ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO X You] MIGRAINE

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 MRI

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 172
      0
      29 เม.ย. 58


    Chapter 1

    MRI


     
     

     
     

    ไหวมั้ยเนี่ย...แทบจะเป็นครั้งที่ห้าที่แทมินเอ่ยถาม หลังจากถูกคนแปลกหน้าที่มารู้เอาเมื่อกี้ว่าชื่อเซฮุนซึ่งก็คือคนที่เพื่อนๆ เขาถามถึง อุ้มไปเข้าห้องน้ำ เกิดมายี่สิบสี่ปี คิมอินนาไม่เคยอายอะไรเท่านี้มาก่อน ร่างบางทรุดลงที่พื้นหน้าห้องน้ำโดยมีเพื่อนสนิทของพี่ชายนั่งยองๆ ดูอาการ

     

     

    ขาไม่มีแรง...พูดไปก็หอบไปเพราะความเหนื่อยหลังจากใช้พลังงานเอาของเหลวในท้องออกมาแทบหมด คิมอินนารับผ้าขนหนูชุบน้ำที่เซฮุนยื่นให้มาเช็ดหน้าเช็ดตาเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น เอาเถอะ คงไม่ต้องอายอะไรแล้วหล่ะ

     

     

    น้องจงอิน?” ร่างสูงยืนกอดอกถามเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่กับพื้น แทมินเงยหน้าขึ้นมาพยักหน้าเล็กน้อย ก็ไม่รู้หรอกว่ามันเดาได้ไงแต่เดาถูกก็คือถูก ไม่มีอะไรต้องถามมาก

     

     

    กลับบ้านเถอะ เดี๋ยวฉันโทรหาจงอินให้ มันออกไปทำธุระแทมินจับคนตัวเล็กและพยุงขึ้นมา ถึงจะบอกว่าขาไม่มีแรงแต่จะมานั่งกองอยู่หน้าห้องน้ำก็เกินไป คิมอินนาถอดรองเท้าส้นสูงของตัวเองออกและถือเอาไว้ แค่แรงเดินธรรมดายังแทบจะไม่มี ไอ้การเขย่งตัวอยู่บนส้นสูงนี่ลืมไปได้เลย

     

     

    กูว่านี่น่าจะเป็นอาการจากไม...

     

     

    อินนา!!!!” ยังไม่ทันที่เซฮุนจะพูดจบแทมินก็โวยวายขึ้นดังลั่งเมื่อคนตัวเล็กหมดสติล้มลงไปอยู่กับพื้น

     

     

    เดี๋ยวกูจัดการเอง มึงโทรตามจงอินให้ไปที่โรงพยาบาลร่างสูงรวบตัวคนป่วยเข้ามาไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง นี่แหละเป็นสาเหตุที่เขาเดาได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือน้องสาวของจงอิน อาเจียนออกมาหมดไส้หมดพุง แถมไม่มีแรงเดิน แต่สติยังดีอยู่ ก็แสดงว่าไม่ได้เมา และแทมินรู้จัก จะเป็นใครไปได้นอกจากว่าที่คนไข้ของเขา คิมอินนา

     


     

     

     

     

    ให้น้ำเกลือแล้ว...คืนนี้ก็นอนพักก่อนแล้วพรุ่งนี้เช้ากูจะมาดูอีกทีโอเซฮุนพูดขึ้นเรียบๆ หลังจากปิดแฟ้มประวัติคนไข้ที่แทบจะไม่มีข้อมูลอะไรลงและหันไปปรับสายน้ำเกลือ คิมอินนาไม่ได้เป็นอะไรมาก จากที่ตรวจดูก็แค่เป็นลม ซึ่งก็เกิดจากที่อ้วกทุกอย่างในท้องออกมาจนหมดแรงนั่นแหละ เข้ามาที่แผนกฉุกเฉินตอนนี้ถึงกับต้องขมวดคิ้วเพราะมีหมอเวรอยู่แค่คนเดียวและก็ติดคนไข้อยู่ ทำให้เขาต้องเขาตรวจเอง นี่เป็นแพทย์เฉพาะทางไหมทำไมต้องมาตรวจคนไข้ตอนจะเที่ยงคืน

