เมื่อรอยยิ้มลาป่วย...
ผู้เข้าชมรวม
304
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เมื่อรอยยิ้มลาป่วย...
เช้าวันใหม่ที่อากาศสดใส ละอองหมอกเล็กๆปกคลุมไปทั่วทิศทัศน์ที่มองออกมาจากหน้าต่างห้องนอน เสียงนกร้องจิ๊บๆอยู่บนหน้าต่างปลุกเด็กหญิงขึ้นจากการหลับใหล... ไอรินลุกขึ้นมายืนจ้องหน้ากระจกแปรงฟันล้างหน้าเหมือนทุกเช้า แววตาสดใสของเธอยังเปล่งประกายเหมือนเคย แก้มก็ยังอมชมพูดูสุขภาพดี แต่วันนี้รอยยิ้มของเธอลาป่วย...
เด็กผู้หญิงที่หน้ากระจกจ้องกลับมา รอยยิ้มของเธอก็ลาป่วยเหมือนกับของไอรินเช่นกัน เมื่อได้ยินเสียงแม่เรียก เด็กหญิงจึงรีบแต่งตัวแล้วลงมาทางอาหารเช้า...
“วันนี้มีอะไรทานคะแม่” เธอถามเหมือนปกติ แต่มารดาของเธอเพียงแค่ยกอาหารมาวางให้ตรงหน้า แล้วเดินกลับเข้าครัวไปทำอย่างอื่นต่อ เสียงหั่นผักยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง ไอรินจึงเพียงแต่เอียงคอแล้วก้มหน้าก้มตาทาน... เช้านี้แม่ทำอะไรกันนะ...
เมื่อทานเสร็จ เธอยกจานไปเก็บ ก่อนจะคว้ากระเป๋าไปยืนรอพ่อไปส่งที่โรงเรียน เมื่อพ่อมาถึง ก็เพียงแค่ขึ้นรถแล้วขับออกไป ไอรินรู้สึกว่าวันนี้มันแปลกๆ ปกติพ่อมักจะเล่านิทานเสมอเวลาไปส่ง นิทานของพ่อมีมากมายจนเล่าทุกวันก็เล่าไม่หมด พ่อไม่ได้แต่งเองหรอก แต่เป็นเรื่องที่พ่ออ่านมา บางเรื่องก็เกิดกับท่าน บางเรื่องก็เกิดกับคนรอบตัวของท่าน นิทานของพ่อสนุกเสมอ และเมื่อไปถึงโรงเรียน นิทานก็มักจบพอดี นั่นเป็นช่วงเวลาของแต่ละวันอยู่กับพ่อที่ไอรินชอบมากที่สุด แต่วันนี้พ่อกลับเดินข้างๆอย่างเงียบๆ แค่ชี้ให้ดูนกตัวหนึ่งกำลังร้องเพลงอยู่แค่นั้น...
นาฬิกาตีบอกเวลาเจ็ดโมงครึ่งเช่นเคย เมื่อไอรินเดินเข้าประตูโรงเรียนมา โรงเรียนของเธอเป็นอาคารไม้สองชั้นเพียงหลังเดียวในละแวกนี้ เมืื่ออยู่ตรงระเบียบชั้นสองมองออกไปจึงสามารถเห็นทุ่งนากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาได้ ด้านหน้าอาคารเรียนเป็นลานดินฝุ่นฟุ้งล้อมรอบย่อมอิฐตัวหนอนขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็ก ที่นอนแผ่รองรับเสาธงใหญ่ และที่ตรงนั้นเพื่อนๆของเธอเริ่มตั้งแถวกันแล้ว... ไอรินหันไปโบกมือลาพ่อ ก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนไป
“สวัสดี” ไอรินกล่าวทักเพื่อนร่วมห้อง ก่อนจะเดินขึ้นไปเข้าแถว เธอตัวเล็ก ดังนั้นจึงต้องเข้าแถวหน้าสุด ถ้าวันไหนเธอมาสาย ทุกคนก็จะรู้กันหมดเพราะว่าหัวแถวหายไป อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงสองสามครั้งเท่านั้น ตั้งแต่เธอย้ายมาเรียนที่นี่
เมื่อคุณครูประจำวันมายืนกล่าวหน้าเสาธง เด็กก็เริ่มต้นร้องเพลงชาติ สวดมนต์ แล้วกล่าวคำปฏิญาณ แล้วก็นั่งลงเพื่อฟังครูใหญ่กล่าวหน้าเสาธง แสงแดดเริ่มโผล่พ้นตึกเรียนด้านหลังมาแล้ว ทำให้เด็กๆนั่งก้มหน้างุด คนที่อยู่หลังอาศัยเงาจากคนข้างหน้า ส่วนคนข้างหน้า ก็อาศัยเงาจากสวนกลางของกระหม่อมตัวเอง ท่านั่งแบบนั้นส่งผลให้ทุกรายละเอียดของอิฐตัวหนอนอยู่ในสายตา มดตัวเล็กๆ แมงมุม ใบหญ้าที่เพิ่งงอกแทรกออกมาตามรู แล้วนิ้วเล็กๆก็ลงมือขุดคุ้ยอย่างที่ทำเป็นประจำ เขี่ยมด ถอนต้นหญ้า พวกข้างหลังก็จะเขียนหลังเพื่อนเพื่อคุยกัน ส่งเสียงซุบซิบเล็กๆให้หึ่งๆไปทั่วบริเวณ...
