ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำประกาศของความรู้สึกใหม่

    ลำดับตอนที่ #5 : Love me, please

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.23K
      321
      28 เม.ย. 59

     


     

    05 Love me, please




    ผมไม่ได้ดูนาฬิกาตอนกลับมาถึงกรุงเทพว่ากี่โมงกี่ยามเข้าไปแล้ว เพิ่งมารู้ตัวเมื่อเช้าว่าแบตหมดเพราะไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกแม้จะนอนอืดเต็มอิ่มแล้วก็ตาม ชาร์ตแบตทิ้งไว้ อาบน้ำอาบท่า คว้ากล้องตัวโปรดมากดดูว่ายังมีพื้นที่เหลือในเม็มโมรีก่อนแต่งตัวด้วยซ้ำ วันนี้ต้องออกไปเก็บรูปเพิ่ม เที่ยง ๆ จะแวะเข้าไปหาคิวหน่อย เมื่อวานบอกว่าจะโทรหาก็ลืมสนิท เมื่อคืนโคตรง่วง แค่ขับกลับมาถึงโดยสวัสดิภาพก็บุญนักหนาแล้ว ไม่อยากจะยอมรับแต่ก็ต้องยอมรับว่ะ ขับรถไปจิบแอลกอฮอล์ริมทะเลนี่โคตรของความฟินเลย

    ผมเดินออกจากหอพัก ไม่ได้บอกใครว่าเช้านี้จะไปทำงานก่อน ใครที่ว่าก็ไอ้อินนั่นแหละครับ กลัวมันจะตามไปอีก อากาศร้อนๆแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะกับผิวมัน อินทรีเป็นคนขาวจัด ขาวแบบโดนแดดนิดเดียวก็แดงไปทั้งตัวแล้ว อย่างนี้แหละลูกผู้ดี ถ้าเป็นรุ่นน้องผมตอนรับน้องจะเล่นให้เข็ด น่าเสียดาย พวกลูกท่านหลานเธอที่มีบริษัทเป็นของตัวเองชอบเรียนคณะหรู ๆ เศรษฐศาสตร์ บริหารอะไรแบบนี้ ไม่คิดจะเรียนคณะที่เป็นชนชั้นแรงงานบ้างหรือไง อย่างนัทก็อีกคน ที่จริงบ้านนัทก็เปิดเป็นบริษัทเล็กๆครับ เคยคุยกันว่าโดนบังคับให้เรียน นัทเองอยากเรียนการท่องเที่ยว แต่เตี่ยไม่ยอม อย่าให้พูดถึงเรื่องที่เป็นเกย์เลย ถ้าที่บ้านรู้นะ ตายสถานเดียว

    นอกจากไอ้อินแล้วก็มีนัทที่ผมเคยพามาเซอร์เวย์ด้วย นัทบอกสนุก แต่หน้าตาโคตรเหนื่อย ครั้งเดียวเหมือนกันเพราะกลับไปก็สลบไสลตามประสาคนไม่ค่อยออกแรง ส่วนคิวนี่คงไม่ต้อง เรียนสายเดียวกันเดี๋ยวก็เจอแบบผมจนชิน ปี 1 ยังถือว่าเรียนน้อย ผมมาจะเป็นจะตายตอนที่เรียนกฏหมาย โคตรพ่อโคตรแม่เหอะ ตอนก่อนเอ็นท์ไม่เห็นรู้ว่าต้องเรียนเยอะขนาดนี้ พวกวิศวะที่ออกแบบคำนวณค่อยไปเรียนตอนสอบใบประกอบวิชาชีพด้วยซ้ำ มันเป็นเคราะห์กรรมครับ มีลูกบอกลูกมีหลานบอกหลานอย่าเข้าเลยคณะนี้ ต้องรู้อะไรครอบจักรวาล เหนื่อยฉิบหาย

    ผมเดินตระเวณถ่ายรูปตามบันทึกที่จดมาจากอาจารย์จนคิดว่าพอก็กลับออกมา เจอไอ้เด็กกล้า เลี้ยงไอติมมันไปแท่งนึงแล้วรีบชิ่งก่อนโดนไถตังค์ เด็กสมัยนี้มันฉลาด อยู่ด้วยแล้วผมเสียเปรียบตลอด หรือผมแก่จนไม่ทันมันวะ ไม่น่า เพิ่งจะ 22 เองนะโว้ย


    เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...’

    ผมกดวางสายอย่างหงุดหงิด พยายามโทรหาคิวตั้งแต่เช้าติดต่อไม่ได้เลย ไม่แน่ใจว่าวันนี้เลิกเรียนกี่โมง แวะไปหาจะได้ไม่เสียเวลาแต่เป็นแบบนี้คงต้องเสี่ยงดวง คิดเสียว่าเผื่อเจอไอ้อั้มลอยไปลอยมาแถวนั้นจะได้ถามมันเรื่องงานด้วยแล้วกัน สุดท้ายก็ตัดสินใจเรียกพี่แท็กโบกเข้าม. ผมไม่ใช่พวกเอะอะก็เรียกบริการแท็กซี่ครับแต่วันนี้ร้อนฉิบหาย ช่วงไหนเสียเงินให้รถบริการขนส่งแบบนี้บ่อยๆจะจนราวคนล้มละลาย แต่อากาศเมืองไทยไม่อำนวยให้นั่งรถเมล์ครับ ขนาดรถแอร์ยังร้อน ไม่ต้องอยู่กันแล้วประเทศนี้


    คิว”


    ผมตะโกนเรียกแต่ไกล เห็นกลุ่มคิวนั่งกินข้าวกันในโรงอาหารคณะแล้วเดินเข้าไปหา พวกเพื่อนๆมันไม่ได้แซวผมเหมือนเมื่อวานแต่มองหน้ากันปะหลักปะเหลื่อ คิวเองก็มีทีท่าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเจอผม คำถามแรกที่วิ่งปรี๊ดขึ้นมาคือเกิดอะไรขึ้น แม้ไม่มีคำบรรยายอะไรผมก็สัมผัสได้ว่ามันไม่ปกติ

    ปิดเครื่องทำไม”


    แบตหมดครับ” ผมล้วงมือทั้งสองข้างเข้ากระเป๋า มองหน้ารุ่นน้องคาดคั้น หลบตา พูดเสียงสั่น เห็นแว้บเดียวก็รู้ว่าโกหก ประเด็นที่น่าสงสัยคือโกหกกันทำไม...


