ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #323 : วิจารณ์นิยายแบบแมวๆ The Legacy of Murderer มรดกแห่งการสังหาร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.41K
      0
      13 ม.ค. 58

                 สำหรับบทความนี้ เป็นการวิจารณ์นิยายในเว็บเด็กดีครับ ซึ่งมันไม่ใช่บทความพูดถึงเรื่องการ์ตูนสักเท่าไหร่ ใครอยากอ่านเรื่องการ์ตูนก็ดูตอน 322 (ผมอัฟเท่าๆ กัน)  แต่ผมแนะนำให้ทุกคนที่กำลังแต่งนิยายอยู่มาอ่านนะครับ เพราะมันมีประโยชน์มาก เพราะสิ่งที่ผมเขียนผมว่าเกิดขึ้นกับทุกคน และผมอยากให้ทุกท่านพัฒนางานเขียนนิยายมากขึ้น ส่วนจะมากหรือน้อยขึ้นกับคุณครับ

                 ผลงานที่วิจารณ์ที่ผ่ามา

                 http://writer.dek-d.com/cammy/writer/viewlongc.php?id=125456&chapter=242

                http://writer.dek-d.com/cammy/writer/viewlongc.php?id=125456&chapter=311

                 และเช่นเคยครับหากท่านไหนแต่งนิยายฮาเร็ม และจบฮาเร็ม สามารถให้ผมวิจารณ์ได้ครับ ผมก็ยินดีหาเวลามาอ่านนิยายท่าน พร้อมคำแนะนำ และความคิดเห็นส่วนตัว (ที่สุดติ่ง) แก่ท่านแบบเต็มอิ่มเลยทีเดียว และเนื่องด้วยบทความผมมีแต่เรื่องจริงทะลุโลก, ฆาตกร และการ์ตูน ดังนั้นบทความที่เหมาะที่สุดในการเขียนวิจารณ์นิยายมากที่สุด คือดูการ์ตูนอย่างแมวๆ นี้แหละ โดยผลจะยกตัวอย่างเกี่ยวกับการ์ตูนด้วย เพื่อเป็นการเปรียบเทียบ และเป็นแบบอย่างด้วย

     

     

    The Legacy of Murderer มรดกแห่งการสังหาร

    สามารถอ่านได้ที่

    http://writer.dek-d.com/nakoloki2/writer/view.php?id=823328

    ขอตั้งชื่อเรื่องว่า จู่ๆ ผมก็กลายเป็นแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์แถมเพื่อนหญิงรอบข้างก็ระดับฮาร์ดคอร์กันทั้งนั้น

     

                 สำหรับนิยายที่ผมจะวิจารณ์ครั้งนี้เป็นผลงานของนักเขียนคนหนึ่งชื่อ Wakame Neko ในชื่อเรื่อง มรดกแห่งการสังหาร [The Legacy of Murderer]  (ยอมรับว่าครั้งแรกที่ผมดูชื่อนิยายเรื่องนี้ สิ่งแรกที่ตามมาคือชื่อเม่งโครตเชย เพราะการ์ตูนหลายเรื่องใช้ชื่ออารมณ์นี้ เช่น Dansai Bunri no Crime Edge สายเลือดล่าสังหาร (ซึ่งเนื้อหานิยายก็คล้ายๆ กับการ์ตูนเรื่องนี้อีก)   หากอยากแปลกๆ นี้ผมแนะนำตั้งชื่อยาวเท่าที่จะทำได้ ให้เม่งประชดคนดูเลยแหละ )

                    เกริ่น กว่า ศตวรรษ และทศวรรษที่ผ่านมา มีเหล่าฆาตกรมากมายเกิดขึ้นบนโลก ฆาตกรเหล่านั้นได้สังหารเหยื่อ ด้วย อาวุธสังหาร

    ปัจจุบัน อาวุธสังหารเหล่านี้กระจายไปตามที่ต่างๆบนโลก มันคือมรดกของฆาตกร และมีอำนาจพิเศษบางอย่างทำให้มันเป็นอาวุธที่ไม่สามารถทำลายได้ มันจะเลือกผู้ที่จะครอบครองรุ่นต่อไปและกระตุ้นให้เกิดอาการวิกลจริตและสังหารเหยื่อตามแบบฉบับของอาวุธที่มาจากฆาตกรคนนั้นและให้พลังพิเศษที่ไม่ธรรมดาจากอาวุธสังหารของฆาตกรแก่ผู้ครอบครอง มันถูกเรียกว่า มรดกสังหาร

    นี่คือเรื่องราวของความรัก แอ็คชั่นแฟนตาซี ฆาตกร พลังพิเศษ และองค์กรลับ แบบไลท์โนเวล\

                    เนื้อเรื่อง เป็นเรื่องของพระเอกคนหนึ่งชื่อ “กาญจน์” เป็นเด็กหนุ่มธรรมดาที่จู่ๆ กลบายเป็นคนที่มีอาการทางจิต อยากทำร้ายผู้หญิงโดยไม่ทราบสาเหตุ เคยเกิดเหตุทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งในโรงเรียนเก่า เลยต้องย้ายมาเรียนโรงเรียนแห่งใหม่ แต่อย่างไรก็ตามเพียงวันแรกเขาก็ทนแรงขับไม่ไหว จะทำร้ายสาวเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งชื่อ “วา” หากแต่นั้นเป็นจุดเริ่มต้น เมื่อเขารู้ว่า “วา” ก็มีอาการเหมือนกับเขาแถมอยู่ระดับเทพอีกต่างหาก และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

     

                 ความจริงการวิจารณ์นิยายที่ดีเราต้องรู้จักคนแต่งนิยายก่อนครับ  อย่าง ผมวิจารณ์การ์ตูนเรื่องไหน ผมต้องรู้ประวัติผลงานของคนเขียนการ์ตูน ว่าเป็นใครมาจากไหน อายุเท่าไหร่ ผลงานที่ผ่านมาจบวิน จบฮาเร็มยังไง ทั้งนี้เราสามารถเข้าใจในตัวคนแต่งมากขึ้น ไปจนถึงเอกลักษณ์ แนวคิดของคนเขียนด้วย

