กระทืบธรณี เหยียบนรก พลิกสวรรค์ - นิยาย กระทืบธรณี เหยียบนรก พลิกสวรรค์ : Dek-D.com - Writer
×

    กระทืบธรณี เหยียบนรก พลิกสวรรค์

    ข้าขอปฏิญาณยืนหยัด ยิ้มเย้ยหยันอย่างมั่นคง จักกระทืบธรณี เตะนรกานต์ พลิกสวรรค์ แก่นแท้กลางนิ้วแห่งกายข้า จักเชิดชูสูงสุดทะลุ...ฟ้า

    ผู้เข้าชมรวม

    54,258

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    55

    ผู้เข้าชมรวม


    54.25K

    ความคิดเห็น


    438

    คนติดตาม


    884
    จำนวนตอน :  66 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  9 ต.ค. 59 / 11:48 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                                 
     
             หลังปฐมบทเกิดโลกขึ้น... จวบจนหลายศัตวรรษ ผ่านวิวัฒนาการสร้างสรรค์หลายหลาก จากผงฝุ่นในอากาศ ก่อเกิดเป็น ปฐพี มหานที วายุ อัคคี สรรพชีวิตต่างๆ ดำรงชีวิตอยู่บนพื้นผืนแผ่นดินแห่งนี้ หนึ่งในนั้นเผ่าพันธ์มนุษย์ มนุษย์ใช้ชีวิตร่วมกันกับธรรมชาติ จนเวลาพัดผ่านไปเนิ่นนาน....

    จวบจนก้อนเปลวเพลิงแดงก่ำ ปลิวว่อนเต็มท้องฟ้าตกล่วงลงมา เสียงสนั่นหวั่นไหว ปฐพีเลื่อนลั่นแตกแยกเป็นทาง มหานทีสั่นไหวโหมกระเพื่อมรุนแรง วายุบ้าคลั่งพัดพลิ้ววนเวียนวุ่นวาย อัคคีโหมโรงประกาศสักดาเผาวอดวาย เพลิงไฟลุกโชน ท้องฟ้าปั่นป่วนเนิ่นนานหลายวันจึงสงบ ปรากฎผู้มาเยือนจากแดนไกล เรียกขานตัวเอง เทพสวรรค์ และ เทพมาร

            ทั้งสองเผ่าพันธุ์ ได้สร้างสายเลือดของตนเองขึ้นและรังสรรค์ร่างกายของพวกเขา ให้มีลักษณะรูปร่างหน้าตาภายนอกที่คล้ายคลึง เพื่ออาศัยอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ รวมถึงการใช้วิตที่ต้องเสพสังเวยสิ่งมีชีวิตต่างๆ เพื่อดำรงชีพให้คงอยู่ จะแตกต่างตรง เผ่าพันธ์เทพมารนั้นต้องกินจิตวิญญาณมนุษย์แล้ว ส่วนมารชั้นต่ำกินเนื้อมนุษย์ ทั้งสองเผ่าพันธ์ร่วมกันอาศัยอย่างธรรมดาธรรมดาในโลก บนพื้นปฐพีแห่งนี้ เยี่ยงมนุษย์ทั่วไปทั้งที่เป็นมนุษย์และไม่ใช่มนุษย์ สายพันธ์เทพสวรรค์หล่อหลอมรวมมนุษย์ สายพันธ์มนุษย์หล่อหลอมรวมเทพมาร ก่อเกิดทายาท หมุนวนเป็นเกลียวเกลียว เทพ มาร มนุษย์


    อีกหลายศตวรรษผ่านไป นับจากนั้นอารยธรรมมนุษย์เปลี่ยนไป... มนุษย์เริ่มรวมตัว มีพิธีกรรม การบูชายัญ การกราบไหว้บูชา รู้จักอักษร รู้จักการล่าหาอาหาร รุ้จักเครื่องนุ่งห่ม รุ้จักยารักษาโรค มีบ้านมีเมือง กำแพง วิหารและสิ่งก่อสร้างถูกสร้างขึ้นมาตลอด หนึ่งนั้นเป็น วิหารแห่งชีวิต เป็นที่พวกเทพสวรรค์ใช้เป็นที่พำนัก อีกหนึ่งนั้นเป็น วิหารแห่งความตาย เป็นที่พวกเทพมารใช้อาศัย และยังก่อสร้างสถูป เทวรูป และสถานที่ไว้ให้สักการะอีกหลายแห่งบนโลก

            ทั้งเทพสวรรค์ และ เทพมาร พวกเขาต่างมีอิทธิฤทธิ์ อาวุธที่มีฤทาธานุภาพ และคำสอนในจิตวิญญาณแห่งชีวิตของพวกเขาเอง มนุษย์ที่ก้มกราบกรานค้อมเคารพ ต่างขนานนามพวกเขาทั้งสองว่า “เทพเจ้า” 

            “ทวยข้าขอกราบประณตจรดพื้นเพื่อเคารพแด่ท่าน เทพมาร ขอจงประทานพรให้ข้าด้วยเถิดท่าน”

