ชูปาคาบรา
ชูปาคาบรา (Chupacabra) เป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับในตำนานชนิดหนึ่ง มีผู้ที่อ้างว่าพบเห็นมันครั้งแรกในเปอร์โตริโกในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 และมีหลายคนรายงานว่า มันได้ฆ่าสัตว์ชนิดต่างๆเป็นจำนวนมาก และยังคงมีผู้พบเห็นมันมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน จากลักษณะที่ผู้ที่พบเห็นสังเกต ชูปาคาบราที่ลักษณะคล้ายกิ้งก่า มีสีเขียวอมเทา มีความสูงประมาณ 1 เมตร และมีท่ายื่นและกระโดดคล้ายจิงโจ้
เซอร์เบอรัส
เซอร์เบอรัส หรือ เคอร์เบอรอส (อังกฤษ: Cerberus ; กรีก: Κέρϐερος(Kerberos) แปลว่า ปีศาจในหลุม) เป็นสัตว์ในเทพปกรณัมกรีก มีรูปร่างเป็นสุนัขสีดำใหญ่โตพ่วงพี มี 3 หัว ปลายสุดของหางเป็นงู (บางตำนานว่าเป็นหางมังกร) เซอร์เบอรัสมีหน้าที่เฝ้าทางลงสู่นรกที่หน้าประตูทางเข้าตรุทาร์ทะรัส
เซอร์เบอรัสเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของฮาเดส (Hades) มันจะยอมให้วิญญาณของคนทุกคนเข้าประตู แต่จะไม่ยอมให้กลับออกมาเป็นอันขาด เมื่อไปถึงประตูนี้ วิญญาณแต่ละดวงจะถูกพาไปรับคำพิพากษาของ สามเทพสุภาคือ ราดาแมนทีส ,ไมนอส และไออาคอส วิญญาณที่ชั่วร้ายจะถูกพิพากษาให้ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในตรุทาร์ทะรัสไปชั่วกัลป์ ส่วนวิญญาณที่ดีจะได้รับคำพิพากษาให้พาไปอยู่ยังทุ่งอีลิเซียน แดนสุขาวดีของกรีก
เซอร์เบอรัสยังเป็นภาระกิจที่ 12 ของเฮอคิวลีสอีกด้วย เรื่องราวก็เนื่องจาก เทพีเฮรากลั่นแกล้งให้เฮอคิวลีสวิกลจริต และทำความผิดหลายอย่าง เช่น ฆ่าทายาทของตัวเอง, เฮอคิวลีสจึงต้องรับโทษ โดยให้อยู่ใต้อำนาจของกษัตริย์ที่อ่อนแอ เป็นเวลาถึง 12 ปี และต้องทำภาระกิจ 12 ประการให้เสร็จสมบูรณ์ จึงจะพ้นโทษ ภารกิจ 12 ประการนั้น ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการพิชิตปีศาจหรือไม่ก็สยบสัตว์อิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ การจับเซอร์เบอรัสมาให้กษัตริย์ของเขาก็เป็นหนึ่งในภาระกิจด้วย และเฮอคิวลีสก็สามารถจับเซอร์เบอรัสได้ด้วยพลังอันมหาศาลของเขา นอกจากเฮอคิวลีสแล้ว ออร์ฟิอุสเคยใช้เสียงเพลงสะกดเซอร์เบอรัสให้เชื่อง ขณะเข้าไปในยมโลกเพื่อคืนชีพให้คนรัก ในตำนานของโรมัน ไซคีได้ทำให้เซอร์เบอรัสหลับด้วยเค้กน้ำผึ้งใส่ยานอนหลับ