                 แน่นอนว่า นิยายของ Wakame Neko  ผมไม่รู้จักตัวผู้แต่งครับ (พยายามหาประวัติแล้วก็ไม่พบ ไม่ทราบอายุเท่าไหร่ เรียนที่ไหน มีประสบการณ์อะไรบ้าง (สิ่งที่รู้มีอย่างเดียว คนแต่งอยู่จังหวัดกาฬสินธ์)  ดังนั้นผมจึงได้คาดเดาตัวตนของคนแต่งจากการอ่านนิยายเรื่องนี้แทน

                 ผมดูนิยายเรื่องนี้ก็พอคาดเดาได้ว่า Wakame Neko   อายุน้อยกว่าผม อาจเป็นวัยรุ่น และน่าจะเรียนอยู่ (ความจริง คนแต่งอายุมาก และจบมาแล้ว)  และมีประสบการณ์แต่งนิยายไม่กี่ปีที่ผ่านมา และค่อนข้างมือใหม่

                 มือใหม่ยังไง เพราะอะไรหลายๆ อย่างในนิยายมันบ่บอกครับ

                 นอกจากนี้ตัวคนแต่งค่อนข้างเป็นคนมั่นใจกับผลงานของตนเองมากๆ ถึงขั้นมีความคิดจะทำนิยายเรื่องนี้ทำเป็นหนังสือทำมือของตนเอง พร้อมกับจ้างคนวาดภาพนิยายเป็นเรื่องเป็นราว แบบนี้ถ้าไม่มั่นใจหรือเตรียมใจไว้ก่อนคงทำไม่ได้หรอกครับ

                 ถ้าถามผมว่า ผมรู้สึกอะไรกับนิยายเรื่องนี้.....

                 อืม.....ไม่รู้จะเริ่มจากไหนดี ก่อนอื่นขอสารภาพก่อน ตอนที่ผมเขียนวิจารณ์นี้ผมอ่านนิยายของท่านเพียง 5-6 ตอนเองครับ (เดี๋ยวกะว่าจะไปอ่านเพิ่มอีก) แต่อย่างไรก็ตาม เพียงแค่อ่านไม่กี่ตอนผมก็เกิดอาการคันไม้คันมืออยากจะเขียนวิจารณ์เรื่องนี้ใจจะขาด เพราะมันมีอะไรที่พูดถึงมากมายเต็มไปหมดครับ

                 ดังนั้น ผมขออธิบายเป็นข้อๆ ละกัน

                 เริ่มจากธีมของเรื่อง เนื้อหาของเรื่อง ถ้าให้ผมตอบคือเป็นแนวฮาเร็มพล็อตตลาด คือมันก็ไม่ได้เป็นฮาเร็มจ๋า (แม้ในเรื่องพยายามทำให้ฮาเร็มจ๋าก็ตาม แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้มันไม่ได้เป็นฮาเร็มจ๋า ซึ่งผมจะอธิบายถัดไป) มันเป็นพล็อตง่ายๆ ไม่ได้ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน คือยังคงเป็นเรื่องของพระเอกที่ได้รับพลังความสามารถ ได้พบกับเพื่อนที่มีพลังแบบเดียวกัน มีองค์กรลับ มีการต่อสู้ เห็นไหมครับ พล็อตแบบนี้พบเห็นบ่อยๆ ในการ์ตูนทั่วๆ ไปครับ

                 หากแต่ ในเมื่อพล็อตมันตลาด แต่มันก็มีข้อดีในตัว  เพราะมันตลาดนะสิ ถึงมีคนมาอ่าน ได้รับความนิยมในตลาดระดับหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีโจทย์ใหญ่ๆ คือทำยังไงให้เรื่องมันโดดเด่น น่าติดตาม เพราะในเมื่อพล็อตเกลื่อน ความอยากของคนเข้ามาอ่านก็ต้องลดลงด้วย                                                                          

                 แน่นอนผมเชื่อว่าคนแต่งเข้าใจจุดนี้เป็นอย่างดี จึงพยายามให้พล็อตตลาดนี้สนุกน่าติดตาม โดยมีคีย์ก็คือ สร้างตัวละครให้โดดเด่น, การวางเนื้อเรื่อง, การสร้างให้โครตฮาเร็ม, การต่อสู้เลือดสาด (?) และ คนแต่งได้เสนอจุดหนึ่งที่น่าสนใจ คือการนำเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องที่มีตัวตนอยู่จริงๆ มาผูกเป็นพลังพิเศษ (สกิล) ในเรื่องครับ เป็นต้นว่า แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์, หมอ HHโฮสม์ ซึ่งเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น และนำฆาตกรเหล่านั้นมาเป็นพลังเฉพาะของตัวเอกในเรื่องแต่ละคน เป็นต้นว่าพระเอกได้รับพลังจากแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ หรือ เพื่อนหญิงได้รับพลังหมอ HH โฮสม์ เป็นต้น  

     

     

    Dansai Bunri no Crime Edge

    ผมเคยพูดถึงการ์ตูนเรื่องนี้ไว้ในบทความ

    http://writer.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=125456&chapter=165

     

                 อ่านนิยายเรื่องนี้ ทำให้ผมนึกถึงการ์ตูนเรื่อง Dansai Bunri no Crime Edge สายเลือดล่าสังหาร (รักพิมพ์) ขึ้นมาทันที เพราะธีมของเรื่องคล้ายๆ กัน พระเอกจู่ๆ มีอาการทางจิตแบบไม่สามารถอธิบายไม่ได้เหมือนกัน จนกระทั่งมารู้ที่มาของความผิดปกตินี้ มีการต่อสู้ด้วยการใช้พลังจากอาวุธสังหาร และมีเรื่องขององค์กรเหมือนกัน เพียงแต่ในฆาตกรในเรื่องไม่ได้มีอยู่จริง เป็นฆาตกรที่สมมุติขึ้น  (นอกจากนี้ในนิยายของคนแต่ง เนื้อหาก็ไม่เหมือนกับการ์ตูนเรื่องนี้นะครับ)

                 ความจริงครั้งหนึ่ง (หรือแม้กระทั่งตอนนี้ก็ตาม) ผมก็เคยคิดจะแต่งนิยายที่นำเอาฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังมาเปลี่ยนเป็นผู้หญิงดู (อาจมาจากสายเลือด, ส่วนพระเอกเป็นเหยื่อในอุดมคติที่ตกเป็นเป้าของฆาตกร และถูกปกป้องโดยเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นฆาตกรแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (สกิลชำแหละทุกอย่าง) พ่วงด้วยกิ๊กสาวทวินเทล เป็นอลิซาเบธ บาโธรี (สกิลนองเลือด) เห็นไหมครับว่ามันน่าสนใจขนาดไหน

                 และเนื่องด้วยผมค่อนข้างชอบเรื่องฆาตกร ดังนั้นผมจึงเรื่องมากกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ!!

