คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ❝The unknown story❞ :: Prologue
Prologue
ซวย
ซวย
ซวย
ซวย
ซวย!
ราเชนทร์บ่นสบถซ้ำๆ ตั้งแต่ขับรถออกมาจากโรงพยาบาล หลังจากที่ได้ฟังอาการคราวๆ ของผู้ชายที่จู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาตัดหน้ารถของเขาเสียดื้อๆ ก่อนจะสลบอยู่กับพื้นเป็นเหตุให้เขาต้องพาตัวมาส่งโรงพยาบาลในฐานนะคู่กรณีอย่างช่วยไม่ได้ แล้วอย่างนี้ความซวยจะตกอยู่ที่ใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เขา!!
‘ตามร่างกายมีแต่เต็มรอยฟกซ้ำเต็มไปหมด โชคดีที่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว ...เชนแน่ใจเหรอว่าไม่ได้เป็นคนทำร้ายเขาน่ะ’
สาบานให้ฟ้าผ่าเลยก็ได้เอ้า! ว่าเขาไม่ได้แตะต้องตัวไอ้หมอนั่นเลยแม้แต่ปลายนิ้ว ยกเว้นตอนที่แบกขึ้นรถมาส่งโรงพยาบาลน่ะนะ อันนั้นไม่นับ!
‘โธ่ อาหญิง ถ้าผมทำจริงไอ้หมอนั่นนอนตายอยู่ข้างถนนไปแล้ว แล้วผมก็ขอบอกอีกทีว่าผมไม่ได้ชน! ผมขับรถกำลังจะกลับคอนโดฯ อยู่ดีๆ ไอ้บ้านี่จู่ๆ ก็วิ่งออกมาจากไหนไม่รู้มาตัดหน้ารถผม ผมเห็นก็หักรถหลบ พอเดินลงไปดูก็เห็นมันสลบกองอยู่บนถนนแล้ว’
‘ไม่รู้ล่ะ ถ้าเขาฟื้นเมื่อไหร่คงได้ถามไถ่กัน’ แพทย์หญิงโชติกาบอกหลานชายที่ตอนนี้ยืนหัวเสียอยู่ข้างเตียงคนไข้ภายในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่
‘อาหญิงต้องเชื่อผมสิ หน้าผมก็ไม่ได้เหมือนกับนักเลงหัวไม้ที่จะทำร้ายร่างกายคนได้ปางตายขนาดนั้น!’
‘อาเชื่อว่าเชนไม่ได้ทำ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ เราไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ของสำคัญที่ควรจะอยู่ติดตัวก็ไม่มีสักอย่าง ไม่แน่เขาอาจจะโดนชิงทรัพย์ทำร้ายร่างกายมาก็ได้ และถึงจะยังไงก็ช่าง ...ตอนนี้เขาก็คือคนไข้ของเชน’
คนไข้ของเชน
คนไข้ของเชน!!
ราเชนทร์ไม่ชอบไอ้คำพูดประเภทที่เหมือนกับจะโยนทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาแบบนี้เลย! ให้ตายสิวะ!!
‘อาหญิงไม่ต้องห่วงหรอกครับ ค่ารักษาทุกอย่างผมจะเป็นคนจ่ายเอง แต่หลังจากนี้ผมไม่ขอเกี่ยวข้องอะไรด้วยหรอกนะ’ ราเชนทร์รีบบอกตัด
‘เชื่อสิว่าเชนจะต้องกลืนน้ำลายตัวเอง’ โชติกายิ้มอย่างมีเลศนัย มองราเชนทร์ที่ยืนกอดอกทำหน้าหงุดหงิด หล่อนรู้จักหลานชายคนนี้ดี ...แล้วก็รู้ด้วยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นโชคชะตาของราเชนทร์
‘ห้ามยิ้มแบบนี้นะครับอา ผมชักจะกลัวๆ ขึ้นมาแล้วนะเนี่ย’
‘จ้ะๆ อาไม่ยิ้มแล้วก็ได้ สงสารคนบางคนเดี๋ยวจะยิ่งนอนไม่หลับเข้าไปใหญ่ งั้นก็เอาเป็นว่าวันนี้เชนกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ แล้วถ้าเขาฟื้นเมื่อไหร่อาจะโทรไปบอก ตกลงมั้ย?’
‘ครับ แต่ถ้าไม่โทรจะขอบคุณมาก’
ราเชนทร์ปลายตามองคนไข้ของเขาอีกครั้ง ใบหน้าช้ำแทบจะมองไม่ออกเลยว่าโครงหน้าจริงของเจ้าตัวจะเป็นอย่างไร...เรียว... เหลี่ยม ...อ้วน ...บวม ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ริมฝีปากหยักสวย ส่วนจมูกก็โด่งรั้น ถึงแม้ตอนนี้ทั้งสองที่จะมีรอยแตกก็เถอะ วูบหนึ่งมีความคิดเกิดขึ้นในหัวของราเชนทร์
....เขาชักอยากจะเห็นแล้วสิว่า หน้าตาจริงๆ ของไอ้หมอนี่จะเป็นยังไง
ราเชนทร์กลับมาถึงห้องชุดของตัวเองตอนที่เข็มนาฬิกาชี้ข้ามผ่านเข้าสู่วันใหม่ แต่เขาไม่ได้มีความรู้สึกง่วงนอนเลยสักนิด เขาเองก็ไม่รู้สาเหตุของมันเหมือนกันว่าทำไม แต่ช่วงสองสามเดือนหลังมาเขามักจะมีอาการแบบนี้บ่อยๆ ไม่สิ จะพูดให้ถูกต้องบอกว่าเขามีอาการนอนไม่หลับติดต่อกันมาตั้งแต่สองถึงสามเดือนก่อนหน้านี้แล้วต่างหาก หนักสุดก็ต้องเพิ่งยานอนหลับนั่นแหละ แต่จะให้กินติดต่อกันทุกวันคงไม่ส่งผลดีต่อร่างกายแน่ เขาเคยเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับโชติกา ซึ่งคำนะนำที่ได้กลับมาไม่ใช่การเพิ่งยานอนหลับแต่เป็น...
