ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำประกาศของความรู้สึกใหม่

    ลำดับตอนที่ #4 : You got me

    • อัปเดตล่าสุด 28 เม.ย. 59


     

     


    04 You got me





    เฮ้ย เมื่อคืนเป็นไงบ้างวะไอ้ยู”

    สิบโมง แดดเปรี้ยง ๆ คนเพิ่งเดินลงมาจากรถบริการขนส่งในมหาวิทยาลัยยังไม่ทันได้พักไอ้อั้มก็ตะโกนเรียกจากฝั่งตรงข้ามถนน ผมยกมือทักมันแล้ววิ่งไปหา ยังไม่ได้ตอบก็แย่งโอรีโอปั่นในมือมาดูดให้เย็นถึงสมอง

    มาถึงก็แย่งของกินกูเลย แดกข้าวยัง?”


    ยัง นัดจารย์ไว้สิบครึ่ง มึงอะ”


    เพิ่งออกมาจากห้องแอด เดี๋ยวว่าจะไปไซต์หาที่ถ่ายรูป คุยเสร็จกี่โมง แดกข้าวปะ?”

    ผมส่ายหัว คงหาอะไรรองท้องไปก่อน เมื่อกับคิวบอกว่าเลิกเรียนรอบเช้าตอน 11 โมง เลยนัดไปดูหนังกันห้างแถว ๆ นี้ “มึงไปเถอะ”

    แล้วไง ไปตามไอ้อินแล้วกลับไปเลยเหรอเมื่อวาน ไม่ได้มีเรื่องนะ” พูดแล้วบีบคางผมให้เงยขึ้น ไอ้อั้มตัวไล่ ๆ กับผมนี่แหละครับ ที่สูงกว่าเพราะความหนาของรองเท้าล้วน ๆ “หน้าตาดูดี แปลว่าปลอดภัย กูล่ะงงว่ามึงไปญาติดีกันตอนไหน”


    ดีพ่อมึงสิ” เมื่อคืนเพิ่งถีบมันมา 


    อั้มหัวเราะก๊ากเพราะเห็นผมใส่อารมณ์ “แต่เมื่อเช้าเห็นเด็กเก่ามึงเดินคนเดียวนะ กูยังไปแซวเลยว่าสงสัยถูกเฉดหัวทิ้งแล้ว”

    มึงก็จะไปกวนตีนอะไรนัทมันนักหนา เดี๋ยวก็ได้กันเอง” คู่สนทนารีบโบกมือบาย “กูไม่นิยมแบบมึงว่ะ ซอรี่”


    ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอ” แกล้งแซวไปงั้นครับ ไอ้อั้มนี่แมนจริงอะไรจริง เห็นเกาะหนึบกับผมแบบนี้ตอนปี 1 เคยถูกแซวว่าเป็นผัวเมียกันมาแล้ว ผมเป็นคนที่ดูออกว่าเป็นง่ายเพราะไม่สนใจผู้หญิงเลย แต่ไอ้อั้มพอมาอยู่กับผมเพื่อนเลยคิดว่าเป็นเหมือนกันไปด้วย มันขี้หงุดหงิด เลือดร้อนครับ ผู้ชายที่แซวมันตามไปกระทืบหลายคนแล้ว ส่วนผู้หญิงเสร็จมันหมดจนหลังๆไม่มีใครกล้าพูดเรื่องแบบนี้ให้มันได้ยิน


    อยากให้กูลองเหรอ เอางี้ คืนนี้ที่หอมึง ปิดห้องผลัดกันคนละยก กูเริ่มก่อน”


    พ่องสิ” กวนตีนไม่มีใครเกิน ผมส่ายหัวมองนาฬิกา ใกล้ถึงเวลานัดแล้ว “งั้นเดี๋ยวกูไปก่อน มีไรให้ช่วยก็โทรมา”


    ไอ้สัดยู ทำเนียน น้ำกู!”


    หมายถึงน้ำปั่นครับ ผมหัวเราะยัดๆใส่มือคืนมันแล้วขึ้นตึก กระชับกระเป๋าเป้แน่นท่องพุธโธ ธรรมโม สังโฆ ก่อนไปโดนอาจาย์เฉ่ง ถึงคิดว่าถ่ายรูปเตรียมตัวมาคุยเรื่องธีสิสครบแค่ไหนก็โดน อาจารย์ก็เหมือนลูกค้าที่มีความต้องการแบบไม่รู้จักพอ พี่ตุ้ยเคยสอนไว้ครับ ว่านี่น่ะด่านแรก ลองเข้าไปทำงานจริงล่ะมึงเอ๋ย อาจารย์นี่ระดับขี้มาก ๆ