                 ปัญหาใหญ่ของคนเขียนอยู่ที่การนำเสนอมากกว่าเนื้อเรื่อง หลังจากที่ผมอ่านนิยายเรื่องนี้ ผมพบว่า แม้เนื้อหานิยายเรื่องนี้น่าสนใจ แต่ปัญหาอยู่ที่ฝีมือการแต่งของคนแต่งมากกว่า ที่ทำให้เนื้อหานิยายเรื่องนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

     

     

    ภาพวาดในตอนแรกของคนแต่ง

     

                 -ก่อนจะพูดถึงตัวนิยาย ของพูดถึงภาพประกอบนิยายก่อน ซึ่งถือว่าเป็นจุดสำคัญที่ทำให้นิยายดูน่าอ่านขึ้น น่าสนใจขึ้น ซึ่งตอนแรกๆ คนเขียนใช้ภาพที่ผมเชื่อว่าวาดเอง ซึ่งดูแล้ว.....ให้ตายสิ

                 ....หากให้ผมพูดตรงๆ ไม่โกหกน่ะ ผมเชื่อว่าคนแต่งคนรู้ตัวแหละ คือเป็นภาพวาดในตอนแรกนั้นยังใช้ไม่ได้ครับ ผมกลัวว่าเป็นภาพไล่คนอ่านด้วยซ้ำ  และไม่โกหก พอผมเห็นภาพวาดที่ผ่านวาดครั้งแรก ผมแทบเผ่นจากนิยายเรื่องนี้ทันที และเป็นส่วนหนึ่งที่มองว่าคนแต่งเรื่องนี้เป็นเด็กวัยรุ่นอ่อนประสบการณ์ด้วย (โหดร้ายหรือเปล่า)

                 ภาพในตอนแรกๆ มันไม่ดีตรงไหน? คือมันเยอะมากไม่ว่าจะเป็นภาพที่ไม่ชวนมองเลย สัดส่วนเพี้ยน ไม่สัมพันธ์กัน ไร้ซึ้งอารมณ์  โดยเฉพาะสัดส่วน ต่อให้ภาพไม่สวย ยังไง แต่ขอให้สัดส่วนให้ได้ครับ หากสัดส่วนดี ก็ทำให้ชวนมองระดับหนึ่ง

                 ภาพวาด ไม่ว่าจะเป็นภาพตัวละคร ภาพประกอบในเรื่อง เป็นสิ่งสำคัญว่าจะจูงใจคนเข้ามาอ่านหรือเปล่า การใช้ภาพวาดเองถือว่าน่าชื่นชม ดีกว่าเอาภาพการ์ตูนเรื่องอื่นมาใช้ แต่อย่างไรหากจะวาดเองนั้นฝีมือของเราก็ต้องถึงด้วย  หากฝีมือไม่ถึงก็จะส่งผลร้ายมากกว่าผลดีครับ

                 อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าคนแต่งจะจ้างคนวาดภาพใหม่แล้ว ตรงนี้ผมขอชมครับว่าเลือกภาพได้ตรงกับเนื้อหา และเข้าอารมณ์ของคนแต่งด้วยครับ  (ส่วนนักวาดภาพที่คนแต่งจ้างผมจำชื่อไม่ค่อยได้แล้วละ)

                 -หลังจากที่ผมบ่นเรื่องรูปประกอบเสร็จ ผมก็อ่านบทนำ และเริ่มอ่านตอนที่ 1 เมื่อผมอ่านจบ ผมมานั่งคิดพักใหญ่ เพราะมันมีคำถามเต็มไปหมด

                 โอเคครับบทนำไม่มีปัญหา แม้ผมก็อยากให้เพิ่มเนื้อหาสักนิดก็ตาม คือบรรยายเพิ่มอีกนิดนั้นแหละ เอาเถอะแก้ไขได้

                 แต่ปัญหาคือตอนที่ 1 ครับ คำถามที่ผมมานั่งคิด คือตอนที่ 1 ต้องการสื่ออะไร?

                 ผมเข้าใจว่า ตอนที่ 1 คนแต่งคงตั้งใจแต่งนิยายที่ต้องการสื่อถึงจิตใจที่ขัดแย้งของพระเอก กล่าวคือพระเอกได้รับคำสาปของฆาตกรแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์เข้า  จนอยากฆ่าผู้หญิง แต่ในขณะเดียวกันพระเอกก็พยายามข่มความรู้สึกนี้ไว้  พยายามทำตัวเป็นคนธรรมดา เพราะไม่อยากทำร้ายใคร หรือฆ่าใคร เพราะในอดีตเขาไม่สามารถข่มความรู้สึกนี้ได้ และเคยทำร้ายผู้หญิงในโรงเรียนเก่า จนต้องย้ายบ้านใหม่ที่ห่างไกล โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้  

                 อารมณ์ของพระเอกนิยาย ก็คล้ายๆ พระเอก Dansai Bunri no Crime Edge นั้นแหละครับ ที่หลงใหลในเส้นผมของผู้หญิง อยากตัดผมของผู้หญิง แต่ในขณะเดียวกันพระเอกก็ไม่รู้ทำไมเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้น และอยากเป็นคนธรรมดาเหมือนกัน แต่ก็ไม่สามารถทำได้

                 แต่ปัญหาคือฝีมือของคนแต่งไม่สามารถสื่ออารมณ์เหล่านี้ได้ครับ มันเหมือนขาดๆ เกินๆ มากกว่า

                 หากอ่านตอนที่ 1 ผมไม่รู้สึกเหมือนพระเอกมีอารมณ์ความรู้สึกข่มอาการทางจิตของตนเองเลย มันเหมือนกันคนโรคจิตโดยสมบูรณ์มากกว่าครับ  แม้จะพยายามใส่เรื่องขัดแย้งในจิตใจของพระเอกนี้บ้าง แต่มันน้อยเกินไปครับ อารมณ์ยังไม่ถึง สื่อไม่ถึง อยากได้อารมณ์ว่า ว่าทำไมผมถึงเป็นแบบนี้ ผมอยากเป็นคนธรรมดา ผมพยายามข่มความรู้สึกอยากฆ่าผู้หญิง มันสุดจะทนแล้ว ฯลฯ อะไรมากกว่าครับ แต่คนแต่งละเลยเรื่องเหล่านี้ ทำให้ได้อารมณ์ความรู้สึกห้วนๆ แทน ใส่ความโรคจิตในจิตใจเข้าไปจนข่มเรื่องอารมณ์ต่อต้าน ทำให้ดูไม่เหมือนว่าพระเอกมีอารมณ์ขัดแย้งจิตใจเลย