หลังจากครูใหญ่กล่าวคำว่า “แยกย้ายกลับห้องได้” นักเรียนทั้งหมดต่างก็ยืนขึ้น ทำความเคารพ หยิบกระเป๋าแล้วเดินเรียงแถวกลับเข้าห้องเรียนโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าครูใหญ่พูดอะไร เด็กทุกคนเหงื่อชุ่มแผ่นหลัง ต่างก็รู้สึกดีที่ได้กลับมาสู่เงาอันแสนสบายของอาคารเรียนอีกครั้ง เสียงพูดคุยดังตามหลังไอรินมาเหมือนกับมีใครกดสวิตส์เปิด เธอยังคงอยู่ด้านหน้า เดินนำเพื่อนของเธอเข้าไปประจำที่ในห้องเรียนเพื่อรอครูมาโฮมรูม เพื่อนๆยังคงส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว แต่ไม่มีใครพูดกับเธอ
เพื่อนสนิทของไอรินชื่อแก้ว แต่แก้วกลับเป็นเพื่อนสนิทของทุกคน ปกติแล้วทุกเช้าแก้วจะมาทักเธอก่อน ถามไถ่ถึงการบ้านที่ต้องส่ง งานโรงเรียนที่กำลังจะมาถึง ลูกไก่ที่บ้าน หรือเรื่องอะไรก็ตามที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่ในขณะนั้น ก่อนจะไปคุยกับเพื่อนคนอื่นต่อทั่วทั้งห้องจนครูเข้ามา แต่วันนี้ แก้วเพียงวางกระเป๋าลงข้างเธอ ทักเธอยิ้มๆ แล้วก็หันไปคุยกับคนข้างหลังทันที... วันนี้ผิดปกติจริงๆ
แต่ไอรินทำอะไรไม่ได้ เธอจึงหยิบสมุดขึ้นมาเพื่อเขียนความคิดของเธอลงไป เธอเขียนไปเรื่อยๆ เล่าเรื่องของแม่ เรื่องของพ่อ นกน้อยริมทาง และเรื่องของแก้ว จนกระทั่งคุณครูเดินเข้ามาเพื่อบอกว่าวันนี้ไม่มีโฮมรูม เริ่มเรียนวิชาแรกได้เลย
ไอรินเป็นเด็กตั้งใจเรียน จริงๆเธอไม่ได้ตั้งใจว่าจะตั้งใจเรียนหรอก เธอแค่นั่งข้างหน้า แล้วเวลาเรียนก็ไม่มีใครคุยกับเธอ ดังนั้นเวลาที่น่าเบื่อในแต่ละชั่วโมง เธอจึงวาดรูปใส่ในสมุดจด แต่ถึงแม้ว่าจะวาดรูปจนไม่รู้ว่าจะลากเส้นไปทางไหนดีแล้ว เธอก็ยังรู้สึกว่างอยู่ดี เธอจึงเปลี่ยนมาวาดหน้าคุณครูแทน แถมจดลงไปด้วยว่าคุณครูพูดอะไร นอกจากนั้น ไอรินยังจดความคิดตัวเองลงไปอีกด้วย คุณครูบอกว่าทวีปยุโรปอยู่ไกลมาก และหนาวมาก ผู้คนก็แตกต่างกับเมืองไทยโดยสิ้นเชิง เพราะว่าวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน คนเราจึงแตกต่างกัน แต่ไอรินคิดว่า เราทุกคนแตกต่างกัน เพราะเราต่างไม่ใช่คนเดียวกัน ไม่ใช่วัฒนธรรมที่แตกต่าง แก้วต่างจากพ่อ พ่อต่างจากแม่ แม่ก็ต่างจากครู แต่พวกเราล้วนมีวัฒนธรรมเดียวกัน บางทีไอรินก็คิดว่าครูพูดผิด แต่ก็ไม่เคยบอกใครหรอก ทุกอย่างล้วนอยู่ในสมุดจดของเธอ...
