้ที่ฝึกได้ถึงขั้นนี้ต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งเอามากๆ ต่อหน้าเด็กหญิงชายชราไม่คิดอ่อนข้อให้ เนื่องจากเด็กหญิงรู้ว่าพวกเขามาจากตระกูลขุนนางให้เกียรติมาเชิญถึงที่แม้ว่าศักดิ์จะไม่ได้ใหญ่มาก แต่การที่เด็กหญิงไม่เกรงกลัวพวกเขาเลยทำให้เขาต้องทำให้รู้ถึงพลังอำนาจที่แท้จริง " ข้าจะถา...
แกร็ก....... "เคล็ดวิชาต้องห้าม เยือกแข็งวังเมฆา"
เหมือนกับทุกอย่างถูกแช่แข็ง นิ่งสงัดไร้ซึ่งเสียง ชายชรานายน้อยตระกูลเฟิงและผู้ติดตาม ทุกคนถูกแช่แข็งในชั่วพริบตา แม้กระทั่งเปรวไฟสีฟ้าที่เลื่องลือว่ามีความร้อนอย่างมากก็ถูกเยือกแข็งไปด้วย
" ไปกันเถอะ ราชานั่นไม่ยอมวางมือแน่ นี่ก็รอบที่3 ข้าจะไปเข้าร่วมโรงเรียนฝึกจอมยุทธ์ ข้าไม่อยากร่วมมือกับตระกูลใด "
"เพคะ"
เหนือน่านผ้า สองตาจ้องมองไปยังวังน้ำค้างเยือกแข็ง จิตใจสั่นไหวไม่สงบ " เพียงแค่8ขวบ สามารถบรรลุถึงระดับ 23 ปราบคนที่มีพลังยุทธ์มากกว่าตนถึง3เท่าได้ในพริบตา นี่ชั่งน่าสนใจจริงๆ"
ปราสาทครึ่งนึงตั้งแต่ห้องรับแขกลงไปถูกแช่เเข็งจนหมด และพื้นที่หิมะกลายเป็นธารน้ำแข็งยาวเป็นกิโลเมตร พลังอันน่าสะพรึงนี้แม้แต่ทวยเทพยังต้องตกตะลึง เด็กหญิงมุ่นหน้าสู้เมืองหลวงพร้อมกับเหล่าบริวาร4คน พวกเธอนั้นล้วนเป็นจอมยุทธ์ชั้นจักพรรดิทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ชูเท็นอุมารุ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ชูเท็นอุมารุ
ความคิดเห็น