    ออกไปคุยกันหน่อย”


    คิวพยักหน้าแล้วเดินตามผมหวาดๆ เพื่อนมันอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่พอเห็นสายตาผมจ้องกลับไปก็ปิดปากเงียบสนิท ผมพาคิวมาในห้องน้ำในตึกที่คนน้อยมาก กอดอกจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็งรอให้สารภาพความจริงออกมา


    พี่ยู คิวขอโทษ”


    ทำไมมีแต่คนชอบขอโทษกูนักวะ อะไรที่รู้ว่าผิดมึงก็อย่าทำตั้งแต่แรกสิ ผมไม่ตอบอะไร ยังคงใช้สงครามเย็นกดดันอีกฝ่าย แต่ที่ได้รับต่อจากนั้นคือคิวก้มหน้าชิดอกมือทั้งสองข้างประสานกันแน่นอยู่ด้านหน้า ไม่รอแล้ว ผมดันไหล่รุ่นน้องไปชิดกำแพง ก้มตัวลงไปบดจูบที่ปากแดง ๆ ก่อนคิวจะยกมือมาดันที่อกผมเพื่อห้าม “ยะ... อย่า คิวไม่ไหวพี่ยู”

    อะไรที่บอกว่าไม่ไหว”


    ผมหรี่ตามอง ได้กลิ่นน้ำหอมเหมือนเมื่อวานแต่อ่อนมากจนแน่ใจว่ามันเป็นกลิ่นจากตัวคนอื่นที่คงคลุกวงในกันมากพอสมควรมันถึงติดมาด้วยได้ กวาดตามองลึกลงใต้ผิวผ้าไปตามเนื้อเนียนละเอียด เห็นร่องรอยสีม่วงช้ำประปรายเลยปล้ำเอาเสื้อของคิวออก มือเล็กปัดป่ายเป็นพัลวัน ไม่มีเสียงสะอื้นแต่น้ำตาคิวไหลลงมาช้าๆอาบแก้ม ถ้าใครขืนใจก็บอก ผมจะไปจัดการให้ ไม่ใช่เงียบไปแบบนี้ ถึงจะยังไม่ตกลงคบกันเป็นมั่นเหมาะแต่มันก็เมียผม แค่พูดว่าไม่เต็มใจผมก็ปกป้องเต็มที่อยู่แล้ว

    คิว!”


    พี่ยู อย่า....”


    ผมไม่ได้ถามต่อว่าเต็มใจหรือเปล่า เพราะเพิ่งสังเกตข้อมือขาวที่จับยึดเอาไว้ คำตอบที่ผมไม่อยากจะเชื่อ แต่เรื่องราวมันผูกกันได้ลงตัวเกินไป

    Junker Bauhaus
    นาฬิกาเรือนเกือบสองหมื่น
    น้ำหอม กลิ่นเดียวกับที่ห้อง
    ผู้ชาย คนที่บอกว่าจะจีบผมเมื่อวาน


    ไอ้อินใช่ไหม?”


    คิวไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้ ผมเลยทุบไปที่ประตูห้องน้ำดังโครม เชี่ยเอ๊ย โคตรเกลียดมันเลยว่ะ เกลียดจนอยากจะฆ่าให้ตายคามือ ผมปล่อยคิวไว้ตรงนั้นแล้วเดินออกจากคณะไปตึกเศรษฐศาสตร์อย่างลืมตัว เห็นบีเอ็มจอดหน้าคณะ ส่วนเจ้าตัวมันก็อยู่ที่โต๊ะประจำหัวเราะเฮฮากับกลุ่มเพื่อนที่มีนนัทนั่งคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง


    ไอ้เชี่ยอิน”


    ผลัวะ!


    บ้าไปแล้วเหรอพี่ยู!” นัทวิ่งมาผลักผมออก ไอ้อินถึงกับเซล้มหลังจากผมต่อยมันไปสุดแรง หลังจากยืดตัวขึ้นมาได้ก็ใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดที่มุมปากมองผมตาขวาง



    มึงทำแบบนี้ทำไมวะ ทั้งๆที่รู้ว่ากูกับคิว...”


    สายตานัทที่มองมาทำให้ผมจบประโยคแค่นั้น ถ้าพูดเรื่องมันไปนอนกับคิวคนที่เจ็บก็นัท เห็นคาตาอยู่ชัดๆว่ามันกับนัทยังคบกันอยู่ ไอ้ระยำเอ๊ย แล้วบอกว่าจะจีบกู ตาใสๆแบบนั้น ท่าทางเหมือนเด็กที่ไม่ได้วางแผนอะไรซับซ้อน สายตามันเมื่อวานตอนที่ส่งผมถึงห้องยังหวานหยดเหมือนคนตกอยู่ในความรักแท้ๆ แต่เวลานี้ทุกอย่างไม่เหลือแม้แต่เค้าไอ้อินคนเดิมแม้แต่น้อย ทั้งดุดัน เกรี้ยวกราด และยิ้มเยาะในเวลาเดียวกัน


    ถึงขั้นต้องชกกันเลยเหรอวะ เกินไปหน่อยมั้งยู”


    ผมไม่เคยโกรธที่อินไม่เรียกผมว่าพี่ แต่ตอนนี้กลับฉุน มันปัดมือของนัทที่เอื้อมไปช่วยดูแผลออกแล้วเดินตรงมาหา ผมชกหน้ามันอีกรอบทว่ารอบนี้เจ้าตัวตั้งรับทันเลยล็อกข้อมือผมไว้แน่น แรงมันเยอะมาก อย่าว่าแต่ซ้ำรอยเดิมเลย กระชากออกจากมันผมก็ทำไม่ไหว


    ไปเคลียร์กันที่อื่น”


