ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Tales of destiny : โดย Rein
คืนวันหนึ่งเมื่อ 10 ปีก่อน ที่ผมยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ภายในบ้านหลังหนึ่ง บ้านที่แสนอบอุ่นของผม แสงเทียนทอประกายรอดออกมาตามช่องประตู ทำให้ผมสามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องได้อย่างชัดเจน ใบหน้าไร้อารมณ์ของคุณพ่อและใบหน้าคลอน้ำตาของคุณแม่ ทั้งสอง ตัดสินใจเลิกกัน เพราะคุณพ่อไปชอบผู้หญิงคนอื่นเข้า ภาพเหล่านั้น ยังคงติดตาผมมาจนถึงทุกวันนี้
    “เอมิลิโอ แม่คงเอาลูกไปด้วยไม่ได้”หญิงสาวในชุดแต่งงานกล่าวกับผมอย่างไร้เยื่อใย ใช่แล้ว แม่ของผมกำลังจะแต่งงานใหม่ และทิ้งผมไป
    เศรษฐีที่มารับแม่ กวักมือเรียก และส่งสายตาไปทางรถม้าที่จอดรออยู่ข้างทาง “ลาก่อน เวลาของแม่คงหมดลงเท่านี้ ขอให้ลูกโชคดี และหวังว่า พ่อจะยังรักลูกอยู่บ้างนะ”แม่พูดและเดินหันหลังขึ้นรถไป นั่นเป็นครั้งสุดท้าย ที่ผมได้เห็นหน้าแม่
    “แล้วแม่ล่ะครับ แม่ไม่รักผมแล้วเหรอ” ผมได้แต่ตะโกนเพรียกหาความรัก ตามเสียงรถม้าที่ค่อยๆวิ่งห่างออกไป เรื่อยๆ อย่างไม่มีวันกลับ
        10 ปีต่อมา   
    “คุณเอมิลิโอครับ...คุณเอมิลิโอ”เสียงของชายวัยกลางคนดังมาจากข้างหน้า ผมค่อยๆรู้สึกตัวและลืมตาขึ้น
    “คุณหนูเรียกครับ บอกว่าให้คุณไปพบ ยิ่งเร็วยิ่งดีเลยนะครับ”ชายคนเดิมกล่าว
    “คิริเอะซังเหรอครับ”
    “ครับ บอกว่ามีของอยากให้คุณดูครับ คุณหนูรออยู่ที่ห้องนะครับ ยังไงผมขอตัวก่อน อย่าลืมนะครับ ไม่งั้นผมจะโดนลงโทษ”กล่าวจบชายวัยกลางคนก็เดินออกนอกห้องไป
    ที่นี่คือบ้านของตระกูลโคอิชิคาวะในประเทศญี่ปุ่นครับ คิริเอะซังคือลูกสาวคนเดียวของตระกูล เมื่อ 10 ปีก่อน ครอบครัวของคิริเอะซังได้ไปติดต่อธุรกิจที่เยอรมัน และพบผมนอนฟุบอยู่ที่ข้างทาง คิริเอะซังเห็นเข้าก็รู้สึกสงสาร นายท่านจึงเก็บผมมาเลี้ยงในฐานะลูกบุญธรรม และดูแลผมอย่างดี บัดนี้ท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว ทุกคนจึงพากันกลับบ้านเดิมของตน เหลือเพียงผม คิริเอะซัง และคุณชิจิเท่านั้น
    ผมลุกขึ้นจากเตียงและแต่งตัวอย่างที่ผมคิดว่าเร็วที่สุด และเดินไปหาคิริเอะซังตามที่คุณชิจิบอก
    “ขออนุญาตครับ”ผมเคาะประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง และก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นคิริเอะซังในชุดสีชมพูอ่อนกระโปรงเป็นระบายยาวสลวย และผมสีน้ำตาลที่ถูกรวบเอาไว้อย่างสวยงาม
    “อะ...อะไรกันครับคิริเอะซัง ทำไมแต่งชุดอย่างนี้ล่ะครับ”ผมถามอย่างอ้ำๆอึ้งๆเพราะความสวยของคิริเอะซัง และความตกใจเมื่อเห็นคิริเอะซังในชุดแต่งงาน
    “ไม่รู้สิ ไม่บอก”สาวงามในชุดเจ้าสาวเชิดหน้าขึ้นอย่างงอนๆ   
    “ทำไมล่ะครับ”
