รวมเทคนิคการเป็นนักเขียนออนไลน์

ลำดับตอนที่ #27 : - ความเห็นส่วนตัว: การเร่งเวลาในนิยายเกมออนไลน์ -

– ความเห็นส่วนตัว: การเร่งเวลาในนิยายเกมออนไลน์ –

ส่วนตัวเขียนนิยายแนวนี้ด้วยเหมือนกัน ซึ่งก็คือ...

(โฆษณากันโต้ง ๆ ไปเลย !!!)

โดยก่อนจะเขียนก็หาข้อมูล และคิดวิเคราะห์เรื่องต่าง ๆ ก่อนจะลงมือเขียน ซึ่งมีสิ่งหนึ่งที่ยังติดใจ และพบว่าหลายเรื่องต่างมีเรื่องนี้เข้ามาเกี่ยวพันค่อนข้างมาก นั่นคือ

“ระบบเร่งเวลา”

ที่ทำให้เวลาในเกมดำเนินเร็วกว่าโลกจริงไปหลายเท่า เช่นโลกจริง 1 ชั่วโมง แต่ในเกม 1 วันเป็นต้น

โดยส่วนตัวเมื่อวิเคราะห์ถึงเรื่องนี้ จะพบว่าข้อดีมีน้อยมาก กลับกันข้อเสียกลับมีมากกว่า ซึ่งมีอะไรบ้างนั้นลองดูและคิดวิเคราะห์ไปพร้อมกันได้

ข้อดี:

1. มีเวลาเล่นเกมมากขึ้น เล่นได้ต่อเนื่องมากขึ้น

จบ... ข้อดีมีแค่นี้ นึกต่อจากนี้ไม่ออกแล้ว

ข้อเสีย:

1. ทำให้เสียการเรียนหรืองานการ – เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะในโลกความเป็นจริงเราก็ยังต้องเรียนและทำงานไปพร้อมกับการเล่นเกม ทว่าหากเว้นจากหน้าที่หลักนาน ๆ ก็จะทำให้มีประสิทธิภาพกับสิ่งนั้นที่ด้อยลงไป ผลการเรียนตกต่ำ และการทำงานที่ย่ำแย่ เพราะไม่สามารถต่องานที่ทำได้ดีนั่นเอง หาก 1 ชั่วโมง = 1 วันแล้ว และเราเล่นแค่ สองทุ่มถึงเที่ยงคืน แปลว่าเราจะเล่นถึง สี่วันแต่เรียนหรือทำงานแค่วันเดียว แล้วสลับเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ขอถามว่าจะเรียนหรือทำงานได้เต็มที่หรือไม่ ?  จริงอยู่ที่เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคล แต่สมควรจะให้มันเกิดขึ้นแน่หรือ ?

2. เสียโอกาสในช่วงเริ่มต้นของเกม – สิ่งนี้จะไม่เกิดผลกับเกมที่เริ่มไปนานแล้ว หรือเกมที่มีความลึกของเนื้อเรื่องที่ให้ผจญภัยที่สูง (พูดง่าย ๆ ว่าเล่นเป็นปี ก็ยังไม่ถึงจุดสุดยอดของเกมสักที) กลับกันหากเกมที่ช่วงเริ่มต้นมีส่วนสำคัญต่อการเล่นเกมในภายหลัง มีการให้ครอบครองทรัพยากร เขตแดน หรือเมืองที่จำกัด ปัญหาจะเกิดขึ้นมาในทันที เพราะมันหมายความว่าคนที่เริ่มเกมเร็วและเล่นต่อเนื่องในช่วงแรกมาก จะยิ่งมีโอกาสที่เก็บเลเวลเร็วกว่าผู้อื่น แข็งแกร่งกว่าผู้อื่น และครอบครองสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเกมอย่างจำกัดได้ก่อนใครเพื่อน ซึ่งแค่เข้าเกมช้าไปวันเดียวก็ทำให้หายไปกว่าครึ่งเดือนแล้ว แบบนี้จะสามารถตามคนที่เข้าเกมก่อนได้ทันหรือไม่ ?

