ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลำนำรักบุปผามังกร

    ลำดับตอนที่ #1 : ความแค้นที่ไม่ได้ก่อ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.72K
      26
      18 มิ.ย. 58

    เปลวเพลิงโหมกระหน่ำไปทุกทิศทุกทาง  เสียงเอ็ดอึงอลหม่านไปทั่วคฤหาสน์หลังงาม  เสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนขยับเข้ามาใกล้ทุกขณะ  สรรพสิ่งมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านปลิวว่อน  ร่างเล็กๆซุกกับอกผู้เป็นมารดา  นางพยายามรั้งร่างบุตรีนั้นออกห่างผลักไสให้ชายชรารีบพานางหนี
    "หนีไปซะ  หลันเออร์ หนีไป!"  นางพยายามพลักไสอีกครั้งทั้งน้ำตา
    "จำไว้  พ่อกับแม่รักเจ้าเสมอ"  แล้วนางก็หันไปกุมมือบุรุษรูปร่างองอาจชุดสีขาวปักลายหงส์สีทองที่ชายผ้าในมือเขาถือกระบี่ยาวท่าทางน่ากลัว  แต่ก็ส่งรอยยิ้มอ่อนหวานให้นาง  ทั้งคู่กระชับมือกันแน่นก่อนที่มารดาของนางจะหยิบกระบี่แล้ววิ่งผ่ากองไฟไป
    "ท่านแม่!"                 

    เฮือก!     พลันนางก็สะดุ้งจนสุดตัว  นางฝันอีกแล้วร่างน้อยๆเจ็บปวดจวนใจแทบขาดทุกครั้งที่ฝันเช่นนี้  นางจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในวันนั้น  แม้แต่หน้าท่านพ่อท่านแม่ของนางก็เลือนลางดูเต็มทน  พลันเสียงร้องบางอย่างก็ดังขึ้นไม่ไกลจาก ศาลาที่นางมักมานอนเล่นเช่นนี้เสมอ เสียงบางอย่างไม่ดังนักแทรกเสียงนำ้ตกที่แตกกระเซ็น  คราแรกนางคิดว่าตนหูฝาดไป  จนเมื่อเอียงคอฟังรบสองก็ยังคงได้ยินเสียงนั้นเช่นเดิม  จึงเริ่มเดินลัดเลาะน้ำตกไปอีกด้านที่เป็นชายป่า ก็พลันเห็นร่างบางอย่างถูกเชือกบ่วงรัดตรึงอยู่กับที่  ร่างสีขาวนั่นขยับอย่างข่มขู่เมื่อนางเข้ามาใกล้  จนเมื่อเห็นนางแก้เชือกปมออกอย่างไม่หวังมุ่งร้าย  ร่างนั้นก็นอนนิ่งๆให้นางอุ้มแนบอก
    "ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวข้าจะรักษาเจ้าเอง"
      

    โรงเตี้ยมหูเป่ยคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา  บ้างก็มาดื่มเหล้าหาอาหารเลิศรส  บ้างก็หาห้องพักเพื่อค้างคืน  แต่โดยส่วนมากพวกเขาล้วนมานั่งฟังดนตรีที่ไพเราะเกินกว่าที่จะมาอยู่ที่ชายแดนแห่งนี้  ถึงแม้ชายแดนแคว้นอู่จะเต็มไปด้วยการค้าแลกเปลี่ยนระหว่างแคว้นอู่และแคว้นเว่ย  มีผู้คนมากมายของทั้งสองแคว้นเข้าออกทำการค้าต่างส่งเสียงเพื่อเรียกลูกค้าแย่งกันอย่างโหวกเหวกอยู่ด้านล่าง  แต่ชายหนุ่มที่อยู่ชั้นสองของก็หาได้สนใจไม่  เขานั่งจิบสุราเพียงลำพัง  เขากำลังหวนระลึกถึงสิ่งที่ผ่านมาเสียงดนตรีที่พริ้วแผ่วคล้ายบอกต่อคำปลอบประโลมใจอยู่เงียบๆ องคาพยพเครียดเกรงดูผ่อนคลายอยู่หลายส่วน  หากแต่ไม่ทันไรก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น

    "ท่านตา  ท่านตา!"  เด็กสาวท่าทางมอมแมมคนหนึ่ง ตะโกนเรียกใครบางคน  เสียงดนตรีที่ขับกล่อมเขาอยู่เมื่อครู่ก็มีอันหยุดชะงักไป  คนบนโรงเตี้ยมต่างให้ความสนใจเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่มาใหม่คนนั้น

    "ท่านตา...ท่านดูสิข้าได้อะไรมาด้วย"ในอ้อมกอดของนางมีสิ่งชีวิตดิ้นขลุกขลักอยู่ในนั้น  ก่อนที่จะชะงักทักทายผู้หญิงที่เล่นดนตรีอีกคนที่อยู่ข้างๆ

