ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Holidays In The Sun
- 3 -
Holidays In The Sun
เพลงอึกทึกอยู่ด้านนอก เสียงนักร้องนำแหกปากอย่างสะใจ ไม่ต้องเห็นภาพก็รู้ว่าพวกวัยรุ่นเลือดร้อนคงกำลังบ้าคลั่ง กระโดดและโห่ร้องตามจังหวะเพลง
“เฮ้ย! เตรียมขึ้นนะ" พี่ตินเปิดประตูมาบอกพวกผมให้เตรียมพร้อมและจากไป ประตูยังไม่ทันปิดดี ไอ้ร็อคก็เดินเข้ามาจากหลังร้านพูดกับผม
“บลู น้องมึงมา" ทะเลสะพายกีตาร์เดินยิ้มเข้ามา ผมส่ายหัว ทั้งที่บอกว่าไม่ให้มาก็มาจนได้
“รออยู่นี่ พี่จะขึ้นแล้ว"
“ไม่ เดี๋ยวเลจะไปดูข้างนอกด้วย" ผมพยักหน้าตามใจเพราะบอกอะไรไปก็คงไม่ฟัง แต่ก็ดีถ้าอยู่ข้างนอกจะได้อยู่ในสายตา
เพลงจบ วงที่เล่นก่อนหน้าลงจากเวที พวกเราก็ขึ้นประจำที่ ผมนั่งรอเพื่อนๆเซ็ทเครื่องสักพัก สายตาก็มองหาทะเล
เห็นแล้ว...ขวาสุดข้างบาร์
ทันทีที่เห็นผมมองทะเลก็ส่งยิ้มพร้อมลักยิ้มสองข้างมาให้
ผมยกยิ้มให้นิดนึงก่อนจะเคาะไม้ให้จังหวะขึ้นเพลงแรกของวงพวกเรา
Holidays In The Sun
.
.
.
.
.
.
ผมอยู่กับน้าวิทย์มาเก้าปีแล้ว ในระยะเก้าปีนี้มีความเปลี่ยนแปลงมากมายในชีวิตผม เจ๊หนิงมาเยี่ยมผมสองสามเดือนครั้ง แต่ครั้งแรกที่มาหาผมหลังจากที่มาอยู่กับน้าวิทย์ก็ล่วงเลยมาหกเดือน ซึ่งในขณะนั้นผมก็ได้ปรับตัวกับครอบครัวนี้เรียบร้อยแล้วเจ๊หนิงจึงไม่ได้กังวลอะไร และบอกผมเหมือนกับที่น้าวิทย์บอกว่าให้คิดซะว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน
เจ๊หนิงเล่าให้ฟังว่าพี่หญิงยังไม่รู้ว่าผมหายไปไหน และคงคิดว่าผมหนีไป ในขณะที่เจ๊ก็คาดคั้นเอาจากแม่ว่าพี่หญิงให้ผมทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แม่ก็เล่าให้เจ๊ฟังทั้งหมด สายตาสงสารของเจ๊ทำให้ต้องผมบอกเจ๊ว่าผมไม่เป็นไรแล้วตอนนี้ และทั้งหมด ผมต้องขอบคุณเจ๊หนิงจริงๆ
.
.
ผมเรียนหนังสือกับน้าเพลงอยู่หลายปี จากนั้นน้าเพลงก็สมัครการศึกษานอกระบบให้ เพื่อที่จะได้สามารถเรียนจบมัธยมและสอบเข้ามหาลัยได้
แรกเริ่มมันเป็นแค่ความตั้งใจของน้าเพลง เพราะผมยังไม่รู้ว่าจะเรียนมหาลัยเพื่ออะไร หรืออยากเรียนอะไร ผมแค่ตั้งใจเรียนตามบทเรียนไปเรื่อยๆตามแต่น้าเพลงจะสอน นอกจากเรียนแล้วผมก็มีช่วงเวลาที่ว่างๆอยู่มาก มันเป็นช่วงเวลาที่ทั้งน้าเพลงและทะเลไม่อยู่บ้าน เวลาที่ไม่รู้จะทำอะไรผมก็ออกจากห้องลงไปที่อู่ดูน้าวิทย์และคนในอู่ทำงาน บางทีก็ถามน้าวิทย์ว่ามีอะไรที่ผมช่วยทำได้ไหม น้าวิทย์คงเห็นผมเบื่อๆที่ไม่มีอะไรทำเลยค่อยๆสอนผม สอนให้รู้จักกับเครื่องยนต์ บางทีก็ให้ช่วยดูเรื่องเอกสาร ผมค่อยๆซึมซับทุกๆอย่างเข้ามา ทั้งเรื่องรถ และเรื่องต่างๆ ยิ่งผมเรียนรู้ ผมก็ยิ่งชอบ...
โดยเฉพาะ...เจ็ทสกี...
เจ็ทสกีที่ผมยังจำได้ว่าผมอยากจะเล่นนักหนา ในที่สุดผมก็ได้ขี่มันแล้ว
บางครั้งที่น้าวิทย์ต้องซ่อมผมจะตื่นเต้นทุกครั้งที่จะได้ลองขี่เพื่อทดสอบ ความรู้สึกที่ได้ขี่มันดียิ่งกว่าที่ผมเคยจินตนาการ ทั้งน้ำทะเล ลม และความเร็ว มันเหมือนได้ปลดปล่อยความรู้สึกในตัวเอง ผมมักจะขอน้าวิทย์ขี่ทุกครั้งที่มีโอกาส ด้วยความที่เห็นผมสนใจเป็นพิเศษและชอบมันมาก น้าวิทย์เลยซื้อเจ็ทสกีมือสองให้ผมลำหนึ่ง มันเป็นสีน้ำเงิน น้าวิทย์บอกว่าให้ผมเอาไว้ขี่เล่นหรือเอาไว้ให้เช่าก็ได้
หลังจากที่ผมได้มันมาผมก็ใช้เวลาว่างของผมแทบทั้งหมดไปกับมัน ผมอายุ 15 ตอนที่ได้เจ็ทสกีลำนั้น ทุกครั้งพี่ๆที่อู่จะช่วยยกขึ้นเทรลเลอร์ไปที่หาดให้ บางทีที่ว่างทั้งวันผมก็จะให้คนเช่าบ้าง ทะเลก็มาอยู่กับผมแทบตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่หาดเพราะชอบให้ผมพาขี่เล่น
ผมบอกไม่ถูกว่ามีความสุขมากแค่ไหนช่วงเวลานั้น มันเหมือนผมได้ใช้ชีวิตของช่วงวัยเด็กที่ขาดหาย
ได้เล่น ได้เรียน มีทะเลเป็นเพื่อนและน้อง มีน้าวิทย์กับน้าเพลงเป็นครอบครัว
ผมมีชีวิตที่ผมเรียกว่าสมบูรณ์และดำเนินไปในลักษณะนั้นจนผมอายุ 17
ช่วงชีวิตวัยรุ่นของผมก็ค่อยๆเริ่มขึ้น...พร้อมๆกับเพื่อนใหม่...