3. จัดเควสต์หรืออีเว้นต์ได้ลำบาก – สิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญที่หลายคนมองข้ามไป ตัวอย่างเช่นเควสต์แบบลีคฟุตบอล ที่มีการจัดทีมเพื่อมาสู้กับทุกสัปดาห์ และทำซ้ำไปเรื่อย ๆ เป็นเดือน ๆ ซึ่งหากมีการเร่งเวลาจะทำให้เกมนั้นไม่อาจมีเควสต์ทำนองนี้ได้ในทันที เพราะทุกสัปดาห์หมายถึง ทุก 7 ชั่วโมง แต่มนุษย์เราจะสามารถกลับเข้าไปในเกมทุก ๆ 7 ชั่วโมงได้งั้นหรือ ? เพราะยังไงต้องมีเวลานอน เวลาเรียน เวลาทำงาน ที่กินเวลาเหล่านั้นออกไปแล้ว แน่นอนการที่ทำติดต่อกันเป็นเดือนก็หมายความว่าหากอยู่รวดเดียวจบก็ต้องอยู่ในเกมถึง 30 ชั่วโมงติดต่อกัน มันจะทำได้หรือไม่ ? นอกจากนี้การจะมาเลื่อนการแข่งให้มาตรงกับเวลาที่ทุกคนน่าจะอยู่ก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะมันจะหมายความว่าระบบเกมนั้นจะทำให้คนที่ต้องอยู่ในเกมเสียโอกาสทางอ้อม เนื่องจากจะเกิดความไม่ต่อเนื่องในกิจกรรมนี้ตามความรับรู้ของเขา เช่นแข่งไปแล้วต้องรอไปอีก 24 ชั่วโมง หรือ 24 วันเต็ม ๆ เพื่อให้มีกิจกรรมเดิมเกิดขึ้นต่อ ซึ่งระยะเวลาที่ว่างขนาดนั้นความรู้สึกของคนเล่นต่อกิจกรรมนั้นจะมีอยู่ได้อีกต่อไปแค่ไหนกัน ? ไม่เพียงแค่นี้ มันยังพลาดโอกาสเข้าร่วมได้ง่าย เพราะหากเข้าเกมช้าไปเพียงไม่กี่วิ หมายถึงกิจกรรมนั้นจบลงแล้ว และหากเข้ามารอก่อน อาจจะต้องรอเป็นชั่วโมง ๆ เพื่อให้ถึงเวลาเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งหากคนผู้นั้นต้องการจะเข้าร่วมกิจกรรมอย่างเดียวโดยไม่อยากจะทำอย่างอื่นในเกม เขาจะรู้สึกตื่นเต้นไปกับกิจกรรมที่ต้องรอนานขนาดนั้นได้อีกหรือ ?

4. มนุษย์เราไม่สามารถมีสมาธิกับเรื่องเดิมได้นานกว่าระดับหนึ่ง – แม้จะเป็นสิ่งที่ชอบ ก็ใช่ว่าจะจดจ่อได้นาน แม้แต่การเล่นเกม จะมีสักกี่คนที่อยู่หน้าจอโดยไม่ต้องลุกไปห้องน้ำหรือหยิบน้ำมาดื่มบ้างเลย  ? หรือแม้กับการลุยดันเจี้ยนหรือสู้กับบอส ที่อาจใช้เวลาเป็นชั่วโมงจริง แต่โดยปรกติแล้วคนเราจะเคร่งเครียดกับการทำเควสต์เหล่านั้นได้นานแค่ไหน ? เกมที่ต้องสู้กับบอสหรือลุยดันเจี้ยนนาน ๆ ล้วนแต่เป็นเกมผู้เล่นคนเดียวที่กด pause ระหว่างเกมได้ทั้งนั้น ทว่าเกมออนไลน์มันไม่ใช่ ทุกวินาทีที่ผ่านล้วนแต่มีการดำเนินในเกมเกิดขึ้นอยู่ตลอด ดังนั้นการจะขอแว่บออกจากเกมเพื่อไปล้างหน้าล้างตา หรือเข้าห้องน้ำใจโลกจริง จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ เพราะหากทำ มันจะทำให้เวลาในเกมผ่านไปหลายชั่วโมง ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นคงแตกต่างไปแล้ว และหากไม่คิดออกไปแล้วเลือกนั่งพักในเกม จะพักผ่อนได้แค่ไหนกัน ? หากมีการปวดท้องหรือโดนเรียกไปช่วยงานอะไรฉุกเฉินขึ้นมา ก็บอกลาได้เลยกับการสู้บอสในครั้งนั้น