    กูไม่มีอะไรเคลียร์กับมึงแล้ว”


    เอะอะก็มาชกกูแล้วบอกว่าไม่มีอะไรจะเคลียร์น่ะเหรอ ง่ายไปมั้งยุทธนา กูไม่ใช่คนที่จะให้มึงใส่อารมณ์ได้ฝ่ายเดียวนะ” อินทรีกำลังโกรธ ใบหน้ามันเรียบนิ่ง น้ำเสียงก็หนักแน่นจริงจัง แม้แต่นัทเองก็ยังไม่กล้าทำอะไรนอกจากยืนมองห่างๆ ผมพยายามสะบัดแขนออกจนสุดท้ายมันยอมปล่อย แต่ใช้มือดันหลังผมให้เดินไปที่รถแทน




    อินทรีไม่ได้เคลียร์กับผมในรถ มันเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยไปที่คอนโดละแวกนั้น ตึกสูงใหญ่ราคาหลายล้านแต่เต็มทุกชั้น ผมเคยมาถามราคาตอนที่ยังสร้างไม่เสร็จแล้วก็ถอดใจ แพงเชี่ยๆ ยิ่งหลังจากทุกอย่างสมบูรณ์ จากซากตึกกลายเป็นสถาปัตยกรรมหรูหราก็ไม่ย่างกรายเข้ามาเหยียบอีกเลย รู้สึกผิดที่ผิดทาง 

    มันลากผมไปบนห้อง ไม่ได้อยู่ชั้นสูงสุดแต่จัดว่าวิวดีมองลงไปเห็นสระน้ำกลางคอนโดกับสวนหย่อมเล็กๆ ผมไม่ได้เข้าไปในห้องนอน โดนมันเหวี่ยงลงโซฟาแถวนั้นก็นั่งนิ่ง ไอ้อินเดินวนไปหยิบกล่องยามาทำแผลให้ตัวเองแล้วออกไปสูบบุหรี่ที่นอกระเบียง สงบอารมณ์อยู่พักใหญ่ถึงค่อยกลับเข้ามา


    แคร์มันมากขนาดนั้นเลยเหรอ”


    ผมนั่งกอดอกอยู่บนโซฟาหนัง ไม่ได้แคร์คิวเท่าไรหรอกแต่เจ็บใจที่คนแย่งไปเป็นมัน ยังไม่ทันจะได้ตอบไอ้อินก็คร่อมตัวผมไว้กับโซฟา ใช้จมูกเกลี่ยแก้มเพราะผมหันหน้าหนีไม่ยอมให้มันจูบ


    พูดสิ ให้พูดแล้วทำไมไม่พูด หรือถนัดแต่ใช้กำลัง ก็ได้นะ อย่างนั้นกูก็ชอบ”


    อินทรีทำท่าปลดกระดุมเสื้อเม็ดบน ผมเลยผลักมันออก คิดแต่เรื่องอะไรวะ “กูเป็นรุ่นพี่มึงนะ!”

    ไม่ชอบให้ใช้กู-มึง? ก็ได้ แต่ผมบอกไว้ก่อนว่าผมไม่ชอบให้ใช้กำลังเหมือนกัน พี่ต่อยผมเป็นครั้งที่สองแล้ว ถ้ามีอีกครั้งผมเอาคืนแน่ แต่ในรูปแบบไหนผมไม่รับประกันหรอกนะ พี่ก็ผ่านเรื่องนั้นมาพอตัว คงไม่โลกสวยมองไม่ออกหรอกว่าผมพูดถึงเรื่องอะไร”


    รู้ แต่ไม่อยากจะรู้ ไม่อยากยอมรับด้วย ไอ้อินมันคิดเรื่องแบบนั้นกับผมจริงๆเหรอ พิศวาสเชี่ยอะไรกูเนี่ย ไม่ทันได้ถาม ริมฝีปากชื้นก็ไล่แตะแก้มผมไล่ลงมายังสันคางด้านข้าง ผมปัดมันออกแต่ก็โดนมือหยาบรวบเอาไว้ก่อน อินทรีสะกดผมให้นิ่งเฉยด้วยแววตาเย็นเยียบ “ว่าไง.. แคร์คิวมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ ตอนผมแย่งนัทมาก็ไม่เห็นจะโมโหขนาดนี้”

    มันไม่ใช่เพราะคิวเว้ย แต่เพราะมึงต่างหาก โรคจิตหรือไงวะ ทำไมต้องตามมาแย่งเด็กกูด้วย”


    ผมไม่ให้พี่ชอบคนอื่น” 


    แล้วคิวมันเกี่ยวอะไรด้วยวะ มีปัญหามึงก็มาเคลียร์กับกูไม่ใช่ไปใส่ที่น้องมัน” 


    อย่าใช้ข้ออ้างว่าชอบผมเลยไปมีอะไรกับเด็กผมเลยว่ะ ปัญญาอ่อนมาก มึงอ่านการ์ตูนตาหวานเล่มละ 35 บาท มากเกินไปหรือไงไอ้อิน โคตรงี่เง่า

    ผมแค่ซื้อนาฬิกาไปให้มัน แลกกับไม่ให้ยุ่งกับพี่ ส่วนเรื่องอื่นเด็กพี่มันขอเอง ผมบอกแล้วไง ผมมีทุกอย่าง ทุกๆอย่างที่ทุกคนอยากได้ ทำไมพี่ไม่ต้องการผม”


    มึงบอกว่ามึงจะจีบกูแต่มึงไปนอนกับคิวเนี่ยนะ! คิดเหี้ยอะไรอยู่!”


    จะให้คิดอะไร ไอ้เด็กแรดมันจะได้ไม่กล้ากลับไปหาพี่ไง! ผมบอกเลยนะว่าถ้ายูจีบใครผมจะตามไปแย่งให้หมด! ถ้าไม่อยากดึงใครมาเกี่ยวก็เลิกมองหาคนอื่นสักที!”


