ปัจฉิมนี้ที่เพชรบุรี(Re) - ปัจฉิมนี้ที่เพชรบุรี(Re) นิยาย ปัจฉิมนี้ที่เพชรบุรี(Re) : Dek-D.com - Writer

    ปัจฉิมนี้ที่เพชรบุรี(Re)

    ปัจฉิมนี้ที่เพชรบุรี(Re)

    ผู้เข้าชมรวม

    160

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    160

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 ส.ค. 54 / 22:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ปัดฝุ่นใหม่....ไว้ใช้งาน

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      21-22มีนาคม ต้นปีที่ผ่านมาข้าพเจ้าได้ไปปัจฉิมที่จังหวัดเพชรบุรี

      6.30 นาฬิการถออกจากโรงเรียน นั่งรถแค่ประมาณ3 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงจังหวัดเพชรบุรี

      10.00 น. คณะของพวกเราก็มาถึงเขาวังเป็นสถานที่แรก เขาวังเป็นพระราชวังที่สวยงามมากตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ทางเดินขึ้นเขานั้นลาดชันมาก และใช้เวลาพอสมควร ตลอดทางเดินขึ้นเขาวังก็มีฝูงลิงมากมายวิ่งกวักไกว่ และตลอดทางเดินยังมีต้นไม้ดอกไม้ที่สวยงามตลอดทางโดยเฉพาะต้นลีลาวดีขนาดใหญ่หลายร้อยต้นที่ออกดอกสะพรั่งกิ่งก้านของมันยิ่งเสริมให้สถานที่นี้ดูงดงามมีคุณค่ามากขึ้น ในที่สุดข้าพเจ้าและเพื่อนๆก็มาถึงยอดเขาวัง งดงามสมเป็นวังของพระมหากษัตริย์ ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้นที่มีโอกาสได้เข้าไปในวังซึ่งที่นี่ครั้งหนึ่งนั้นเคยเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ของไทย ภายในวังมีชุดโต๊ะรับแขก มีห้องทรงงาน ห้องบรรทม และเครื่องเรือนต่างๆ วังนี้อาจจะไม่ยิ่งใหญ่มากไม่กว้างขวางแต่ก็งดงามสมฐานะ จากจุดนี้สามารถชมทัศนียภาพเมืองเพชรบุรีจากมุมสูงได้โดยรอบ บ้านเรือนประชาชนมองเห็นแต่หลังคาเล็กนิดเดียวเป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจ

      เมื่อชมความงามของวังเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลากลับ เดินลงเขาง่ายกว่าเดินขึ้นเขามากแต่ก็ต้องเดินด้วยความระมัดระวังเพราะอาจหกล้มได้ เดินลงมาได้ครึ่งทางข้าพเจ้าก็แวะพักซื้อน้ำดื่ม ก็มีฝูงลิงเล็กๆ2-3ตัวเข้ามารุมข้าพเจ้า คนที่นั่นบอกว่ามันหิวน้ำ ข้าพเจ้าเลยซื้อน้ำอีกแก้วให้มัน มีหลุมที่ไว้ใส่น้ำของมันอยู่ มันแย่งกันกินน่าสงสารมาก พอข้าพเจ้าเดินลงมาต่อก็ต้องตกใจเมื่อมีลิงกระโจนลงมาจากต้นลีลาวดีมันกระโดดลงมาแล้วคว้าแก้วน้ำของข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้ารู้สึกว่าลิงที่นี่คงจะอดอยาก ได้แต่สงสารมันเพราะคงช่วยอะไรมันไม่ได้

