ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I Kill You [Taeny]

    ลำดับตอนที่ #1 : ตามแผน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 151
      0
      11 ก.ค. 57

    I Kill You...[P.1]

     

    "แม่ทิ้งฟานี่ไปแล้ว พ่อก็มาทิ้งฟานี่ไปอีกคนแล้วฟานี่จะอยู่กับใครค่ะ...คุณพ่อ"

     

    เสียงอ่อยเอื่อยพูดจาอย่างอ่อนแรง สเตฟานี่เงยหน้ามองภาพผู้เป็นพ่อ หลังโต๊ะทำงาน ภายในห้องทำงานใหญ่ชั้นบนสุดของตึกฮวังคอร์ปอเรชั่น หัวใจที่อ่อนล้าจากการสูญเสียพ่อด้วยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน แม้มันจะผ่านมาแล้วแต่ความเสียใจยังคงอยู่ในความรู้สึกวกวลของสเตฟานี่ไม่จางลงไปตามกาลเวลาที่ผ่านพ้น....

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นด้านหลังร่างบาง สเตฟฟานี่รีบหยิบทิชชู่ซับน้ำตาที่ซึมออกมา ในแววตาใสเพื่อปกปิดความเสียใจที่ยังค้างคาอยู่

     

     "พี่ฟานี่ค่ะ ซอเอาชาโฟร์เรดฟรุ๊ตอุ่นๆ มาให้พี่ดื่มค่ะ เผื่อจะทำให้พี่สดชื่นขึ้นบ้าง"

     

    ร่างสวยเดินพริ้วเข้ามาในห้องทำงานใหญ่ ในมือถือแก้วชาสีส้มอ่อนๆ ควันจากความร้อนลอยตัวส่งกลิ่นหอมหวนอบอวนไปทั่ว ชาผลไม้ที่ทิฟฟานี่ชอบถูกวางลงบนโต๊ะอย่างเบามือก่อนที่หญิงสาวจะส่งยิ้มให้กับ พี่สาวตรงหน้า

     

    "ชาของโปรดพี่ฟานี่นะค่ะ ซอตั้งใจชงให้พี่เลย"

     "....."

     "ตั้งแต่คุณฮวังเสียไปพี่ฟานี่ไม่ค่อยได้พักผ่อนเลย ไหนจะงานบริษัท งานส่วนตัวของพี่อีก ซอเป็นห่วงกลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป"

     

     ไม่มีเสียงใดตอบรับความหวังดีของหลานคนโปรดตระกูลฮวัง ไม่มีแม้แต่หันมามอง

     

     "เอ่อ พี่ฟานี่ค่ะอยากทาน...."

    "เธอจะมายุ่งกับฉันทำไม ออกไปให้พ้น !!"

    "คือ ซอ"

     "เธอเองก็หวังอยู่ไม่น้อยเลยล่ะสิ มรดกของคุณพ่อน่ะ อย่ามาทำดีเสแสร้งความหลอกลวงให้มากนักเลย ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ"

     

    น้ำเสียงดุดันแฝงไปด้วยความเกลียดชัง แผดออกมาจากลำคอเรียว ใบหน้ากลิ้วโกรธอย่างเห็นได้ชัด สเตฟานี่สบแววตาแข็งกร้าวประดุจเสือร้ายที่ต้องการจะทำร้ายเหยื่อตรงหน้า คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนเป็นม้วน ทำเอาคนที่ยืนมองสบตาสั่นเทาด้วยความเกร็งกลัว แต่ก็พยายามทำดีเพื่อที่จะได้ดูแลพี่สาวลูกพี่ลูกน้องที่ตอนนี้ไม่เหลือใครเหมือนที่ตนได้เคยดูแลท่านประธานฮวังครั้งที่ผ่านมา

     

    "แต่พี่ฟานี่ค่ะ"

     

     เพล้ง !! เสียงแก้วชาใบหนาตกลงพื้น บริเวณโดยรอบเปียกชื้นไปด้วยน้ำชากลิ่นหอม ด้วยฝีมือของสเตฟานี่ที่ปัดแก้วชาจากโต๊ะหวังให้มันหายไปพ้นสายตา

     

    "ฉันบอกให้ออกไป!!"