    ใช้คำว่าไม่เหลือชิ้นดีก็คงดูแย่เกินไป ผมเดินออกจากห้องพักอาจารย์ด้วยสภาพไม่ต่างจากที่คิด เพิ่มรูปสถานที่จริงให้อาจารย์เห็นมากกว่านี้อีกนิดหน่อย ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ก็ต้องศึกษาเพิ่มเหมือนกัน ไว้ไปดูหนังกับคิวเสร็จค่อยกลับมาห้องสมุดหาหนังสืออ่านเพิ่ม ส่วนธีสิสเก่าของพี่เฟยว่าจะขอข้อมูลเพิ่มเหมือนกัน เมื่อเช้าก่อนออกมาส่งเมลไปแล้วแต่ยังไม่ตอบคงดิ้นรนเท่าที่ได้ไปก่อน

    คิวบอกนั่งคุยกับเพื่อนๆ อยู่โต๊ะหน้าตึกซึ่งสังเกตได้ไม่ยาก ทั้งกลุ่มส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง มีผู้ชายไม่กี่คนและคิวโดดเด่นเสมอตั้งแต่สมัยสอบสัมภาษณ์แล้ว พอเห็นว่าผมเดินมาพวกน้อง ๆก็แซวคิวใหญ่ เจ้าตัวไม่พูดอะไรก้มหน้าอย่างเดียว ผมเองก็ส่งยิ้มอ่อนๆไปให้พวกที่เหลือแล้วพาคิวมานั่งแท็กซี่หน้ามหาวิทยาลัย


    พวกเพื่อนแซวอะไรกันเหรอ?”


    แกล้งถามไปงั้น ไม่ใช่ไม่รู้ คิวอ้อมแอ้มตอบว่าแซวเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับมันแล้วบิดมือบนหน้าตัก ผมไม่ได้พูดอะไรต่อแต่ดึงมือน้องมากุมไว้ ผมชอบเด็กขี้อายครับ น่ารัก น่าแกล้ง แต่พอลงจากแท็กซี่คิวก็รีบดึงมือหนี คงไม่อยากให้โจ่งแจ้งมาก ผมเองก็เฉย ๆ ไม่ได้อะไร แถวนี้ไกลบ้านไม่เจอญาติผู้ใหญ่ของตัวเองแต่ใช่ว่าน้องมันจะไม่มี สุดท้ายเลยแค่เดินใกล้ๆกัน ไปกินข้าวดูหนัง เสร็จแล้วก็ชวนคิวไปที่ห้อง ถึงปากบอกว่าแวะไปเอาของ แต่จริงๆต่างฝ่ายต่างรู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงคืออะไร

    ผมกับแฟนคนเก่า ๆ ก็อย่างนี้ แสดงตัวว่าสนใจ ไปกินข้าว ดูหนังไม่กี่ครั้งก็ชวนขึ้นห้อง ถ้าไปกันได้ก็คบไปเรื่อยๆจนรู้สึกตัวว่าตัวเองควรเป็นเจ้าของอีกฝ่ายก็ยื่นข้อผูกมัด ผมไม่ใช่คนเอาใจเก่งมากมาย ออกจะปากแข็งด้วยซ้ำ ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ไป จำนวนของคนที่สนใจแล้วคบหากันมีมากพอๆกับคนที่ผ่านมาแค่ชั่วคราว กับแฟนน่ะผมรักทุกคน โดยเฉพาะคนล่าสุดถึงตอนนี้ก็ยังรักอยู่ ไม่รู้สิ ถ้าบอกว่าเซ็กส์กับความรักมันสามารถแยกออกจากกันผมคิดว่าก็ไม่ถูก ไม่ผิดเสียทีเดียว ใจผมยังพะวงถึงนัท แต่เซ็กส์กับคิวก็เกิดขึ้นได้อย่างไม่ตะขิดตะขวง เพียงแค่มันคงดีกว่านี้ ถ้าคนที่อยู่ในอ้อมแขนผมเป็นนัท


    คิว.. เดี๋ยวพี่จะกลับเข้าไปใน ม.หน่อย จะรอที่ห้องหรือกลับ”


    ผมแต่งตัวเสร็จแล้ว แต่คิวยังนอนซุกผ้าห่มเปลือยเปล่าตลอดทั้งตัว เด็กหนุ่มไม่ใช่คนเจนสนาม ถูกกอดไป 2 รอบก็สลบเหมือดหมดเรี่ยวแรง “พี่ยูเข้าไปทำไม?”