     

                 ตามความเห็นของผมแล้ว ผมไม่ค่อยประทับใจในตอนเปิดของตอนที่ 1 มากนักครับ เนื้อหาดีแล้ว แต่ปัญหาคือฝีมือการจัดเรียงเนื้อหามากกว่า  รวมไปถึงบทนำ (ความจริว ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้ตัดออก  เพราะบทนำเรื่องนี้แทบไม่ได้ต่อเนื่องกับตอนที่ 1 สักเท่าไหร่ แต่ถ้าอยากจะใส่ฉากนี้จริงๆ ละก็ เอาไว้ช่วงกลางเรื่องก็ได้ หลังพระเอกพยายามถอนคำสาป กลับมาฝันเรื่องราวแบบนี้มันก็ไม่สายครับ)

                 ปกติที่ผมอ่านการ์ตูนมา การสื่อพระเอกโรคจิต เริ่มจากการเปิดเรื่องพระเอกจะเล่าประวัติเล็กๆ น้อยของตนเองก่อน (ไม่ต้องเปิดเผยหมด ค่อยๆ เล่าที่ละขั้น) ว่าพระเอกมีชีวิตปกติธรรมดา เป็นคนธรรมดา หากแต่ไม่นานจู่ๆ ก็พบว่าตนเองมีความผิดปกติด้านจิตใจ เริ่มรู้สึกโรคจิต วิปลาส ความพยายามข่มจิตใจที่บ้าคลั่งเพื่อใช้ชีวิตอย่างสงบ พูดง่ายะๆ มันก็เหมือนประวัติชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้แต่งที่พยายามสร้างตัวตนของพระเอกให้ได้ก่อน วางฐานตัวละคร จากนั้นก็ค่อยเล่าเรื่องราว นี่คือหลักการพื้นฐานของนิยายครับ

                 ดังนั้น ประโยคเปิดตอนที่ 1 ว่า “เฉือน เฉือน เฉือน” ไม่ประทับใจมากนัก  แนะนำขึ้นต้นเป็นการเล่าประวัติพระเอกคร่าวๆ จะดีกว่า

                 นิยายของคนแต่งยังขาดความกลมกล่อมเยอะ  มันอาจโหดร้าย แต่มันเป็นเรื่องจริง ผมเชื่อว่าใครที่อ่านนิยายเรื่องนี้มีอะไรหลายอย่างที่สะดุดมากน้อยโดยเฉพาะการเลือกใช้คำของผู้แต่งที่เลือกมาใช้ไม่ได้นักทำให้ดูทื่อๆ หรือขัดยังไงชอบกล

                 เป็นต้น “สังหาร” เป็นคำที่ผู้แต่งนิยมใช่ในนิยาย ในบทที่ 1 เสียงเรียกร้องในจิตใจฆ่าคนของพระเอก แต่เราไม่คุ้นเคยกับคำนี้มากนัก เพราะปกติการสังหาร ใช้กับการลอบสังหารมากกว่า ดังนั้นควรใช้คำว่า “ฆ่า ฆ่า ฆ่า” หรือเพียงแค่ประโยคว่า “ผมอยากฆ่าคน” ก็เพียงพอแล้วครับ อีกทั้ง ไม่จำเป็นต้อง หึๆ  ฮะๆ บ่อยนักก็ได้ เปลี่ยนเป็น “เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่ง” ในจิตใจของผมก็ได้

                 อย่างไรก็ตาม ผมยังชมคือบางช่วงคนแต่งก็ทำได้ดีพอสมควร แสดงว่าคนแต่งเองก็คงอ่านนิยายไลท์โนเวลมาบ้าง แต่กระนั้นก็มีจุดที่ผมดูแล้วหงุดหงิดอีก ในบทที่ 1

                 


                 ผมก็อปภาพมา โอเคประโยคการแนะนำตัวละครหญิงที่ชื่อว่า “วา” ถือว่าใช้ได้ แต่ปัญหาคือการพูดถึง “วา” ต่อจากนี้ต่างหาก

                  
     


                สังเกตที่ผมขีดเส้นไว้ ในตัวละครหญิงที่ชื่อว่า “วา” ปัญหาคือคนแต่งไปใช้ประโยคที่ผมหงุดหงิด 3 ครั้ง ในเมื่อตัวละครแนะนำชื่อ และพระเอกจำชื่อ “วา” ได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ประโยคสิ้นเปลืองอีกครั้ง

                 1-“ซึ่งเป็นเด็กสาวผมบ็อบซึ่งมีฐานะหัวหน้าห้องเพิ่มถูกแต่งตั้งไป” ผมไม่ถูกใจประโยคนี้ครับ ในเมืองบรรยายเรื่องเหล่านี้ตะกี้แล้ว เอามาใช้อีกทำไม (ไม่กี่บรรทัดก็ใช่อีกละ ปกติเขาจะใช้ตอนขึ้นช่วงใหม่ ตอนใหม่ครับ ถ้าจะให้กลมกล่อมควรใช้ว่า  “ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่า ว่ามีสายตาของเด็กสาวคนหนึ่งจ้องมองมาทางผม เธอคนนั้นถ้าจำไม่ผิด หัวหน้าห้อง “วา” หรือถ้าเป็นไปไม่ได้ ก็แค่  “วาได้จ้องมองผมแบบตาไม่กระพริบ” ก็ได้ครับ

                 2.-ตัดคำว่า “เด็กสาวที่ชื่อ” ออก เหลือแค่ “วา”  ไม่ก็ “หัวหน้าห้อง”ได้จ้องมองหาผมแทน

                 3.”เด็กสาวผมบ๊อบสีนิล รู้สึกว่าหัวหน้าห้องของที่นี้นามว่าวา” ในเมื่อคนแต่งแนะนำตัว “วา” ไปแล้ว ประโยคนี้ไม่จำเป็นอีกต่อไป ตัดลงเหลือแค่ “หัวหน้าห้องวา”, “หัวหน้าห้อง” หรือไม่ก็แค่ “วา” เฉยๆ ก็พอ