     

     สเตฟฟานี่ตะคอกใส่ร่างเล็กที่ยืนหน้าซีดเซียว ตัวสั่น เสียงที่ดังจากแก้วแตกและตะคอกทำให้เลขาผู้เฝ้าอยู่หน้าห้องต้องรีบวิ่งเข้ามาดูสถานการณ์ภายในห้องทำงานเจ้านายตัวเองอย่างรวดเร็ว

     

    "คุณสเตฟานี่ค่ะ"

     "ยูริ ฉันขอสั่งให้เอายัยนี่ออกไปจากบริษัทของฉันและห้ามเข้ามาที่นี่อีกเป็นอันขาด"

    "พี่ฟานี่ค่ะ"

    "เธอไม่มีสิทธิมาเรียกฉันแบบนี้ !! ฉันไม่ได้สนิมกับเธอจนทำให้เธอต้องมาปีนเกลียวฉัน ออกไป !!!"

     

    เด็กสาวตัวเล็กต้องจำใจเดินคอตกออกไปจากห้องทำงานพี่สาว ด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยวทั้งที่หวังจะดูแลใกล้ชิดเธอเพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดไปจากการสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เพื่อนสนิทของสเตฟานี่เดินผ่านเข้ามาพอดีเมื่อเห็นหลานสาวของอดีตประธานฮวังยืนถอนหายใจอยู่หน้าลิฟก็อดที่จะถามไถ่ความเป็นมาจากใบหน้าเศร้าหมองนั้นไม่ได้

    "ซอยอน"

    "พี่เจส สวัสดีค่ะ"

    "เธอเป็นอะไรหรือเปล่าดูไม่ดีเลยนะ"

     "เอ่อ เปล่าค่ะซอแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย"

    "โดนยัยฟานี่เหวี่ยงมาอีกล่ะสิ"

    "เปล่าค่ะ พี่ฟานี่ดีกับซอมาก ลิฟมาแล้วซอขอตัวนะค่ะ"

     

    หญิงสาวโค้งคำนับอย่างมีมารยาทให้กับเพื่อนสนิทของพี่สาวก่อนที่จะปลีกตัวเดินเข้าลิฟไปด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มหวังว่าไม่ให้เจสสิก้าซักถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้อีก ถึงแม้ว่าซอยอนจะพูดให้สเตฟานี่ดูดีแต่ลึกๆแล้วเจสสิก้ารู้นิสัยของเพื่อนคนนี้ดีว่าไม่มีทางที่จะยาทดีกับคนที่มีสถานะต่ำกว่าตัวเองแน่นอน ถึงซอยอนจะเป็นหลานคนโปรดของประธานฮวัง ก็ไม่ใช่หลานแท้ๆของท่าน....

    ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกโดยไม่มีเสียงเคาะประตูใดๆภาพปรากฎตรงหน้าคือแม่บ้านร่างท้วมกำลังเช็ดถูพื้นบริเวณข้างโต๊ะทำงาน โดยมีหญิงสาวเจ้าของห้องนั่งอ่านเอกสารในแฟ้มสีดำด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เฉยชา ไม่ต้องพูดหรือถามใครให้เสียเวลาคงจะเกิดจากฝีมือเพื่อนสาวว่าที่ประธานบริษัท ฮวังคอร์ปอเรชั่นเป็นแน่แท้ เจสสิก้าทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามเก้าอี้ประธาน มือเรียวยกขึ้นถอดแว่นดำออก กวาดสายตามองรอบห้อง แม่บ้านรู้หน้าที่ไม่นานเธอก็ทำความเครพและออกจากห้องไป เหลือเพียงสองสาวผู้ที่ไว้ใจกันและกันเป็นอย่างดี

     

    "งานเป็นไงบ้างค่ะ คุณสเตฟฟานี่"

     "......"

     "นี่คงจะเป็นฝีมือคุณสินะ"

     "แล้วจะทำไม"

    "ก็เปล่านี่ ใครจะไปกล้าทำอะไรคุณล่ะค่ะ ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าขนาดนี้"

     "ในเมื่อ...ฉันไม่ชอบอะไร ฉันก็จะแสดงให้รู้นี่ว่าฉันไม่ชอบ"

     

    สเตฟานี่วางปากกาลง ปิดแฟ้มเอกสารเงยหน้าสบตาเพื่อนสาวร่างสวย ริมฝีปากแดงดุจเลือดนกกระดกยิ้มท่าทางร้ายกาจ แววตาของเธอไม่เคยเปลี่ยน มันช่างดูดุร้ายและแอบแฝงบางอย่างในนั้นเสมอ...