แล้วสองชั่วโมงแรกก็ผ่านไป นักเรียนทุกคนต่างลุกขึ้นอย่างดีใจไปที่หน้าห้อง โลกเต็มไปด้วยเสียงวุ่นวายอีกครั้ง ไอรินเก็บของลงใต้โต๊ะอย่างใจเย็น ก่อนจะเดินออกไปหน้าประตูห้อง เพื่อเข้าแถวรับนมถุงที่คุณครูกำลังตัดแจก เธอชอบนมจืด จึงได้ทานก่อน เพื่อนๆส่วนใหญ่ชอบรสช็อกโกแลตกัน.... ตอนรับนม คุณครูก็เพียงส่งยิ้มแล้วยื่นถุงให้ ไม่มีคำพูดเหมือนทุกทีว่า “หลอดอยู่ทานโน้นนะจ้ะ” หรือ “ทานให้หมดนะจ้ะ” อย่างปกติ ไอรินจึงก้มลงเดินผ่านครูไปหยิบหลอด แล้วดูดรวดเดียวหมด
อีกชั่วโมงครึ่งก่อนจะพักเที่ยง โลกกลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง เสียงครูพูดยังคงก้องกังวาลไปทั่วห้อง และแสงแดดก็เริ่มให้ความร้อนใกล้ขีดสูงสุด เพื่อนๆที่เหนื่อยล้าจากการพูดคุยต่างก็พยายามกันอย่างเต็มที่ไม่ให้หนังตาปิดลงมา ไอรินยังคงแนบตัวอยู่กับโต๊ะ มือขีดเขียนรูปทรงประหลาดที่ครูพูดถึงอยู่ในสมุด อะไรกันนะ ที่ครูกำลังพูดอยู่...
เมื่อถึงชั่วโมงพักกลางวัน เสียงเฮลั่นทันทีที่ระฆังดังโดยไม่สนใจครูหน้าห้องที่กำลังพูดว่า “ยังไม่จบนะคะนักเรียน พรุ่งนี้ส่งการบ้านหน้า 16 ด้วยนะคะ” ไอรินออกจากห้องเป็นคนสุดท้าย คุณครูก็เพียงยิ้มให้แล้วเดินออกไป โรงอาหารของโรงเรียนเป็นส่วนหนึ่งของชั้นหนึ่งทิศเหนือของตัวอาคารที่ไม่มีข้างฝา ทำให้ลมสามารถพัดเข้าออกได้สะดวก ร้านอาหารเรียงกันอยู่ที่อีกด้านหนึ่ง ไม่เยอะหรอก แค่สามร้าน ข้างแกง ก๋วยเตี๋ยว ขนมหวานและน้ำ เด็กทุกคนเลือกรับอาหารที่อยากทานแล้วไปนั่งเรียงกันที่โต๊ะ เช่นเคยที่ไอรินนั่งโต๊ะเดียวกับแก้ว กับเพื่อนๆในห้อง โต๊ะไม้ยาวที่มีเก้าอี้ติดทั้งสองด้านนั่งได้แปดคน และพวกเธอแปดคนก็นั่งด้วยกันประจำ
วันนี้เพื่อนๆของเธอคุยกันเรื่องละครหลังข่าวเมื่อคืน ใครเป็นใคร นางเอกถูกจับไปอย่างไร ถามไถ่กันอย่างสนุกปาก ไอรินได้แต่ค่อยๆตักข้าวเข้าปากช้าๆแล้วนั่งมองเพื่อนๆหัวเราะ เธอไม่เคยเข้าร่วมวงสนทนาในเรื่องนี้ ได้แต่ฟังเอาอย่างเดียว เธอพูดไม่เก่ง และที่สำคัญ ไม่ชอบดูละครหลังข่าวด้วย ดังนั้นใครเป็นใครเธอก็ไม่รู้หรอก และถ้าถามว่าเรื่องมันสนุกอย่างไรเธอก็คงตอบว่า สนุกตอนที่ฟังเพื่อนๆหัวเราะกันนั่นแหละ...
เวลาพักเที่ยงหมดไปอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงกลับเข้ามานั่งที่โต๊ะแล้ว ในขณะที่เมื่อเสียงระฆังดังพอดีเป๊ะพวกผู้ชายจึงวิ่งกลับเข้ามาจากสนามข้างโรงเรียน แต่ละคนมาในสภาพหน้าดำมะเมี่ยมเหงื่อโทรมกาย แต่ต่างก็มีรอยยิ้มบนใบหน้า กลิ่นเหงื่อคละคลุ้งไปทั่วห้องเรียนไม่ได้ชวนหลับฝันเลยซักนิด แต่เพื่อนข้างๆเธอก็ยังถือดินสอในมือแล้วก็ผงกหัวตลอดเวลา เมื่อครูเริ่มพูดไปเพียงห้านาที...