    “ก็เอมิลิโอไม่ยอมเรียกคิริเอะ ไม่ชอบ ไม่เรียกก็ไม่บอก”หญิงสาวยังคงเชิดหน้าต่อไป
    “เอ่อ คิริเอะ บอกมาดีๆเถอะนะ”ผมพูดอย่างเหนื่อยใจนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่ผมโดนคิริเอะซังปั่นหัว แต่ถึงจะรู้เช่นนั้น ผมก็ไม่สามารถขัดใจเธอได้แม้แต่ครั้งเดียว
    “บอกก็ได้ ก็...ชุดแต่งงานของคิริเอะกับเอมิลิโอไง”เจ้าสาวหันมามองผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทำให้หัวใจของผมแทบจะหยุดเต้น
    “อะไรกัน แต่งงานอะไรกัน ไม่เห็นรู้เรื่องเลยครับ”ผมมองหน้าคิริเอะซังอย่าง
งุนงง
    “แหมๆ ก็ฉันอายุตั้ง 18 แล้วนี่ ถ้าจะสืบต่อกิจการก็ต้องหาคนมาช่วยงานสิ ทำไมง่ะ เอมิลิโอแต่งกับฉันไม่ได้เหรอ”สาวน้อยเริ่มมีสีหน้าหมองลงนิดๆ
    “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ แต่คนดีๆอย่างคิริเอะซัง น่าจะหาคนที่ดีกว่าผมได้ มาเลือกผมเนี่ย จะดีเหรอครับ”ชายหนุ่มแก้ตัวด้วยความเขินอาย
    “ไม่ต้องพูดอย่างนั้นไม่อยากก็พูดมาตรงๆก็ได้ คิริเอะไม่ว่าอะไรหรอก เพราะคิริเอะก็ไม่ได้คิดจะแต่งกับเอมิลิโอจริงๆหรอก แบร่ๆ”หญิงสาวทำหน้าหยอกล้อแล้วเดินออกจากห้องไป
    ‘มันเป็นเรื่องที่ผมไม่เคยคิดจะบอกให้เธอรู้ ว่าความจริงแล้วผมน่ะ “รัก” เธอมากแค่ไหน เพราะผมเองก็รู้ ผมเองก็เข้าใจ ว่าเธอไม่เคยมองผมมากเกินกว่าคำว่า “น้องชาย” ’
        เช้าวันต่อมา
    “คุณเอมิลิโอครับ...คุณเอมิลิโอ”เสียงของชิจิที่มาปลุกผมดังขึ้นทุกเช้าเช่นที่เคยเป็น
    “คุณหนูเรียกครับบอกว่าให้คุณไปพบ มีคนอยากจะแนะนำให้รู้จักครับ รีบไปหน่อยนะครับ คุณหนูรออยู่ ถ้ายังไง ผมก็ขอตัวก่อนนะครับ”เมื่อพูดจบชายวัยกลางคนก็ก้าวออกจากห้องไป
    ‘คิริเอะซังคิดอะไรอยู่นะ เมื่อวานให้ไปดูชุด วันนี้จะแนะนำใครให้ผมรู้จักกันน้า’เอมิลิโอนึกพลางติดกระดุมเสื้อไปพลาง
    ‘เอ๊ะ!! หรือว่าคนที่คิริเอะซังจะแนะนำให้รู้จักจะเป็น...เจ้าของชุดแต่งงานชุดนั้น’เมื่อคิดได้ดังนั้น เอมิลิโอ จึงรีบวิ่งออกจากห้องไปโดยไม่ปล่อยให้เรื่องอะไรมากวนใจเขาถึงแม้เขาจะยังไม่ได้ผูกเน็คไทก็ตาม
    เอมิลิโอมุ่งตรงไปยังห้องรับแขกทันที เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบคุณหนูนั่งดื่มชากับชายท่าทางภูมิฐาน ทั้งคู่หันมามองเขาทันที
    “เอมิลิโอไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้จ้ะ แต่ไหนๆก็มาแล้ว ขอแนะนำเลยนะ นี่ คุณคามาฮาระ คู่หมั้นของคิริเอะ เป็นไงจ๊ะ”คิริเอะซังพูดด้วยท่าทางสดใส คู่หมั้นของคิริเอะซังหันมายิ้มให้ผม
    “เอ่อ...ดีใจด้วยนะครับ”ผมได้แต่ยิ้มฝืดๆตอบกลับไป
    “เดี๋ยว...ผม เอ่อ ขอตัวก่อนนะครับ”พูดจบผมก็เดินออกมาอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้คิริเอะซังได้กล่าวอะไรอีก