     

     "แต่บางครั้งเธอก็ควรจะเปิดใจรับความหวังดีของคนอื่นบ้างนะฟานี่"

    "ความหวังดีจอมปลอมน่ะหรอ"

    "ก็เธอคิดแบบนี้นั่นแหละ"

    "เจสเธอรู้มั้ย ผู้คนที่เข้ามาวนเวียนในชีวิตฉัน ก็มีแต่พวกจอมปลอม หวังเงินทองจากฉันก็เท่านั้นแหละ ไม่มีใครในโลกนี้ไม่อยากรวยจริงมั้ยล่ะ"

     

    สเตฟานี่ลุกขึ้นยืนเดินไปที่กระจก สอดสายตามองตึกสูงมากมายในเมืองใหญ่แห่งนี้

     

    "ทำไมเธอถึงชอบแกล้งน้องซอนักล่ะ"

     

    เป็นคำถามที่ทำให้ผู้ฟังถึงกับสะอึก ขบฟันไปมาด้วยความเกลียดชังอย่างถึงที่สุดไม่คิดว่าเจสสิก้าจะเอ่ยถามคำนี้กับตัวเอง

     

    "เด็กคนนั้นน่ะ เป็นแค่ครอบครัวจนๆที่พ่อฉันเลี้ยงดูมาก็แค่นั้น ฉันไม่นับญาติด้วยหรอกนะ คิดที่จะมีเทียบกับฉันมันคงจะเหมือนตัวหนอนที่ปีนหน้าผาเพื่อมาให้ถึงยอดสูงสุดเท่านั้นแหละ และฉันคนนี้จะเป็นคนถีบตัวหนอนนั้นให้กับลงไปอยู่กับเศษดินที่ๆมันควรจะอยู่อย่างไงล่ะ"

     "แต่น้องก็เป็นคนโปรดของพ่อเธอนะ"

    "มันไม่ใช่คนโปรดของฉัน ฉันกับพ่อไม่ใช่คนเดียวกันนะเจส พ่อฉันเสียไปแล้ว"

     

    สเตฟานี่เริ่มแผดเสียงดังเมื่อเพื่อนสนิทพูดจาไม่เข้าหู ด้วยความเอาแต่ใจตัวเองตั้งแต่ยังเล็กๆ

    "เฮ้อ~ เอาเถอะ ฉันมาชวนเธอไปช้อปปิ้งน่ะ"

     "ฉันยังอ่านเอกสารไม่หมดเลย"

    "โถ่ ฟานี่ไปเถอะนะ เธอเครียดมานานแล้ว เผื่อบางทีเธออาจจะเจออะไรดีๆหรือบางเรื่องที่ทำให้เธอสบายไปตลอดก็ได้"

    "มีหรอเรื่องที่ทำให้ฉันสบายไปตลอด" "ก็ถ้าเธอไม่ลองไป เธอจะรู้ได้ไงล่ะจริงมั้ย"

     

    เจสสิก้ายิ้มมุมปาก หยิบแว่นสีดำสวมใส่ตามเดิม มันก็จริงอย่างที่เจสสิก้าพูดเธอเครียดเรื่องงานที่ต้องรับผิดชอบแทนพ่อมาหลายวันโดยที่ไม่ได้พักผ่อนหรือทำงานด้านแฟชั่นที่ตัวเองรักเลย ถ้าได้ออกไปเที่ยวพักสมองบ้างก็คงจะดีเหมือนกัน สเตฟานี่ยิ้มให้เพื่อนสนิท ขว้ากระเป๋ายี่ห้อดังขึ้นมาสะพายไว้บนไหล่ สาวเท้าเดินตามเจสสิก้าออกไปจากห้องตามคำเชิญชวนของเพื่อน

     

    "เอ่อ คุณสเตฟานี่ค่ะจะไปไหนหรอค่ะ"

     

    พ้นประตูเพียงไม่กี่ก้าว สเตฟานี่ก็ต้องหยุดเท้าหันมาหาเจ้าของเสียงที่เรียกรั้งเธอไว้

     

    "ฉันจะไปไหนหรือทำอะไรต้องรายงานเธอด้วยหรอยูริ"

