คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : องก์ที่ 10 : ยินดีตอนรับ
เช้านี้มีหลายอย่างแปลกไป
เมื่อตื่นขึ้นมาฉันก็ถูกนางกำนัลสาวสองคนจับแต่งตัวและบังคับให้กินอาหารเช้า พวกเธออ้างว่าปกติก็คอยรับใช้ฉันอยู่แล้ว (ทั้งที่หน้าที่พวกนี้ควรเป็นของคุณชิโระไม่ใช่เหรอ?)
ส่วนคุณชิโระก็หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา ตั้งแต่เช้าฉันจึงทำได้เพียงแค่อยู่ในห้อง
“ช่วงนี้เป็นหน้าแล้งฝนไม่ตกมาหลายวันแล้วขอรับ ผลผลิตจึงได้น้อยกว่าปกติ”
เสียงเดินหนักหน่วงพร้อมด้วยเสียงพูดคุยของชายสองคนดังขึ้นบริเวณหน้าห้องของฉัน ทั้งที่เป็นเพียงบทสนทนาแสนธรรมดาแต่ฉันกลับรู้สึกสนใจอย่างบอกไม่ถูก
“เป็นเรื่องธรรมดาที่จะแห้งแล้งมากในช่วงนี้” น้ำเสียงแฝงอำนาจของชายอายุประมาณห้าสิบกว่าๆเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
.....เป็นโทนเสียงที่ไม่คุ้นหูเอาซะเลย
เสียงเดินที่เป็นไปอย่างช้าๆจึงทำให้ฉันได้ยินบทสนทนาเกือบทั้งหมด
“พะ เพื่อป้องกันความผิดพลาดเราควรเรียกเก็บเสบียงจากพวกชาวบ้านให้มากขึ้นนะขอรับ” ชายที่ดูจะอายุน้อยกว่าเสนอข้อคิดเห็น
เฮอะน่าขำ.....เกิดภัยแล้งจนผลผลิตน้อยแต่จะไปเก็บจากชาวบ้านเพิ่มเนี่ยนะ
“ยังก่อน แต่หากปีนี้เราได้ผลผลิตน้อยก็จงเพิ่มอัตตราการเก็บซะ”
แหม ดันเห็นดีเห็นงามซะได้ สมองมีมั้ย!!!
“ขอรับ....”
เสียงพูดคุยเริ่มเบาลงเรื่อยๆ
นาทีแรกฉันคิดว่าจะไม่สนใจบทสนทนานี่แล้วแต่พอได้ยินเสียงของท่านหญิงวาคานะ
อยู่ๆความอยากรู้อยากเห็นมันก็บอกให้ฉันตามไปฟัง
ฉันออกจากห้องไปหลบมุมอยู่ตรงทางเดินเล็กๆซึ่งแยกออกจากทางหลักอีกทีหนึ่งพร้อมกับยืนก้มหน้าก้มตาฟังชายในชุดซามูไรและท่านวาคานะคุยกัน
“เวลานี้เเคว้นของเรากำลังเกิดภัยพิบัติจากธรรมชาติ ดิฉันคิดว่าคงไม่เป็นการดีนักหากท่านจะเรียกเก็บภาษีจากประชาชนเพิ่ม” น้ำเสียงของท่านวาคานะดูเป็นกังวลอย่างมาก การพูดของเธอจึงดูช้าและเอื่อยกว่าปกติ “พวกเขาเองก็กำลังอดอยากเช่นกัน
“......”
ชายที่หน้าตาคล้ายชินเมียวมารุไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาทำเพียงกอดอกและเบือนหน้าไปยังชาวบ้านที่อยู่นอกกำแพง
“ช่างเหมือนกับว่าเรากำลังย้อนกลับไปในอดีตเลยนะเจ้าคะ ในสมัยที่เรายังไม่ได้มียศฐาบรรดาศักดิ์ใหญ่โตถึงเพียงนี้”
“อยากพูดอะไรกันแน่?”