    ไปหาหนังสือทำธีสิสน่ะ ถ้าคิวอยู่จะรีบกลับมาหา หรือถ้าอยากกลับแล้วพี่จะไปส่ง” พูดพลางลูบหัวไปด้วย คิวเป็นคนน่ารัก ผิวขาวแก้มชมพู ตัวเล็กนิดเดียวแต่ก้นงอนกว่าที่คิด “กี่โมงแล้วครับ”


    จะ 5 โมงแล้ว ว่าไงครับ” ห้องสมุดปิด 2 ทุ่ม ผมยังมีเวลาวนไปส่งน้องก่อนเข้าไป คิวขยี้ตาแล้วหยัดตัวขึ้น “ซี้ด...เจ็บ”


    งั้นนอนอยู่นี่แหละ เดี๋ยวพี่กลับมา โทรไปบอกที่บ้านด้วย” คิวพยักหน้าหงึกหงักก่อนล้มตัวลงนอน ผมก้มลงจูบหน้าผากทิ้งท้ายแล้วออกมาข้างนอก มีสายจากไอ้อั้ม พีท กับเบอร์คนไม่รู้จักโทรมาตอนปิดเสียงหลายสาย ผมเลือกที่จะโทรหาเพื่อนก่อนค่อยโทรหาพีท ตั้งใจทิ้งเบอร์แปลกไว้ให้เป็นปริศนา 


    ว่าไงอั้ม”


    แดกเหล้าป่าว ไอ้พีทบอกติดต่อมึงไม่ได้ มันว้อนท์”


    ไม่อะ คิวอยู่ที่ห้อง”


    ไอ้สาดดด ไวนะมึง เออๆ เดี๋ยวกูไปกับมันเอง ว่าแต่เอาคิวมาไว้ห้องที่บ้านน้องมันไม่เป็นห่วงเหรอวะ ได้ข่าวว่าคุณหนู ระวังโดนสั่งเก็บ”


    เออน่า กูจัดการได้ เดี๋ยวแค่นี้ก่อน กูจะเข้าม.”


    ไอ้อั้มกวนตีนผมอีกนิดหน่อยก่อนวางสาย ผมโบกวินเข้าไปหอสมุดในมหาวิทยาลัย งานธีสิสช่วยกันได้ในบางส่วน แต่ต่างคนต่างยุ่งเลยไม่ค่อยมีใครช่วยกันไหว ตอนนี้แค่เริ่มยังเบๆ ถ้าช่วงใกล้กำหนดส่งเป็นไม่หลับไม่นอน ผมเคยชินกับการอยู่คนเดียวพอสมควร กับไอ้อั้มถึงสนิทกันยังไงเวลางานก็แยกกันทำบ่อย ๆ เวลาสะดวกของผมกับมันไม่ค่อยพร้อมกัน ช่วงนี้มีเรียนน้อยตัวยิหนัก ข้อมูลที่ต้องเตรียมไว้เผางานตัวเองก็คนละแหล่ง ผมชอบหาอ่านจากในห้องสมุดมากกว่ามัน แต่ถ้าเทียบกับตัวท็อปหลายคนก็ถือว่าไม่ใช่หนอนหนังสือตัวยง
    เสียงโทรศัพท์ก็ดังอีกรอบหลังจากเจอหนังสือที่ตั้งใจมาหา เป็นเบอร์สวยที่ไม่ระบุชื่อคนโทรเข้าเบอร์เดียวกับที่โทรมาตลอดทั้งวัน


    สวัสดีครับ”


    กว่าจะรับได้ ทำอะไรอยู่” ปลายสายเสียงหงุดหงิดมาก่อนแนะนำตัว ถ้ามันมีธุระก็น่าหงุดหงิดหรอก ก่อนหน้านี้โทรมาตั้ง 4 – 5 สาย 


    มึงเอาเบอร์กูมาจากไหน”


    มีวิธีแล้วกัน นี่อยู่ไหน”


    หอสมุด หาหนังสืออยู่ มีอะไร”


    เดี๋ยวไปหา อยู่ชั้นไหน ไปกินข้าวกัน”


    เฮ้ย ไม่ต้องมา เดี๋ยวกูไปกินข้าวกับคิว” จริงๆไม่ได้อยากบอกเรื่องคิวหรอก มันเองก็เล็งน้องไว้เหมือนกัน ใครจะให้แย่งไปอีกคนละวะ “คิวไหน ไอ้เด็กแรดเมื่อวานน่ะเหรอ”


    ไอ้สัด เรียกดีๆหน่อย เด็กกู”


    อยู่ด้วยกันเหรอ” 


    เปล่า คิวรอกูอยู่ที่ห้อง”


    ไอ้อินวางสายใส่ ผมได้แต่มองหน้าจองงๆแล้วเก็บเข้ากระเป๋า ชักไม่แน่ใจว่าอินชอบคิวหรือเปล่าทำไมถึงพูดจาไม่ดีแบบนั้น สักพักก็มีคนท้าวแขนมาจากด้านหลัง กลิ่นน้ำหอมที่ซื้อเมื่อวานทำให้ผมเอี้ยวตัวกลับไปมองทันที “รู้ได้ไงว่ากูอยู่นี่”