    "เปล่าค่ะ คือคุณสเตฟานี่มีนัดประชุมช่วงบ่ายนี้นะค่ะ"

    "ก็เลื่อนไปสิต้องให้ฉันบอกทุกอย่างหรอ"

    "แต่ว่าประชุมครั้งนี้เป็นการรวมตัวของผู้บริหารระดับสูงสาขาย่อยนะค่ะ"

    "นี่ ใครเป็นเจ้านาย เธอหรอยูริ" "คุณสเตฟานี่ค่ะ"

    "ก็รู้นี่ ฉันจะต้องไปเสียเวลานั่งประชุมกับลูกนกลูกค้าที่ทำงานเป็นขี้ข้าให้กับฉันหรอ"

    "....เอ่อ คือ"

    "ถ้ามันอยากประชุมก็ให้มันประชุมไป แล้วสรุปรายงานให้ฉันทีหลัง ฉันล่ะเกลียดกลิ่นสาปขี้ข้าพวกนั้น ทีหลังหัดคิดเองบ้างนะสมองน้อยๆของเธอให้มันทำงานบ้าง"

    สเตฟานี่สะบัดเดินผ่านร่างเลขาห่างไป คำพูดของเธอนั้นรุนแรง กับน้ำเสียงดุดันทำให้เลขาประจำตำแหน่งประธานถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว ได้แต่ก้มหน้ารับคำสั่งเด็ดขาดจากปากผู้เป็นเจ้านายแต่โดยดี

    ร่างบางสองสาวเดินก้าวเท้าออกจากบริษัทอย่างมั่นใจ เส้นผมสะบัดทิ้งตัวตามแรงเดิน ริมฝีปากแดงรับใบหน้าสวยสมคำล่ำลือในความงดงามบุตรสาวคนเดียวของประธานฮวัง อีกคนหนึ่งเป็นถึงหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท เป็นที่ต้องสายตาชายหนุ่ม แม้กระทั่วใหญ่สาวยังหลงไหลใบหน้านั้นไม่ต่างกัน

     

    "คุณสเตฟานี่ค่ะ"

    "พี่ยุน"

     

    หน้าที่บึ้งตึงกับยกยิ้มอย่างสดใส ไร้ซึ่งความหยิ่งจองหอง เหมือนเด็กสาวทั่วๆไปเมื่อพบคนรู้ใจ

     

    "คุณสเตฟานี่จะออกไปเที่ยวหรอค่ะ"

    "ค่ะ เจสชวนไปเที่ยวพักผ่อนน่ะค่ะ"

    "คุณหนูเจส"

     

    ยุนอาเอียงหัวมองเจ้าของชื่อด้วยสายตาค้นหา ด้านหลังสเตฟานี่

     

    "สวัสดี"

    "สวัสดีค่ะ คุณเจสจะไปเที่ยวกันที่ไหนหรอค่ะ"

    "เจสจะพาฟานี่ไปช้อปปิ้งแถวๆนี้แหละค่ะ"

    "ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ยุน ฟานี่ไปกับเจสสองคน ไม่มีอะไรหรอก พี่ยุนทำงานเถอะค่ะ"

    "แต่ว่า..."

    "นี่ ฉันไปเที่ยวกับฟานี่นะ ไม่ได้พาฟานี่ไปฆ่า"

    ยุนอาหรี่ตายิ้มมุมปากให้กันเจสสิก้าก่อนที่จะหันมาสบตากับสเตฟานี่เพื่อถามความคิดเห็น

     

    "ฟานี่ไปกับเจสปลอดภัยแน่ค่ะ"

    "พี่ก็หวังว่าแบบนั้น ในเมื่อฟานี่เองก็เป็นทายาทเพียงคนเดียวของคุณฮวังเจ้าของมรดกพันล้านพี่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ว่าใครจะมาฆ่าเธอตอนที่พี่ไม่อยู่หรือเปล่า”

    “พี่ยุนก็ พูดซะ”

    “ถ้าคุณสเตฟานี่จะต้องตายพี่ขอให้ตายด้วยฝีมือพี่จะดีกว่า”

     

    คำพูดของยุนอาบอดี้การ์ดหน้าสวยทำเอาสเตฟานี่ถึงกับยิ้มไม่ออก ได้แต่หันไปสบตาเพื่อนสาวด้านหลังอย่างหวั่นใจ

     

