ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลำนำรักบุปผามังกร

    ลำดับตอนที่ #2 : พบเพื่อจาก (แก้คำผิดจ้า)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.01K
      31
      23 มิ.ย. 58

                   


              "เจ้าฟู่...เจ้าอยู่ตรงนี้ก่อนนะ  ข้าจะทำอะไรให้เจ้าดู"  ไป่หลันวางอินทรีตัวที่บาดเจ็บไว้ที่โขดหินข้างๆ แล้วพูดคุยเหมือนมันฟังรู้เรื่อง ก่อนจะร่ายรำบางอย่างคล้ายนางรำทั่วไป  หากเมื่อใบไม้สัมผัสถูกเศษผ้าที่ห่อหุ้มกายนาง  ใบไม้นั้นก็อันตทานแยกเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ
              'วรยุทธนางแปลกจริง' เจิ้งอิงนั่งดูนางอยู่เงียบบนต้นไม้ที่ไม่ไกลจากที่นางอยู่มากนัก  จนกระทั่งมีคนกลุ่มหนึ่งกรูเข้ามาล้อมนางไว้
              "แม่นาง...เจ้านายของข้าอยากเชิญท่านร่วมสังสรรค์สุราได้หรือไม่"
              จะบ้าเหรอเป็นใครก็ไม่รู้คลุมหน้าคลุมตามาแล้วจะให้ไปด้วย  นางไม่ได้โง่งมถึงเพียงนั้นนะ
              "ข้าน้อยมิบังอาจ  เชิญท่านกลับไปบอกเจ้านายของท่านเถิดว่าเกียรตินี้ไป่หลันมิอาจรับไว้ได้" นางพยายามย่อกายอย่างพินอบพิเทาเท่าที่จะทำได้แล้วนะ  รีบๆไปซะทีซิ
              "ท่านอย่าเล่นตัวนักเลย  ถึงอย่างไรท่านก็ต้องไปกับพวกข้า"  พวกมันดื้อด้านจริง  แล้วข้าจะหนีจากพวกมันอย่างไรล่ะ  ยังไม่ทันคิดหาทางออกหนึ่งในพวกมันก็เข้ามาคว้าแขนนางไว้
              ขณะที่พวกเขายื้อยุดฉุดดึงกันอยู่นั้น  เจิ้งอิงเห็นางไม่ตอบโต้สักทีแต่กลับร้องตะโกนให้ช่วย
              "ปล่อยข้าๆ  ปล่อย ช่วยด้วย"  เจิ้งอิงทนไม่ไหวทะยานตัวจากที่ซ่อนแล้วซัดฝ่ามือใส่พวกนั้นจนกระเด็น  ก่อนจะคว้าข้อมือของนางและเจ้าอินทรีน้อยเหาะจากมา  จนกระทั่งถึงศาลาริมน้ำตกใกล้ๆตัวเมือง
              "ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือข้า" เจิ้งอิงหลี่ตามองคนตรงหน้าเหมือนไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน
              "เจ้าก็มีวรยุทธทำไมถึงไม่ใช้" คราวนี้เป็นคราวของไป่หลันที่ทำหน้างงงวย
              "เอ๋...วรยุทธ"  นางทำหน้านึกอยู่พักใหญ่ก่อนจะร้องอ๋อ
               "ท่านคงเห็นที่ข้ารำเมื่อครู่...นั่นเรียกว่าวรยุทธเหรอ"  นางรู้แต่แรกแล้วว่าเขานั่่งดูนางร่ายรำอยู่ตรงนั้น  เมื่อครู่นางจึงขอความช่วยเหลือ  เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าไอ้การที่รำๆนั่น  เขาเรียกวรยุทธได้ด้วย  นางส่งสายตาพลางเอียงคอด้วยความสงสัยให้คนตรงหน้า  เจิ้งอิงนึกขันนี่นางแสร้งไม่รู้จริงเหรอ  
              "ท่านตานะ  ท่านตา  หลอกสอนวรยุทธข้าก้ไม่บอก"  นางบ่นพึมพำงึมงำอยู่คนเดียว
              "ท่านช่วยสอนวิธีใช้วรยุทธนั่นให้ข้าหน่อยได้ไหม"  นางยังแกล้งใช้ไม่เป็นเสียด้วย   แต่เมื่อเห็นนางทำท่าทางครุ่นคิดหนักเข้า  คิวเรียวสวยเริ่มขมวดเป็นปมมากขึ้น  
              "เจ้าไม่รู้วิธีใช้วรยุทธจริงๆนะเหรอ"  เขาถามย้ำให้แน่ใจอีกรอบ  นางพยักหน้าหงึกหงัก
              "จริงๆแล้ว  ท่ารำพวกนั้น  ท่านตาให้ข้าฝึกมันเพื่อตามหาครอบครัวข้านะ  แล้วตกลงท่านจะสอนวรยุทธให้ข้ามั้ย"  กิริยาและแววตานางในตอนนี้ไม่ต่างจากเด็กเล็กๆเลย  คาดเดาว่าตอนนี้นางน่าจะอายุสิบสี่ สิบห้าปีได้แล้วกระมัง
              "เจ้าไม่ควรไว้ใจข้า..."  นางเชื่อคนง่ายเกินไป
              "ข้าก็ไม่รุู้ว่าทำไมถึงไว้ใจท่านนัก  เอาเป็นว่าเพราะท่านมาช่วยข้ากับเจียฟู่แล้วกัน"  นางไม่บอกเขาหรอกว่านางมีความสามารถประหลาดที่จะมองเห็นจิตใจที่แท้จริงของคนทั่วไป นอกเหนือจากที่นางเข้าใจภาษาของสัตว์ล่ะนะ  ขืนบอกเขาไปจะได้หาว่านางบ้าประไร  
              "เจียฟู่"  นางพยักหน้าหงึกหงักอีกครา  ก่อนจะชูให้ดูอินทรีตัวโปรด
              "เจียฟู่  เจ้าฟู่ของข้าตอนนี้ขาของมันยังเจ็บอยู่  ตาของข้ารักษามันแล้วพรุ่งนี้มันก็จะบินได้"
              "ไม่เร็วอย่างนั้นหรอก"  เจิ้งอิงส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยเลยสักนิด เขาคาดว่ามันอาจจะบินไม่ได้เป็นสัปดาห์  
              "ตกลงท่านจะต้องมาสอนข้านะ  พรุ่งนี้ข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่จนกว่าท่านจะมา"  เขาตั้งท่าจะปฏิเสธ  แต่นางก็โบกมือลาแล้ววิ่งจากไปทันที  
              นางแรกเห็นดุจเด็กน้อยมอมแมมคนหนึ่ง  ครั้นพินิจอีกครากลับเป็นหญิงสาวที่สวยตระการตาน่าพิสมัย รอยยิ้มดุจกลีบดอกไม้ผลิบาน  เสียงใสๆนั่นอีกเล่าดุจเสียงระฆังเงินเลยทีเดียว 