    เดาเอา” พูดแล้วแย่งหนังสือผมไปด้วย ดูก็ไม่รู้เรื่องยังจะเสร่อทำหน้าเข้าอกเข้าใจ จิตวิทยาเนี่ยมึงรู้เรื่องกับเขาหรือก็เปล่า 


    มีอะไร กูบอกแล้วไม่ว่าง” พูดไปทั้งๆที่คิดอยู่แล้วว่ามันไม่อยากฟัง 

    อินทรียัดหนังสือใส่มือผม ยืนกอดอกพิงกับชั้นวางฝั่งตรงข้าม วันนี้สวมเสื้อนิสิตกับกางเกงสแลครัดรูปสีดำรองเท้าหัวแหลมเหมือนเดิม การแต่งตัวมันก็เหมือนหลายๆคนแหละครับ แค่หน้าตามันดีกว่านิดหน่อยเท่านั้น


    ไปกินข้าวกัน”


    กูบอกแล้วว่าไม่ว่าง” ฟังภาษาคนรู้เรื่องไหมวะ หรือต้องพูดภาษาเหาฉลาม ตามกูแจ


    ไปเหอะน่า ไปรับคิวมากินด้วยกันก็ได้ ผมได้บัตรส่วนลดบุปเฟต์มา” พูดพลางสะบัดแผ่นกระดาษส่วนลดไปมา ถ้าบอกว่าไม่มันก็คงตื๊อให้ไปจนได้ รู้จักไม่กี่วันผมตอบได้เลยว่าไอ้ห่าอินเป็นพวกน่ารำคาญเชี่ยๆ สุดท้ายก็ต้องตอบกึ่งรับกึ่งสู้ว่าจะชวนคิวก่อน ถ้าคิวไม่ไปค่อยลากมันไปกินข้าวไข่เจียวแถวๆนี้แทนจะได้จบเรื่อง


    ตอนแรกคิวก็งอแงไม่อยากไปอยู่แต่ไอ้อินสั่งให้ผมชวนย้ำ ๆ สุดท้ายน้องเลยตกลงไปด้วย ผมได้หนังสือไป 2 – 3 เล่ม ที่เหลือคงไปหาที่หอสมุดแห่งขาติกับลองร่างแบบในโปรแกรมพรุ่งนี้ เทอมนี้เรียนไม่กี่ตัว วันหยุดมากกว่าวันเรียน 



    ร้ายเหมือนกันนะ เจอเมื่อวานวันนี้ก็ได้กันแล้ว”


    จู่ ๆ อินทรีก็พูดเสียงนิ่ง ผมเหลือบตามองมันที่กำลังขับรถ ท่าทางมันหงุดหงิดเก็บอารมณ์ คงไม่พอใจเรื่องที่ผมได้คิวไปมั้ง ไอ้ห่า ขอกูบ้างเหอะ จะเหี่ยวตายอยู่แล้ว

    แล้วมึงไม่ชวนนัทมาเหรอวะ” อดถามถึงไม่ได้ วันนี้ตอนคุยกับอั้มมันบอกว่าเห็นนัทอยู่คนเดียว ทั้งที่เรียนด้วยกัน คณะเดียวกันก็น่าจะอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ



    อยากเจอนัทหรือไง ระวังรถไฟชนกัน”


    กูถามถึงเฉยๆ”  อินยิ้มหยัน พอถึงหน้าหอผมก็เดินลงไปเรียกคิวที่อาบน้ำใหม่หอมฉุย ผมได้กลิ่นน้ำหอมกลิ่นที่ไอ้อินซื้อทิ้งไว้ที่ห้องด้วยแต่ไม่ได้พูดอะไร อินทรีเองก็คงได้กลิ่นเหมือนกันเพราะหันมาทำหน้าบึ้งตึงใส่ผมใหญ่ ยังไม่ลืมครับว่ามันหวงน้ำหอม เป็นคนรวยที่ใช้เงินอย่างกับเบี้ยแต่งกฉิบหาย



    นี่อินทรี เศรษฐศาสตร์ปี 2 เมื่อคืนจำได้ป่าว?”