    “พี่ล้อเล่นน่ะ พี่ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายฟานี่หรอก ถ้าไปกับเจสแล้วปลอดภัยก็ดีแล้ว พี่ขอตัวไปทำธุรหน่อยแล้วกันนะ”

    “ค่ะ”

     

    ยุนอาก้มหัวโค้งให้กับเจ้านายที่แสนเอาแต่ใจก่อนที่จะปลีกตัวเดินเข้าไปยังห้องทำงานของตัวเอง โดยมีสายขาหวานจับจ้องอยู่จนพ้นสายตา

    เจสสิก้าจับมือเรียวของสเตฟานี่เดินออกไปยังรถของตนที่จอดไว้ด้านหน้าเพื่อให้เพื่อนสาวได้พักผ่อนตามที่ได้วางโปรแกรมเอาไว้อยู่แล้ว

     

     

    “อย่าลืมที่ตกลงกันไว้นะ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน”

     

    -----------------------------

    ใช้เวลาไม่นานนักสองสาวก็มาถึงห้องดังใจกลางเมืองหลวง แหล่งรวบรวมสินค้าแบรนด์เนมดังๆไว้มากมาย ไม่ว่าจะเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าหรือร้านอาหารหรูหรา ห้างแห่งนี้มีไว้อย่างเพียบพร้อม

    สองเท้าก้าวเดินเข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ อย่างไม่รู้สึกเหนื่อยการที่ได้เดินเลือกซื้อเสื้อผ้าสวยๆนั้นเป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนต่างให้ความสนใจและใส่ใจต่อมันเป็นอย่างดี เพราะการได้ใส่เสื้อผ้าสวยๆเป็นที่จับตามองนั้นมันอยู่ในจิตใต้สำนึกของผู้หญิงทั่วไปไม่ต่างอะไรกับสองสาวเพื่อนสนิทที่เลือกซื้อเสื้อผ้าจนลืมเวลาและความเครียดที่ก่อกุมในใจของตัวเองจนหมด

     

    “ฟานี่เหนื่อยมั้ย ฉันหิวแล้วเราไปหาอะไรกินกันเถอะ”

    “เหมือนกันเลย ไปร้านนั้นดีกว่าฉันอยากกินอาหารญี่ปุ่น”

    “ก็ดีเหมือนกันนะ”

     

    ยังไม่ทันได้เดินไปไหน สเตฟานี่ก็ถูกร่างหนาเดินชนจนเซถอยหลัง ถุงกระดาษในมือหล่นลงพื้นเสียงดัง

     

    “โอ๊ย”

    “ฟานี่”

     

    สเตฟานี่ตั้งตัวยืนตรง ขมวดคิ้วจ้องมองคนที่เดินชนตัวเองแต่ก็ไม่พบใครแล้ว อารมณ์หงุดหงิดเกิดขึ้นในหัว ใครก็ไม่รู้เดินชนเธอจนเกือบจะล้ม ไม่มีแม้แต่คำขอโทษแถมยังหายไปดื้อๆแบบนี้อีก

     

    “ฟานี่เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”

    “เปล่าหรอกเจส ก็แค่พวกไม่มีมารยาทเดินชนเท่านั้นแหละ”

     

    พูดไปก็กวาดสายตามองไป อารมณ์ขุ่นมัวไม่พอใจยังคงค้างคาอยู่เช่นเดิม เธอไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องตัวเธอมากนัก เพราะไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร มาจากไหน ไม่รู้ว่ามีสิ่งสกปรกติดตัวมาด้วยหรือเปล่ามันทำให้เสื้อผ้าราคาแพงของเธอ เสียราคาหมด

    เจสสิก้าหยิบถุงที่กองอยู่กับพื้นขึ้นเดินไปยังร้านอาหารประจำของทั้งสอง พนักงานต่างกล่าวคำทักทายสวัสดี ลูกค้าวีไอพีของสาขานี้ ทุกคนต่างรู้ดีว่าถ้าทำให้สเตฟานี่ไม่พอใจอาจจะโดนไล่ออกหรือว่ากลั่นแกล้งจนต้องลาออกจากงานก็ได้ ด้วยความที่เธอมีรายชื่อเป็นหุ้นสาขาใหญ่อยู่ในร้านแห่งนี้ด้วย

    “วันนี้คุณสเตฟานี่อยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ”

    “สลัดแซลม่อนรมควันแล้วกัน”