              เขาไม่คิดว่าตนเองจะยอมสละเวลางานมาเพื่อพบปะสตรีคนหนึ่ง  วันนี้นางนั่งรอเขาพร้อมกับบรรเลงเพลงขลุ่ยเสนาะหู  เจียฟู่อินทรีของนางก็นั่งคลอเคลียไม่ห่าง  น่าแปลกเมื่อวานมันเจ็บหนักอยู่มากหากวันนี้กลับบินไปมาได้เช่นที่นางบอก  เขาเลิกสนใจเจ้าอินทรีตัวนั้นแล้วซึบซับบทเพลงที่นางถ่ายทอดมา  ทุกอย่างเหมือนเวลามันหยุดหมุน  ไม่นานนักนางก็รู้ตัวว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง  บทเพลงชะงักลง  นางยิ้มก่อนจะวางขลุ่ยไว้ข้างๆเจียฟู่
              "ข้านึกว่าท่านจะไม่มาเสียแล้ว"  วันนี้นางอยู่ในชุดที่ทะมัดทะแมงกว่าเมื่อวาน
              "ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าไม่กลับเสียล่ะ"  เขาแกล้งยวนนาง
              "เพราะข้าคิดว่าท่านอาจเปลี่ยนใจ  เอ่อ...จริงๆแล้วข้าไม่รู้ว่าข้าจะไปตามท่านที่ใด เพราะข้ายังไม่รู้จักชื่อท่านเลย"  เขานึกตามนางพลางหัวเราะลั่น
              "จริงด้วยสิ!  เจ้ายังไม่รู้จักชื่อข้านี่นะ  ข้าชื่อเจิ้งอิง"  เขาเป็นชายที่สง่างามมาก  งามจนเกินกว่าชายใดที่นางมักพบเจออยู่บ่อยครั้ง  เขามีกลิ่นอายประหลาดบางอย่างที่เหนือกว่าคนทั่วไป  แต่ถึงกระนั้นนางก็เชื่อในพลังพิเศษมองจิตใจของนาง  เขาไว้ใจได้
              "ข้าชื่อไป่หลัน  ท่านเรียกเสี่ยวหลันก็ได้  วันนี้ท่านจะสอนวรยุทธข้าใช่มั้้ย"  เจิ้งอิงส่ายหน้า
              "ข้าแค่จะแนะนำเจ้าเท่านั้น  คงสอนใครไม่ได้"  
              "แล้วท่านจะบอกข้ายังไง" นางเอียงคออย่างน่ารักถามเขา
              "เจ้าก็ลองรำแบบเมื่อวานดูสิ  เจ้าก็จะรู้" นางพยักหน้ารับคำ  ก่อนจะเริ่มร่ายรำดุจผีเสื้อเช่นวันวาน  เจิ้งอิงคว้าท่อนไม้ขนาดพอดีมือขว้างไปหน้านาง  ไม้ท่อนนั้นก็สะบั้นขาดลงในพริบตา  ไม่แม้แต่จะแตะต้องอาภรณ์ของนาง
              "ว้าย"  นางกรีดร้องตกใจ  ชะงักการรำลง
              "ทีนี้เจ้าเข้าใจรึยังล่ะ  เจ้ามีวรยุทธอยู่แล้ว  ถ้ามีศัตรูเข้ามาก็ให้เจ้านึกถึงท่อนไม้ท่อนนั้นแล้วกัน