                 สิ่งเหล่านี้สำคัญมากครับ แม้เหมือนจะเล็กน้อย แต่มันก็ส่งผลกระทบอารมณ์ของหลายคนอย่างใหญ่หลวงครับ คิดดูเกิดมีตัวละครใหม่อีกคน คนแต่งแทนที่จะเรียกชื่อตัวละครไปเลย มัวแต่ว่า “ผมเงินชื่อไก่”, “ยัยวิทยาศาสตร์ที่รู้สึกว่าชื่อไก่” แทนที่จะ “ไก่” ไปเลยจะง่ายกว่า

                 เอางี้ครับ หากได้อ่านไลท์โนเวล เวลาตัวละครยังไม่ทราบชื่อ พระเอกก็จะบรรยายว่า ยัยผมเงิน ยัยผมดำ ยัยวัวนม หรือไม่ก็พระเอกเรียกตัวละครที่นามสกุลยาวเพราะยังไม่รู้จักกันจึงใช้ชื่อเป็นทางการก่อน หากแต่เมื่อตัวละครแนะนำตัวเองหรือบอกว่าเรียกชื่อเล่นว่า “X” ก็ได้ หลังจากนั้นX ก็เป็นชื่อเรียกของตัวละครนี้เป็นต้นมา

                 ส่วนหากอยากเล่าบรรยายลักษณะตัวละครผมแนะนำให้ใช้ขึ้นตอนใหม่ บทใหม่ ครับไม่ใช่บรรยายรูปร่างในบทหนึ่งติดๆ กัน มันไม่กลมกล่อมครับ

     

     

    แผนภูมิโครตแมว

     

                 เอาเถอะเรื่องการใช้คำ สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ คราวนี้เรามาพูดถึง 2 หัวข้อใหญ่คือการดำเนินเรื่อง และตัวละครบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่แทบจะรื้อเนื้อหานิยายใหม่เลยทีเดียว

                 ผมขอเริ่มจากการดำเนินเรื่องก่อน คืออย่างแรกเลยหลังจากที่ผมอ่านเรื่องนี้ ผมรู้สึกว่านิยายดำเนินเรื่องขัดใจผมโครตๆ (ย้ำว่าโครตๆ) เพราะบางอย่างควรใส่แต่ไม่ควรใส่ บางอย่างควรตัดก็ไม่ตัด บางอย่างควรเพิ่มก็ไม่เพิ่ม หากให้คะแนนด้านเนื้อเรื่องผมจะกดคะแนนต่ำเลยทีเดียว

                 ผมขอเริ่มสิ่งที่ผมขัดใจแรกคือ ในเรื่องอุตสาห์ปูว่า หัวหน้าห้อง “วา” เป็นนางเอกหลัก คนแรก ใช่เปล่าครับ แต่ปัญหาคือหลังบทที่ 1 แทนที่จะอยู่ในรูท “วา” ต่อ (บทสานสัมพันธ์ บทปักธง) คนแต่งดันแหวกไปเข้ารูทสาวน้อยชื่อ “จีน” ซะงั้น ทั้งๆ ที่เรื่องของวายังไม่ได้บทบาทอะไรชัดเจนมากนัก (เธอมีชีวิตความเป็นอยู่ยังไง มีปมยังไง) แต่ดันเอาเรื่องจีนก่อน ทั้งๆ ที่ผมอยากรู้เรื่อง “วา” ก่อนแท้ๆ (เสียอารมณ์)

                 ขัดใจสอง  ในตอนที่ 4 มีการพูดถึงประวัติหมอ H H โฮล์ม ตอนที่จีนค้นประวัติฆาตกรรม  ว่าตรงกับพลังของวา..... คือไม่อยากขัดน่ะ อยากให้เจาะจงกว่านี้ครับ แค่พลังมาก มันไม่เจาะจงพอครับ มีฆาตกรเลวร้ายที่ใช้อาวุธกรรไกรมาก อาจไม่ใช่ H H โฮล์มก็ได้ ผมว่าน่าจะเพิ่มพลังพิเศษ “จีน” ไปเลย อาจเป็นพลัง “พรมลิขิต” ว่าอะไรที่สามารถระบุฆาตกรกับพลังได้อย่างถูกต้องมากกว่า

                

     

    อ่านแล้วก็จบเรอะ ไม่มีอะไรตื่นเต้นต่อเรอะ


              ขัดใจสาม ในตอนพูดประวัติ หมอ H H โฮล์ม  (อีก) ในตอนที่จีนเอาบทความให้พวกพระเอกอ่านนั้น พูดตามตรงว่าขนลุกดีนะครับ ถึงความน่ากลัวของหมอ H H โฮล์ม ตอนเล่าประวัติ  ผมก็นึกว่าจะมีอะไรมาต่อ แต่กลายเป็นว่าพระเอกอ่านแล้วก็จบไป ไม่มีอะไรเสริมอีกเลย คืออยากเพิ่มส่วนนี้ครับ

                 สมมุติ

                 “ดิฉันว่าพลังของคนพลังของคุณตรงกับวีรบุรุษตำนานท่านนี้ค่ะ”

                 “ใครครับ?

                 แล้วเธอก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ ในกระดาษนั้นมีข้อความเขียนไว้ว่า

                 นายจันทร์หนวดเขียว ผู้นำชาวบ้านบางระจันสู้ทหารพม่า สามารถสังหารทหารพม่าจำนวนมาก แต่สุดท้ายเสียชีวิตในที่รบ

                 “แล้วไงครับ?

                 “ไม่รู้ แค่ให้อ่านเฉยๆ”

                 “!!

                 อารมณ์ประมาณนี้แหละครับ แม้ว่าประเด็นรายละเอียดการโยงพลัง อาจมาพูดในช่วงกลาง หรือคนแต่งตั้งใจจะข้ามก็เถอะ  แต่ถามว่าฉากอธิบายพลังครั้งแรกนี้ได้อารมณ์อะไร คือจืดครับ  คือ คุณ คนแต่งครับ คุณอุตส่าห์ปูตื่นเต้นว่าพลังของตรูเป็นวีรบุรุษสุดยอดขนาดนี้นะคับ  แต่มากลายเป็นว่าอารมณ์พระเอกรู้พลังมาจากที่ไหน (โยงจากใคร) ก็แค่มีปฏิกริยาว่ายอดเลย แล้วก็จบ..........