5. ทำให้มนุษยสัมพันธ์เปลี่ยนแปลง – คนเราสามารถพูดคุยกับคนที่จากไปนานร่วมสัปดาห์ได้เหมือนเดิมไหม ? แน่นอนว่าได้... หากสนิทสนมกันมานานแล้ว แต่ในโลกแห่งเกมมันจะไม่ใช่เช่นนั้น คนที่อยู่ในเกมคือเพื่อนใหม่ที่ยังไงก็ทำความรู้จักกันได้ไม่นานแน่ และหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจำเป็นต้องหายจากเกมไปร่วมสัปดาห์ตามโลกจริง จะยังสมารถสนิทสนมกันอยู่ได้หรือไม่ ? หรือกรณีที่เกิดขึ้นแน่นอน คือการปิดเทอมแล้วเข้าไปเล่นในเกมอย่างเต็มที่ คิดว่าเราจะไม่พบหน้าอีกฝ่ายที่ไม่ได้เล่นเกมนี้ด้วยกันสักกี่ปีกันล่ะ ? แล้วแบบนั้นจะยังคงความสนิทสนมเหมือนเดิมได้หรือไม่ ?

6. ทำให้ขาดการติดต่อจากโลกภายนอก – เพราะการที่เวลาเดินไม่เท่ากัน จะทำให้เกิดการรับส่งข้อมูลที่แตกต่าง ทำให้ไม่มีทางที่จะพูดคุยโทรศัพท์ระหว่างกันได้อย่างเด็ดขาด วิธีเดียวที่จะติดต่อกันได้คือการส่งข้อความ ซึ่งมีกี่คนที่จะสะดวกทำเช่นนั้น ? และการส่งข้อความใช่ว่าจะสะดวก เพราะหากฝ่ายโลกจริงลืมตรวจเช็คไปไม่กี่นาที ก็อาจทำให้คนอยู่ในเกมต้องรอนานจนลืมเนื้อความไปเลยก็ได้ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ให้ลองคิดถึง MSN ที่เราส่งข้อความหากันไปหลาย ๆ รอบดู หากฝ่ายหนึ่งใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมงเพื่อพิมพ์ข้อความแต่ละอย่างมาให้กับเรา และทำซ้ำเช่นนี้เป็นสิบรอบ คิดว่าจะยังสื่อสารได้รู้เรื่องโดยไม่เบื่อไปก่อนได้แค่ไหน ?

7. เกิดกรณีฉุกเฉินจะกลับเข้าไปในเกมไม่ทัน – แน่นอนว่าในเกมจะเกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และรวดเร็วกว่าโลกจริงมาก ดังนั้นหากเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้นมา เช่นเมืองโดนตี กิลด์โดนบุก หรือเพื่อนของเรากำลังจะโดนฆ่า ถึงจะรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นจากโลกจริงได้ แต่ยังไงผู้เล่นก็ไม่สามารถกลับเข้าไปในเกมได้ในทันที อาจจะต้องรอหลายนาทีหรืออย่างน้อยก็เป็นชั่วโมง ทว่าในเกมมันจะผ่านไปนานมากซึ่งมันจะทำให้สายไปในท้ายที่สุด