ที่ชื่อ...'ป็อป' กับ 'ร็อค'
..........
มันเป็นวันที่แดดร้อนระอุครั้งแรกที่ได้เจอทั้งสองกับรถญี่ปุ่นสีม่วงเปลือกมังคุด
ผู้ชายวัยรุ่นสองคนเข็นรถช้าๆมาถึงอู่ของน้าวิทย์ ตอนนั้นผมอยู่หน้าอู่พอดี พวกเขามองผมและหนึ่งในนั้นทักขึ้น
“ไฮ"
คนผมสกินเฮดทักผมแบบนั้น อาจเป็นเพราะไม่รู้ว่าผมพูดไทยหรืออังกฤษ ผมยังไม่ได้ตอบอะไรน้าวิทย์ก็เดินมาหาแล้วถามอาการของรถพวกเขา เมื่อเขาบอก น้าวิทย์ก็บอกว่าคงใช้เวลาหน่อยอาจเสร็จเย็นๆ จะรอก็ได้หรือจะมารับวันพรุ่งนี้ก็ได้ พวกเขาเลือกที่จะรอและฆ่าเวลาด้วยการหยิบกีตาร์ออกมาจากหลังรถและนั่งลงแถวๆเจ็ทสกีของผมที่จอดอยู่
ผมเพิ่งจะมองพวกเขาชัดๆก็ตอนนี้
...พวกเขาเป็นฝาแผด...
ทั้งสองหน้าตาเหมือนกัน แต่ก็ต่างกันอย่างชัดเจน
คนนึงตัวใหญ่กว่านิดหน่อย ตัดผมสกินเฮด
อีกคนหนึ่ง ผมข้างหน้ายาวปิดหน้าผากปัดไปด้านข้าง
เมื่อเขาเริ่มดีดกีตาร์ เสียงมันใสมากจนผมต้องเดินเข้าไปฟังใกล้ๆ คนผมยาวเล่นกีตาร์ในขณะที่อีกคนฮัมเพลงเบาๆ ผมคงมองเขาอยู่นานจนเขาเห็นและยิ้มให้
“เพราะไหม อยากเรียนรึเปล่า" คนผมสกินเฮดถามพลางหัวเราะ คนผมยาวยกเท้าหมายจะถีบแต่เขาก็หลบทัน
“ไอ้นี่มันจะสอนกีตาร์ แต่ยังไม่มีคนเรียน" พูดแล้วก็หัวเราะอีก คนผมยาวส่ายหน้าไม่สนใจแล้วเล่นเพลงอื่นต่อ
คราวนี้เพลงที่เขาเล่นทำนอนมันค่อนข้างเศร้า เป็นเพราะเขาเล่นเก่งหรือว่าเพลงมันเพราะก็ไม่รู้ทำให้ผมต้องตั้งใจฟัง ผมค่อยๆทิ้งตัวนั่งลงเงียบๆตรงเสาห่างจากพวกเขามาหน่อย ไม่มีใครพูดอะไรอีก มีแต่เสียงเพลงที่สั่นคลอนจิตใจ ผมทั้งรู้สึกเศร้า ทั้งรู้สึกชอบจนอยากจะฟังต่อไปเรื่อยๆ
“มึงมีแฟนคลับแล้วล่ะป็อป ดูดิหลับตาฟังเงียบเลย" สิ้นเสียงกีตาร์คนผมสกินเฮดก็พูดอีกครั้ง คนที่ชื่อป็อปยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มตอบนิดหน่อยแล้วลุกขึ้นโดยไม่ได้พูดอะไร เดินออกไปบอกพวกพี่ๆให้ช่วยยกเจ็ทสกีไปที่หาด
ผมออกมาเล่นเจ็ทสกีอยู่เกือบชั่วโมง จนเมื่อเอามาจอดและดับเครื่องผมก็เห็นฝาแฝดทั้งสองคนใส่แว่นกันแดดนั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมหาดใต้ร่มที่เรียงติดกัน ผมเดินไปหาพวกเขา และถามว่าอยากจะเล่นบ้างไหม
“ไม่ดีกว่า ไม่มีชุดเปลี่ยน เอาไว้ว่างๆจะมาเล่นนะ" เป็นคนที่ชื่อป็อปที่ตอบ จากนั้นคนผมสกินเฮดก็ถามผมว่าชื่ออะไร เขาก็แนะนำตัวว่าชื่อร็อค และคนผมยาวเป็นพี่ชายฝาแฝดชื่อป็อป
หลังจากแนะนำตัว ผมก็นั่งคุยกับทั้งสองอยู่นาน พวกเขาอายุ 17 เท่าผม ผมรู้สึกถูกชะตาทั้งสองคนมาก ซึ่งมันก็แปลกที่ผมอยากจะคุยกับสองคนนี้อย่างที่ไม่เคยจะเป็นกับคนแปลกหน้าอื่นๆมาก่อน พวกเขาเล่าว่าบ้านอยู่ในตัวเมืองและเปิดให้เช่าห้องซ้อมดนตรี วันนี้โดดเรียนและกะจะมาเที่ยวเล่นแต่รถก็มาเสียซะก่อน ตอนนี้ที่โรงเรียนมันเป็นช่วงกีฬาสีและพวกเขาก็อยู่ ม.6 ซึ่งแทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งยังไม่สนใจเป็นทุนเดิมก็เลยมาเร่ร่อนกันอยู่ถึงแถวนี้ เขาถามผมว่าเรียนอยู่ที่ไหน ผมเลยตอบเขาไปคร่าวๆว่าไม่ได้เรียนที่โรงเรียนแต่เรียนนอกระบบ...