    คิวยกมือไหว้เพราะเด็กกว่า ไอ้อินไม่ตอบผิดกับท่าทางสนอกสนใจเมื่อวานไปคนละเรื่อง คงไม่พอใจเรื่องที่คิวใช้ของๆ มันนั่นแหละ จะไปว่าน้องมันก็ไม่ถูกนะโว้ย มึงเสร่อมาวางที่ห้องเอง ใครมาค้างก็คิดว่าของกูดิ ขนาดกูยังอยากใช้เลย ไม่ได้เข้าข้างนะครับก็ว่ากันไปตามน้ำ


    พี่ยู เดี๋ยวขากลับเลยไปส่งคิวที่บ้านหน่อยนะ พ่อไม่ให้ค้างข้างนอก”


     ผมไม่แปลกใจหรอก คิวมันโคตรของโคตรลูกคุณหนูขนาดนั้น แต่ก็ดีเหมือนกันจะได้รู้ที่อยู่บ้านคิวด้วย ผมหันมองหน้าอินเชิงถามว่าจะไปส่งหรือเปล่า ถ้ามันไม่ไปผมเรียกแท็กซี่ไปเองก็ได้แต่มันไม่หือไม่อือ ผมเองก็ขี้เกียจซัก เดี๋ยวได้เถียงกันมาดหลุดพอดี สำหรับเด็กในสังกัดผมเป็นพวกไม่พูดมากครับ ถ้าเคยได้ยินใครพูดถึงส่วนใหญ่แล้วจะมองว่าผมน่ะโคตรเท่ แต่

    ละคนเสน่ห์มันต่างกันว่ะ ไม่ใช่สร้างภาพอะไร แต่นิสัยผมค่อนข้างจะคนละแนวกับอินทรีชัดเจน


     “คิวอยากกินอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวพี่ไปตักให้”


    ร้านที่อินทรีพามาเป็นบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น คิวได้ปลาดิบเต็มโต๊ะ แต่ผมอยากกินเทมปุระเลยว่าจะไปหยิบเพิ่ม เด็กหนุ่มยิ้มตาปิดส่ายหัวดิก ผมเลยลุกออกมาโดยมีไอ้อินตามมาด้วย ห่างคิวออกมาแต่ยังเห็นท่าทางอินทรีหงุดหงิดอยู่ก็ถือโอกาสพูดคลียร์กับมันไปเลย


    น้องมันคิดว่านั่นน้ำหอมกู ขอโทษแล้วกัน”


    ทำไมยูไม่ใช้”


    ก็มันของมึง”


    ผมซื้อให้ ก็บอกไปแล้วนี่” เอาจริงๆผมก็ไม่กล้าใช้วะ ไม่รู้ดิ มันตะขิดตะขวงใจแปลกๆ 


    สรุปหงุดหงิดที่กูไม่ใช้น้ำหอมหรือหงุดหงิดที่คิวเอาไปใช้วะ” เริ่มงงแล้วบอกตรง ไอ้อินฟึดฟัดก่อนหันมาจ้องตาผมเขม็ง


    ก็ทั้งสองอย่าง ผมซื้อให้ยู ผมอยากให้ยูใช้ ไม่ใช่ได้กลิ่นบนตัวคนอื่น”


    เออ ทีหลังจะใช้แล้วกัน หายหงุดหงิดได้แล้วไอ้สัด น้องมันกลัว” อินทรีแค่นยิ้มมุมปาก ปกติมันเป็นคนตาเจ้าชู้ แต่เวลานี้กลับทำให้ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาเฉย ๆ อาจเป็นเพราะสายตาคู่นั้นนิ่งมาก นิ่งจนเหมือนทั้งโลกหยุดเคลื่อนไหว ใช้เพียงดวงตาสีดำขลับจับจ้องสะกดให้ผมไม่กล้าขยับตัวแม้จะรู้ว่ามันกำลังโน้มใบหน้าเข้าหาใกล้ และใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ จนผมรู้สึกอึดอัด



    เป็นห่วงมันเหลือเกินนะ”

    ผมไม่ตอบแต่หลบสายตา ไม่รู้จะพูดอะไรดี เอ่ยอะไรออกไปก็ยิ่งทำให้มันหงุดหงิด ไม่ได้แคร์อะไรอินหรอกแต่ไม่ชอบอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ท้ายที่สุดเลยเดินหนีออกมาดื้อๆ ไอ้อินเดินตามออกมาแต่ยังหน้าบูดไม่ต่างจากเดิม


    คิว เสร็จแล้วเดี๋ยวพี่นั่งแท็กซี่ไปส่งนะ อินมันไม่ว่าง”


    ผมเองก็เริ่มหงุดหงิดแล้วเหมือนกัน มันเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลที่สุดในโลกแล้วว่ะ จะให้ทำยังไง ผมขยับซ้ายขยับขวาอะไรมันก็ไม่พอใจสักอย่าง คิวเงยหน้าขึ้นมองผมสลับกับคนข้างๆแล้วพยักหน้าว่าง่าย


    เดี๋ยวผมค่อยไปหลังจากส่งคิวก็ได้ ธุระไม่ได้รีบ นาฬิกาสวยนะครับน้องคิว”


    ไอ้เชี่ยอิน ไอ้ห่าราก ผมสะบัดหน้าไปมองมันที่ยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ยให้คิวแล้วทักไปที่นาฬิกาข้อมือหน้าปัดดำ รู้สึกจะเป็นของดิเซลมั้งผมสังเกตไม่ชัด “พี่อินชอบนาฬิกาเหรอครับ?”