             “เทพสวรรค์ ข้าจะขอเป็นทาสรับใช้ท่านตลอดไปจิตวิญญาณแห่งข้าจะอยู่ภายใต้ท่านตลอดจนนิรันดิ์”

    เมื่อเวลาผ่านไป จากรุ่นสู่รุ่นก่อเกิดทายาทล้นหลาม พวกเขาได้สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ต่างๆ อย่างใหญ่หลวง ด้วยน้ำมือของพวกเขาเอง พวกเขาเกิดกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ พวกเขาแบ่งแยกเอาพื้นที่ต่างๆ ไว้ในครอบครองของตน แบ่งแยกฝักฝ่าย เกิดกองกำลังทหาร การครองอำนาจการแย่งชิงอำนาจและเพื่อรักษาดินแดนของพวกเขาเอาไว้ จึงเกิดการรบราฆ่าฟันจนแวดล้อมไปด้วยสงคราม สงครามได้ปะทุขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ต่างฝ่ายต่างนับถือเทพเจ้าของตนเองต่างหยิบอาวุธขึ้นประหัตประหารฆ่าฟันอีกฝ่าย 

    จวบจน เทพสวรรค์ และ เทพมาร ก็ได้เข้าร่วมสงครามชิงความเป็นใหญ่เหนือปฐพีแห่งนี้ เทพสวรรค์ นำเหล่าทวยเทพ สัตว์เทพสงคราม พร้อมด้วยกองทัพเทพทั้งหมด เผชิญหน้ากับ เทพมาร เทวมาร สัตว์มารสงคราม พร้อมทั้งกองทัพมาร ทั้งสองฝ่ายทำการสู้รบกันอยู่นานเจ็ดวันเจ็ดคืนโลกสั่นสะเทือน ต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บล้มตายกันไปมาก 

            “เจ้าเป็นเยี่ยงไร เทพสวรรค์ เทพมาร จึงกล้าทำลายบ้านเกิดของข้า” ในโลกใบนี้ถึงอีกฝากหนึ่ง ยังมีเผ่าพันธุ์อื่นที่ดำรงอยู่มาก่อนเผ่าพันธ์มนุษย์ จอมอสูร อสูรสงคราม สัตว์อสูรสงคราม และกองทัพอสูร ปรากฎตัวขึ้นประกาศศักดาปฐพีนี้ยังมีข้า จอมอสูรได้เข้าร่วมกับฝั่งเทพสวรรค์ ข้อตกลงคือ ปฐีพีนี้เป็นของข้า

            เทพมารพ่ายแพ้ ผลของสงคราม โลกเสียหายใหญ่หลวง พื้นปฐพีแทบสลาย มนุษย์และสิ่งมีชีวิตแทบสูญสิ้นเผ่าพันธ์ เทพสวรรค์ได้ชัยจึงพันธนาการเนรเทศ เทพมาร รวมทั้งเหล่ากองเทวมารทั้งหมดไปใจแกนโลก เทพสวรรค์ นำพาทวยเทพที่เหลือไปสร้างวิหารลอยฟ้าเป็นที่พำนักใหม่อยูบนชั้นบนของขอบโลก ทิ้งเหล่ามวลมนุษย์ที่เหลือรอดต้องปกป้องตนเอง สืบทศวรรษต่อไป




            นิยายเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริง ในประวัติศาสตร์โลก แต่ยังมิได้รับการยอมรับ ซึ่งเพราะนักประวัติศาสตร์ นักธรรมชาติวิทยา รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์ ยังไม่กล้ายืนยันรับรอง เนื่องจากยังสับสนกับ อำนาจอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ อาณุภาพเหนือธรรมชาติ ซึ่งมิสามารถหาข้อพิสูจน์ อีกทั้งช่วงเวลาที่ปรากฎขึ้น ซึงแม้ใช้คาร์บอนในการตรวจหาอายุซากอารยธรรม จากฟอสซิล และข้าวของเครื่องใช้ที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน แต่ผลที่ได้มามันคาบเกี่ยวกันหลายยุคหลายสมัย ทว่าหากยึดถือตามทฤษฎี Space time (ทฤษฎีสัมพันธภาพของห้วงเวลา) คัมภีร์ตำหรับตำราต่างๆ เรื่องนี้ย่อมเป็นความจริงโดยแท้

    คำเตือน: โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน “นิยาย”
    ข้อความทั้งทั้งหมดมิได้มีเจตนาดูหมิ่น หรือลบหลู่อันใด มันเป็น “นิยาย”
    รูปประกอบทั้งหมดขอขอบคุณ Google และ Pinterest ที่ร่วมสร้างสร้างสรรค์ “นิยาย”
    เพลงประกอบในเรื่องทั้งหมดขอขอบคุณ YouTube ที่ส่วนร่วมเพิ่มจินตนาการใน “นิยาย”

    สุดท้ายนี้จะบอกว่ามันเป็น “นิยาย” เรื่องแรกที่ลองแต่งอาจมีข้อผิดพลาดบ้าง
    ยินดีตอบรับคำ เสนอแนะเพื่อมาปรับปรุงสร้างสรรค์ “นิยาย”
    และขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่าน “นิยาย” ขอบคุณครับ

    ใต้แผ่นฟ้า. 









           

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น