กลางแดดจ้าตอนบ่ายและลมร้อนของทะเล ผู้คนบางตาในวันธรรมดา เราคุยกันไป บางทีป็อปก็เล่นกีตาร์คลอไปด้วย จวบจนถึงตอนบ่ายแก่ๆที่ผมต้องไปรับทะเลแล้วจึงต้องบอกลาพวกเขา
แต่เราก็ไม่ได้จากกันนาน
ผมคิดว่าเป็นเพราะเราต่างก็ถูกชะตากัน หลังจากวันนั้นพวกเขาก็มาหาผมบ่อยๆ มานั่งเล่นที่หาด บางทีก็เอากีตาร์มาด้วยอีกตัวเพื่อสอนผม เจ็ทสกีของผมก็ได้ใช้งานหนักขึ้นเพราะเพื่อนใหม่ทั้งสอง เราสนิทกันมากขึ้นในเวลารวดเร็ว
จนวันนึงพวกเขาก็ชวนผมมาที่ห้องซ้อมและเจอกับเพื่อนๆในวงคนอื่นๆ ซึ่งเป็นเพื่อนที่เล่นวงด้วยกันที่โรงเรียน
หากว่าการฟังเสียงกีตาร์เพียงอย่างเดียวให้ความรู้สึกเศร้าและกระทบความรู้สึกบางอย่างในตัวผมแล้ว...
การที่ได้ยินเล่นเต็มๆวงแบบนี้มันก็ให้ความรู้สึกอีกแบบ...คล้ายๆกับการได้ขี่เจ็ทสกี บางครั้งล่องลอย บางครั้งหนักหน่วง เสียงเพลงที่ดังจนสั่นสะเทือน มันให้ทั้งความสะใจ...สาสมใจ...
ผมชอบเพลงที่พวกเขาเล่น...มันคล้ายจะเยาะเย้ย คล้ายจะถากถางโลก
ร็อคเคยบอกว่าพ่อของเขาชอบดนตรีแนวนี้และพวกเขาก็ชอบมันเหมือนกันเพราะซึมซับจากพ่อมา ความเข้าใจดนตรีของพวกเขามันก็ทำให้ผมรู้สึกกับเพลงไปด้วย มันเต็มไปด้วยพลังและความรู้สึกที่ผมสัมผัสได้
เมื่อขาผมก้าวเข้าไปในโลกของพวกเขามันก็เหมือนจะถอยออกมายาก มันมีเสน่ห์ล้นเหลือและดึงดูด มันเป็นเหตุผล... เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมเริ่มเล่นดนตรี ผมลองเล่นทุกๆอย่าง และก็มาลงที่กลองเป็นเครื่องดนตรีประจำ เพราะเหตุผมเดียวคือ...มันสะใจผมที่สุดแล้ว...
ผมเริ่มจะฟังเพลงและหมกมุ่นอยู่กับดนตรีก็ตอนนั้น
เมื่ออยู่ในห้องหรืออยู่ในออฟฟิสน้าวิทย์ผมก็มันจะเปิดเพลงฟังเสมอๆ ทะเลที่ตัวติดกับผมก็พลอยชอบฟังเพลงไปด้วย เมื่อเริ่มเล่นดนตรีมันก็ทำให้ต้องผมต้องหาเพลงมาฟังเยอะๆ และที่ๆผมหาก็ไม่ใช่ที่ไหนนอกจากหาเอากับพวกมันทั้งสอง ป็อปกับร็อคมันก็ดูจะชอบแนะนำและหาเพลงที่พวกมันชอบมาให้ผมฟัง บางทีที่ป็อปกับร็อคมาหาก็เจอทะเลบ้าง ครั้งแรกที่ทะเลได้ยินป็อปเล่นกีตาร์ทะเลก็ตั้งใจฟังเหมือนผมตอนแรกไม่มีผิด ซ้ำยังบอกให้ป็อปสอนให้ด้วยท่าทีสนอกสนใจเหมือนเห็นของเล่นถูกใจ และป็อปที่หานักเรียนอยู่ก็ได้ทะเลเป็นนักเรียนคนแรกในที่สุด
ผมมักได้ยินเสียงกีตาร์ที่ทะเลเล่นเรื่อยๆ เสียงคอร์ดบอดๆจากมือเล็กๆนั่นค่อยๆเปลี่ยนเป็นทำนองเพลงสั้นๆ พอเล่นได้แค่นั้นก็ทำหน้าดีใจเหมือนรอเวลานี้มานาน แล้วไปเล่นให้น้าวิทย์ฟังเพื่ออ้อนขอกีตาร์ น้าวิทย์ก็ทำท่าเหมือนจะไม่ให้ แล้วมาแอบบอกให้ผมกับเพื่อนๆไปช่วยกันเลือกกีตาร์มาให้ทะเล
ผม ร็อคและป็อปเลือกกันอยู่นานก็ได้กีตาร์โปร่งสีดำมาเป็นของขวัญวันเกิดอายุครบ 12 ให้ทะเลในปีนั้น... และภาพที่ทะเลร้องอย่างดีใจและรอยยิ้มเมื่อเห็นกีตาร์ของทะเลนั้นมันก็ทำให้เราทุกคนยิ้มไปตามๆกัน
..............
นับได้ครึ่งปีที่รู้จักกัน ป็อปกับร็อคก็จบม.ปลายและสอบเข้ามหาวิทยาลัยสาขาดนตรีได้ทั้งสองคน ซึ่งก็เป็นมหาวิทยาลัยในจังหวัดนี้เอง ถึงจะเข้ามหาลัยแล้วพวกเราก็ยังคงเล่นดนตรีด้วยกันเหมือนเดิม เพื่อนๆในวงตอนม.ปลายของพวกมันหายไปบ้าง ผมก็เลยได้เล่นในวงประจำตำแหน่งกลองอย่างถาวร
เวลาผ่านไปเหมือนไม่นานในความรู้สึก สามปีที่เป็นเพื่อนกับป็อปและร็อค ผมได้เล่นดนตรี ได้ซ้อมอยู่กับวง จนถึงช่วงที่พวกมันอยู่ปีสามและมีเวลาว่าง พวกเราก็ตัดสินใจลองหาร้านเพื่อเล่นดู มันมีร้านไม่มากที่จะรับวงที่เล่นแนวเพลงอย่างพวกเรา หนึ่งในนั้นก็เป็นร้านของพี่ตินซึ่งเป็นร้านดังและมีวงดนตรีเจ๋งๆเล่นอยู่เยอะ แม้ว่าวงที่ร้านจะมีอยู่แล้วแต่พี่ตินก็ยังให้เราลองเล่นให้ดู ซึ่งแน่นอนว่าเขาชอบ พี่ตินเลยบอกให้วงเรามาเล่นที่ร้านในเวลาที่วงประจำไม่ว่างหรือติดธุระ
และการเริ่มต้นเล่นดนตรีที่ร้านนี้เองที่เป็นช่วงเริ่มต้นของอะไรหลายๆอย่างของพวกเรา
.