     

     

    สมน้ำหน้าแม่ง...มึงน่าจะปล่อยให้เป็นลมตายที่ผับเซฮุนทำเพียงยกยิ้มมุมปากให้เพื่อนสนิท ปากดีไปงั้นแหละ ใครๆ ก็รู้ว่าคิมจงอินรักน้องสาวคนนี้ขนาดไหน ถึงจะเคยเจออินนาไม่กี่ครั้งและก็จำหน้ากันไม่ได้แล้ว แต่ตั้งแต่รู้จักจงอินมาผู้หญิงที่เพื่อนสนิทของเขาเป็นห่วงที่สุดและรักที่สุดก็คือคิมอินนา

     

     

    กูไม่ปล่อยให้น้องมึงตายหรอกหน่า...เดี๋ยวคนแถวนี้มันจะร้องไห้ขี้มูกโป่งเอา

     

     

    ดูจากสภาพคนไข้ของเขาแล้วเคสนี้คงไม่จบง่ายๆ เท่าที่รู้จากจงอินมาคร่าวๆ คิมอินนา น่าจะปวดหัวมาประมาณสองปีกว่าได้แล้ว ซึ่งก็ถือว่านานพอสมควร อาการทั่วๆ ไปก็คือการปวดหัวข้างเดียว ปวดเบ้าตา แต่เป็นมาถึงสองปีและวันนี้ถึงขั้นไม่มีแรงยืนและอ้วกออกมาทั้งหมดขนาดนั้น อาการน่าจะหนักพอควร

     

     

    ทานอาหารเช้าก่อนนะคะ...เดี๋ยวอีกสักครู่คุณหมอจะเข้ามาตรวจอินนาได้แต่พยักหน้ารับงงๆ เมื่อถูกพยาบาลปลุกตั้งแต่เช้า จำได้ว่าอ้วกแทบหมดไส้หมดพุง รู้ตัวอีกทีมานอนให้น้ำเกลืออยู่ได้ยังไงก็ไม่แน่ใจ

     

     

    กู้ดมอนิ่งครับ...คนไข้เสียงหล่อพร้อมด้วยใบหน้าที่เพิ่งเห็นเมื่อคืนปรากฏขึ้นตั้งแต่อินนายังไม่ทันจะหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวเสียด้วยซ้ำ

     

     

    นาย...

                          

     

    ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการ ฉันโอเซฮุนคุณหมอหน้าหล่อยกมือขึ้นมาค้างตรงหน้าเป็นการทักทายทำให้คิมอินนาต้องยกมือขึ้นมาแตะอย่างงงๆ ก็เพิ่งรู้มาจากเพื่อนสนิทเมื่อคืนว่าพี่ชายมีเพื่อนเป็นหมอที่ไม่ใช่หมอฟันอย่างแบคฮยอน แต่ใครจะคิดว่าเขาจะต้องมาเป็นคนไข้ของเพื่อนสนิทพี่ชายด้วย

     

     

    ยังไม่ได้กินข้าวก็กินก่อนไม่ต้องรีบเซฮุนพูดขึ้นพร้อมหันหลังกลับไปนั่งที่โซฟาอย่างอารมณ์ดี เกิดมาอินนาเพิ่งเคยเห็นหมอทำท่าทางติสแตกสุดขีดก็วันนี้ หรือจริงๆ เขาเรียกว่าไฮเปอร์...

     

     

    อ่อ...จะตรวจเลยก็ได้นะฉันยังไม่หิวอินนาเลื่อนโต๊ะทานอาหารออกไปเล็กน้อยให้พอมีที่ว่าง การที่มีใครมานั่งมองเขากินข้าวเช้าแบบนี้นี่ไม่ชินจริงๆ

     

     

    เอางั้นหรอ...โอเคตรวจก็ตรวจเซฮุนลุกขึ้นอีกครั้งและหยิบสเต๊ทที่คล้องคออยู่ออกมายัดใส่หู ให้ตายเถอะ ท่าเยอะไปไหนรีบๆ ตรวจแล้วก็รีบๆ กลับไปได้แล้ว ความจริงก็หิวอยู่แหละแต่ไม่ไหวกับการจะมีคนมานั่งเฝ้าจริงๆ

     

     

    ...