ตามตำนาน แม่ของเซอร์เบอรัสเป็นอสุรกายชื่อ อีคิดน่า (กรีก: Echidna) เป็นพี่น้องของพวกกอร์กอนส์ทั้งสาม อีคิดน่ารูปร่างหน้าตาสวยงามเฉพาะท่อนบน แต่ท่อนล่างลงมาเป็นงูยักษ์มหึมา และได้มามีสัมพันธ์กับอสุรกายอีกตนหนึ่งคือ ไทฟอน (Typhon) ซึ่งลูกๆของไทฟอนและอีคิดน่าล้วนแต่เป็นสัตว์ประหลาด ดุร้าย นอกจากเซอร์เบอรัสแล้วก็คือ ไฮดรา, ออทรัส, สิงโตเนเมีย, ไคเมร่า และ สฟิงซ์ แต่นอกจากเซอร์เบอรัสซึ่งได้เป็นสัตว์เลี้ยงของฮาเดสแล้ว พี่น้องทั้งหมดของเซอร์เบอรัสก็ถูกวีรบุรุษในตำนานกรีกสังหารเสียสิ้น
นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อว่า นาเบเรียส (Naberius) มาควิสแห่งนรกผู้ช่ำชองในศาสตร์ต่างๆโดยเฉพาะการปลุก ภูติผีและเป็นหนึ่งใน 72 ปิศาจซึ่งกล่าวถึงในบท อาร์สโกเอเทีย (Ars Goetia) ของตำรา กุญแจย่อยของโซโลมอน (The Lesser Key of Solomon) ก็คือเซอร์เบอรัสนั่นเอง
ในนิยายและวีดิโอเกม ดิจิตัลเดวิล โมโนกาตาริ: เมกามิเทนเซย์ เซอร์เบอรัสเป็นปิศาจที่อาเคมิ นาคาจิมะ ตัวเอกของเรื่องเรียกมาช่วยในการต่อสู้กับโลกิ และในเกมภาคต่อ ๆ มามักมีเซอร์เบรัสเป็นผู้ช่วยสำคัญเสมอ รูปแบบของเซอร์เบอรัสในเมกามิเทนเซย์ นอกจากที่เป็นสุนัขสามหัวแล้วบางครั้งยังปรากฏตัวเป็นสิงโตสีขาวที่มีหางเรียวยาวเป็นปล้อง
ในเซนต์เซย่า เซอร์เบอรัสเป็นสุนัขเฝ้านรกขุมที่ 2 ที่มี สฟิงซ์ ฟาโรห์ เป็นผู้ดูแล เซอร์เบอรัสมีหน้าที่กัดกินคนตายเป็นการลงโทษ เมื่อเซอร์เบอรัสได้พยายามกินเพกาซัส เซย่า แต่กินไม่ลงเพราะเซย่ายังไม่ตาย และถูกปราบด้วยโซ่ของอันโดรเมด้า ชุน
ส่วนในหนังสือนิยายเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ มีการกล่าวถึงตัวเซอร์เบอรัสซึ่งมีชื่อเรียกว่าฟลัฟฟี่ ในฉบับภาพยนตร์ของภาคแรก รอน วีสลีย์ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ และ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้พูดถึงเรื่องฟลัฟฟี่
เซนทอร์
เซนทอร์ (อังกฤษ: Centaurs ; กรีก: Κένταυροι) เซนทอร์มีร่างส่วนบนเป็นมนุษย์ผู้ชาย แต่ส่วนลำตัวลงไปเป็นม้าหนุ่มที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ สง่างาม อาศัยอยู่แถบภูเขาของอาคาเดีย และเทสสาลีในประเทศกรีซ
เซนทอร์มีสองตระกูล โดยตระกูลหนึ่งเกิดจาก อิคซอน อันธพาลแห่งสวรรค์ที่ขึ้นชื่อ กับอีกตระกูลที่เกิดจากโครนัส ฝ่ายหลังมีอุปนิสัยดีแตกต่างจากฝ่ายแรกมาก
เซนทอร์ตระกูลอิคซอน เกิดจากอิคซอนกับเนฟีลี มีพละกำลังมาก ชอบดื่มไวน์กับชอบไล่คว้าผู้หญิง ซ้ำชอบทะเลาะเวลาเมา เซนทอร์จึงถูกมองว่าเป็นพวกขี้เมาไม่กลัวใครทั้งสิ้น