คุณลุงคนนั้นเค้นเสียงออกมาจนฉันขนลุกซู่ด้วยความกลัว แต่ก่อนจะได้ถอยหลังกลับห้องใครบางคนก็เดินมายืนข้างๆซะก่อน
ชินเมียวมารุมองฉันด้วยสายตาตำหนิ
แต่ใครแคร์ล่ะ -_- ฉันยักไหล่ให้เขาก่อนจะโฟกัสไปยังคนแก่ทั้งสาม(รวมทหารรับใช้)ที่ยืนสนทนากันอยู่ตรงทางเดิน ส่วนเขาก็มองตามเช่นกันก่อนจะขมวดคิ้วเข้มๆเมื่อได้ยินคำพูดแฝงความนัยของมารดา
“สิ่งที่มีอยู่อาจสลายและหายไปได้ทุกเมื่อ เราเข่นฆ่าผู้คนมากมายเพื่ออำนาจพวกนี้ พวกเขาเองก็เคยยืนอยู่ ณ จุดนี้เหมือนเรา”
ท่านซามูไรซึ่งน่าจะเป็นพ่อของชินเมียวมารุสบถออกมาเบาๆราวกับขัดใจกับคำพูดของท่านวาคานะ ก่อนจะเดินหนีภรรยาของท่านไปอีกทางแล้วเริ่มสั่งงานกับทหารที่เดินตามมาติดๆ
“เจ้าไปดูแลเรื่องทุกอย่างด้วย! บอกทหารให้เตรียมตัวไว้ วันพรุ้งเราจะทำศึก”
“ขอรับ” ชายคนนั้นรับคำก่อนจะรีบแยกออกไปด้านนอกของปราสาท
เมื่อเห็นว่าทุกคนแยกย้ายกันหมดชินเมียวมารุก็ลากฉันไปที่หลังปราสาท เพื่อหวังจะทำอะไรบางอย่าง(อย่าคิดลึกนะเฮ้ย)
อา....เรียกว่าถามจะดีกว่า
“เจ้ากลับมาตอนไหน ไม่สิ.....ชายผู้นั้นเป็นใคร” เขาถามพร้อมกับบีบข้อมือฉันแน่น ดวงตาเรียวคมจ้องตาฉันอย่างไม่ลดละ เหมือนว่าเขาอยากได้คำตอบเอามากๆอ่ะ
“มะ.....ไม่รู้ค่ะ รู้แค่ว่าเขาเป็นนักเดินทาง” ฉันทำหน้าจริงจังสุดๆพร้อมกับจ้องตาเขาอย่างไร้เดียงสาเพื่อให้การโกหกมันน่าเชื่อถือ โฮะๆๆ
ชินเมียวมารุปล่อยข้อมือของฉันให้เป็นอิสระพลางทำหน้าเหมือนกำลังครุนคิดถึงอะไรบางอย่าง ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มปรากฎขึ้นแวบหนึ่งก่อนจะค่อยๆหุบลงแล้วโฟกัสมาที่ฉันอีกครั้ง
“ดีแล้วที่เจ้าปลอดภัย” เขายื่นมือมาลูบหัวฉันเบาๆแล้วไล่ลงเรื่อยๆตามเส้นผม
“ค่ะ....ฉันก็ดีใจที่คุณปลอดภัย” อันที่จริงฉันควรจะพูดว่าข้าก็ดีใจที่ท่านปลอดภัย
-_-^ เพื่อให้มันสมกับยุคสมัยหน่อย
“ก็สมควรแล้วที่จะดีใจ เพราะข้าเป็นคู่หมั้นของเจ้านี่นะ”
อา.....
ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไป ส่วนชินเมียวมารุก็เดินแยกไปอีกทาง
วันนี้ทั้งวันฉันคิดไว้ว่าจะเดินตามหาคุณชิโระ เพราะบางทีเธออาจกำลังทำงานอยู่ที่ไหนสักแห่งในปราสาท หรือไม่ก็อยู่กับท่านวาคานะ แบบว่า.....ฉันมีหลายๆเรื่องที่ต้องถามเธอ
ที่แรกที่ฉันเริ่มตามหาคือบริเวณปราสาทฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นส่วนของคนสำคัญในตระกูล ฉันลัดเลาะไปตามมุมต่างๆของปราสาทแต่ไม่ว่าจะหาละเอียดแค่ไหนก็ไม่เห็นวี่แววของคุณชิโระเลย มีเพียงกลุ่มนางกำนัลเท่านั้นที่เดินผ่านไปมา
ตอนนี้เที่ยงแล้ว ฉันคงต้องกลับไปรออาหารเที่ยงอยู่ที่ห้องแล้วล่ะ
พวกนางกำนัลคุยกันเรื่องนายใหญ่ของพวกเขาที่กลับมาจากสงครามระหว่างแคว้น ท่านมาซามุเนะ ไคโร
เขาเป็นคนเดียวกับชายที่ฉันเจอเมื่อเช้า ใบหน้าคมเข้มแฝงความน่ากลัว การปฏิบัติตัวเหมือนพวกทหาร ทั้งเข้มแข็ง เกรี้ยวกราด และพร้อมจะฆ่าคน
ฉันเลือกเดินอ้อมปราสาทแทนการเดินไปแบบโต้งๆ ไม่น่าเชื่อว่าป่าที่ท่านหญิงวาคานะห้ามไม่ให้ฉันเข้ามันจะอยู่หลังห้องนอนของท่านไคโร ลักษณะเป็นป่าดิบที่ดูชุ้มชื้นอยู่ตลอดเวลา ทั้งมืดมนและมีความรู้สึกเย็นวาบแผ่ออกมา
ดูเหมือนจะเป็นภูเขาเตี้ยๆซะมากกว่า แม้จะมีทางเดินเล็กๆแต่กลับเหมือนว่าไม่เคยมีใครเคยเข้าไปเลย.....