.
.
.
.
.
Holidays In The Sun เพลงโปรดของไอ้ร็อคจบลงพร้อมกับเสียงโห่ร้อง
จากนั้นพวกเราก็เล่นเพลงอย่างต่อเนื่องจนครบเวลา
ตลอดเวลาที่เล่นอยู่นั้น ทั้งบรรยากาศ คนดู เสียงเพลง มันให้ความรู้สึกตื่นเต้น ผมรับรู้ได้ถึงอะดรีนาลีนที่หลั่งทั่วร่าง...มันเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ผมสัมผัสได้ถึงความมืดมิดที่เก็บเอาไว้ และปลดปล่อยออกมาสู่ที่ๆมีคนร่วมกันรับรู้และรู้สึกร่วมกัน...มันทำให้ผมชอบช่วงเวลาแบบนี้จริงๆ
........................
“พี่บลู!” เสียงสองเสียงของชายหญิงเรียกผมทันทีที่เปิดเข้าไปในห้องพักหลังร้าน
หนึ่งเสียงที่เรียกคือทะเล
อีกหนึ่งคือน้องสาวของร็อคกับป็อปที่ชื่อ 'แจ๊ส'
ผมเลิกคิ้วขึ้นมองทั้งสอง แล้วยิ้มบางๆ
“พี่บลูโคตรเท่เลยอะ เล่นครั้งแรกก็มีแฟนคลับแล้วมั้ง เห็นกรี๊ดกันจัง"
“แกก็กรี๊ด อย่าคิดว่าพี่ไม่เห็น" ร็อคพูดกับน้องมัน ทุกคนก็หัวเราะ ผมเดินมากอดคอทะเล เมื่อเห็นคิ้วนั่นขมวดมุ่น ทะเลเงยหน้ามองผมแล้วถามว่าเราจะกลับบ้านกันเมื่อไหร่ ผมหันไปถามเพื่อนๆในวง มันบอกว่ากะจะไปต่อกัน แต่ผมไม่อยากให้ทะเลไปด้วยเลยบอกเพื่อนๆว่าจะกลับก่อน
ทะเลเดินตามผมออกมาจากร้านแต่ก็เงียบผิดปกติ
“ง่วงเหรอ" ผมถาม ทะเลมองผมสักพักก่อนจะพยักหน้า
ผมยิ้ม...แล้วสตาร์ทมอเตอร์ไซค์พาทะเลกลับบ้าน
ทะเลกอดเอวผมซุกหน้าอยู่กับหลังเมื่อลมพัดผ่านหน้า ผมรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ไม่ปกติของทะเล
หรือว่าอยากจะไปเที่ยว...
จริงๆอายุ 15 ของทะเลก็โตพอจะไปเที่ยวไหนๆได้แล้ว น้าวิทย์ปล่อยทะเลพอสมควรเพราะมีผมคอยดู แต่ผมก็บ่ายเบี่ยงไม่ค่อยอยากจะพาไป
เพราะผมยังคงไม่ชอบแสงไฟสลัวของที่เที่ยวในตอนกลางคืน ผมมาจากย่านแบบนั้นและคุ้นเคยดี มันไม่มีอะไรเลยนอกจากด้านที่น่าขยะแขยงของมนุษย์ สำหรับผมแล้วทะเลไม่เหมาะสักนิดกับที่แบบนั้น
ไม่ต้องพาไปแหละดีแล้ว...
ผมคิดและถอนหายใจออกมา ทะเลเงยหน้าขึ้นจากหลังผมแล้วถาม
“พี่อยากไปต่อกับเพื่อนหรือเปล่า"
“ไม่" ผมตอบออกมาแทบจะในทันที และเป็นทะเลที่ถอนหายใจออกมาบ้างแล้วซุกหน้าลงกับหลังผมเหมือนเดิม
เมื่อเราถึงบ้านทะเลก็อาบน้ำแล้วก็มานอนห้องผมอย่างเคย เราไม่ได้นอนเตียงเดียวกัน ทะเลจะปูที่นอนข้างล่างข้างเตียงผม มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็จำไม่ได้ ผมเคยคิดว่าเมื่อทะเลโตก็คงจะกลับไปนอนห้องตัวเองแต่จนตอนนี้ก็ยังไม่เห็นจะมีวี่แวว...
ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนใกล้จะหลับก็ได้ยินเสียงเรียกเบาๆของทะเล
“พี่บลู"ผมครางในลำคอตอบ พลิกตัวมาหา เห็นทะเลก็หันมาทางผมเช่นเดียวกัน
ทะเลไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ยื่นมือมาจับมือของผม แม้จะแปลกใจแต่ผมก็ทิ้งมือลงข้างเตียงให้ทะเลจับได้ถนัดขึ้น ทะเลจับไว้อย่างนั้น ค้างนิ่ง ไม่ได้ปล่อยออก สักพักผมก็เห็นตาใสๆนั่นหลับลง
ผมสงสัยในการกระทำแต่ก็ไม่ได้มากพอที่จะถามอะไรออกไป
ผมมองทะเลในความมืดเห็นแค่เงาดำลางๆ ทะเลที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปทีละนิดๆ จากเด็กตัวเล็กๆที่ร่าเริงสดใสทะเลโตขึ้นมาก เป็นเด็กหนุ่มที่ดวงตายังคงความสดใสแต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน เป็นคนที่ใครๆก็อยากเข้าหา ผมให้คำจำกัดความใหม่กับทะเลแบบนั้น
มือที่จับกันตอนนี้ให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดสำหรับผม มันเป็นความเปลี่ยนแปลงส่วนหนึ่งที่รู้สึกได้ทั้งของทะเลและตัวผมเอง
เป็นความรู้สึกอะไรบางอย่าง...บางอย่างที่ไม่ควร
ผมเห็นเงาดำที่พาดผ่านตัวผมเอง มันค่อยๆชัดขึ้นจนผมเริ่มกลัวและพยายามดึงตัวเองไม่ให้ดำดิ่งลงไปกับมัน
ผมถอนใจ กระชับมือทะเลให้แน่นเข้าอีกนิดและหลับตา...เลือกที่จะไม่คิดอะไรอีก...
เลือกที่จะปล่อยมันไป...