เซนทอร์ตระกูลโครนัสต่างกับตระกูลอิคซอน เป็นเซนทอร์แสนดี โครนัสแต่งงานกับฟีลีร่า นางอัปสรน้ำผู้เลอโฉม มีลูกชื่อซีรอน ซึ่งเป็นผู้คงแก่เรียน มีความสุขุมรอบคอบจนได้รับเลือกให้เป็นอาจารย์ของเหล่าวีรบุรุษหลายคนในตำนานกรีก เช่น อคิลลีส, เฮอร์คิวลีส, เจสัน, พีลูส, อีเนียส และบรรดาลูกศิษย์ของเขาก็ประพฤติตัวตามแบบครูบาอาจารย์ได้เป็นอย่างดี
เรื่องของเซนทอร์ที่ชื่อชีรอนนี้มีปรากฎอยู่ในตำนานของเฮอคิวลีส ซึ่งเล่ากันว่าในระหว่างที่เฮอคิวลีสกำลังเดินทางเพื่อปฏิบัติภาระกิจอยู่ก็ได้มีเรื่องปะทะกับฝูงพวกเซนทอร์ โดยเรื่องมีอยู่ว่าเฮอคิวลีสเข้าใจว่าเซนทอร์ที่ชื่อว่า เนซซัส (Nessus) กำลังฉุดผู้หญิงอยู่ โดยหารู้ไม่ว่าเป็นธรรมเนียมของชาวเซนทอร์ ซึ่งเวลาร่วมเพศจะชอบใช้ความรุนแรงกับเซนทอร์เพศเมีย ก็เลยมีการต่อสู้เกิดขึ้น เมื่อถูกพวกเซนทอร์อารมณ์ร้ายรุมมากๆ เฮอคิวลีสก็ได้ใช้ลูกธนูที่อาบด้วยเลือดของไฮดร้ายิงใส่ฝูงเซนทอร์ แต่มีลูกธนูดอกหนึ่งพลาดไปถูกชีรอน (Chiron) เข้า ซึ่งมีชีรอนเคยเป็นอาจารย์ของเฮอร์คิวลีสมาก่อนก็อยู่แถวนั้นด้วย ชีรอนได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจากพิษของไฮดร้า ที่เคลือบอยู่ปลายลูกธนู แต่ก็ไม่สามารถจะพ้นทุกข์ด้วยความตายได้เพราะเขาเองก็เป็นบุตรแห่งเทพ จึงมีความสถานะเป็นอมตะด้วย แม้เฮอคิวลีสจะรู้สึกผิดแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรอาจารย์ของตนเองได้ เมื่อความเจ็บปวดทวีขึ้นเรื่อยๆ จนชีรอนเริ่มจะทนไม่ไหว ชีรอนจึงขอให้เทพซุสประทานความตายให้แก่ตน จากนั้นชีรอนก็ได้กลายเป็นกลุ่มดาวรูปเซนทอร์ซึ่งมีลักษณะเป็นครึ่งคนครึ่งม้ากำลังถือคันธนู ซึ่งเรียกว่า กลุ่มดาวราศีธนู หรือ แซจิเทเรียส (Sagitarius)
ไซเรน
ไซเรน (Siren) เป็นสัตว์ร้ายที่อาศัยอยู่ตามริมฝั่งทะเลที่เป็นชายฝั่งแบบฟยอร์ด ไซเรนมีรูปร่างลักษณะเป็นเงือก บางตำราว่าตัวเป็นนก แต่หัวเป็นคน ไซเรนจะชอบร้องเพลง เสียงของไซเรนไพเราะเพราะพริ้งจนทำให้คนที่เดินเรือผ่านมายังบริเวณใกล้เคียงที่ไซเรนอาศัยอยู่หลงทางเข้ามาตามเสียงเพลงของไซเรน และเรือที่เข้ามาจะหลงไหลในเสียงเพลงยิ่งขึ้นทำให้ออกตามหาแล้วจะตกเป็นเหยื่อของไซเรน
ไซเรนมีบทบาทสำคัญในตำนานกรีก เมื่อเจสันและลูกเรืออาร์โกนอทจำเป็นต้องผ่านน่านน้ำที่ไซเรนอาศัยอยู่ แต่ออร์เฟียสได้ดีดพิณเป็นทำนองเพลงที่ไพเราะยิ่งกว่าของไซเรนดึงความสนใจของลูกเรืออาร์โกนอทไว้จึงผ่านมาได้อย่างปลอดภัย และในเวลาต่อมาโอดิสซีสอยากรู้ว่าเสียงเพลงของไซเรนเป็นอย่างไรจึงให้ลูกเรือทุกคนใช้ขี้ผึ้งอุดหูแล้วมัดเขาไว้กับเสากระโดงเรือ