              ทั้งคู่มักจะสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ที่ศาลาแห่งนี้เป็นประจำ  เรื่องที่พวกเขามักถกเถียงกันไม่ว่าจะเป็นกวี  ดนตรีวรยุทธ รวมถึงศาสตร์ต่างๆอย่างหลักการปกครองอีกด้วย  เจิ้งอิงค้นพบว่าไป่หลันเป็นหญิงสาวที่ฉลาดเกินกว่าสามัญชนทั่วไป  หากแต่นางมีรอยยิ้มและน้ำใจที่ดีงามต่อคนรอบข้างและสัตว์ต่างๆ  เวลาผ่านไปรวดเร็วนับแต่ที่เขาได้รู้จักและใกล้ชิดกับนาง  ถ้าเขาไม่ติดภาระกิจสำคัญล่ะก็  เขาก็อยากอยู่กับนางให้นานกว่ากว่านี้  
              "หลันเอ๋อร์" เขามักชอบเรียกนางแบบนี้
              "เจ้าเก็บปิ่นนี้เอาไว้นะ  ถ้าเมื่อใดเจ้าอยากพบกับข้า  ก็จงมาที่เมืองหลวง  มองหาโรงเตี้ยมที่ใหญ่ที่สุดของเมือง  ถามหาคนชื่อเฟิงเซี่ยอี้  เขาจะพาเจ้ามาพบกับข้า"
              " ท่านจะไปแล้วจริงหรือ"  ร่างเล็กของไป่หลันไหวสะท้าน  เมื่อคิดว่าจะไม่ได้เจอเขาอีก  นางชอบที่จะอยู่เพื่อพูดคุยกับเขาไม่มากก็น้อย  แต่นางก็รู้ดีมีพบก็ต้องมีจากเข้าสักวัน
              "พี่เจ้งอิง  ท่านพาเจียฟู่ไปด้วยนะ  หากวันใดท่านมาหาข้าแล้วไม่พบ  มันจะพาท่านมาหาข้าเอง"  นางบอกพร้อมยื่นอินทรีตัวโปรดให้เขา  แล้วนางก็โผกอดเขาอย่างไม่อายเพื่อร่ำลาจากกัน
              "พี่เจิ้งอิง...ข้าจะคิดถึงท่านนะ"



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×