ไม่นานเกินรอก็หมดเวลาเรียน ปกติไอรินมันมีกิจกรรมหลังเลิกเรียนทำเสมอ ทั้งซ้อมเต้น ซ้อมดนตรีไทย เตรียมการแสดงห้อง มีไม่เว้นแต่ละวันที่เพื่อนๆจะวิ่งเข้ามาชวนเธอ ไปทำโน่นกันนะ ไปทำนี่กันนะ เธอมักจะถูกห้อมล้อมหลังเลิกเรียนเสมอ คงเพราะว่าเป็นนางรำของโรงเรียน และเพราะว่าอยู่ในวงดนตรีของโรงเรียน เธอจึงไม่เคยได้ว่างหายใจหายคอ...
แต่วันนี้กลับต่างออกไป เพื่อนๆต่างก็เก็บของแล้วกลับบ้าน ทั้งๆที่อีกสามสัปดาห์จะมีงานโรงเรียนแล้วแท้ๆแต่ก็ยังไม่มีใครเริ่มทำอะไร แม้กระทั่งแก้วที่วิ่งเข้ามาบอกว่า “วันนี้แม่เรามีธุระ ต้องรีบกลับ ไปก่อนนะ แล้วเจอก่อนพรุ่งนี้” ดังนั้นไอรินจึงเก็บกระเป๋า แล้วลงมานั่งรอพ่อที่ม้าหินหน้าโรงเรียน วันนี้เพื่อนที่เธอสนิทกลับกันหมดแล้ว เธอจึงนั่งกับเพื่อนร่วมชั้นอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งไม่ค่อยสนิทนัก...
การนั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนที่ไม่สนิทไม่ได้เอื้ออำนวยต่อคนพูดไม่เก่งอย่างไอริน บทสนทนาทั้งหมดจึงมีแค่ “สวัสดี” “สวัสดี นั่งด้วยนะ” “อืม กลับกี่โมง” “ไม่รู้ รอพ่อมาน่ะ” แล้วเธอก็นั่งเฉยๆทำหน้าไม่ถูก เธอหยิบการบ้านออกมาทำ ก่อนจะคว้าสมุดเล่มเดิมออกมาเขียนอะไรก็ไม่รู้ต่อ จริงๆเธอชอบเขียนหนังสือเวลาอยู้คนเดียวเท่านั้น แต่วันนี้ไม่รู้่ว่าเป็นอะไร ทุกคนถึงไม่คุยกับเธอ เมื่อตอนกลางวันเดินสวนกับรุ่นน้องที่รู้จัก ยังทักแค่ว่าสวัสดีค่ะเลย ไม่ชวนแกล้งเหมือนทุกที เด็กหญิงจึงก้มหน้าก้มจดทุกอย่างลงไปในสมุด...
เมื่อตะวันคล้อย... พ่อก็เดินมาถึง ไอรินเก็บสมุดใส่กระเป๋า ก่อนจะวิ่งตามไป โดยไม่ลืมหันมาโบกมือลาเพื่อนร่วมโต๊ะ ซึ่งก็แค่โบกมือตอบ เธอเดินกลับบ้านกับพ่อแบบเงียบๆ อีกแล้ว นิทานของพ่อหายไป...
มื้อเย็นของแม่ยังน่าทานเหมือนทุกวัน อาหารหลากหลายจัดเรียงเต็มโต๊ะอาหารเล็กๆกลางห้อง พ่อนั่งรออยู่ก่อนแล้วเทื่อไอรินอาบน้ำเสร็จ มื้อเย็นของวันนี้ดำเนินไปอย่างเงียบเชียบ...อาหารของแม่ก็อร่อยเหมือนเคย ทำไมพ่อกับแม่พูดน้อยจัง...
ไอรินเข้าห้องนอนก่อนเวลาสามทุ่มยี่สิบนาที ยังเหลือเวลาพอให้เขียนสมุดบันทึกได้ เพราะทำการบ้านทำเสร็จหมดแล้ว ย่อหน้าสุดท้ายของวันนี้ เด็กหญิงเขียนไว้ว่า
“กลับมาเถอะนะรอยยิ้มของฉัน ฉันเอายาให้เธอทานแล้วหวังว่าพรุ่งนี้เธอจะหายป่วย กลับมาเร็วๆนะ ฉันว่าฉันชินกับการมีเธออยู่ข้างๆมานานเกินไปน่ะ เพราะเวลาเธอไม่อยู่... ฉันเหงาเหลือเกิน กลับมาเถอะนะ ได้โปรด...”
แล้วก่อนนอนไอรินก็ทายาที่แผลในปาก ความเจ็บทำให้เธอหน้าเบ้ ก่อนจะขึ้นเตียง แล้วสวดภาวนาให้วันพรุ่งนี้หายดี...
ผลงานอื่นๆ ของ Dra_gon_fire ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Dra_gon_fire
ความคิดเห็น