    ก็มีบ้างนะ เราชอบของอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?”


    ผมชอบหน้าปัดดำครับ ของดิเซลมีอยุ่รุ่นนึงที่อยากได้แต่แพง ต้องรอช่วงเทศกาลว่าจะขอคุณพ่อซื้อให้อยู่ ตอนนี้ค่าอุปกรณ์เรียนเยอะ จะใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายก็เกรงใจ”


    พี่ว่า Junker Bauhaus ก็สวยนะ”


    พูดพลางยกข้อมือตัวเองให้รุ่นน้องดูด้วย คิวทำตาโตชอบใจใหญ่ “ในไทยตั้งเกือบสองหมื่น ผมเคยไปดูอยู่”

    อวดรวยเชี่ยอะไรของมันอีกวะ ผมจิ๊ปากหงุดหงิดแล้วตัดบทสนทนาด้วยการคีบปลาดิบไปวางบนจานคิว ไอ้อินหัวเราะในลำคอแต่ไม่หยุดชวนเด็กผมคุยต่อ ต่อยกันไหมไอ้สัด พยายามทำอะไรของมึงวะ 

    คิว มัวแต่คุยเล่นรีบๆกินได้แล้ว”


    เผลอดุไปเพราะมันไส้ คิวทำหน้าสลดแล้วคีบปลาดิบกินหงอย ๆ ไอ้อินเลิกคิ้วขึ้นพูดขำๆ “สงสัยจะหึง”

    น้องเล็กของโต๊ะอาหารหน้ามีสีเลือดฝาดชึ้นมาชัดเจนโดยเฉพาะบริเวณพวงแก้ม ผมกระแอมไอสองสามทีก่อนยุติบทสนทนาตลอดมื้อ กระทั่งขากลับที่อินทรีขับซีรีส์ 3 ไปส่งถึงหน้าบ้านเดี่ยวขนาดกลางก็ยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ผมหันไปกระซิบก่อนคิวลงว่าถึงห้องแล้วจะโทรหาก่อนอีกฝ่ายจะเข้าบ้านแล้วหันมาเฉ่งไอ้อินต่อ


    มึงวุ่นวายกับเด็กกูทำไม”


    ผมก็แค่ชวนคุย”


    ผมรู้สึกว่ามันไม่บริสุทธิ์ใจว่ะ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่ไม่ชอบเลย ไอ้อินเคลื่อนรถออกจากหน้ารั้วบ้านขนาดกลางแต่ไม่ได้ตรงกลับห้อง ผมเหลือบตามองด้านนอกเป็นระยะสลับกับหน้าคนขับที่ไม่มีทีท่าว่าจะพูดอะไรต่อจากนั้น


    จะไปไหน”


    หัวหิน”


    หัวหินบ้านมึงสิ พรุ่งนี้เช้ากูมีไปถ่ายรูปซ่อมที่ไซต์งาน ไอ้อิน!”


    เดี๋ยวก็กลับมาส่งแล้ว พรุ่งนี้ผมมีควิซตั้งแต่ 9 โมงเหมือนกัน อย่าโวยวายไปดิ ไม่สมกับที่เป็นยูเลย”


    แต่หน้ามึนแบบนี้สมกับที่เป็นมึงมากครับอินทรี ผมไม่ชอบใจแต่ก็ไม่เถียงต่อ ไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เถียงกับคนอย่างไอ้อินมีแต่เสียกับเสีย 




    ผมไม่รู้ตัวว่าเผลอหลับไปตอนไหน แต่รถไอ้อินนิ่มมาก แรงมาก ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็มาถึงริมชายหาดที่มืดสนิท เสียงคลื่นกับลมเย็น ๆ พัดเข้ามาในรถ มีกลิ่นของควันบุหรี่ทำให้เสียบรรยากาศนิดหน่อยผมเลยขยับเปลือกตาตื่นขึ้นมาในที่สุด เจ้าของรถไม่อยู่ในรถแล้วแต่ไปนั่งอยู่ที่กระโปรงหน้า ถือกีต้าร์โปร่งเกาเบาๆไปด้วยอารมณ์สุนทรีย์

    ผมเปิดรถออกมา ยืดตัวบิดขี้เกียจแต่ไม่ทักมัน อินทรีหยุดเล่นดนตรีหันมามองผมยิ้ม ๆ


    หลับเป็นตายเลย โดนลากเข้าโรงแรมจะทำยังไง”


    ไอ้เหี้ย บรรยากาศดีๆ เสียหมด” อินทรีหัวเราะร่า ผมเลยขยับไปนั่งข้าง ๆ มัน เห็นปลายนิ้วยังคีบบุหรี่อยู่ กูรู้แล้วว่ากลิ่นควันมาจากไหน



    ลองไหม?”