    “คุณเจสสิก้าล่ะครับ”

    “ฉันเอาอันนี้นะ แล้วก็ชุดนี้ อันนี้ด้วย แล้วก็อันนี้อีกอัน”

    “ยัยเจสเธอจะกินหมดร้านเลยหรือไง เดี๋ยวก็อ้วนพุงกองหรอกเธอ”

    “ฉันเกิดมาครั้งเดียวนี่ อยากกินอะไรก็กินๆไปเถอะ ถ้าเกิดว่า….ตายขึ้นมาไม่รู้ว่าจะมีใครทำบุญไปให้หรือเปล่า”

    “เธออย่าพูดเรื่องตายได้มั้ย ฉันรู้สึกไม่ดีเลย”

     

    เจสสิก้าปิดเมนูส่งให้กับพนักงานประจำร้าน เพื่อให้ได้อยู่กันสองคนลำพัง

     

    “เธอเป็นอะไรหรอ”

    “ฉันรู้สึกว่าพักนี้เหมือนมีคนมาจ้องฉันตลอดเวลาเลย”

    “ทำไมล่ะ”

    “ตั้งแต่ฉันย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังนั้นก็มีแต่เรื่องแปลกๆน่ะ”

    “แปลก แปลกอย่างไง”

    “ก็เสื้อผ้าของฉันบางตัวก็ถูกกรีดจนขาดบ้าง บางทีฉันก็รู้สึกมึนๆเวลาอาบน้ำบ้าง”

    “เธอเหนื่อยเกินไปหรือเปล่าฟานี่ เธอควรพักผ่อนบ้างนะ”

    “เธอมาอยู่กันฉันได้มั้ยเจส ฉันอยู่กับเธอแล้วรู้สึกปลอดภัยดี”

    “จะบ้าหรอ ฉันไม่ใช่คนในบ้านนั้นนะ”

    “ไม่เป็นไรหรอก ฉันเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น ใครจะค้านอะไรในเมื่อมันเป็นคำสั่งของฉัน”

    “ถ้ามันทำให้เธอสบายใจฉันไปก็ได้”

    “คืนนี้เลยนะฉันจะให้แม่บ้าน จัดห้องให้เธอติดกับห้องของฉันเลย”

    เจสสิก้ายิ้มตาหยี่ รู้สึกถูกใจที่เพื่อนสาวสเตฟานี่ไว้ใจเธอขนาดนี้ คุยกันได้ไม่นานนักอาหารที่สั่งไว้ก็เสิร์ฟวางอยู่บนโต๊ะ สีสันสวยงามดูน่าทานกว่ามื้อไหนๆ อาหารจานโปรดของสเตฟานี่และมันก็เป็นมื้ออาหารที่เจสสิก้ารู้สึกถูกใจที่สุดเช่นกัน

     

    ------------------------------

     

    ภายในห้องประชุมใหญ่บนตึกฮวังคอร์ปอเรชั่น ผู้บริหารระดับสูงสาขาย่อยต่างพากันมารวมตัวเพื่อประชุมหารือเกี่ยวกับการพัฒนาบริษัทตามวิสัยทัศน์ของอดีตประธานบริษัท หลังจากที่เสียท่านไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนและเป็นการประชุมต้อนรับว่าที่ประธานบริษัท สเตฟานี่ ฮวัง ด้วย

     

    “ดิฉันจะขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่าวันนี้คุณสเตฟานี่ติดงานด่วนจึงไม่สามารถมาประชุมตามแผนการได้ เราจึงจะร่วมประชุมกันเพียงเท่านี้นะค่ะ”

    “คุณสเตฟานี่ติดงานอะไรถึงสำคัญกว่าการประชุมครั้งนี้”

    “เป็นงานที่คุณสเตฟานี่ไม่ได้แจ้งไว้ค่ะ ถ้าอย่างไงดิฉันจะรายงานคุณสเตฟานี่ย้อนหลัง ขอให้ทุกท่านโปรดเข้าใจด้วยนะค่ะ”

     

    ใช้เวลานานหลายชั่วโมงกว่าการประชุมจะจบลง ผู้บริหารระดับแต่ละสาขาต่างแยกย้ายกันออกจากห้องประชุมเพื่อเดินทางกลับไปยังบริษัทของตัวเอง เหลือเพียงเลขาคนสวยขอเสตฟานี่ที่ยังคงอ่านเอกสารในแฟ้มอยู่ลำพังโดยที่ไม่ได้สังเกตว่ามีผู้บริหารอีกคนยืนกอดอกจ้องมองตัวเองอยู่ไม่ไกลนัก