                  อุตส่าห์เอาเรื่องฆาตกรต่อเนื่องมาพูดทั้งที ก็น่าจะมีอะไรเสริมให้ละเอียดขึ้นบ้าง หลังพระเอกอ่านจบบ้าง พวกเอ็งมีพลังฆาตกรต่อเนื่องเหี้ยมนะเฮ้ย อาวุธเป็นของฆาตกรในตำนานโลกเชียวนะ เอ็งอ่านแล้วก็จบเรอะ แล้วคนที่หาข้อมูลไม่พูดอะไรต่อเรอะ ประมาณอธิบายต่อว่าจิตของฆาตกรยังหลงเหลือในอาวุธ ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น  ไม่ต่อเลยเรอะ การอธิบายครั้งแรกมันยังงี้เรอะ   (เอาเป็นว่าผมจะจัดหนักตรงส่วนนี้ ตอนพูดถึงตัวละครในบรรทัดถัดไปละกัน)

                 ขัดใจสี่ ในบทที่ 3 ตอนที่ฆาตกรโคจิตถือพร้าบุกเข้าโรงเรียน ซึ่งเป็นฉากที่พวกพระเอกเรียนรู้ใช้พลังรับมือ แต่ปัญหาคือมันกลับจบลงแบบห้วนๆ ถ้าเป็นผมแต่ง ผมจะเขียนยาวกว่านั้น บางทีอาจเป็นหลายหน้า หลายตอน เพราะเป็นช่วงที่แสดงความวิปลาสของฆาตกร ความเป็นความตายการใช้พลังของตัวละคร รวมไปถึงฉากปักธงของพระเอก อีกทั้งน่าจะบทฆาตกรโรคจิตให้มีบทพูด หรือแสดงความเป็นโรคจิตให้มาก เพราะผมแทบไม่เห็นฆาตกรโรคจิตพูดเลยสักคำ (มันเป็นใบเหรอครับ) แน่นอนตจะเถียงว่าฆาตกรถือพร้าเป็นตัวประกอบก็ไม่ผิด แต่อย่าลืมว่าตัวประกอบมีหน้าที่ทำให้เนื้อเรื่องพีช จุดไคแมกซ์ของเรื่อง ถ้าคนแต่งกำหนดตัวละครประกอบแสดงบทแบบจ้างมาแค่ 50 บาท จบไม่กี่หน้ากระดาษ A4 มันจะได้อารมณ์ยังไงครับ มันต้องจ้างมาให้คุ้มค่าด้วย อย่าพึ่งรีบครับ มันเป็นฉากที่ควรสนุกกว่านี้

                (ขอตัวไปอ่านเพิ่มอีกสักตอนสองตอน)

                 ก่อนอื่นครับ การจะเขียนนิยายให้จบ 1 เล่ม แบบมีต่อเล่ม 2 เราจะต้องออกแบบเนื้อเรื่องก่อน ว่าเล่ม 1 บทหลักๆ มีอะไรบ้าง แม้จะเรียกนิยายแนวฮาเร็ม แต่ก็มีความแตกต่างกันครับ 

                 ผมจะตัวอย่าง รักนายคุราตะ ซึ่งแต่ละเล่มจะมีการดำเนินเรื่องในทิศทางเดียวกันอยู่ กล่าวคือ เล่มแรกแนะนำนางเอกหลักก่อน (เล่ม 1 มีนางเอกสองคน) เข้ารูทซาบซ่าของนางสองคนพร้อมกับสอดแทรกปม จากนั้นก็มีดราม่าเข้ามา มีฉากแอ็คชั่น ปิดท้ายด้วยพระเอกโชว์เทพปักธง และทำลายอุปสรรค์ดราม่าเหล่านั้น และจบอย่างซาบซ่า นี่คือหลักการดำเนินเรื่องของรักนายคุราตะในเล่ม 1

                 นายคุราตะเข้ารูทฮาเร็มนางเอกสองคน 60 เปอร์เซ็นต์

                 ดราม่า 20 เปอร์เซ็นต์

                 ต่อสู้ 20 เปอร์เซ็นต์

                 ซาบซ่าจบ 10 เปอร์เซ็นต์

                 ส่วนโรงเรียนแนวแฟนตาซี ก็ดำเนินเรื่อง ก็พระเอกเข้าโรงเรียน เจออีเวนท์นางเอกหลัก เข้าเรียนใหม่ เจอฮาเร็ม (ตัวละครหญิงที่พระเอกต้องทำรูทปรากฏเกือบทุกคน) เกิดอีเวนท์นางเอกโมโห ท้าทายพระเอก พระเอกต่อสู้ พระเอกเอาชนะ พระเอกปักธง จบเล่ม 1!!

                 (ไม่เคยอ่านแนวโรงเรียนแฟนตาซี ไม่สามารถสรุปเปอร์เซ็นต์ได้)

                 คำถามต่อมานิยายมรดกการสังหารจะกำหนดการดำเนินเรื่องยังไง หากยึดแนวฮาเร็มเน้นแอ็คชั่นเลือดสาด มาฆ่ากันเถอะ นั้นก็ดำเนินเรื่องตามสูตรนิยายแนวแอ็คชั่นทั่วๆ ไป จะได้อารมณ์นี้ครับ

                 -พระเอกเริ่มแนะนำตัว เล่าประวัติชีวิตตนเอง (เล็กๆ น้อยๆ)

                 -เปิดตัวนางเอกหลัก (จะหนึ่งคน, สองคน, สามคน ว่าไป แนะนำครับ อย่าปล่อยไก่เอาสาวออกมาหมด เอาสักสอง-สามคนก่อนกำลังดี แล้วค่อยเพิ่มในภาคต่อไปก็ได้ครับ ไม่งั้นบทของฮาเร็มแต่ละคนน้อยด้วย)

                 -มีเหตุการณ์ที่พระเอกเรียนรู้ในการใช้พลัง (อาจมีปักธง อะไรก็ว่าไป)

                 -เข้ารูทสาวแต่ละคน เริ่มจากนางเอกหลัก, นางเอกหลักสอง, นางเอกหลักสาม) อาจมีปักธงเล็กๆ แต่ไม่แน่น (พร้อมกันนั้นพระเอกก็พูดชีวิตตนเองไปด้วย)