    มึงต้องการอะไรจากกูกันแน่อินทรี”


    ผมค่อนข้างมั่นใจ ไม่ใช่เงิน ไม่ใช่เซ็กส์ คนอย่างไอ้อินหาเรื่องแบบนี้ที่ไหนก็ได้ แต่ไม่เคยมองออกว่าที่มันต้องการจากผมคืออะไร หรือเพียงแค่ชัยชนะ ผมยอมนอนกับมันสักครั้ง แสร้งศิโรราบให้มันลำพองใจดีไหม ขอแค่รีบๆจบเรื่องพวกนี้ไปสักที เลิกวุ่นวาย ทำตัวระรานผมเสียทีเสีย สุขภาพจิตโคตรๆ


    จะรักผมแบบที่รักไอ้นัทมันไม่ได้เลยเหรอ”

    ผมเงียบไปหลังจากประโยคนั้นจบลง สบตาที่จ้องมองมาไม่ยอมแพ้ สายตาของมันกำลังบอกอย่างเดียวกับที่ปากพูด


    ความอิจฉา

    ผมเห็นสิ่งที่สะท้อนอยู่ในนั้น


    ถ้ามึงจะให้ใครรัก มึงหัดรักใครให้เป็นก่อนเถอะ”


    ก็สอนผมสิ”


    กูไม่ใช่แฟนมึง.. กลับไปหานัทแล้วรักนัทเถอะ จะให้กูพูดอีกกี่ครั้ง กูรักนัทแล้วยังไง คนที่ทำให้นัทมีความสุขได้มีแค่มึง ทำไมมึงไม่รักมัน”


    นัทมันไม่ได้รักผม! ผมอยากได้คนที่จะรักผมได้อย่างที่พี่รักมัน ผมขอมากไปเหรอ”



    “... ผมขอมากไปเหรอที่อยากให้ยูชอบผมบ้าง!”



    รักผมสิ ยู ผมบอกให้รัก...” 
    สายตามันอ่อนลง โน้มตัวลงมาใฃ้หน้าผากซบกับหัวไหล่ เหลือเพียงเสียงลมหายใจหนักๆที่เจือปนไปด้วยความสับสนกระจายตัวอยู่โดยรอบ






    ทายสิครับว่าผมตอบมันไปว่ายังไง

    ถูกครับ ผมไม่ตอบ ปล่อยให้ความเงียบมันคุยกันทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยเสียงที่ตีกันวุ่น พอได้เวลาเรียนผมกับอินก็แยกกันออกมา ไม่ใช่ไม่เข้าใจสิ่งที่มันพูด แต่ฟังดูแล้วตลก ผู้ชายที่หาได้ตามนิยายอย่างมันจะมาเรียกร้องหาความรักจากผม คำถามคือว่าทำไมต้องเป็นจากผม นั่นยังคงเป็นสิ่งที่ไม่อาจให้คำตอบกับตัวเองได้และขลาดกลัวเกินไปที่จะไปคาดคั้นให้มันตอบ

    ผมกลับมาที่ห้อง ดูรูปถ่ายวันนี้ทบทวนกับสิ่งที่อาจารย์บอกว่าต้องการแต่ในหัวกลับฟุ้งซ่าน ผมไม่อยากคิดถึงเรื่องของมันแต่ก็อดไม่ได้ เปิดคอมทำงานได้ไม่เท่าไรก็โทรหาไอ้อั้มเรียกมันยกคอมมาทำงานด้วยกัน ผมไม่อยากอยู่คนเดียวเวลานี้ อยากมีเพื่อนคุยให้สะบัดเรื่องอินทรีให้หายไปมากกว่า เสียงอั้มฟังดูหงุดหงิดแต่ก็ยอมมาหา ผมเปิดทีวี หยิบกีต้าร์ที่วางพิงหัวเตียงไว้มาเล่นแต่ก็เผลอนึกไปถึงตอนที่ไปหัวหินกับอินคืนก่อนอีก ถ้าวิธีจีบของอินทรีคือการเข้ามาสิงในหัวผม 24 ชั่วโมงผมว่ามันสำเร็จ หันซ้ายหันขวาก็มีแต่เรื่องของมันเต็มไปหมด

    ผมไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน แต่โมโหจนถึงขั้นมีเรื่องชกต่อยกับอินทรี 2 ครั้งในรอบ 1 เดือนได้นี่ไม่รู้ว่ามันเจ๋งหรืออะไรดี


    ไง” ไอ้อั้มทักผมพลางพยักเพยิดให้เปิดประตูกว้าง มาไวดีนี่หว่า


    เป็นเหี้ยอะไรของมึงครับ ยุทธนา” ชื่อเล่นผมญี่ปุ่นจ๋าเลยใช่ไหมครับ จริงๆมันมาจากคำว่ายุทธนาแหละ ไทยแท้ ไม่มีผสม ส่วนไอ้โยน้องชายมาจากโยธิน ชอบกระแดะตั้งชื่อตัวเองในเฟสว่าโยชิ คิดว่าเป็นลูกอังสุมาลินหรือไงก็ไม่รู้ แต่ผมไม่เคยแซวมันหรอกครับ ไอ้น้องเวรมันกำความลับผมเอาไว้ เรื่องที่ชอบผู้ชายนี่แหละ ความแตกเพราะดันไปดูหนังเรื่องเดียวกันแต่ตอนนั้นผมไปกับเด็กผมส่วนมันไปกับกลุ่มเพื่อนตัวเอง กลับบ้านมาก็ไม่ได้ว่าอะไร ถามผมแค่ว่าเป็นเกย์ตั้งแต่เมื่อไร ไม่ได้ซักต่อ ส่วนกับพ่อผมไม่มั่นใจว่ารู้หรือเปล่า ไม่เคยถามเรื่องแฟนผมสักที ผิดกับไอ้โยโดนประจำ


    เครียดนิดหน่อย คิดงานไม่ออก”


    มึงร่างแบบหรือยัง”


    ก็นี่แหละ มีในหัวแล้วแต่ไม่มีสมาธิว่ะ ลองเล่นโปรแกรมยิ่งทำไม่ได้ใหญ่”


    ไอ้อั้มพยักหน้ารับรู้แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นราวกับเป็นห้องของมัน ได้ชาเขียวที่แช่ทิ้งเอาไว้ตั้งแต่วันก่อนมาขวดก็ทิ้งตัวลงบนพื้น รื้อคอมออกมาวางบนโต๊ะญี่ปุ่นพับได้ขนาดใหญ่ที่วางกลางห้องสำหรับทำงานแล้วหยิบกล้องผมไปดู 

    ภาพเจ๋งดีว่ะ มึงน่าเอาดีด้านนี้นะ”


    พอแดกไหมล่ะสัด งานมึงถึงไหนแล้ว”


    ไปเก็บรูปมาแล้วแหละ นี่หาข้อมูลเก่าๆอยู่ มึงคุยกับพี่เฟยหรือยัง?”