    ผมส่ายหน้า เป็นอีกครั้งแล้วที่มันชวน กูอยากแก่ตายไม่อยากมะเร็งแดก ครั้งนี้ไอ้อินไม่พ่นควันใส่หน้าผม มันอัดบุหรี่เข้าปอดสุดแรงแล้วทิ้งลงบนทราย ก่อนโน้มตัวลงมาปากปล่อยให้ควันลอยเข้ามาในริมฝีปากที่เดิมปิดสนิท กลีบปากชื้นของอินบดเบียดเข้ามาแน่นขึ้นแม้ควันจะลอยละล่องไปกับลมทะเลแล้ว ก่อนแทรกปลายลิ้นสอดเข้าในเวลาถัดมา ผมใช้มือทั้งสองข้างยันไว้กับฝากระโปรงรถสีดำพยุงไม่ให้เอนตัวลงไปตามแรงที่อีกฝ่ายโถมใส่ ไม่ได้อ่อนหวาน ไม่เชิงอ่อนโยน เหมือนกับเป็นจูบที่เคล้าไปด้วยความรู้สึกมันเขี้ยวจากอีกฝ่ายมากกว่าจุมพิตละมุนละม่อมที่ผมเคยได้รับในทุกครั้ง
    ควันบุหรี่ทำให้ผมแสบคอไปหมดแม้อินทรีผละจูบออกไปแล้ว ดวงตาคมจับจ้องทอดต่ำ ไม่ได้ขยับหนีเพราะกลัวถูกต่อย แต่ที่แปลกกว่านั้นคือผมกลับยืนนิ่งไม่ทำอะไรมัน
    อาจเป็นเพราะเหนื่อยเกินจะขัดขืน ถ้าดึงดันบอกว่าจะจีบ ลงทุนทำอะไรแบบนี้ทั้งๆที่รู้ดีแก่ใจว่าไม่ได้ผลก็ลองดู...

    สปายไหม”


    ผมส่ายหน้าแต่อินก็ยังลุกขึ้นยืน มันฝากกีต้าร์โปร่งไว้กับผมแล้ววิ่งไปร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ กลับมาอีกครั้งพร้อมสปายสี่ขวด วางไว้ตรงกลางระหว่างที่ผมนั่งกับมัน ไม่รู้คิดอะไรอยู่แต่ไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้น มันใช้ไฟแช็คเปิดสปายขึ้นดื่ม ส่วนผมก็เล่นกีต้าร์ไปเรื่อยๆ เป็นเพลงบ้างไม่เป็นบ้างแต่ไม่ได้ร้อง เสียงผมน่ะห่วยแตกจะตายห่า ร้องขึ้นมาตอนนี้สายลม แสงดาว หมดกัน
     

    ทำไมถึงไม่ชอบผม”


    ผมหยุดมือที่เล่นกีต้าร์หันมองคนพูด ไอ้อินเงยหน้าขึ้นมองดาวบนฟ้า แถบนี้มืดสนิท เห็นดาวระยับ โรแมนติกโคตรๆ


    แล้วทำไมกูต้องชอบมึง”


    สเปคพี่ นอกจากเกย์ที่ดูสาวสัดๆน่ะ ชอบแบบไหน”


    ผมหยิบสปายในถุงมาเปิดบ้าง ใช้ขวดแงะกันเองไม่มีวิทยายุทธด้านไฟแช็คเหมือนไอ้อิน ว่าจะไม่กินแล้วนะ ผมกับสปายนี่ไม่ถูกกันครับ แดกแล้วเมา สารภาพเลย ไม่เหมือนเหล้าเบียร์ พวกนั้นเท่าไหร่เท่ากัน “เอาสเปคเลยเหรอ”

    เออ แบบ คนในฝัน”


    ผมหลุดหัวเราะออกมา แล้วจิบสปายไปด้วย “ไม่มีว่ะ แค่คนที่อยู่ด้วยกันได้ก็โอแล้ว”

    สเปคง่ายว่ะ แล้วทำไมไม่ชอบผม” มันวนกลับไปคำถามเก่า ผมเองก็ไม่เข้าใจว่ามันพยายามจะทำอะไร เอาชนะ หรือยังไงกันแน่ แต่ยังไม่ทันได้ถามกลับ ไอ้อินก็ฮัมเพลงไปด้วย เป็นเพลงของ Colbie Caillat ฟังสบาย ๆ เข้ากับบรรยากาศตอนนี้ดี ผิดก็แค่คนที่ร้องมันไม่ใช่หนุ่มน้อยตัวเล็ก ๆ แต่เป็นผู้ชายตัวใหญ่ที่ดื่มสปายไปร้องไป แต่เสียงดีชะมัดยาก


    You're stuck on me and my laughing eyes
    I can’t pretend though i try to hide - i like you
    I like you.
    I think I felt my heart skip a beat
    I'm standing here and I can hardly breathe - you got me
    You got me...