“เอาไปให้ใคร?” โทนเสียงเข้มดุที่ฉันคุ้นเคยดังมาจากในครัวเรียกให้ฉันต้องวิ่งหลบหลังถังไม้เพื่อแอบดูว่าท่านไคโรกำลังคุยกับใคร
“ของ....ทะ....ท่านมิซึกิเจ้าค่ะ” นางกำนัลสาวซึ่งมีหน้าที่ดูแลฉันตอบด้วยท่าทางหวาดกลัว
“มิซึกิฮิเมะ
นางตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ” ท่านไคโรพึมพำออกมาพร้อมกับลูบคางอย่างใช้ความคิด
“ท่านมิซึกิฟื้นแล้วเจ้าค่ะ ตะ....แต่ว่า....ผมของท่านเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาว”
ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ สายตาของท่านไคโรดูน่ากลัวแปลกๆ ฉันไม่รู้ว่าท่านกำลังคิดอะไร
หรือบางทีท่านอาจจะแปลกใจที่อยู่ๆท่านมิซึกิที่จมน้ำตายก็ฟื้นขึ้นมาโดยปาฏิหาริย์
“ไปได้แล้ว”
สิ้นคำสั่งนางกำนัลคนนั้นก็รีบตรงไปที่ห้องของฉันทันที
ฉันเปลี่ยนเป้าหมายจากการกลับห้องมาเป็นการเดินตามท่านไคโรแทน ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงรู้สึกสงสัยในตัวคนคนนี้ รู้แค่ว่าจิตใต้สำนึกมันบอกให้ฉันตามเขาไป
โพะ!!!
เสียงเปิดประตูอย่างแรงก่อนที่คนในห้องจะรีบวิ่งออกมาแล้วเดินตามท่านไคโรด้วยท่าทางร้อนรน
“ขอร้องละครับ ท่านพ่อ”
ชินเมียวมารุซึ่งเดินตามหลังตะโกนเรียกพ่อของเขาลั่นทางเดิน
ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากผู้เป็นบิดา แต่ดูเหมือนว่าเขาต้องการบางสิ่งเอามากๆจนต้องตามตื้อพ่อของเขาต่อ
“ให้กระผมไปช่วยทหารที่กำลังต่อสู้ด้วยเถอะครับ ผมจะไปทำลายปราสาทนั้น ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอก” น้ำเสียงหนักแน่นยังคงอ้อนวอนผู้เป็นพ่ออยู่เช่นเดิม
ท่านไคโรหยุดเดินพร้อมกับเงียบไปอึดหนึ่ง ทำให้ฉันต้องวิ่งไปหลบข้างกำแพงและโผล่หน้าออกมาแค่เล็กน้อย
“อย่าประมาทต่อสงคราม” ท่านหันกลับมามองบุตรชายด้วยท่าทางที่จริงจังก่อนจะเตรียมอ้าปากเพื่อพูดต่อ เเต่ก่อนจะได้พูดบุตรของท่านก็ขัดขึ้นซะก่อน
“กระผมไม่เคยประมาทเลยสักครั้ง”
“ไม่คิดว่ามันเร็วไปเหรอ สงครามระหว่างเเคว้นกับเด็กทะเยอทะยานอย่างเจ้า!”
.........
“กลับไปตั้งใจฝึกซะ!”