    ผมส่ายหน้า รายนั้นหายไปเลย ปกติก็ตามตัวยากอยู่แล้วพออยู่ต่างประเทศก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ผมลองร่างแบบใส่กระดาษแล้วหยิบสมุดโน้ตเล่มเล็กที่เขียนสตอรี่เล็กๆน้อยๆเตรียมไว้ขึ้นมาวางคู่ “งานแม่งไม่ค่อยเดินเลย”

    เครียดอะไรล่ะ” ผมถอนหายใจ ชั่งใจพักหนึ่งว่าจะเล่าให้ฟังดีไหม แต่ผมกับอั้มก็ไม่ได้มีความลับกันอยู่แล้ว เผลอๆเรื่องของผมน่ะมันรู้ดียิ่งกว่าใคร เสียเปรียบที่มาคบกับมันเพราะไอ้อั้มมันฉลาดเกินจะทันจริงๆ


    ไอ้อินมันจะจีบกู”


    กูว่าละ” รอยยิ้มแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวของมันทำให้ผมถอนหายใจอีกครั้ง ช่วยตื่นเต้นนิดนึงโว้ย นี่มันปัญหาระดับชาติเลยนะ “แล้วมึงว่าไง ตกลงได้เหรอวะใครผัวใครเมีย”


    ตกลงพ่อมึงสิ มึงว่ามันคิดอะไรอยู่วะ”


    มันคิดอะไรอยู่กูไม่รู้หรอก ไม่ได้รู้จักมันเป็นการส่วนตัว แต่งงว่ามึงคิดอะไรอยู่มากกว่า”


    ทำไมวะ”


    ไม่สมกับเป็นมึง เอาเรื่องมันมาคิดเป็นบ้าเป็นหลัง” ผมนิ่งไป ไม่รู้ว่ะ มันลืมไม่ได้ แรกๆก็ว่าไม่ได้ใส่ใจหรอกนะแต่รอบนี้แม่งไม่ไหวจริงๆ


    มันนอนกับคิว ทั้งๆที่แย่งนัทไปจากกู แล้วก็ทั้งๆที่รู้ว่ากูคุยกับคิวอยู่”


    ครั้งนี้ไอ้อั้มขำพรืด ตลกสัดล่ะคนยิ่งเครียดๆอยู่ ผมเดินไปเปิดผ้าม่านให้แสงจากข้างนอกสาดเข้ามาแล้วยืนพิงกรอบบานกระจกใสไว้ ที่จริงมีเรื่องที่มันขอความรักบ้าบออะไรนั่นด้วยแต่ไม่อยากพูด เดี๋ยวเพื่อนสนิทจะดับอนาถเพราะขำจนลืมหายใจเสียก่อน


    ฮ่าๆ อันนี้แรงจริง แสดงว่ามันก็เป็นเอามากนะ”


    เออน่ะสิ”


    แล้วมึงว่าไง ปกติไม่ได้ซีเรียสนี่ พวกขั้วเดียวกันกูก็เห็นมึงคุยตั้งหลายคน รู้ว่าไม่ใช่ก็ถอยกันไปเองแหละ ใครจะอยากมาเสียเวลา จีบไปก็ไม่ได้เอา”


    มันคนละกรณีโว้ย ผมจะอธิบายดีไหมวะว่าไอ้อินมันไม่ได้จ้องจะฟันผม เหนื่อยว่ะ ยิ่งพูดยิ่งเครียด เหมือนผมตามมันไม่ทัน หาจุดประสงค์ที่แท้จริงของมันไม่เจอ หรือไม่กรณีสุดท้าย คือผมไม่อยากยอมรับว่าเหตุผลสัปรังเคที่อินทรีพูดนั่นจะเป็นเรื่องจริง

    วนกลับมาที่เดิม
    ทำไมต้องเป็นผมวะ

    แทนที่มันจะไปคุยกับนัทให้รู้เรื่อง ยังไงมันก็เป็นแฟนกัน นัทรักมันอย่างที่มันต้องการไหมใครจะไปรู้ แต่ผมน่ะรู้แน่ว่านัทรักผมน้อยกว่าอิน จะให้ผมรักมันน่ะเหรอ อยากจะไล่ให้ไปเลิกกับแฟนก่อนแต่ก็กลัวมันจะทำจริงๆ นัทซวยครับงานนี้ ซวยแบบไม่มีเหตุผลด้วย ผมทำไม่ลงว่ะ กลายเป็นเหมือนเชือกที่พันกันวุ่น ผมไม่รู้จะแก้ตรงไหน ไม่ใช่คนผูกนี่หว่า

    แล้วมึงว่ามันเป็นยังไงวะ”


    เด็กเหี้ยๆ” ผมตอบไอ้อั้มแบบไม่ต้องคิดเลย แต่ละอย่างที่มันทำเอาแต่ใจตัวเองสุดๆ มองเห็นแค่ตัวเอง โคตรเห็นแก่ตัว ใครจะไปรักลง 


    อย่างที่มึงกับกูคิดแต่แรกแหละ พวกลูกคนรวย ทำอะไรเหยาะแหยะ เห็นทุกอย่างเป็นของเล่น ใช้เงินซื้อความสุข”


    มึงดูเกลียดมันฉิบหาย แต่กูก็ไม่เข้าใจที่มึงก็ไปไหนมาไหนกับมัน”


    กูไปไหนกับมัน?”