     

     

    ตกใจไรนักหนา...หัวใจเต้นอย่างกับคนโดนผีหลอก คิมอินนาสะดุ้งเฮือกทันทีที่เสียงแหบๆ ของเซฮุนดังข้างหู นี่ตั้งใจจะแกล้งกันหรือยังไง ไอ้ที่หัวใจเต้นแรงขนาดนี้ก็เพราะไม่ชินกับการที่ต้องมาเจอหมอเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายนี่แหละ

     

     

    ก็นายเป็นเพื่อนจงอินไม่ใช่หรือไง...แล้วอยู่ๆ นายก็เอาไอ้นี่มาทาบที่หน้าอกฉันแล้วก็ฟัง จะไม่ให้ฉันตกใจได้ไงเล่า” 

     

     

    ไม่เคยมาหาหมอหรือไง หมอเค้าก็ตรวจคนไข้แบบนี้ทั้งนั้นแหละ

     

     

    แล้วฉันหายยังคิมอินนาขมวดคิ้วยุ่งเพราะความกวนประสาทของหมอ เอากับเขาสิ่ไม่แปลกใจเลยที่สนิทกับจงอินได้

     

     

    ยังหรอก เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตรวจหน่ะเซฮุนคว้าเก้าอี้ใกล้ๆ ตัวมานั่งลงและยกยิ้มด้วยสายตาเจ้าเล่ห์จนคนไข้ต้องอ้าปากค้าง

     

     

    อ้าวแล้วเมื่อกี้...

     

     

    ฉันหลอกจับนมเธอเฉยๆ

     

     

    ไอ้หมอ...” ยังไม่ทันจะพูดจบเสียงของอินนาหายไปพร้อมกับฝ่ามือที่ยืนมาปิดปากเขาไว้

     

     

    ฉันพูดเล่น...แล้วฉันก็อายุเยอะกว่าเธอด้วย อยู่กับจงอินเธอจะเรียกมันยังไงก็ไม่รู้หรอกนะ แต่อยู่กับฉันต้องเรียกฉันว่าเซฮุน หรือจะเรียกฉันว่าพี่หมอแบบคนอื่นก็ได้

     

     

    เหอะถึงกับต้องแสยะยิ้มให้คนเป็นหมอ นี่ต้องมั่นหน้าขนาดไหนถึงจะมาต่อล้อต่อเถียงกับเขาได้ พูดก็พูดเถอะเพื่อนในกลุ่มของจงอินไม่มีคนไหนกล้าทำแบบนี้กับเขาหรอก

     

     

    โอเค เธอไม่เป็นอะไรแล้วหล่ะ ฉันให้น้ำเกลือเมื่อคืนเพราะเธอเป็นลมเดี๋ยวถ้าน้ำเกลือหมดจะให้พยาบาลมาถอดสายออกให้ แต่วันนี้เราจะมาจัดการไอ้อาการปวดหัวของเธอกัน

     

     

    อ่อ...จงอินอีกแล้วสิ่นะคิมอินนาจับต้นชนปลายได้ทันทีที่เซฮุนพูดจบ นี่ถ้าเขาไม่ป่วยขนาดเข้าโรงพยาบาลอย่างเมื่อคืนก็คงไม่พ้นกับการถูกพี่ชายลากมาหาหมออยู่ดี

     

     

    ถูก ฉันเป็นหมอระบบประสาท อาการเธอมีอะไรบ้างพูดมาซิ้เซฮุนยกขาขึ้นมาไขว้กันเอาไว้และทำหน้าตาตั้งใจฟังจนดูน่าหมั่นไส้ เอาเถอะถึงขนาดนี้แล้วคงจะหนีไม่ได้ หมอมานั่งจ้องก็คงต้องรักษาแล้วหล่ะ