จึงทำให้เค้าสามารถมองเห็นไซเรนได้
ตะพาบยักษ์แยงซีเกียง
ตะพาบยักษ์แยงซีเกียง หรือ ตะพาบเซี่ยงไฮ้ (ภาษาจีน: 斑鳖, พินอิน: Bān Bīe, ตรึงเวียด: Rùa mai mềm Thượng Hải) ตะพาบขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งที่ใกล้จะสูญพันธุ์มาก ๆ แล้วชนิดหนึ่งของโลก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Rafetus swinhoei (มีชื่อวิทยาศาสตร์อีกชื่อหนึ่ง โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวเวียดนามตั้งให้ว่า Rafetus leloii เพื่อเป็นเกียรติแด่จักรพรรดิเลเลย) พบในแม่น้ำแยงซีเกียง ในประเทศจีน และมณฑลยูนนาน นอกจากนี้ยังพบได้ที่แม่น้ำแดง ในประเทศเวียดนามด้วย
เป็นตะพาบที่มีขนาดใหญ่มาก และเป็นหนึ่งในเต่าน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีส่วนหัว ที่มีจมูกและปากคล้ายหมู ขนาดโตเต็มที่สามารถมีน้ำหนักมากถึง136 กิโลกรัม ถึง 200 กิโลกรัม ยาวถึง 0.9144 เมตร และมีชีวิตอยู่ได้นานกว่า 100 ปี สถานะในธรรมชาติใกล้สูญพันธุ์มาก ๆ แล้ว ในสถานที่เลี้ยงปัจจุบันมีเพียง 2 ตัวเท่านั้น คือที่สวนสัตว์ในประเทศจีน และที่ทะเลสาบที่เมืองฮานอย
ตำนานพื้นบ้าน
ตะพาบยักษ์แยงซีเกียง เป็นสัตว์ในตำนานพื้นบ้านของเวียดนามเกี่ยวกับการสร้างชาติ ในศตวรรษที่ 15 จักรพรรดิเลเลย (Le Loi) ได้ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ในการขับไล่ชาวจีนราชวงศ์หมิงที่รุกราน ให้ออกไปจากเวียดนาม จากนั้นในขณะที่พระองค์อยู่บนเรือก็มีตะพาบตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำและบอกให้จักรพรรดิส่งดาบนั้นกลับคืนแก่กษัตริย์แห่งมังกร ดาบนั้นก็ได้พุ่งออกจากฝักดาบเข้าไปในปากของตะพาบก่อนที่จะหายกลับลงไปสู่ใต้ผิวน้ำ
จากนั้นมาทะเลสาบแห่งดังกล่าวที่เคยถูกเรียกว่า ทะเลสาบลึกถวี๋ (Luc Thuy) หรือ ทะเลสาบน้ำเขียว ต่อมาจึงได้กลายมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ทะเลสาบคืนดาบ (The Lake of the Returned Sword) หรือทะเลสาบหว่านเกี๋ยม (Hoan Kiem) ซึ่งตั้งอยู่ที่ทิศตะวันตกของเมืองฮานอย และที่ทะเลสาบแห่งนี้ก็ได้มีรูปถ่ายและตัวอย่างสตั๊ฟฟ์ของตะพาบชนิดนี้ตั้ง แสดงอยู่ด้วย
(ยังไม่จบ มีอีกเยอะ)
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น