    บีเอ็มซีรีส์ 3 ป้ายทะเบียน สส9898 จอดที่ไหนคนก็เห็น ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ที่มึงขึ้นลงรถคันนั้น หรือจะเถียง”


    ไม่รู้โว้ย ไม่เคยนับ รู้แค่แม่งปั่นหัวกูฉิบหาย ไม่อยากจะคิดแล้ว ปวดกบาล 


    แดกเหล้ากัน”


    ทำงานก่อนไอ้ยู แอดไวเซอร์นัดวันไหน” เออว่ะ ลืมไปเลย ผมทิ้งตัวลงข้างๆไอ้อั้ม มองแผ่นกระดาษกับสมุดเนือยๆ “ทำไมโดเรมอนไม่มีในชีวิตจริงวะ กูออกจะขี้เกียจเหมือนโนบิตะ”


    เพราะมันไม่มีจริงไงโนบิตะอย่างมึงถึงต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง อย่าเพ้อๆ ทำงานไป เสร็จไวจะได้ไปร้านพี่ตุ้ย”


    โอเควะ ทำงานก็ได้ บ่นไปก็เท่านั้น ไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นมาเลย เชี่ยอั้ม รู้ตัวมั้ยว่ามึงโคตรไร้ประโยชน์เลยวันนี้

     

     

     


    เสียงเพลงในร้านกินดื่มที่เดิมอึกทึก ผมกลายเป็นขาประจำถัดจากพี่แจ๊คโดยไม่รู้ตัว ไม่ได้รอไอ้อั้มแล้ว ว่างก็มา เสี้ยนก็มา ยังไงก็มีพรรคพวกรออยู่ อย่างวันนี้ก็ด้วย แต่ก็ไม่ทันไอ้พีทที่แสลนมาก่อนหน้าผมทุกที

    อาทิตย์นี้มาทุกวันเลยว่ะพี่ยู” น้องรักทักพลางยกแก้วเหล้าขึ้นไหว้ด้วย


    มึงก็เปรี้ยวใช่เล่น มาคนเดียวบ่อยเหมือนกันนี่”


    พวกพี่แจ๊คก็อยู่ คนเดียวอะไรพี่ เดี๋ยวพวกไอ้โจ้ก็มา” พีทพูดถึงเพื่อนปีเดียวกับมัน ไม่แน่ใจว่ากลุ่มเดียวกันหรือเปล่าเพราะไอ้พีทมันชอบอยู่คนเดียวมากกว่าไปกับพวกนั้นแต่มั่นใจว่าสนิทกันระดับหนึ่งแหละ มาไม่พร้อมกันแต่ขากลับเสือกกลับพร้อมกันทุกคืน



    พี่อั้มไม่มาเหรอพี่”


    ไม่รู้ว่ะ ไม่ได้ถาม เหม็นขี้หน้ามัน” แกล้งพูดไปงั้นครับ วันนี้วันเกิดแม่ไอ้อั้มเลยต้องรีบกลับบ้าน บ้านมันก็อยู่ละแวกหอผมแหละ ลึกเข้าไปในซอย ผมไม่เคยเข้าไปหรอกเวลามีอะไรจะเรียกมันมาหาที่หอมากกว่า พีทไม่ทันได้ถามต่อพี่ตุ้ยกับพี่แจ็คก็ยกถังน้ำแข็งมาพอดี ถึงเป็นร้านพี่ที่สนิทกันแต่ไม่ได้แดกฟรีนะครับ หารหมด รับส่วนลดมากกว่าที่อื่นเฉยๆ



    วันนี้มีโต๊ะจองด้วยเหรอพี่”


    หันไปเห็นป้าย reserve บนโต๊ะยาวหน้าเวทีพอดี ปกติไม่ค่อยมีหรอกครับเลยอดถามไม่ได้ พี่ตุ้ยพยักหน้าเลื่อนแก้วตัวเองมาให้ผมตักน้ำแข็งให้ 


    ไอ้ปอ เพื่อนอินมันอกหัก อยากเมา แต่ปกติเที่ยวแต่ผับไฮโซไม่รู้จะไปเละเทะที่ไหนเลยตั้งใจมาแดกที่นี่”


    ผมชะงักมือที่กำลังใส่น้ำแข็ง ไอ้อินมาด้วยหรือเปล่าวะ สองสามวันนี้ผมยังเจอมันนะครับ ช่วงเย็นๆมันมารับไปกินข้าวบ่อยๆ แต่ไม่ค่อยได้คุยกัน นึกออกไหมครับ คืออยู่ในอารมณ์ตึงๆ พอมันกลับไปผมถึงได้มากินเหล้าแบบไม่ง้อใครอย่างทุกวันนี้นี่แหละ อินมันคงรู้เช้าๆเลยไม่มาวอแวด้วย กว่าผมจะฟื้นก็โน่น เกือบเที่ยง ยกเว้นวันที่มีเรียนจะตื่นเร็วหน่อย


    มึงติดต่อไอ้เฟยได้ยัง”


    ได้แล้วพี่ ก่อนออกมาเพิ่งได้รับเมลไฟล์งานที่พี่แกทำไว้มาให้ดู ส่งพวกตัวอย่างงานในต่างประเทศมาด้วย ผมแทบไม่ต้องค้นเพิ่มเลย”


    พี่ตุ้ยกับพี่แจ็กพยักเพยิดให้กัน “กับน้องเทคมันยังไม่ใจดีขนาดนี้เลยนะยู”

    พี่อย่ามาอำ น้องเทคพี่เฟยซิ่วเหอะ ไอ้พุฒ เพื่อนโรงเรียนผม จำได้”