     

     

    ก็ปวดหัวข้างเดียว เจอแดดนานๆ ไม่ได้ บางทีก็ปวดเบ้าตา

     

     

    มีอาการอย่างอื่นมั้ย เช่น แขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยวอะไรประมาณนี้

     

     

    ฉันไม่ได้เอ๋อนะ!!! ไม่เคยเบี้ยว

     

     

    หนิ่ ที่ฉันถามไม่ได้หมายความว่าเอ๋อ ฉันถามเพื่อป้องกันเผื่อเธอเป็นเนื้องอกในสมอง เข้าใจ?” เซฮุนละสายตาจากแฟ้มประวัติขึ้นมาตอบด้วยสายตาหาเรื่องสุดขีด จนอินนาได้แต่พะงาบปากเถียงไม่ออก ทุกวันนี้กินยาอะไร กินครั้งละกี่เม็ด บ่อยแค่ไหน

     

     

    ปกติก็กิน Cafergot ครั้งละสองเม็ด รู้สึกปวดก็กิน

     

     

    ละเอียดกว่านี้...คุณหมอพูดขึ้นเรียบๆ เป็นการบอกให้คนป่วยบอกรายละเอียดมากกว่านี้หน่อย

     

     

    ทุกหนึ่งชั่วโมงตอนเช้า บางครั้งก็กิน Ponstan”

     

     

    เลิกกิน เธอดื้อยาแล้ว เราต้องมาปรับที่การใช้ชีวิตและอาหารเซฮุนก้มหน้าก้มตาเขียนรายละเอียดทุกอย่างลงไปในแฟ้มประวัติก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอินนาอีกครั้ง

     

     

    อะไร...

     

     

    ต่อไปนี้ห้ามกินเหล้า นอนตั้งแต่สามทุ่ม ตื่นหกโมงเช้า

     

     

    นายห้ามฉันกินเหล้าไม่ได้นะ!!” คนตัวเล็กโวยวายขึ้นมาทันทีที่ถูกห้าม อะไรก็ได้ยอมหมด แต่ห้ามเขากินเหล้านี่ขอหล่ะ

     

     

    ลืมไป...ท่าทางจะเป็นพวกแอลกอฮอล์ลิซึม ค่อยๆ ลดเอาแล้วกัน แต่ถ้าเลิกได้ก็จะดีมาก มันเป็นตัวกระตุ้นอาการของเธอ

     

     

    ...

     

     

    ไมเกรนเกิดจากการหดและขยายตัวของเส้นเลือดในสมองอย่างรวดเร็ว แอลกอฮอล์มันทำให้เส้นเลือดในสมองเธอขยายตัว ระวังจะเส้นเลือดในสมองแตกตายเซฮุนขู่คนไข้ที่มีท่าทีจะดื้อไม่เบา เขาผ่านคนไข้มานักต่อนักแล้ว แสบระดับเด็กมัธยมยันคุณลุงที่ดื้อเหมือนเพิ่งแตกหนุ่ม แต่นี่ท่าทางจะดื้อเป็นพิเศษ ขึ้นชื่อว่าน้องของคิมจงอินแล้ว ก็คงจะไม่ต่างกับพี่ชายเสียเท่าไหร่

     

     

    แล้วไงต่อ...

     

     

    งดอาหารที่ไม่มีประโยชน์ กินให้ครบทุกมื้อ ห้ามอด กินผักเยอะๆ แล้วก็ควรออกกำลังกายอาทิตย์ละไม่ต่ำกว่าสามครั้ง

     

     

    พ่อฉันยังไม่สั่งขนาดนี้เลยนะ!!”