                 -มีดราม่า ต่อสู้ ปักธง

                 -ซาบซ่า พร้อมทิ้งปมเอาไว้

                 ส่วนสัดส่วนนั้น ก็แล้วแต่คนแต่งครับว่าจะหนักไปทางไหน

     

     

    น้องแจ๊คจาก fate/apocrypha

    แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ในร่างผู้หญิง ที่มีพลังสกิลและความสามารถตรงกับแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ในตำนาน

     

                 คราวนี้มาถึงเรื่องตัวละคร ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมตั้งใจจะเขียนถึงตัวคนแต่งครับ  อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงความคิดเห็นของผมเท่านั้น คนแต่งจะเลือกเชื่อผมหรือไม่นั้นก็แล้วแต่ครับ

                 ตัวละคร (Character) ตัวละคร คือ ผู้แสดงบทบาท หรือพฤติกรรมในเรื่อง อาจเป็น มนุษย์
    สัตว์ ต้นไม้ สิ่งของ เอลฟ์ หรือปีศาจก็ได้ โดยให้สามารถทำพฤติกรรมเยี่ยงมนุษย์  แน่นอนว่าตัวละครถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากของนิยาย โดยเฉพาะตัวละครเอก ถือว่าเป็นจุดขายของนิยาย ว่าจะทำออกมาน่าอวย น่าติดตาม เพียงใด

                 ยิ่งเป็นแนวฮาเร็มถือว่าสำคัญมากครับ เพราะเราต้องวางโจทย์ กำหนดคาแร็คเตอร์ให้เหมาะกับนิยายของเรา ไม่เพียงแค่ตัวเอกชายเท่านั้น สิ่งที่สำคัญคือเหล่าฮาเร็ม หรือผู้หญิงของพระเอก ว่ามีกี่คน และมีใครบ้าง แต่ละคนมีบทบาทยังไง นิสัยยังไง เอกลักษณ์โดดเด่นคืออะไร คนไหนไม่ถูกกัน (ใครกัดกับใคร, ใครไม่ถูกกัน, มองพระเอกยังไงในตอนแรกและตอนหลัง) หากไม่สามารถสร้างเอกลักษณ์ของฮาเร็มพระเอกได้ มันก็กลายเป็นฮาเร็มกลวงๆ ที่จืดจางสนิท

                 ฮาเร็มที่สนุก คือเหล่าสาวๆ ว่าจะสร้างสีสันของเรื่องยังไง แต่ละคนมีอิทธิฤทธิ์เดชยังไง และสร้างความปวดหัวให้แก่พระเอกมากน้อยเพียงใด และคาแร็คเตอร์มีความหลากหลายหรือไม่

                 กลับมาที่นิยายของผู้แต่งต่อครับ ในเรื่องของตัวละครนั้น แม้จะมีเอกลักษณ์อยู่บ้าง และใส่เรื่องการโยงพลังของฆาตกรให้ดูโดดเด่น แต่กระนั้นก็มีจุดที่ให้ผมพูดถึง 2 เรื่อง

                 เรื่องแรก คือ ความหลากหลายของฮาเร็ม แม้ว่าตอนที่ผมเขียนวิจารณ์นี้ผมไม่ได้อ่านถึงช่วงฮาเร็มของพระเอกปรากฏตัวจนครบ แต่ดูจากการแนะนำตัวละคร ที่เป็นเหล่าสาวๆ (ที่เชื่อว่าเป็นฮาเร็มของพระเอก)  สิ่งที่ผมคิดคือ

                 เป็นฮาเร็มที่เรียบเป็นบ้า

                 ในด้านตัวเอกหรือบุคคลที่เป็นศูนย์กลางในเรื่องผมให้ผ่านครับ เป็นตัวเอกดูสนุกดี ไม่ได้เก่งเวอร์เหมือนตัวเอกในนิยายเว็บเด็กหลายเรื่อง แต่กระนั้นเหล่าตัวเอกหญิงนี้แหละคือสิ่งที่ผมจะมาพูดถึงครับ

                 ไม่รู้เป็นรสนิยมของคนแต่งหรือเปล่า ที่ชอบสาวๆ สายเรียบร้อย น่ารัก เหมือนสัตว์ตัวน้อยๆ ที่รอการปกป้อง และนั้นอาจทำให้ฮาเร็มพระเอกมีแต่พวกสาวเรียบร้อยเกือบทั้งสิ้น แม้ผมไม่ได้อ่านจนตัวละครออกมาครบหมดก็ตาม แต่แค่ “วา” และ “จีน” ผมก็ดูออกแล้วละ

                 โอเคครับ คนแต่งอาจจะต้องการสร้างให้ตัวละครดูธรรมดาก็ได้ (แต่ได้รับพลังชั่วร้าย) แล้วยังไงละ แต่ในฐานะฮาเร็มแล้ว มันยังเรียบไปครับ มันไม่สามารถดึงดูดเอกลักษณ์ความเป็นฮาเร็มได้ แม้ว่าจะใส่เอกลักษณ์ว่า “วา” เป็นหัวหน้าห้อง, “จีน” ลูกคุณหนู แต่นั้นไม่พออยู่ดีครับ

                  หากได้อ่านฮาเร็ม เราจะพบว่าฮาเร็ม มันจะมีจุดเด่นอยู่ที่นิสัยตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่เหมือนกันครับ เช่น สาวทวินเทลซึนเดเระ, ประธานรุ่นพี่เยือกเย็น, รุ่นน้องร่าเริง, ยัยผมหัวสว่านลูกคุณหนูเย่อหยิ่ง, เพื่อนร่วมชั้นสาว เป็นต้น

                 พยายามใส่เอกลักษณ์ด้านนิสัยอีกนิด พยายามใส่อารมณ์ที่เป็นเอกลักษณ์พวกนี้  และนอกจากนี้ก็น่ากำหนดว่า ใครไม่ถูกกับใครด้วย (ลองวาดตารางจัดอันดับความสัมพันธ์ตัวละครในเรื่องดนะครับ)

                 อุตส่าห์มีเรื่องฆาตกรมาเชื่อมโยง หากเอาเรื่องของเจ็ดบาป อารมณ์ของมนุษย์มาใส่เข้าไปก็ได้ครับ รัก, โลภ, โกรธ, หลง, เกียจคร้าน, เย่อหยิ่ง, ขี้เกียจ, อิจฉา จะทำให้ตัวละครมีเอกลักษณ์และมีพลังมากขึ้นครับ