จนกว่าจะถึงเวลา
Song Titles : Holidays In The Sun
Artist : Sex Pistols
Holidays In The Sun
เพลงอึกทึกอยู่ด้านนอก เสียงนักร้องนำแหกปากอย่างสะใจ ไม่ต้องเห็นภาพก็รู้ว่าพวกวัยรุ่นเลือดร้อนคงกำลังบ้าคลั่ง กระโดดและโห่ร้องตามจังหวะเพลง
“เฮ้ย! เตรียมขึ้นนะ" พี่ตินเปิดประตูมาบอกพวกผมให้เตรียมพร้อมและจากไป ประตูยังไม่ทันปิดดี ไอ้ร็อคก็เดินเข้ามาจากหลังร้านพูดกับผม
“บลู น้องมึงมา" ทะเลสะพายกีตาร์เดินยิ้มเข้ามา ผมส่ายหัว ทั้งที่บอกว่าไม่ให้มาก็มาจนได้
“รออยู่นี่ พี่จะขึ้นแล้ว"
“ไม่ เดี๋ยวเลจะไปดูข้างนอกด้วย" ผมพยักหน้าตามใจเพราะบอกอะไรไปก็คงไม่ฟัง แต่ก็ดีถ้าอยู่ข้างนอกจะได้อยู่ในสายตา
เพลงจบ วงที่เล่นก่อนหน้าลงจากเวที พวกเราก็ขึ้นประจำที่ ผมนั่งรอเพื่อนๆเซ็ทเครื่องสักพัก สายตาก็มองหาทะเล
เห็นแล้ว...ขวาสุดข้างบาร์
ทันทีที่เห็นผมมองทะเลก็ส่งยิ้มพร้อมลักยิ้มสองข้างมาให้
ผมยกยิ้มให้นิดนึงก่อนจะเคาะไม้ให้จังหวะขึ้นเพลงแรกของวงพวกเรา
Holidays In The Sun
.
.
.
.
.
.
ผมอยู่กับน้าวิทย์มาเก้าปีแล้ว ในระยะเก้าปีนี้มีความเปลี่ยนแปลงมากมายในชีวิตผม เจ๊หนิงมาเยี่ยมผมสองสามเดือนครั้ง แต่ครั้งแรกที่มาหาผมหลังจากที่มาอยู่กับน้าวิทย์ก็ล่วงเลยมาหกเดือน ซึ่งในขณะนั้นผมก็ได้ปรับตัวกับครอบครัวนี้เรียบร้อยแล้วเจ๊หนิงจึงไม่ได้กังวลอะไร และบอกผมเหมือนกับที่น้าวิทย์บอกว่าให้คิดซะว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน
เจ๊หนิงเล่าให้ฟังว่าพี่หญิงยังไม่รู้ว่าผมหายไปไหน และคงคิดว่าผมหนีไป ในขณะที่เจ๊ก็คาดคั้นเอาจากแม่ว่าพี่หญิงให้ผมทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แม่ก็เล่าให้เจ๊ฟังทั้งหมด สายตาสงสารของเจ๊ทำให้ต้องผมบอกเจ๊ว่าผมไม่เป็นไรแล้วตอนนี้ และทั้งหมด ผมต้องขอบคุณเจ๊หนิงจริงๆ
.
.
ผมเรียนหนังสือกับน้าเพลงอยู่หลายปี จากนั้นน้าเพลงก็สมัครการศึกษานอกระบบให้ เพื่อที่จะได้สามารถเรียนจบมัธยมและสอบเข้ามหาลัยได้
แรกเริ่มมันเป็นแค่ความตั้งใจของน้าเพลง เพราะผมยังไม่รู้ว่าจะเรียนมหาลัยเพื่ออะไร หรืออยากเรียนอะไร ผมแค่ตั้งใจเรียนตามบทเรียนไปเรื่อยๆตามแต่น้าเพลงจะสอน นอกจากเรียนแล้วผมก็มีช่วงเวลาที่ว่างๆอยู่มาก มันเป็นช่วงเวลาที่ทั้งน้าเพลงและทะเลไม่อยู่บ้าน เวลาที่ไม่รู้จะทำอะไรผมก็ออกจากห้องลงไปที่อู่ดูน้าวิทย์และคนในอู่ทำงาน บางทีก็ถามน้าวิทย์ว่ามีอะไรที่ผมช่วยทำได้ไหม น้าวิทย์คงเห็นผมเบื่อๆที่ไม่มีอะไรทำเลยค่อยๆสอนผม สอนให้รู้จักกับเครื่องยนต์ บางทีก็ให้ช่วยดูเรื่องเอกสาร ผมค่อยๆซึมซับทุกๆอย่างเข้ามา ทั้งเรื่องรถ และเรื่องต่างๆ ยิ่งผมเรียนรู้ ผมก็ยิ่งชอบ...
โดยเฉพาะ...เจ็ทสกี...
เจ็ทสกีที่ผมยังจำได้ว่าผมอยากจะเล่นนักหนา ในที่สุดผมก็ได้ขี่มันแล้ว
บางครั้งที่น้าวิทย์ต้องซ่อมผมจะตื่นเต้นทุกครั้งที่จะได้ลองขี่เพื่อทดสอบ ความรู้สึกที่ได้ขี่มันดียิ่งกว่าที่ผมเคยจินตนาการ ทั้งน้ำทะเล ลม และความเร็ว มันเหมือนได้ปลดปล่อยความรู้สึกในตัวเอง ผมมักจะขอน้าวิทย์ขี่ทุกครั้งที่มีโอกาส ด้วยความที่เห็นผมสนใจเป็นพิเศษและชอบมันมาก น้าวิทย์เลยซื้อเจ็ทสกีมือสองให้ผมลำหนึ่ง มันเป็นสีน้ำเงิน น้าวิทย์บอกว่าให้ผมเอาไว้ขี่เล่นหรือเอาไว้ให้เช่าก็ได้
หลังจากที่ผมได้มันมาผมก็ใช้เวลาว่างของผมแทบทั้งหมดไปกับมัน ผมอายุ 15 ตอนที่ได้เจ็ทสกีลำนั้น ทุกครั้งพี่ๆที่อู่จะช่วยยกขึ้นเทรลเลอร์ไปที่หาดให้ บางทีที่ว่างทั้งวันผมก็จะให้คนเช่าบ้าง ทะเลก็มาอยู่กับผมแทบตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่หาดเพราะชอบให้ผมพาขี่เล่น
ผมบอกไม่ถูกว่ามีความสุขมากแค่ไหนช่วงเวลานั้น มันเหมือนผมได้ใช้ชีวิตของช่วงวัยเด็กที่ขาดหาย
ได้เล่น ได้เรียน มีทะเลเป็นเพื่อนและน้อง มีน้าวิทย์กับน้าเพลงเป็นครอบครัว
ผมมีชีวิตที่ผมเรียกว่าสมบูรณ์และดำเนินไปในลักษณะนั้นจนผมอายุ 17
ช่วงชีวิตวัยรุ่นของผมก็ค่อยๆเริ่มขึ้น...พร้อมๆกับเพื่อนใหม่...