    "เอ่อ  พี่อี้เหนียง  สวัสดีเจ้าค่ะ"  แต่ถึงกระนั้นนางก็ยิ้มเพล่  พร้อมกับยื่นสิ่งมีชีวิตน้อยๆนั่นออกไปข้างหน้า

    "ไหนตาดูสิว่าเจ้าพาอะไรมา...อินทรีตัวนี้"

    "ข้าเห็นมันติดบ่วงอยู่  ขามันเจ็บข้าเลยอยากให้ท่านช่วยรักษามัน"

    เจิ้งอิงให้ความสนใจคนกลุ่มนั้นเพียงชั่วครู่ก่อนที่เขาจะเลิกสนใจว่าเขาจะพูดอะไรกันอีก  สักครู่ก็ได้ยินเสียงเถ้าแก่ของร้านประกาศ
    "วันนี้...พวกเราโชคดีมากๆ  แม่นางไป่หลันจะมาบรรเลงดนตรีให้เราได้ฟังกัน"  เสียงไชโยโห่ร้องดังขึ้นเหมือนพวกเขาดีใจอะไรสักอย่าง  ทำให้เฟิงเซี่ยอี้ที่เพิ่งมาถึงชะงักงัน
    "อาเจิ้งพวกเขายินดีอะไรกัน"
    "เห็นว่ามีการแสดงอะไรสักอย่าง" เฟิงเซี่ยอี้ไม่ได้รับความกระจ่างจึงหันไปถามแขกอีกคนที่อยู่ใกล้ๆ
    "พี่ชายไม่ทราบว่ามีอะไรกันหรือ"
    "อ้อ...แม่นางไป่หลันจะบรรเลงเพลงให้เราฟัง  นับว่าโชคดีจริงๆ  นางไม่ค่อยบรรเลงให้ใครฟังง่ายๆ  เสียงเพลงของนางอย่างกับเสียงสวรรค์แม้แต่ในวังยังเทียบนางไม่ได้"
    "ข้าชักอยากเห็นนางซะแล้วสิ" เฟิงเซี่ยอี้พึมพำก่อนจะหันกลับมาสนใจเพื่อนร่วมโต๊ะ
    "อาเจิ้ง...อะไรทำให้เจ้าถ่อสังขารมาหาข้าถึงที่นี่ได้"  เจิ้งอิงไม่ตอบกลับถามอีกฝ่ายแทน
    "เรื่องที่ข้าไหว้วานเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" 
    "ข้าก็จัดการให้เจ้าเรียบร้อยดีๆไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก  นานๆเจ้าจะมาหาข้าทั้งที  มา..เรามาดื่มกันให้เต็มที่"  

    ขณะที่เฟิงเซี่ยอี้และเจิ้งอิงกำลังร่ำสุราอยู่นั้น  เสียงเพลงประดุจเสียงสวรรค์ก็ลอยพริ้วแผ่วมา  ผู้คนต่างเงียบงันและซึมซาบความไพเราะของเสียงดนตรีนั้น  เจิ้งอิงมองไปตามเสียงเพลงที่บรรเลงอยู่หลังม่านบางๆ จนกระทั่งเสียงเพลงจบลง  สตรีนางหนึ่งก็เดินออกมาจากหลังม่าน  นางงดงามประดุจนางสวรรค์ใบหน้าที่เรียวเล็กกับดวงตาที่กลมโตราวกับดูดกลืนทุกสิ่งไม่เว้นแม้แต่ลมหายใจของเขา  ตัวเขาเองก็คุ้นเคยและก็พบสตรีมามากมาย   แต่เขาก็เพิ่งเคยเห็นสตรีที่ยิ้มสวยเหมือนดอกไม้แรกแย้มก็วันนี้  นางรับของบางอย่างจากมือผู้อาวุโสกว่าแล้วก็เดินจากไป

    "นางสวยนะ  เจ้าว่ามั้ย"เฟิงเซี่ยอี้เพื่อนของเขาพูดเช่นนั้นและเขาก็เห็นด้วย  เพียงแต่เขาทำเมินและมองตามนางไปในทิศที่นางรีบออกไปเมื่อครู่

    "เซี่ยอี้...ข้าเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระ  ข้าขอตัวก่อนนะ"  เจิ้งอิงพูดจบก็รีบจากไป ทิ้งเพื่อนเขาไว้อย่างงงงวย  เฟิงเซี่ยอี้ยิ้มขัน  ร่างในอาภรณ์สีขาวโบกพัดสะบัดไปมาก่อนจะจากที่แห่งนั้นไปอีกคน





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×