        นี่ก็คงจะเป็นชะตากรรมที่ฟ้าลิขิตเอาไว้ ชีวิตที่ผมไม่สามารถเลือกได้ ความรู้สึกที่ถูกปล่อยทิ้งไปตามกาลเวลา หญิงสาวเพียงคนเดียวที่จะสามารถไขประตูหัวใจของผมได้ บัดนี้กุญแจดอกนั้นได้ถูกชายคนนั้นแย่งไปเสียแล้ว
    “เอมิลิโอ แม่คงเอาลูกไปด้วยไม่ได้”หญิงสาวในชุดแต่งงานกล่าวกับผมอย่างไร้เยื่อใย ใช่แล้ว แม่ของผมกำลังจะแต่งงานใหม่ และทิ้งผมไป
    เศรษฐีที่มารับแม่ กวักมือเรียก และส่งสายตาไปทางรถม้าที่จอดรออยู่ข้างทาง “ลาก่อน เวลาของแม่คงหมดลงเท่านี้ ขอให้ลูกโชคดี และหวังว่า พ่อจะยังรักลูกอยู่บ้างนะ”แม่พูดและเดินหันหลังขึ้นรถไป นั่นเป็นครั้งสุดท้าย ที่ผมได้เห็นหน้าแม่
    “แล้วแม่ล่ะครับ แม่ไม่รักผมแล้วเหรอ” ผมได้แต่ตะโกนเพรียกหาความรัก ตามเสียงรถม้าที่ค่อยๆวิ่งห่างออกไป เรื่อยๆ อย่างไม่มีวันกลับ
        10 ปีต่อมา   
    “คุณเอมิลิโอครับ...คุณเอมิลิโอ”เสียงของชายวัยกลางคนดังมาจากข้างหน้า ผมค่อยๆรู้สึกตัวและลืมตาขึ้น
    “คุณหนูเรียกครับ บอกว่าให้คุณไปพบ ยิ่งเร็วยิ่งดีเลยนะครับ”ชายคนเดิมกล่าว
    “คิริเอะซังเหรอครับ”
    “ครับ บอกว่ามีของอยากให้คุณดูครับ คุณหนูรออยู่ที่ห้องนะครับ ยังไงผมขอตัวก่อน อย่าลืมนะครับ ไม่งั้นผมจะโดนลงโทษ”กล่าวจบชายวัยกลางคนก็เดินออกนอกห้องไป
    ที่นี่คือบ้านของตระกูลโคอิชิคาวะในประเทศญี่ปุ่นครับ คิริเอะซังคือลูกสาวคนเดียวของตระกูล เมื่อ 10 ปีก่อน ครอบครัวของคิริเอะซังได้ไปติดต่อธุรกิจที่เยอรมัน และพบผมนอนฟุบอยู่ที่ข้างทาง คิริเอะซังเห็นเข้าก็รู้สึกสงสาร นายท่านจึงเก็บผมมาเลี้ยงในฐานะลูกบุญธรรม และดูแลผมอย่างดี บัดนี้ท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว ทุกคนจึงพากันกลับบ้านเดิมของตน เหลือเพียงผม คิริเอะซัง และคุณชิจิเท่านั้น
    ผมลุกขึ้นจากเตียงและแต่งตัวอย่างที่ผมคิดว่าเร็วที่สุด และเดินไปหาคิริเอะซังตามที่คุณชิจิบอก
    “ขออนุญาตครับ”ผมเคาะประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง และก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นคิริเอะซังในชุดสีชมพูอ่อนกระโปรงเป็นระบายยาวสลวย และผมสีน้ำตาลที่ถูกรวบเอาไว้อย่างสวยงาม
    “อะ...อะไรกันครับคิริเอะซัง ทำไมแต่งชุดอย่างนี้ล่ะครับ”ผมถามอย่างอ้ำๆอึ้งๆเพราะความสวยของคิริเอะซัง และความตกใจเมื่อเห็นคิริเอะซังในชุดแต่งงาน
    “ไม่รู้สิ ไม่บอก”สาวงามในชุดเจ้าสาวเชิดหน้าขึ้นอย่างงอนๆ   
    “ทำไมล่ะครับ”
    “ก็เอมิลิโอไม่ยอมเรียกคิริเอะ ไม่ชอบ ไม่เรียกก็ไม่บอก”หญิงสาวยังคงเชิดหน้าต่อไป
    “เอ่อ คิริเอะ บอกมาดีๆเถอะนะ”ผมพูดอย่างเหนื่อยใจนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่ผมโดนคิริเอะซังปั่นหัว แต่ถึงจะรู้เช่นนั้น ผมก็ไม่สามารถขัดใจเธอได้แม้แต่ครั้งเดียว