ที่ชื่อ...'ป็อป' กับ 'ร็อค'
..........
มันเป็นวันที่แดดร้อนระอุครั้งแรกที่ได้เจอทั้งสองกับรถญี่ปุ่นสีม่วงเปลือกมังคุด
ผู้ชายวัยรุ่นสองคนเข็นรถช้าๆมาถึงอู่ของน้าวิทย์ ตอนนั้นผมอยู่หน้าอู่พอดี พวกเขามองผมและหนึ่งในนั้นทักขึ้น
“ไฮ"
คนผมสกินเฮดทักผมแบบนั้น อาจเป็นเพราะไม่รู้ว่าผมพูดไทยหรืออังกฤษ ผมยังไม่ได้ตอบอะไรน้าวิทย์ก็เดินมาหาแล้วถามอาการของรถพวกเขา เมื่อเขาบอก น้าวิทย์ก็บอกว่าคงใช้เวลาหน่อยอาจเสร็จเย็นๆ จะรอก็ได้หรือจะมารับวันพรุ่งนี้ก็ได้ พวกเขาเลือกที่จะรอและฆ่าเวลาด้วยการหยิบกีตาร์ออกมาจากหลังรถและนั่งลงแถวๆเจ็ทสกีของผมที่จอดอยู่
ผมเพิ่งจะมองพวกเขาชัดๆก็ตอนนี้
...พวกเขาเป็นฝาแผด...
ทั้งสองหน้าตาเหมือนกัน แต่ก็ต่างกันอย่างชัดเจน
คนนึงตัวใหญ่กว่านิดหน่อย ตัดผมสกินเฮด
อีกคนหนึ่ง ผมข้างหน้ายาวปิดหน้าผากปัดไปด้านข้าง
เมื่อเขาเริ่มดีดกีตาร์ เสียงมันใสมากจนผมต้องเดินเข้าไปฟังใกล้ๆ คนผมยาวเล่นกีตาร์ในขณะที่อีกคนฮัมเพลงเบาๆ ผมคงมองเขาอยู่นานจนเขาเห็นและยิ้มให้
“เพราะไหม อยากเรียนรึเปล่า" คนผมสกินเฮดถามพลางหัวเราะ คนผมยาวยกเท้าหมายจะถีบแต่เขาก็หลบทัน
“ไอ้นี่มันจะสอนกีตาร์ แต่ยังไม่มีคนเรียน" พูดแล้วก็หัวเราะอีก คนผมยาวส่ายหน้าไม่สนใจแล้วเล่นเพลงอื่นต่อ
คราวนี้เพลงที่เขาเล่นทำนอนมันค่อนข้างเศร้า เป็นเพราะเขาเล่นเก่งหรือว่าเพลงมันเพราะก็ไม่รู้ทำให้ผมต้องตั้งใจฟัง ผมค่อยๆทิ้งตัวนั่งลงเงียบๆตรงเสาห่างจากพวกเขามาหน่อย ไม่มีใครพูดอะไรอีก มีแต่เสียงเพลงที่สั่นคลอนจิตใจ ผมทั้งรู้สึกเศร้า ทั้งรู้สึกชอบจนอยากจะฟังต่อไปเรื่อยๆ
“มึงมีแฟนคลับแล้วล่ะป็อป ดูดิหลับตาฟังเงียบเลย" สิ้นเสียงกีตาร์คนผมสกินเฮดก็พูดอีกครั้ง คนที่ชื่อป็อปยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มตอบนิดหน่อยแล้วลุกขึ้นโดยไม่ได้พูดอะไร เดินออกไปบอกพวกพี่ๆให้ช่วยยกเจ็ทสกีไปที่หาด
ผมออกมาเล่นเจ็ทสกีอยู่เกือบชั่วโมง จนเมื่อเอามาจอดและดับเครื่องผมก็เห็นฝาแฝดทั้งสองคนใส่แว่นกันแดดนั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมหาดใต้ร่มที่เรียงติดกัน ผมเดินไปหาพวกเขา และถามว่าอยากจะเล่นบ้างไหม
“ไม่ดีกว่า ไม่มีชุดเปลี่ยน เอาไว้ว่างๆจะมาเล่นนะ" เป็นคนที่ชื่อป็อปที่ตอบ จากนั้นคนผมสกินเฮดก็ถามผมว่าชื่ออะไร เขาก็แนะนำตัวว่าชื่อร็อค และคนผมยาวเป็นพี่ชายฝาแฝดชื่อป็อป
หลังจากแนะนำตัว ผมก็นั่งคุยกับทั้งสองอยู่นาน พวกเขาอายุ 17 เท่าผม ผมรู้สึกถูกชะตาทั้งสองคนมาก ซึ่งมันก็แปลกที่ผมอยากจะคุยกับสองคนนี้อย่างที่ไม่เคยจะเป็นกับคนแปลกหน้าอื่นๆมาก่อน พวกเขาเล่าว่าบ้านอยู่ในตัวเมืองและเปิดให้เช่าห้องซ้อมดนตรี วันนี้โดดเรียนและกะจะมาเที่ยวเล่นแต่รถก็มาเสียซะก่อน ตอนนี้ที่โรงเรียนมันเป็นช่วงกีฬาสีและพวกเขาก็อยู่ ม.6 ซึ่งแทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งยังไม่สนใจเป็นทุนเดิมก็เลยมาเร่ร่อนกันอยู่ถึงแถวนี้ เขาถามผมว่าเรียนอยู่ที่ไหน ผมเลยตอบเขาไปคร่าวๆว่าไม่ได้เรียนที่โรงเรียนแต่เรียนนอกระบบ...