     

    “หาก เปโดร อลองโซ โลเปซ (Pedro Alonso Lopez) เป็นผู้หญิง”

     

                 อย่างที่สอง การเอาเรื่องฆาตกรต่อเนื่องมาใช้ ทั้งๆ ที่นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวละครที่ใช้พลังของฆาตกรมาเชื่อมโยงว่าใครเป็นใครแท้ๆ แต่กระนั้นมันก็ จืด อีกแหละครับ

                 คือเท่าที่ผมอ่านมา อย่างมาก ตัวตนของฆาตกรต่อเนื่องเป็นเพียงพลังพิเศษของตัวเอก เป็นเพียงแค่คำสาปที่สิงตัวเอกเท่านั้น ก็เท่านั้นเอง (อาจมีพลัง หรือสกิลนิดหน่อย) แต่นั้นก็น้อยเกินไป แบบนี้ก็ไม่แตกต่างอะไรจาก ปีศาจซาตาน สัตว์ในตำนานที่ชั่วร้ายสิงพระเอก เหมือนการ์ตูนเรื่องอื่นก็เท่านั้น

                 อุตส่าห์เอาเรื่องฆาตกรต่อเนื่องทั้งที่ แต่ไม่พูดถึงเรื่องฆาตกรต่อเนื่องบ้างเหรอครับ

                 ถ้าเป็นผมในเมื่อเอาเรื่องฆาตกรต่อเนื่องมาใช้ ผมจะใช้ให้คุ้ม สอดแทรกเรื่องฆาตกรในเรื่องอย่างเนียนๆ  ภายใต้หัวข้อว่า หาก “ฆาตกรเหล่านี้เป็นผู้หญิงดู”

                 -เรื่องพระเอกได้รับพลังเป็นแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ช่างหัวมัน เพราะแจ๊คสามารถกำหนดแบบไหนก็ได้ แต่ปัญหาคือ “วา” เพราะวาได้รับพลังหมอ H H โฮล์มเข้าไป ตามประวัติชีวิตแล้วฆาตกรรายนี้เป็นคนที่ฉลาด แต่มีความโลภ แบบไม่มีที่สิ้นสุด และมีความเยือกเย็นฆ่าคนแบบหน้าตาเฉย

                 ไม่คิดเชื่อมโยงระหว่าง “วา” กับ “หมอ H H โฮล์มบ้างเหรอครับ อาจเป็น ประวัติชีวิตเหมือนกัน (ไม่ต้องปวดตับก็ได้ แค่ว่า เครียดเพราะพ่อบอกให้เรียนแพทย์ หรือว่าบ้านจนก็ได้) , นิสัยเหมือนกัน (อยากให้ “วา” มีนิสัยเหมือน H H โฮล์ม) แต่กลายเป็นว่าคนแต่งทำให้วาดูเรียบๆ อย่างน่าเสียอายครับ ไปจนถึงแรงปรารถนาในการฆ่าด้วย

                 ผมมีความคิดว่า นิยายเรื่องนี้ควรใส่สิ่งที่เชื่อมโยงตัวละครในเรื่องกับฆาตกรให้มากกว่านี้ครับ (นิยายเหมือนกัน, บุคลิกแตกต่างกัน) มันจะดูแล้วมีเอกลักษณ์มากขึ้นครับ อีกทั้งยังทำให้เนื้อหาดูน่าสนุกมากขึ้นด้วยครับ และแน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้คือสกิล พยายามใส่สกิลที่หลากหลายและเป็นเอกลักษณ์บ่บอกของฆาตกรมากกว่านี้ให้มากๆ  ยกตัวอย่าง น้องแจ๊คจาก fate/apocrypha ที่มีการกำหนดสกิลจากฆาตกรแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ เช่น สกิลซ่อนเร้น, ศัลยแพทย์, สภาวะจิตวิปริต เป็นต้น

     

    นี่คือส่วนหนึ่งที่ผมวิจารณ์นิยายเท่านั้นครับ เพราะผมอ่านไม่กี่ตอน ยังอ่านไม่จบหนึ่งเล่ม หนึ่งภาคของมันเลย เนื่องด้วยไม่ค่อยมีเวลาสักเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามก็พอสรุปๆ ได้ว่านิยายเรื่องนี้มีพล็อตน่าสนใจ การวางบทก็ดี แต่เนื่องด้วยผู้ปรุงยังไม่เก่งพอ ทำให้มีจุดต้องแก้ไขอีกมากครับ ซึ่งผมก็คงไม่สามารถบอกทุกจุดได้ทั้งหมด สิ่งสำคัญคือพยายามเน้นเรื่องตัวละครมากกว่านี้ เพราะจุดเด่นของนิยายน่าจะอยู่เรื่องของตัวละครมากกว่าการต่อสู้เสียอีก ปูตัวละครให้แน่น แล้วค่อยมีฉากต่อสู้หรือดำเนินเรื่องก็ไม่สายครับ

                 จุดที่ชมมีอีกอย่างคือนิยายของผู้แต่งเป็นนิยายที่เป็นผู้เป็นคนกว่านิยายหลายเรื่องในเว็บเด็กดี และมีบางช่วงที่อ่านแล้วสนุก  (แม้มีบางช่วงอารมณ์เสียก็ตาม) ดูแล้วมีโอกาสที่พัฒนาต่อยอดได้สูง และเพราะเหตุนี้เองผมจึงรีวิวนิยายเรื่องนี้ให้คนอ่านและคนแต่ง

                 สุดท้ายนี้ผมก็ขอฝากถึงคนแต่งหรือคนแต่งนิยายที่เข้ามาอ่านวิจารณ์ว่าให้ใส่ใจรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง ตัวละคร การผูกเรื่อง การเชื่อมโยงต่างๆ ให้มากๆ  แม้จะไม่มีคนอ่าน หรือคนอ่านน้อยก็ตาม แต่เราก็มีความสุขในการนำเสนอผลงานของเรา หวังว่าคนแต่งจะรับฟังความคิดเห็นของ แล้วเอาไปพัฒนาฝีมือ และดูว่านิยายสนุกไหมในสายตาของท่านด้วยครับ

     

                 ปล.หากคนแต่งออกหนังสือ ผมก็จะอุดหนุนเล่มหนึ่งนะครับ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×