    มึงชอบกูเหรอวะอิน”


    ถามมันตรงๆนี่แหละ สปายหมดไปครึ่งขวดแล้ว ส่วนคนข้างๆเริ่มเปิดขวดที่สอง อินซัดอึกใหญ่ ขมวดคิ้วมุ่น “ไม่รู้ แค่อยากให้ยูขอบ”

    ไอ้ควาย” 


    ผมเป็นคนสุภาพครับ แต่ไม่ใช่กับมัน อินทรีหันมายิ้มกรุ้มกริ่มรับคำด่าก่อนซัดโฮกแอลกอฮอล์ต่อ ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไร จิบสปายฟังเสียงลมเสียงคลื่นไป ทั้งที่ใจยังพะวงอยู่ เรื่องมันเริ่มจากตรงไหน จากที่ผมไปนอนกับแฟนมันที่แย่งผมไปอีกทีแล้วก็กลายมาติดเป็นปลิงแบบนี้ ผมยังคิดไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าอะไรที่ผมไปทำให้มันประทับใจได้


    คนอย่างพี่ต้องหลอกล่อด้วยอะไร เงินพี่ก็ไม่อยากได้ ของก็ไม่เอา เดินควงผม พี่ก็ไม่อยากควง เรื่องเซ็กส์ยิ่งไม่ต้องพูดเลย แค่นอนกอดเฉยๆยังสู้ยิบตา”


    สรุปคือมึงอยากหลอกกู ไอ้สันดานนน ผมหันไปคว้าฝาสปายที่มันดื่มหมดก่อนหน้านี้ขว้างใส่หัว ไอ้อินแกล้งร้องโอดโอยก่อนวิ่งไปเก็บฝาที่กระเด็นไปอีกทางลงถุงขยะแล้วหันมายิ้มตาเยิ้ม มันกินไป 2 แล้ว กำลังจะเปิดขวดใหม่


    มึงเมาหรือเปล่าเนี่ย”


    สปาย 2 ขวดเมาเนี่ยนะ ตลก” ไอ้สัด กูขวดเดียวก็ไปแล้ว ผมจ้องหน้ามัน ตามันเยิ้มจริงๆว่ะ แต่ไม่รู้ว่าเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะมันเป็นคนตาเจ้าชู้อยู่แล้ว อินทรียกมุมปากขึ้นขยับตัวเข้ามาใกล้ ไม่อยากจะเชื่อว่ากวน ๆ อย่างมันจะเป็นที่ต้องการของหนุ่มสาวทั่วมหาลัย



    อะไรอีก”


    ยูขับรถกลับนะ”


    ไหนว่าไม่เมา”


    ผมอยากให้ยูขับ”


    พูดจบก็ดึงมือผมไปจับไว้ สอดประสานปลายนิ้วเข้าด้วยกันก่อนยิ้มหวาน ตอนมันอารมณ์ดีก็น่ารักดีหรอก แต่ที่เห็นหงุดหงิดวันนี้โคตรน่ากระทืบเลย ทำตัวเป็นเด็กไปได้ อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้วแท้ๆ


    ยู”


    ผมดึงมือออก เอากีต้าร์ไปเก็บที่เบาะท้าย พอปิดประตูรถอินก็มาสวมกอดจากด้านหลังไว้แล้ว “ให้ผมจีบพี่ได้ไหม”

    เหมือนกูห้ามแล้วมึงจะฟังนะอินทรี หน้ามึนอย่างนี้บอกไม่ให้จีบก็เท่านั้น ไม่รู้หรอกว่ามันมาไม้ไหน แต่ผมก็คนไม่กลัวใครอยู่แล้ว ไม่ใช่พวกโอนอ่อนไปกับความตอหลดตอแหลง่ายๆด้วยเลยตอบมันไปส่งๆ


    อยากทำอะไรก็ทำเถอะ”


    อินทรีดึงเอวผมเข้าไปหา มันไม่ได้เมาหรอก ผมรู้ แต่อาจเป็นผมเองที่เริ่มเมา ลมร้อนเป่าพัดข้างหูให้ผมต้องย่นคอเข้าหากัน เด็กหนุ่มส่งเสียงกระซิบแหบต่ำ วางจูบไว้บนซอกคอผมเป็นการทิ้งท้าย


    ขอบคุณนะครับ”




    TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×