กลางแดดจ้าตอนบ่ายและลมร้อนของทะเล ผู้คนบางตาในวันธรรมดา เราคุยกันไป บางทีป็อปก็เล่นกีตาร์คลอไปด้วย จวบจนถึงตอนบ่ายแก่ๆที่ผมต้องไปรับทะเลแล้วจึงต้องบอกลาพวกเขา
แต่เราก็ไม่ได้จากกันนาน
ผมคิดว่าเป็นเพราะเราต่างก็ถูกชะตากัน หลังจากวันนั้นพวกเขาก็มาหาผมบ่อยๆ มานั่งเล่นที่หาด บางทีก็เอากีตาร์มาด้วยอีกตัวเพื่อสอนผม เจ็ทสกีของผมก็ได้ใช้งานหนักขึ้นเพราะเพื่อนใหม่ทั้งสอง เราสนิทกันมากขึ้นในเวลารวดเร็ว
จนวันนึงพวกเขาก็ชวนผมมาที่ห้องซ้อมและเจอกับเพื่อนๆในวงคนอื่นๆ ซึ่งเป็นเพื่อนที่เล่นวงด้วยกันที่โรงเรียน
หากว่าการฟังเสียงกีตาร์เพียงอย่างเดียวให้ความรู้สึกเศร้าและกระทบความรู้สึกบางอย่างในตัวผมแล้ว...
การที่ได้ยินเล่นเต็มๆวงแบบนี้มันก็ให้ความรู้สึกอีกแบบ...คล้ายๆกับการได้ขี่เจ็ทสกี บางครั้งล่องลอย บางครั้งหนักหน่วง เสียงเพลงที่ดังจนสั่นสะเทือน มันให้ทั้งความสะใจ...สาสมใจ...
ผมชอบเพลงที่พวกเขาเล่น...มันคล้ายจะเยาะเย้ย คล้ายจะถากถางโลก
ร็อคเคยบอกว่าพ่อของเขาชอบดนตรีแนวนี้และพวกเขาก็ชอบมันเหมือนกันเพราะซึมซับจากพ่อมา ความเข้าใจดนตรีของพวกเขามันก็ทำให้ผมรู้สึกกับเพลงไปด้วย มันเต็มไปด้วยพลังและความรู้สึกที่ผมสัมผัสได้
เมื่อขาผมก้าวเข้าไปในโลกของพวกเขามันก็เหมือนจะถอยออกมายาก มันมีเสน่ห์ล้นเหลือและดึงดูด มันเป็นเหตุผล... เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมเริ่มเล่นดนตรี ผมลองเล่นทุกๆอย่าง และก็มาลงที่กลองเป็นเครื่องดนตรีประจำ เพราะเหตุผมเดียวคือ...มันสะใจผมที่สุดแล้ว...
ผมเริ่มจะฟังเพลงและหมกมุ่นอยู่กับดนตรีก็ตอนนั้น
เมื่ออยู่ในห้องหรืออยู่ในออฟฟิสน้าวิทย์ผมก็มันจะเปิดเพลงฟังเสมอๆ ทะเลที่ตัวติดกับผมก็พลอยชอบฟังเพลงไปด้วย เมื่อเริ่มเล่นดนตรีมันก็ทำให้ต้องผมต้องหาเพลงมาฟังเยอะๆ และที่ๆผมหาก็ไม่ใช่ที่ไหนนอกจากหาเอากับพวกมันทั้งสอง ป็อปกับร็อคมันก็ดูจะชอบแนะนำและหาเพลงที่พวกมันชอบมาให้ผมฟัง บางทีที่ป็อปกับร็อคมาหาก็เจอทะเลบ้าง ครั้งแรกที่ทะเลได้ยินป็อปเล่นกีตาร์ทะเลก็ตั้งใจฟังเหมือนผมตอนแรกไม่มีผิด ซ้ำยังบอกให้ป็อปสอนให้ด้วยท่าทีสนอกสนใจเหมือนเห็นของเล่นถูกใจ และป็อปที่หานักเรียนอยู่ก็ได้ทะเลเป็นนักเรียนคนแรกในที่สุด
ผมมักได้ยินเสียงกีตาร์ที่ทะเลเล่นเรื่อยๆ เสียงคอร์ดบอดๆจากมือเล็กๆนั่นค่อยๆเปลี่ยนเป็นทำนองเพลงสั้นๆ พอเล่นได้แค่นั้นก็ทำหน้าดีใจเหมือนรอเวลานี้มานาน แล้วไปเล่นให้น้าวิทย์ฟังเพื่ออ้อนขอกีตาร์ น้าวิทย์ก็ทำท่าเหมือนจะไม่ให้ แล้วมาแอบบอกให้ผมกับเพื่อนๆไปช่วยกันเลือกกีตาร์มาให้ทะเล
ผม ร็อคและป็อปเลือกกันอยู่นานก็ได้กีตาร์โปร่งสีดำมาเป็นของขวัญวันเกิดอายุครบ 12 ให้ทะเลในปีนั้น... และภาพที่ทะเลร้องอย่างดีใจและรอยยิ้มเมื่อเห็นกีตาร์ของทะเลนั้นมันก็ทำให้เราทุกคนยิ้มไปตามๆกัน
..............
นับได้ครึ่งปีที่รู้จักกัน ป็อปกับร็อคก็จบม.ปลายและสอบเข้ามหาวิทยาลัยสาขาดนตรีได้ทั้งสองคน ซึ่งก็เป็นมหาวิทยาลัยในจังหวัดนี้เอง ถึงจะเข้ามหาลัยแล้วพวกเราก็ยังคงเล่นดนตรีด้วยกันเหมือนเดิม เพื่อนๆในวงตอนม.ปลายของพวกมันหายไปบ้าง ผมก็เลยได้เล่นในวงประจำตำแหน่งกลองอย่างถาวร
เวลาผ่านไปเหมือนไม่นานในความรู้สึก สามปีที่เป็นเพื่อนกับป็อปและร็อค ผมได้เล่นดนตรี ได้ซ้อมอยู่กับวง จนถึงช่วงที่พวกมันอยู่ปีสามและมีเวลาว่าง พวกเราก็ตัดสินใจลองหาร้านเพื่อเล่นดู มันมีร้านไม่มากที่จะรับวงที่เล่นแนวเพลงอย่างพวกเรา หนึ่งในนั้นก็เป็นร้านของพี่ตินซึ่งเป็นร้านดังและมีวงดนตรีเจ๋งๆเล่นอยู่เยอะ แม้ว่าวงที่ร้านจะมีอยู่แล้วแต่พี่ตินก็ยังให้เราลองเล่นให้ดู ซึ่งแน่นอนว่าเขาชอบ พี่ตินเลยบอกให้วงเรามาเล่นที่ร้านในเวลาที่วงประจำไม่ว่างหรือติดธุระ
และการเริ่มต้นเล่นดนตรีที่ร้านนี้เองที่เป็นช่วงเริ่มต้นของอะไรหลายๆอย่างของพวกเรา
.