    พวกรุ่นพี่นี่ก็แปลกครับ ชอบยัดเยียดผมให้พี่เฟย จริงๆผีเห็นผี ผมมองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าพี่เฟยเป็น ตอนแรกก็คิดจะจีบอยู่หรอก เป็นผู้ชายหน้าสวยแบบสวยมาก สวยอันตราย หน้าเรียว ตาตี่แบบลูกคนจีนแต่จิกๆหน่อย ประเด็นคือยังไม่ทันได้ลงมือแฟนพี่เฟยก็มาอาละวาดผมแล้ว ที่ไม่ไฝว้ท์ไม่ใช่เพราะกลัวแฟนมันนะ แต่ไม่ไฝว้ท์เพราะผมรู้นาทีนั้นว่าพี่เฟยแม่งเป็นรุกหน้าหวานแบบที่โหดเชี่ยๆต่างหาก ถอยสเปคกลับมาเป็นเกย์สาวๆแทบไม่ทันเลยครับ


    นั่นไง พูดถึงก็มากันเลย”


    พี่ตุ้ยพยักเพยิดไปยังกลุ่มนักศึกษาที่มาใหม่ ออร่าจับมาก เห็นแล้วสะดุดตาทันที เปล่าครับ ไม่ใช่ไอ้อิน แต่คนที่เดินตามมันมาในร้านต่างหาก หล่อแบบอินทรีเฉาไปเลยงานนี้

    พี่ตุ้ยหวัดดีครับ”


    ไงมึง ได้ข่าวว่าโดนทิ้ง สาวที่ไหนวะเขี่ยหมอปอลง”


    โห มาถึงก็ซ้ำแผลเลยนะครับ จี๊ดมาก” ไอ้หล่อยิ้มขื่น คุยกับพี่ตุ้ยอย่างสนิทสนม ส่วนผมก็มองเพลินครับ เตี้ยไปหน่อยแต่หล่อให้อภัย มันยกมือไหว้พี่แจ็ค ไอ้พีท กราดมาถึงผม เออ จริงอย่างไอ้พี่ตุ้ยว่า สาวไหนทิ้งมันลง โคตรโง่เลย



    ไอ้ปอ ไปที่โต๊ะเหอะ” 


    อินทรีไม่ทักใครทั้งนั้น เดินมากระชากคอเสื้อเพื่อนตัวเล็กจนหงายหลังแล้วจ้องผมเขม็ง หมอปอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหันไปมองเพื่อนมันงงๆ “อะไรครับเชี่ยอิน คุยกับพี่เขาก่อนก็ได้”

    เออ มึงจะรีบไปไหน โต๊ะกูก็จองให้แล้ว แล้วนั่นปากไปโดนอะไรมา” พี่ตุ้ยสำทับในทีแรกก่อนถามถึงร่องรอยสีเข้มบนมุมปาก จางลงไปกว่าวันแรกเยอะ แต่ยังดูรู้อยู่ว่าช้ำ อินทรีเอานิ้วโป้งแตะมุมปากตัวเองแต่ไม่ตอบ ไม่ตอบก็เรื่องของมึง กูก็ทำไม่รู้ไม่เห็นต่อไปนี่แหละ


    ไม่บอกอีก เออๆ จะไปไหนก็ไปเลย คุยกับไอ้ยูต่อก็ได้วะ แล้วยังไง เรื่องไอ้เฟยน่ะ มันให้เบอร์มาป่าว?”


    พี่ตุ้ยเปลี่ยนประเด็นจนผมเกือบตามไม่ทัน ไอ้อินลากคอเพื่อนมันไปที่โต๊ะกับพวกที่เหลือแต่ยังหันมามองผมเป็นระยะเหมือนมีเรื่องอยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด ไม่ต้องพูดหรอกกูไม่ได้อยากฟังเสียงมึง ใบ้แดกไปเลยไอ้สัด


    เปล่าครับ แต่ผมส่งเบอร์ตัวเองไปให้ตอนตอบเมลนั่นแหละ ถ้าโทรมาจะบอกแล้วกันว่าพี่ตุ้ยคิดถึง อยากแดกถั่วดำมาก”


    พี่ตุ้ยหัวเราะร่าแต่ชูนิ้วกลางให้ผมเต็มๆ แซวกันแบบนี้ไม่โกรธครับ สนิทกันแล้ว ลองเป็นคนนอกพูดดิพี่ตุ้ยเชือดคอจับยัดโถส้วมแน่นอน ผมกินเบียร์ไปฟังดนตรีไป มาร้านแบบนี้บ่อยๆก็ไม่มีเรื่องให้คุยกันนักหรอก ทักกันช่วงหัวค่ำจบก็แยกกันเหล่เด็ก แต่ก็แค่เหล่นะ ไม่ได้เจอคนถูกใจให้หิ้วกลับบ่อยๆเหมือนคิวรอบนั้น


    ไอ้อินมันแปลกๆป่าววะ มองมาทางนี้หลายทีแล้ว” พี่แจ็คพูดจบผมก็หันหน้าไปมองกลุ่มมัน เริ่มเมากันแล้วโดยเฉพาะไอ้เตี้ย ชื่ออะไรวะ ปอมหรือปอ อะไรนี่แหละ



    ผมเห็นพี่เรียกเพื่อนมันว่าหมอ?”


    เออ สัตวแพทย์น่ะ เป็นเพื่อนกับไอ้อินมาตั้งแต่มัธยม”


    ดูสุภาพกว่าน้องพี่เยอะเลยว่ะ พูดเสียงนิ่มๆ เนิบๆ ไม่กระโชกโฮกฮาก”


    พี่ตุ้ยหัวเราะลงคอแสดงว่าเห็นด้วยกับผม “มันเป็นผู้ชายเรียบร้อย แต่ชอบผู้หญิงนะโว้ย มึงสนอะดิ มองตาไม่กะพริบ”

    เฮ้ย บ้าดิ ไม่เปคว่ะ เห็นว่าหล่อเลยมอง ผิดเหรอ” เกย์มองผู้ชายไม่ได้ตั้งใจจะจับกินอย่างเดียวนะครับ ทำความเข้าใจใหม่ เหมือนพี่ตุ้ยนั่นแหละชอบมองผู้หญิงสวย สเปคหรือเปล่านั่นอีกเรื่อง 


    เฮ้ยๆ ผมว่าเมาหนักแล้วว่ะ พี่ไปไล่กลับบ้านเหอะ” 