      กลับมาขึ้นรถเพื่อที่จะเดินทางไปสถานที่ต่อไปซึ่งก็คือพระรามราชนิเวศน์หรือที่รู้จักกันในชื่อพระราชวังบ้านปืน ด้านหน้าพระราชวังมีพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พวกเราก็ทำความเคารพเพื่อความเป็นศิริมงคลที่ได้มีโอกาสมาเยือนที่นี่ พระราชวังบ้านปืนนี้เป็นพระราชวังทีที่งดงามสร้างเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ภายในกว้างขว้างใหญ่โต ตรงกลางโถงชั้น 1 ปูกระเบื้องที่พื้นซึ่งเป็นลายเกล็ดซ้อนกันเป็นชั้นๆเป็นวงกลม ส่วนทางเดินขึ้นชั้น 2 เป็นบันไดเวียนคู่ที่งดงาม จากชั้นสองเมื่อมองลงมาพื้นโถงชั้น 1 ลายกระเบื้องที่ซ้อนกันนั้นจะมองเห็นคล้ายว่านูนขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นเรื่องของการออกแบบที่น่าสนใจมาก พวกเราเดินตามวิทยากรได้ฟังข้อมูลต่างๆ ได้เห็นหลายๆอย่างที่ไม่เคยเห็น ได้เห็นห้องน้ำของกษัตริย์ สนามแบดมินตัน สวนแบบยุโรป รูปปั้นเทพเจ้าในตำนานกรีก และอีกมากมาย เมื่อเดินสำรวจจนทั่วแล้วก็กลับลงมาด้านนอกวัง เตรียมตัวเดินทางไปสถานที่ต่อไป

      พวกเรารับประทานอาหารกลางวันกันบนรถ ทานอาหารเสร็จก็นั่งคุยกันบ้าง บ้างก็นั่งหลับ ตลอดทางที่รถวิ่งผ่านทัศนียภาพโดยรอบล้วนน่าสนใจ มองเห็นต้นไม้ เห็นภูเขา เห็นบ้านเรือนประชาชน นับว่าเมืองเพชรบุรีเป็นเมืองที่น่าอยู่มากที่เดียว

      รถวิ่งมาไกลและนานพอสมควร ในที่สุดก็เข้าเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เห็นธารน้ำใสมาก แต่คงเป็นปลายน้ำ มีคนเล่นน้ำน้ำ ล่องแก่ง ดูสนุกสนาน แต่นี่ยังไม่ใช่ที่ที่เราจะพักกัน รถวิ่งขึ้นเขาไปอีกจนในที่สุดก็ถึงจุดหมายหลักของทริปนี้ นั่นก็คือเขื่อนแข่งกระจาน พอลงจากรถก็รู้สึกได้ถึงความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ มีป่า มีภูเขา และที่สำคัญมองเห็นเขื่อนขนาดใหญ่ น้ำแลเห็นเป็นสีฟ้ามีทิวเขาที่ล้อมรอบเขื่อนไว้ตัดกับท้องฟ้าที่สดใส เป็นภาพที่สวยงามสุดประทับใจ จากนั้นก็ขนสัมภาระของตนเองไปที่เนินเขาจุดที่คืนนี้เราจะใช้เป็นที่พักหลับนอน พวกเราขนกระเป๋ามาไว้ในเต็นต์ 1 เต็นท์นอนได้ประมาณ5-6คน

      พอทำธุระส่วนตัว เก็บข้าวของเรียบร้อยก็ถึงเวลาทำกิจกรรม กิจกรรมคือเล่นเกมตามฐานต่างๆโดยแบ่งเป็นกลุ่มเวียนเล่นให้ครบทุกฐาน แต่ละฐานตั้งเป็นจุดตามเนินเขา ถึงจะทำกิจกรรมกลางแจ้งแต่ก็ไม่มีแดดเลย ฟ้าร่มลมเย็นมากคล้ายๆว่าฝนจะตก ในแต่ละฐานสมาชิกในกลุ่มต้องช่วยกันจึงจะสามารถผ่านภารกิจไปได้ แต่ละฐานสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากทุกคน จนเล่นครบทุกฐาน เหมือนฟ้าฝนจะเป็นใจพอเราเล่นเสร็จครบทุกฐานฝนก็เริ่มตกลงมา พวกเราก็แตกกระเจิงต้องวิ่งไปหลบในเต็นท์ เต็นท์เป็นผ้ากันฝนได้ อยู่กันในเต็นท์พักใหญ่ๆฝนก็หยุดตก อาจารย์ก็มาบอกให้นักเรียนอาบน้ำเก็บของเตรียมย้ายที่พักคืนนี้คงพักที่นี่ไม่ได้แล้ว เพราะฝนตกลงมาอีก ตอนนั้นเวลาประมาณ16.00น. อาบน้ำเสร็จก็ขนกระเป๋าออกจากเต็นท์และไปรับประทานอาหารเย็น ก่อนจะขึ้นรถไปพักในที่พักอีกที่หนึ่ง