เสียงตะโกนของท่านไคโรทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย ชินเมียวมารุยืนกำมือแน่น เขาคงกำลังเห่อวิชาละมั้ง สงครามมันน่ากลัวจะตายไป ทำไมถึงอยากไปขนาดนั้น
“เดี๋ยวครับ! ท่านพ่อ” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกอีกครั้งเมื่อเห็นว่าบิดาของตนกำลังจะเดินจากไป
“ชินเมียวมารุ”
ขาที่กำลังจะก้าวตามบิดาหยุดลงเฉียบพลันเพราะเสียงของมารดาที่ร้องเรียกไว้
“กระผมอยากไปลองต่อสู้ในสนามรบ
ท่านแม่โปรดบอกท่านพ่อที”
ชายหนุ่มค่อยๆเดินกลับมาหามารดาที่ยืนอยู่พลางชี้แจงด้วยความร้อนรน
“ท่านพ่อบอกว่ายังไง.....แม่ก็คงบอกเช่นเดียวกัน”
ท่านวาคานะพูดเสียงอ่อน ใบหน้าของท่านดูไม่สู้ดีนัก
“กระผมฝึกมาตั้งเเต่เด็กไม่มีทางเเพ้ให้สงครามเเน่”
“........” การที่ท่านวาคานะหลุบสายตาลงเล็กน้อยมันยิ่งขับให้ใบหน้างดงามดูเศร้าเข้าไปอีก ท่านไม่พูดอะไรจนมันเกิดเป็นสถานการณ์น่าอึดอัด
“ท่านแม่กำลังคิดว่ากระผมจะทำไม่สำเร็จใช่รึเปล่า....” ตอนนี้ท่าทางของชินเมียวมารุดูเย็นชากว่าสมัยก่อนมากเลยทีเดียว
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ....แม่ก็แค่เป็นห่วง”
“ไม่ครับ ท่านแม่ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่ากระผมจะทำอะไรสำเร็จ.....ก็ไม่เคยทำให้ท่านแม่ดีใจเลยสักครั้ง”
พูดจบเขาก็เดินแยกไปอีกทางทันที สถานการณ์เดจาวูแบบนี้ทำให้ฉันแทบไม่อยากหายใจ
จะอธิบายยังไงล่ะ....เพราะฉันไม่รู้จะสงสารใครดีนะสิ!
เขาคงเป็นลูกชายที่ไม่ค่อยได้รับความรักความอบอุ่นจากพ่อและแม่(ละมั้ง) ฉันเคยดูละครหลังข่าวแนวนี้มาเยอะ และคนนิสัยแบบนี้มักจะหลงผิดอยู่เสมอ...
แต่เชื่อมั้ยว่าความรู้สึกหดหู่ของฉันมันพังเพราะยัยนางเอ๊ก~ นางเอก
ที่ชื่อว่าเฮียวโกะ
“นายน้อย....” เสียงหวานแฝงความเป็นห่วงตะโกนไล่หลังคนที่เดินกระทืบเท้าจากไป
เฮียวโกะวิ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ก่อนจะหยุดมองท่านวาคานะที่ยืนอยู่แวบหนึ่ง แล้วจึงวิ่งตามชินเมียวมารุไป
แทนที่เธอจะอยู่ดูแลนายหญิงของตระกูล
-_-^
ฉันยืนดูท่านวาคานะอยู่นานพอสมควรเพื่อให้แนใจว่าท่านจะไม่เป็นลมล้มตึงลงไป และเมื่อเห็นว่าท่านเดินเข้าไปห้องแล้วฉันจึงยอมเดินกลับทางของตนเอง
แต่ไม่รู้ว่าวันนี้มันเป็นวันอะไร
ฉันถึงได้รู้หลายๆเรื่องเยอะจัง
ฉันหยุดเดินก่อนจะจับจ้องไปที่ชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งกำลังยืนสนทนากันด้วยความตึงเครียด
“หากไม่เกิดเป็นบุตรของท่านพ่อ ข้าก็คงเอาชนะใครไม่ได้......พวกทหารไม่กล้าเเม้เเต่จะทำร้ายข้า” ชินเมียวมารุพึมพำเเผ่วเบาพร้อมกับบีบข้อมือของเฮียวโกะแน่น “ท่านเเม่คงจะคิดว่าข้าเป็นเเบบนั้นสินะ เป็นเเค่เด็กอมมือ”
“ท่านหญิงแค่เป็นห่วงนายน้อยเจ้าค่ะ”
“ข้ารู้อยู่แล้วหรอกน่า!” เขาตะโกนใส่หน้าเฮียวโกะก่อนจะเปิดประตูห้องแล้วเหวี่ยงเธอเข้าไป
ฉันยืนปิดปากด้วยความอึ้ง
ไม่กล้ามโนว่าพวกเขาทำอะไรกันต่อจากนี้
ไม่หรอก เขาก็แค่ไปปรึกษากัน...
ความคิดเห็น