    กลุ่มที่มาด้วยกันมีผู้หญิงด้วยครับ ตอนแรกก็นั่งห่างกันอยู่เผลออีกทีก็แทบโดนสิงแล้ว พี่ตุ้ยเองก็เห็นท่าจะไม่ดีเลยลุกไปสะกิดอินทรี คุยอะไรกันไม่รู้ก่อนเจ้าของร้านจะเดินกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง

    ไอ้อินให้มึงไปช่วยแบกหน่อย”


    ทำไมต้องผมวะ”


    มันบอกจะไปส่งมึงด้วย ลุกเร็ว เดี๋ยวแม่งอ้วกกลางร้านกู” 


    ผมทำหน้าเหมือนไม่อยากวางแก้วแต่ก็ยอมวางในที่สุด รุ่นพี่สั่งนี่หว่า ไม่ได้เต็มใจแต่ต้องเดินไปหามันที่โต๊ะ พอจะช่วยฉุดแขนปอขึ้นมาไอ้อินอันปัดมือผมออกไม่ให้โดนตัวเพื่อนมัน อะไรของมึงอีกเนี่ย ไหนว่าจะให้กูช่วยไง

    เดี๋ยวพยุงเอง ไปขับรถ”


    ผมรับกุญแจรถมันมาเซ็งๆ พาเดินออกไปนอกร้านแล้วเปิดประตูให้ ไอ้อินโยนเพื่อนไว้ที่เบาะหลังแต่ยังไม่ยอมขึ้น จุดบุหรี่ข้างรถ 

    มึงเลิกสูบได้ปะวะ” เห็นแล้วหงุดหงิดลูกตา แสบจมูกด้วย อินทรีชะงักมือที่กำลังต่อไฟแล้วเก็บไฟแช็กลงกระเป๋า ส่วนบุหรี่ก็ปาทิ้งแถวนั้น ถังขยะก็มีไม่ทิ้งให้ลง สันดาน


    ไปไหน”


    คอนโด”


    มึงไม่มาขับเองล่ะ” อินไม่ตอบสวมตัวเข้าที่นั่งข้างคนขับ ผมชอบนะครับขับรถแรงๆสวยๆน่ะ แต่ไม่ชอบเพราะเป็นรถมันนี่แหละ แกล้งเสยต้นมะขามสักทีดีไหม จะได้เข็ดตลอดชีวิตไปเลย ใช้กูดีนัก


    ชอบมันเหรอ” เสียงมันนิ่งมาก แสดงว่าไม่พอใจมาก ผมเหลือบตาขึ้นมองกระจกหลังแต่สบตากับเจ้าของรถที่มองอยู่แล้วพอดี ใครชอบใคร ผมชอบไอ้ปอเนี่ยนะ


    เห็นมองตาไม่กะพริบ”


    ห้ามมองก็เขียนป้ายห้อยคอเพื่อนมึงไว้สิว่าจ้องมากแล้วจะสึกหรอ”


    เถียงทำไมวะ แค่ตอบว่าไม่ได้ชอบก็จบแล้ว” ก็รู้นี่หว่า ทำท่าอย่างกับหึง นี่กูชักจะงงแล้วว่า มึงหึงกูหรือหึงเพื่อนกันแน่ 


    ผมไม่เถียงมันต่อ ปล่อยให้เสียงกรนของคนที่เมาพับด้านหลังดังสนั่นระหว่างผมกับอิน กระทั่งขับมาถึงคอนโดมันก็เตรียมกลับ แต่อินบอกให้ช่วยไปเปิดประตูห้องให้ก่อนเลยต้องเดินตามไปด้วยแบบเซ็ง ๆ ทำไมไม่ให้เพื่อนคนอื่นมาส่งวะ จะลากผมมารับผิดชอบด้วยไมเนี่ย ไอ้คนเมาก็เหลือเกิน ไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่ากำลังทำความเดือดร้อนให้คนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกอย่างผม 
    เปิดประตูห้องพักได้ก็ต้องตามเข้าไปส่งถึงห้องนอน อินทรีเหวี่ยงเพื่อนมันลงเตียงแบบไร้ซึ่งความทะนุถนอมแล้วหันมาจ้องตากับผม ท่าทางเหนื่อยอยู่แต่ดูโมโหมากกว่า 


    กูกลับละ”


    เดี๋ยวไปส่ง”


    ดูเพื่อนมึงเถอะ จะวนรถไปมาทำไม”


    อินทำท่าจะตามไปส่งให้ได้ผมเลยต้องขึงตามองมันดุ คนตัวใหญ่ถึงกับนิ่งเงียบเป็นรอตไวเลอร์ถูกสั่งงดอาหารทันที ดูไปดูมามันก็ตลกดี ผีเข้าผีออก นึกจะดีก็ดีเหี้ยๆ นึกจะเหี้ยเลยเหี้ยยิ่งกว่าเดิม ไม่อยากจะหยาบเลย แต่ผมไม่รู้จะใช้คำอะไรมาเปรียบเปรยแล้วจริงๆ


    ถ้างั้นถึงแล้วโทรมาด้วยแล้วกัน”


    ปัญญาอ่อน”


    ผมยอมลงให้แล้ว ไม่ไปส่งแล้ว ยูก็ยอมผมบ้างไม่ได้หรือไง แค่โทรมาบอกมันจะอะไรนักหนา!” 

    มันหงุดหงิดแต่ผมอารมณ์ดีครับ ไม่ตอบแต่หันหลังให้ กะเดินออกมาให้มันหัวเสียแบบนั้นต่อแต่ประเมินอีกฝ่ายที่ทำเหมือนถอยให้สุดทางแล้วต่ำเกินไป อินทรีจับบ่าของผมไว้ ออกแรงดึงนิดหน่อยให้พอจะเอี้ยวกลับแต่ไม่ได้หมุนทั้งตัวแล้วโน้มหน้าลงมาจูบที่แก้มก่อนรวบกอดผมแน่น  เสียงทุ้มกระซิบแค่เบา ๆ แต่ผมกลับได้ยินชัดเจน

    เข้าใจไหมว่าให้โทรมา”




    “...
    เพราะผมจะรอ”




     
    :hao7:


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×