      ที่พักที่เราจะอาศัยนอนกันคืนนี้ เป็นห้องขนาดใหญ่มีเตียงเรียงติดๆกันยาวไป2ฝั่ง เลือกที่นอนได้แล้วพวกเราก็เก็บของทำธุระส่วนตัว เมื่อถึงเวลา 19.00น. ทุกคนก็มาพร้อมกันที่ประชุม ตอนแรกพวกเราคงจะได้นั่งบนหญ้าเขียวๆที่เนินเขาใต้ท้องฟ้าที่ดาวระยิบระยับแต่เพราะฝนที่ตกลงมา พวกเราจึงต้องมานั่งพื้นกระเบื้องเย็นแทน

      กิจกรรมตอนกลางคืนช่วงแรกก็ร้องเพลงกันพอประมาณ ก่อนจะให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละห้องออกมาพูดความในใจ ข้าพเจ้าเป็นตัวแทนห้องออกไปพูด พูดเป็นห้องสุดท้ายเพราะเป็นรุ่นพี่สุดอยู่ม.6 ห้อง 1 ข้าพเจ้าพูดถึงความรู้สึกที่มีต่อโรงเรียน ต่อคุณครู ต่อเพื่อน ทุกความรู้สึกที่ข้าพเจ้ามี ข้าพเจ้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้มา 6 ปีเต็ม ความรู้สึกที่มีย่อมมากมาย ไม่สามารถจะบรรยายให้หมดภายในไม่กี่นาทีได้

      ต่อจากความในใจของนักเรียนก็มาถึงความในใจของอาจารย์ที่ปรึกษาที่มีต่อลูกศิษฐ์ อาจารย์ที่ดูแลเรามาตลอด 3 ปี ปรึกษาให้คำแนะนำเพื่อศิษฐ์ของตนได้มีชีวิตที่ดี อาจารย์ที่ปรึกษาของข้าพเจ้าพูดถึงเรื่องราวที่เราอยู่ด้วยกันภายในห้องของเรา พวกเราสนิทกับอาจารย์มาก คาบเรียนไหนว่างพวกเราก็จะมานั่งรวมตัวกันในห้อง ทำการบ้าน ทำงาน บ้างก็นอน เล่นคอมกันตามประสาเด็กๆ เราอยู่ห้องประจำของเราซึ่งเป็นห้องคณิตศาสตร์เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาของเราสอนวิชาคณิตศาสตร์มัธยมปลาย ห้องแห่งนี้มีเรื่องราวมากมาย ทุกวันพวกเราจะมาอยู่ที่นี่ทั้งตอนเช้า ตอนกลางวัน และตอนเย็น เป็นห้องที่อบอุ่นเต็มไปด้วยความรักและมิตรภาพที่สะสมมาตลอด 3 ปี อาจารย์ที่ปรึกษาของข้าพเจ้าพูดหลายอย่างจนพวกเราม.6ห้อง1 หลายคนน้ำตาซึม พวกเราอยากจะบอกว่าพวกเรารักอาจารย์มาก ขอบคุณทุกๆอย่างที่อาจารย์ให้ ให้ความรู้ ให้ความรัก อาจจะดุไปบ้างแต่เราเข้าใจแล้วว่าอาจารย์ทำไปเพราะอยากให้พวกเราได้ดี เดินไปตามทางที่ถูกต้อง ถึงเราจะจบการศึกษาในครั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะจบการเป็นศิษฐ์ของอาจารย์ อาจารย์จะยังเป็นคุณครูของพวกเราทุกคนตลอดไป