‘ทำไมต้องชวนเพื่อนไปนอนที่บ้านด้วยล่ะครับ ขืนถ้าชวนพวกมันไปจะกลายเป็นว่าไม่ได้นอนซะมากกว่า’
‘อาว่าบางทีเชนอาจจะเหงาก็ได้ มันเป็นอาการทางจิตชนิดหนึ่งน่ะ เชนอาจจะไม่รู้สึกตัวหรอกว่าเหงา ...ว่าแต่ช่วงนี้เชนก็ไม่ได้มีเรื่องเครียดนี่ ใช่มั้ย งานเดินแบบก็ไม่รับ ถ่ายแบบก็เกี่ยงไม่เอา’
‘ผมขี้เกียจไปวุ่นวายเป็นหุ่นให้คนอื่นจับวางนี่ แล้วก็รำคาญด้วย’
‘อาถึงบอกไงว่าเชนน่ะเหงา งานอดิเรกก็ไม่มี นั่งดูทีวี ออกไปดูหนังก็บอกว่าเบื่อ ออกไปเที่ยวก็รำคาญ นี่มันใช่อาการของคนหนุ่มอย่างเชนซะเมื่อไหร่ ดูอย่างเจ้าหมิงสิ เคยอยู่ติดบ้านสักวันมั้ย’
‘หมิงเพิ่งจะยี่สิบเองนะครับ เรื่องอยู่ติดบ้านตอนนี้ไม่มีทางหรอก แต่ผมยี่สิบห้าเกือบจะยี่สิบหกแล้ว อะไรที่ตอนนั้นเคยคิดว่าสนุกก็ทำมาแล้วจนหมด’
‘แค่ยี่สิบกว่าๆ พูดเหมือนกับว่าเราอายุสักห้าสิบแล้วเชียว’
‘ไม่รู้สิครับ ผมก็แค่รู้สึกเบื่อๆ เซ็งๆ คงไม่ได้เหงาหรอก’
‘แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าห้องที่เราอยู่มันกว้างเกินไปใช่มั้ยล่ะ?’
ใช่... บางทีห้องนี้ก็ดูจะกว้างเกินไปสำหรับคนหนึ่งคน มีบางสิ่งบางอย่างที่จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามันขาดหายไป ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเขาคิดว่าทุกอย่างในชีวิตครบพร้อมไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่มีฐานะ การเรียน หรือว่าเพื่อน
แล้วอะไรล่ะ ที่จู่ๆ ราเชนทร์ก็รู้สึกว่ามันขาดหายไป
ไม่สิ มันไม่ใช่สิ่งที่ขาดหายไป แต่มันคือสิ่งที่ยังไม่ถูกเติมเต็มต่างหาก ใช่แล้ว... บางสิ่งบางอย่างในชีวิตของราเชนทร์ที่ยังไม่ถูกเติมเต็ม ยังคงเป็นคำถามเดิมที่ว่า แล้วสิ่งที่จะมาเติมเต็มให้เขาคืออะไร?
ในวัยยี่ห้าปี ราเชนทร์ไม่ใช่วัยรุ่นรักสนุกไม่คิดชีวิตเหมือนสมัยเรียนอยู่มหาลัยฯ อีกแล้ว ประสบการณ์หลายๆ ความเก๋าในตอนนั้นกลายเป็นครูที่ดีของเขาในวันนี้ แต่เรื่องนิสัยห่ามๆ เห็นทีจะแก้ไม่ไหว
คิดมาถึงตรงนี้ จะว่าไปเพื่อนสมัยเรียนด้วยกันก็ทยอยแต่งงานกันไปหลายคู่แล้ว ในบรรดาเพื่อนในกลุ่มเดียวกันของราเชนทร์ก็แต่งไปแล้วหนึ่งคน ส่วนที่เหลืออีกห้าคนรวมทั้งเขายังครองความโสดเอาไว้แน่นไม่ต่างจากขอนไม้กลางทะเลที่ไม่มีใครคิดยอมสละ ถ้าถามว่าแล้วตัวเขาล่ะ... ทำไมถึงยังไม่แต่งงาน คำตอบง่ายๆ ของราเชนทร์คงจะเป็นคำพูดที่ว่า เขายังสนุกกับชีวิตโสดที่แสนจะเรียบง่ายของตัวเองล่ะมั้ง ...ถึงแม้บางครั้งเขาเองก็รู้สึกว่ามันออกจะเรียบง่ายจนเกินไปก็เถอะ
ราเชนทร์มองไปรอบห้องก่อนจะเดินไปนั่งลงบนโซฟา เอนหลังลงพิงก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงพักสายตา ความรู้สึกบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามาทีละนิด...
ความเหงางั้นเหรอ? มันมีหน้าตาหรือเปล่า แล้วหน้าตามันเป็นยังไง ถ้าเขาลืมตาขึ้นตอนนี้จะเห็นมันมั้ย?
แปลกดี...
ราเชนทร์ไม่ได้ลืมตาขึ้น หากแต่ภาพที่เขาจิตนาการในยามนี้กลับเป็นภาพใบหน้าของใครบางคนที่เลือนรางและเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ
...แล้วถ้ารอยฟกช้ำพวกนั้นหายไปล่ะ?
ความคิดเห็น