.
.
.
.
.
Holidays In The Sun เพลงโปรดของไอ้ร็อคจบลงพร้อมกับเสียงโห่ร้อง
จากนั้นพวกเราก็เล่นเพลงอย่างต่อเนื่องจนครบเวลา
ตลอดเวลาที่เล่นอยู่นั้น ทั้งบรรยากาศ คนดู เสียงเพลง มันให้ความรู้สึกตื่นเต้น ผมรับรู้ได้ถึงอะดรีนาลีนที่หลั่งทั่วร่าง...มันเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ผมสัมผัสได้ถึงความมืดมิดที่เก็บเอาไว้ และปลดปล่อยออกมาสู่ที่ๆมีคนร่วมกันรับรู้และรู้สึกร่วมกัน...มันทำให้ผมชอบช่วงเวลาแบบนี้จริงๆ
........................
“พี่บลู!” เสียงสองเสียงของชายหญิงเรียกผมทันทีที่เปิดเข้าไปในห้องพักหลังร้าน
หนึ่งเสียงที่เรียกคือทะเล
อีกหนึ่งคือน้องสาวของร็อคกับป็อปที่ชื่อ 'แจ๊ส'
ผมเลิกคิ้วขึ้นมองทั้งสอง แล้วยิ้มบางๆ
“พี่บลูโคตรเท่เลยอะ เล่นครั้งแรกก็มีแฟนคลับแล้วมั้ง เห็นกรี๊ดกันจัง"
“แกก็กรี๊ด อย่าคิดว่าพี่ไม่เห็น" ร็อคพูดกับน้องมัน ทุกคนก็หัวเราะ ผมเดินมากอดคอทะเล เมื่อเห็นคิ้วนั่นขมวดมุ่น ทะเลเงยหน้ามองผมแล้วถามว่าเราจะกลับบ้านกันเมื่อไหร่ ผมหันไปถามเพื่อนๆในวง มันบอกว่ากะจะไปต่อกัน แต่ผมไม่อยากให้ทะเลไปด้วยเลยบอกเพื่อนๆว่าจะกลับก่อน
ทะเลเดินตามผมออกมาจากร้านแต่ก็เงียบผิดปกติ
“ง่วงเหรอ" ผมถาม ทะเลมองผมสักพักก่อนจะพยักหน้า
ผมยิ้ม...แล้วสตาร์ทมอเตอร์ไซค์พาทะเลกลับบ้าน
ทะเลกอดเอวผมซุกหน้าอยู่กับหลังเมื่อลมพัดผ่านหน้า ผมรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ไม่ปกติของทะเล
หรือว่าอยากจะไปเที่ยว...
จริงๆอายุ 15 ของทะเลก็โตพอจะไปเที่ยวไหนๆได้แล้ว น้าวิทย์ปล่อยทะเลพอสมควรเพราะมีผมคอยดู แต่ผมก็บ่ายเบี่ยงไม่ค่อยอยากจะพาไป
เพราะผมยังคงไม่ชอบแสงไฟสลัวของที่เที่ยวในตอนกลางคืน ผมมาจากย่านแบบนั้นและคุ้นเคยดี มันไม่มีอะไรเลยนอกจากด้านที่น่าขยะแขยงของมนุษย์ สำหรับผมแล้วทะเลไม่เหมาะสักนิดกับที่แบบนั้น
ไม่ต้องพาไปแหละดีแล้ว...
ผมคิดและถอนหายใจออกมา ทะเลเงยหน้าขึ้นจากหลังผมแล้วถาม
“พี่อยากไปต่อกับเพื่อนหรือเปล่า"
“ไม่" ผมตอบออกมาแทบจะในทันที และเป็นทะเลที่ถอนหายใจออกมาบ้างแล้วซุกหน้าลงกับหลังผมเหมือนเดิม
เมื่อเราถึงบ้านทะเลก็อาบน้ำแล้วก็มานอนห้องผมอย่างเคย เราไม่ได้นอนเตียงเดียวกัน ทะเลจะปูที่นอนข้างล่างข้างเตียงผม มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็จำไม่ได้ ผมเคยคิดว่าเมื่อทะเลโตก็คงจะกลับไปนอนห้องตัวเองแต่จนตอนนี้ก็ยังไม่เห็นจะมีวี่แวว...
ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนใกล้จะหลับก็ได้ยินเสียงเรียกเบาๆของทะเล
“พี่บลู"ผมครางในลำคอตอบ พลิกตัวมาหา เห็นทะเลก็หันมาทางผมเช่นเดียวกัน
ทะเลไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ยื่นมือมาจับมือของผม แม้จะแปลกใจแต่ผมก็ทิ้งมือลงข้างเตียงให้ทะเลจับได้ถนัดขึ้น ทะเลจับไว้อย่างนั้น ค้างนิ่ง ไม่ได้ปล่อยออก สักพักผมก็เห็นตาใสๆนั่นหลับลง
ผมสงสัยในการกระทำแต่ก็ไม่ได้มากพอที่จะถามอะไรออกไป
ผมมองทะเลในความมืดเห็นแค่เงาดำลางๆ ทะเลที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปทีละนิดๆ จากเด็กตัวเล็กๆที่ร่าเริงสดใสทะเลโตขึ้นมาก เป็นเด็กหนุ่มที่ดวงตายังคงความสดใสแต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน เป็นคนที่ใครๆก็อยากเข้าหา ผมให้คำจำกัดความใหม่กับทะเลแบบนั้น
มือที่จับกันตอนนี้ให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดสำหรับผม มันเป็นความเปลี่ยนแปลงส่วนหนึ่งที่รู้สึกได้ทั้งของทะเลและตัวผมเอง
เป็นความรู้สึกอะไรบางอย่าง...บางอย่างที่ไม่ควร
ผมเห็นเงาดำที่พาดผ่านตัวผมเอง มันค่อยๆชัดขึ้นจนผมเริ่มกลัวและพยายามดึงตัวเองไม่ให้ดำดิ่งลงไปกับมัน
ผมถอนใจ กระชับมือทะเลให้แน่นเข้าอีกนิดและหลับตา...เลือกที่จะไม่คิดอะไรอีก...
เลือกที่จะปล่อยมันไป...
จนกว่าจะถึงเวลา
Song Titles : Holidays In The Sun
Artist : Sex Pistols
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น