      เมื่ออาจารย์ที่ปรึกษาแต่ละห้องกล่าวความในใจครบทุกห้องแล้ว ต่อไปก็เป็นการให้โอวาทของผู้อำนวยการโรงเรียน ผู้อำนวยการพูดหลายอย่างมาก ก่อนจะจบด้วยการให้พรเป็นศิริมงคลแก่นักเรียนทุกคน

      จากนั้นก็ถึงพิธีการสำคัญก็คือการผูกสายสินญ์มงคล อาจารย์แต่ละท่านที่ไปวันนั้นนั่งเรียงกันเป็นแถวแล้วเราก็ต่อแถวหาอาจารย์ยกมือไหว้อาจารย์ อาจารย์ก็จะผูกสายสินญ์และให้พรเรา แล้วเราก็กราบเท้าอาจารย์ก่อนจะไปให้อาจารย์ท่านอื่นผูกต่อไป แต่ละคนก็จะมีด้ายสายสินญ์เต็มแขนไปหมด

      ต่อไปเป็นกิจกรรมแสงส่องใจ อาจารย์แจกเทียนนักเรียนคนละเล่ม แล้วก็ปิดไฟจนมืดสนิท แล้วผู้อำนวยการก็จุดเทียนขึ้นเป็นคนแรกแล้วส่งต่อไปทีละคนระหว่างจุดเทียนส่งต่อกันนั้นผู้อำนวยการก็ให้โอวาทเล็กๆน้อยๆไปด้วย จนครบทุกคนในห้องก็สว่างขึ้นมา ผู้อำนวยการให้เราอธิฐานจิตก่อนจะรวบรวมเทียนไปปักไว้กลางห้อง จากนั้นเพลงมารช์โรงเรียนก็ขึ้น เป็นเพลงที่เราได้ยินทุกเช้ามาตลอด 6 ปี ที่โรงเรียนนั้นเพลงมารช์เป็นสัญญาณให้นักเรียนเตรียมเข้าแถวเคารพธงชาติ เพลงมารช์ยาวประมาณ 3 นาทีเมื่อได้ยินเพลงมาร์ชทุกคนไม่ว่าทำอะไรอยู่ จะอยู่อาคารไหนที่ไหนต้องรีบมาพร้อมกันที่สนามเมื่อเพลงจบทุกคนต้องเข้าแถวเรียนร้อยเตรียมพร้อมเคารพธงชาติ ต่อไปนี้คงจะไม่มีโอกาสได้ยินเพลงนี้อีกบ่อยๆครั้งนี้ทุกคนจึงต่างตะโกนร้องเพลงมารช์กันสุดเสียงท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงเทียนเล็กน้อยกลางห้อง รู้สึกได้ว่าเพลงมารช์ที่ร้องครั้งนี้ดังกว่าทุกครั้งที่เคยร้องที่โรงเรียน พอจบเพลงมารช์ก็ตามมาด้วยอีกหลายเพลงที่เนื้อหาเพลงแทนความรู้สึกผูกพันที่เรามี อาทิเพลงเก็บตะวัน เพลงเพื่อนไม่ทิ้งกัน เพลงเราและนาย และอีกมายมาย เป็นอีกความประทับที่คงลืมไม่ลง ก่อนที่แสงเทียนกลางห้องจะหมดลงก็จบลงด้วยเพลงมาร์ชโรงเรียนอีกครั้ง ก่อนที่ไฟในห้องจะเปิดขึ้น

      กิจกรรมสุดท้ายของคืนนี้ก็คือการเขียนความในใจ เขียนใส่กระดาษรูปหัวใจแล้วไปแปะไว้ที่บอร์ด ข้าพเจ้าเขียนขอบคุณโรงเรียนนี้ เขียนถึงเพื่อน ถึงอาจารย์ และเขียนขอโทษในสิ่งที่ข้าพเจ้าอาจเคยทำผิดไป พอเขียนความในใจเสร็จก็ถ่ายรูปกันพอประมาณก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน

      ตื่นนอนเวลาตี 5 ข้าพเจ้าตื่นเช้าเพราะอาบน้ำคนจะได้ไม่เยอะ อาบน้ำเสร็จก็เก็บข้าวของอาจารย์นัดให้พร้อมกันตอน 7.00น. เกือบ7.00น.ทุกคนก็มาพร้อมกันด้านล่าง อากาศยามเช้าสดชื่นมาก ยิ่งฝนตกเมื่อวานยิ่งทำให้รู้สึกสดชื่นมากยิ่งขึ้น จากนั้นรถก็มารับเพราะเราก็ขนของขึ้นรถกลับไปที่เขื่อนแก่งกระจานที่เดิม ไปรับประทานอาหารเช้าที่นั่นอีกหนึ่งมื้อ อาหารเช้าเป็นข้าวต้มทะเล อร่อยมาก ข้าพเจ้าทานไปหลายชาม ทานอาหารเสร็จก็มาจุดชมวิว ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหลายรูปก่อนจะขึ้นรถออกจากที่นี่เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ชายหาดชะอำเป็นสถานที่สุดท้าย

      เกือบ 10.00 ก็มาถึงหาดชะอำ อาจารย์ปล่อยให้นักเรียนใช้เวลาส่วนตัวกันตามสบาย จนถึง12.30น. หลายคนลงเล่นน้ำทะเลกันแล้ว คลื่นก็ไม่สูงมาก ตอนแรกข้าพเจ้าจะไม่ลงเล่นน้ำ ข้าพเจ้าเดินเก็บภาพอยู่ที่ชายหาด ซักพักเพื่อนก็มาเรียกเพราะเพื่อนอยากเล่นบันนาน่าโบ๊ทคน 7 คนข้าพเจ้าเลยตกลง คนขับพาบันนาน่าโบ๊ทออกไปห่างหาดพอสมควรก่อนจะสบัดพวกเราจนตก มีแมงกระพรุนลอยอยู่หลายตัว พวกเรารีบตะกายขึ้น และบอกพี่คนขับว่าไม่ต้องออกมาไกลมาก พวกเราเล่นบันนาน่าโบ๊ทอีก 2 รอบก่อนจะขึ้นฝั่งและแยกย้ายกันไปอาบน้ำ

      หลักจากนั้นข้าพเจ้าก็ไปปั่นจักรยานเล่นริมชาดหาดเล่น มีบริการจักรยานให้เช่าเป็นชั่วโมง ข้าพเจ้าปั่นจักรยานหาของกินเรื่อยเปื่อย จนถึงเวลาประมาณ12.30 ก็มารวมกันที่รถ รับประทานอาหารเที่ยงกันบนรถ ก่อนจะกลับอยุธยารถก็จอดแวะร้านขายของฝาก เป็นร้านใหญ่ร้านดังของจังหวัดเพชรบุรี และก็จอดอีกที่เป็นร้านขายของฝากเหมือนกัน ข้าพเจ้าเลือกซื้อขนมของกินไปฝากที่บ้านและญาติๆ มีทั้งขนมจาก ขนมหม้อแกง น้ำตาลปึก น้ำตาลสด และตุ๊กตาลิง ใช้เวลานานพอสมควรสำหรับซื้อของฝาก พอทุกคนเสร็จพร้อมกันแล้วก็ขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้ากลับอยุธยา หลายคนเมื่อยล้ามาทั้งวันก็หลับกันบนรถ รวมถึงข้าพเจ้าด้วยหลับไปนานจนเกือบถึงอยุธยา

      ประมาณ17.00น. ถึงอยุธยา จบทริปปัจฉิมนี้ที่เพชรบุรีด้วยความรู้สึกที่หลากหลายก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะได้มีโอกาสไปไหนไหลๆกับเพื่อนเยอะแบบนี้อีกๆไหม ต่อไปจะได้เจอเพื่อนแบบไหน จะมีเพื่อนที่เป็นเพื่อนรักและร่วมทุกข์ร่วมสุขกันแบบนี้อีกหรือปล่าวก็ยังไม่รู้อนาคต แต่ชีวิตต้องเดินต่อไป ขอแค่เราไม่ลืมกัน ไม่ลืมวันที่ผ่านๆมา

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×