8. เกิดความไม่สมดุลในเกมได้ง่าย – เรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับเกมที่มีความซับซ้อนของระบบสูงเท่านั้น เกมที่ซับซ้อนต่ำอย่างปัจจุบัน จะไม่มีปัญหาสักเท่าไหร่ ตัวอย่างง่าย ๆ หากเกมออนไลน์มีความซับซ้อนแบบโลกปัจจุบัน การเหลื่อมล้ำของเวลาจะเกิดปัญหาขึ้นกับโลกแบบนี้แน่ เพราะมันจะหมายความว่าช่วงเวลาหนึ่งคนจะหายออกจากโลกไปพร้อมกันเป็นสัปดาห์ (ช่วงเวลาทำงาน) และจะโผล่พร้อมกันอย่างหนาแน่นในอีกช่วงเวลาหนึ่ง (ช่วงเลิกงาน) ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจอย่างแน่นอน เพราะเงินตราไม่หมุนเวียน สิ่งของที่หามาไม่มีคนซื้อหรือแลกเปลี่ยนกัน มีตัวละครในเกมตายเพราะความอดยาก เกิดการตกงานและอาชญากรรมในทั่วทุกหนละแหง แต่... นี่เป็นตัวอย่างที่จะเกิดขึ้นกับเกมที่ซับซ้อนสูงเท่านั้น หากซับซ้อนต่ำก็ง่าย ๆ เช่น ร่วมเควสต์รักษาตัวเมืองจากเผ่าศัตรู ในช่วงเวลาที่คนเข้ามาเล่นพร้อมกัน เควสต์นั้นจะง่ายทันตาเห็น แต่หากรักษาระดับเดียวกันในช่วงที่คนออกจากเกมไป ตัวเควสต์จะยากมหาโหดขึ้นมาแทน ซึ่งการจะปรับให้เควสต์นี้มีสมดุลยากขึ้นตอนคนเข้ามา และง่ายขึ้นตอนไม่มีคน เพื่อให้ภาพรวมดูมีระดับความยากที่ปรกติก็ทำได้ยาก ซ้ำยังดูไร้เหตุผล ดังนั้นจึงมีปัญหากับสมดุลของเกมอย่างแน่นอน

ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นข้อเสียของการมีระบบเร่งเวลาแบบธรรมดา ทว่าบางเรื่องกลับไม่ได้ใช้ระบบเร่งเวลาแบบนี้เท่านั้น หากยังแปรผันไปตามเวลาที่เปลี่ยนในโลกจริงเช่นตอนกลางวันมีการเร่งที่ช้า ส่วนตอนกลางคืนมีการเร่งเวลาที่เร็ว ซึ่งจุดนี้โดยส่วนตัวเชื่อว่าจะมีข้อเสียเพิ่มแทนที่จะเป็นข้อดีคือ...

1. โลกเราไม่ได้ดำเนินเวลาเดียวกันในทุกประเทศ – ดังนั้นจะทำให้ประเทศที่เล่นเกมได้ในเวลาที่เร่งความเร็วช้าเสียเปรียบอย่างทันที... ทว่าหากเกมนั้นเป็นเกมเล็กที่เปิดให้แค่คนในประเทศนั้นเล่น จะไม่มีปัญหา

2. ไม่ใช่ทุกวัน ทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน ที่มนุษย์จะมีภารกิจที่เหมือนเดิม – ตัวอย่างเช่นสุดสัปดาห์จะไม่มีงาน ทำให้เล่นได้อย่างเต็มที่ ทว่าตอนกลางวันก็ดันยังจะเร่งเวลาเหมือนกับวันทำงาน ? แบบนี้จะทำให้คนไม่อยากเล่นในช่วงเวลากลางวันทันที หรือหากปรับความเร็วในวันอาทิตย์กับวันเสาร์... ก็มีบางคนที่ต้องทำงานหรือเรียนในวันเสาร์ ทำให้เขาพลาดโอกาสไปเช่นกัน

3. มนุษย์แต่ละคนมีภารกิจในแต่ละวันและแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างกัน – ตัวอย่างง่าย ๆ เช่นมนุษย์เงินเดือน เด็กมหาลัย และเด็กในโรงเรียน จะมีแต่ละวันที่ว่างต่างกัน เด็กมหาลัยกับเด็กในโรงเรียนจะมีช่วงปิดเทอมที่ไม่ตรงกัน... ทำยังไง ? เพราะไม่ว่าจะปรับหรือไม่ปรับก็จะมีคนเสียโอกาสในทันที และมนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีวันปิดเทอมล่ะ ? หากปรับความเร็วตอนช่วงเปิดเทอมจะทำให้พวกเขาเสียโอกาสในทันที

ดังนั้น การเร่งเวลา จึงมีแต่ผลเสียเป็นส่วนใหญ่ ข้อดีน้อยมาก โดยส่วนตัวจึงไม่คิดว่าการให้มีระบบนี้ในเกมออนไลน์เป็นสิ่งที่เหมาะสม

แล้วคนอื่นล่ะ คิดยังไงกับเรื่องนี้ ? มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะ

................