    “บอกก็ได้ ก็...ชุดแต่งงานของคิริเอะกับเอมิลิโอไง”เจ้าสาวหันมามองผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทำให้หัวใจของผมแทบจะหยุดเต้น
    “อะไรกัน แต่งงานอะไรกัน ไม่เห็นรู้เรื่องเลยครับ”ผมมองหน้าคิริเอะซังอย่าง
งุนงง
    “แหมๆ ก็ฉันอายุตั้ง 18 แล้วนี่ ถ้าจะสืบต่อกิจการก็ต้องหาคนมาช่วยงานสิ ทำไมง่ะ เอมิลิโอแต่งกับฉันไม่ได้เหรอ”สาวน้อยเริ่มมีสีหน้าหมองลงนิดๆ
    “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ แต่คนดีๆอย่างคิริเอะซัง น่าจะหาคนที่ดีกว่าผมได้ มาเลือกผมเนี่ย จะดีเหรอครับ”ชายหนุ่มแก้ตัวด้วยความเขินอาย
    “ไม่ต้องพูดอย่างนั้นไม่อยากก็พูดมาตรงๆก็ได้ คิริเอะไม่ว่าอะไรหรอก เพราะคิริเอะก็ไม่ได้คิดจะแต่งกับเอมิลิโอจริงๆหรอก แบร่ๆ”หญิงสาวทำหน้าหยอกล้อแล้วเดินออกจากห้องไป
    ‘มันเป็นเรื่องที่ผมไม่เคยคิดจะบอกให้เธอรู้ ว่าความจริงแล้วผมน่ะ “รัก” เธอมากแค่ไหน เพราะผมเองก็รู้ ผมเองก็เข้าใจ ว่าเธอไม่เคยมองผมมากเกินกว่าคำว่า “น้องชาย” ’
        เช้าวันต่อมา
    “คุณเอมิลิโอครับ...คุณเอมิลิโอ”เสียงของชิจิที่มาปลุกผมดังขึ้นทุกเช้าเช่นที่เคยเป็น
    “คุณหนูเรียกครับบอกว่าให้คุณไปพบ มีคนอยากจะแนะนำให้รู้จักครับ รีบไปหน่อยนะครับ คุณหนูรออยู่ ถ้ายังไง ผมก็ขอตัวก่อนนะครับ”เมื่อพูดจบชายวัยกลางคนก็ก้าวออกจากห้องไป
    ‘คิริเอะซังคิดอะไรอยู่นะ เมื่อวานให้ไปดูชุด วันนี้จะแนะนำใครให้ผมรู้จักกันน้า’เอมิลิโอนึกพลางติดกระดุมเสื้อไปพลาง
    ‘เอ๊ะ!! หรือว่าคนที่คิริเอะซังจะแนะนำให้รู้จักจะเป็น...เจ้าของชุดแต่งงานชุดนั้น’เมื่อคิดได้ดังนั้น เอมิลิโอ จึงรีบวิ่งออกจากห้องไปโดยไม่ปล่อยให้เรื่องอะไรมากวนใจเขาถึงแม้เขาจะยังไม่ได้ผูกเน็คไทก็ตาม
    เอมิลิโอมุ่งตรงไปยังห้องรับแขกทันที เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบคุณหนูนั่งดื่มชากับชายท่าทางภูมิฐาน ทั้งคู่หันมามองเขาทันที
    “เอมิลิโอไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้จ้ะ แต่ไหนๆก็มาแล้ว ขอแนะนำเลยนะ นี่ คุณคามาฮาระ คู่หมั้นของคิริเอะ เป็นไงจ๊ะ”คิริเอะซังพูดด้วยท่าทางสดใส คู่หมั้นของคิริเอะซังหันมายิ้มให้ผม
    “เอ่อ...ดีใจด้วยนะครับ”ผมได้แต่ยิ้มฝืดๆตอบกลับไป
    “เดี๋ยว...ผม เอ่อ ขอตัวก่อนนะครับ”พูดจบผมก็เดินออกมาอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้คิริเอะซังได้กล่าวอะไรอีก
        นี่ก็คงจะเป็นชะตากรรมที่ฟ้าลิขิตเอาไว้ ชีวิตที่ผมไม่สามารถเลือกได้ ความรู้สึกที่ถูกปล่อยทิ้งไปตามกาลเวลา หญิงสาวเพียงคนเดียวที่จะสามารถไขประตูหัวใจของผมได้ บัดนี้กุญแจดอกนั้นได้ถูกชายคนนั้นแย่งไปเสียแล้ว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น