     

    “คุณซันนี่”

    “พี่ฟานี่ไม่ว่างเลยหรอ”

    “ค่ะ คุณสเตฟานี่มีงานด่วนตามที่ดิฉันได้แจ้งไว้ค่ะ”

    “นี่ๆ ไม่ต้องมาดิฉงดิฉันกับซันนี่หรอก ฉันนี่ไม่ชอบมันแปลกๆขัดหูไงไม่รู้”

    “เอ่อค่ะ”

    “พี่ฟานี่คงจะเหนื่อยกับงานที่ทำอยู่แน่นๆเลย ซันนี่เป็นห่วงจัง”

    “คุณสเตฟานี่เป็นผู้หญิงที่ฉลาดค่ะ อีกไม่นานก็คงจะได้พักยาว”

    “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีนะ ซันนี่จะชวนพี่ฟานี่ไปเที่ยวทะเล บางทีพี่ฟานี่อาจจะได้สบายจนไม่อยากกลับบ้านเลยก็ได้”

    “คุณซันนี่ว่าไงนะค่ะ”

    “หืม เปล่าค่ะ แค่อยากจะไปเที่ยวกับพี่ฟานี่น่ะ”

     

    ซันนี่ยิ้มหวานตาหยี่ให้กับเลขาลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง ดูสดใสและร่าเริงตามประสาเด็ก ซันนี่อาจจะอายุน้อยแต่ความฉลาดของเธอทำให้ประธานฮวังถูกใจจนยกบริษัทสาขาย่อยให้กับเธอเป็นผู้ดูแลก่อนที่จะสิ้นใจเพียงไม่นาน

     

    “ซันนี่ไปก่อนนะจะรอไปเที่ยวทะเลกับพี่ฟานี่ที่บ้าน”

     

    ร่างเล็กเดินออกจากห้องไปท่าทางอารมณ์ดีเหมือนเด็กน้อยที่ดีใจเวลาจะได้ไปเที่ยว ประตูห้องประชุมถูกปิดสนิท สาวเลขาร่างสูงจับกระชับแว่นให้เข้าที่กระดกยิ้มมุมปากอย่างได้ใจในมุมหนึ่งของห้อง

     

    “จะได้ไปหรือเปล่านะทะเลน่ะ”

     

    ------------------------------

     

    เวลาก็เกือบจะค่ำแล้ว สองสาวเที่ยวช้อปปิ้งจนเกือบจะมืด สเตฟาและเจสสิก้าเดินออกมายังลานจอดรถ สองมือถือถุงกระดาษยี่ห้องดังหลายใบ การช้อปปิ้งครั้งนี้เป็นการพักผ่อนที่ดีสำหรับสเตฟานี่ถึงแม้ว่ามันจะไม่นานเท่าไรนักแต่ก็รู้สึกได้ว่าสบายใจจากเรื่องที่ผ่านเข้ามาไม่น้อย

     

    “เอ่อ ฟานี่ฉันลืมของไว้ที่ร้านเมื่อกี้น่ะ เธอรอฉันที่นี่ก่อนนะ”

    “อืม ได้สิ”

    “เดี๋ยวฉันมานะ”

     

    พูดจบเจสสิก้าก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในห้องที่ออกมาเมื่อครู่ ทิ้งไว้เพียงสเตฟานี่เพียงคนเดียวที่ยืนรอคอยเพื่อนสาวคนสวยอยู่ในลานจอดรถที่เงียบและแสงไฟสลัว สเตฟานี่ก้มมองนาฬิกาของตัวเองพักหนึ่งเพื่อดูว่าวันนี้เธอใช้เวลากับการพักผ่อนนานเท่าไร แต่ก็ต้องชะงักเมื่อกลิ่นเหม็นฉุนของบุหรี่ลอยเตะจมูกเธอจากทางด้านหลัง สเตฟานี่รีบหันหลังไปมองต้นต่อของกลิ่นทันทีก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นคือ……

     

    “กรี๊ดดดด !!!

     

    -------------------------

     

    “เป็นอย่างไงบ้าง สำเร็จหรือเปล่า”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×