     

     

    ก็แน่หล่ะ พ่อเธอเป็นคนสอนลูกสองคนให้กินเหล้าไม่ใช้หรือไง แล้วพ่อเธอก็ไม่ใช่คนที่นั่งรักษาเธออยู่ด้วยโอเซฮุนยักไหล่ขึ้นตามสไตล์คนกวนตีน ใครมาเจอครอบครัวอู๋เข้าก็ต้องรู้สึกเหมือนเขากันทั้งนั้นแหละ ก็ครอบครัวนี้มันโคตรแปลก แปลกตั้งแต่นิสัยพ่อแม่ยันนิสัยลูก นี่ยังไม่รวมนามสกุล พ่อแม่ก็รักกันดีไม่ได้เลิกรากัน ทำไมลูกถึงต้องใช้นามสกุลแม่ด้วยก็ไม่เข้าใจ นี่มองแล้วก็หาความเป็นลูกครึ่งจีนของเพื่อนสนิทไม่เจอเลยตั้งแต่รู้จักกัน ไม่รู้มันไปเอาความดำมาจากไหน เพราะคิมฮยอนอาคนเป็นแม่ก็ขาวจั๊ว แต่ดูหน้าตาของคนน้องนี่ยังพอจะมีเคล้าความเป็นจีนหน่อยด้วยหน้าตาที่ได้พ่อมาพอสมควร

     

     

    ให้ตายเถอะ...อินนาถึงกับต้องถอนหายใจพรืดกับประโยดสุดแสนจะกวนส้นตีนของคนเป็นหมอ เมื่อวานนี่ทำตัวอย่างกับเทพบุตร ทำไมวันนี้ถึงได้พลิกหน้ามือเป็นหลังตีนได้ขนาดนี้

     

     

    ทำไมปวดหัวอีกแล้วไง?”

     

     

    ถ้าหลังจากนี้ฉันจะปวดหัวฉันก็ปวดหัวเพราะนายนั่นแหละ...พูดแล้วก็หงุดหงิด ตอนแรกไม่น่าชื่นชมอยู่ในใจลึกๆ เลย ว่าไอ้เพื่อนพี่ชายคนนี้ท่าทางจะเป็นคนปกติไม่กะโปกเท่าคนอื่นที่เขารู้จัก แต่สุดท้ายก็ไม่ต่างกัน โอเซฮุนไม่กะโปกแบบชานยอลหรือแทมิน แต่โอเซฮุนกวนตีนเหมือนแบคฮยอนเป๊ะ พจนานุกรมเล่มไหนเขาบัญญัติไว้หรือเปล่าว่าคนเป็นหมอต้องกวนตีน

     

     

    ว้าว...น่าดีใจจังถ้าฉันเป็นต้นเหตุการปวดหัวของเธอยัง ยังจะมีหน้ามานั่งเท้าคางกวนส้นตีนอยู่ได้ สกิลการกวนตีนสูงขนาดนี้มึงอย่ามาเป็นหมอเลย

     

     

    บอกแล้วคิมอินนามันผู้หญิงหยาบคาย...

     

     

    เอาแขนนายออกไปจากเตียงฉัน ถ้าตรวจเสร็จแล้วฉันจะได้กินข้าว

     

     

    ทำไมต้องรังเกียจกันขนาดนี้ด้วยเนี่ย...ร่างสูงยืนขึ้นพร้อมเอื้อมมือไปเลื่อนโต๊ะทานอาหารของคนไข้เข้ามาใกล้ๆ นี่ปกติก็ไม่ใช่คนต่อล้อต่อเถียงกับใครหรอกนะ ติดจะเป็นคนเงียบๆ ด้วยซ้ำ แต่คนไข้ของเขาก็ดูจะขี้หงุดหงิดง่ายเสียจนน่าแกล้งไปซะทุกอย่าง

     

     

    จะออกไปได้ยัง...

     

     

    ก่อนจะไล่ฉันเธอไม่ถามถึงพี่ชายเธอหน่อยหรือไงเซฮุนที่ตอนแรกกำลังจะเดินออกไปแต่ดันนึกอะไรขึ้นได้จึงหันกลับมาถามคนป่วยอีกครั้ง

     

     

    มีอะไรก็พูดมา!!” เสียงช้อนที่กระแทกลงบนถาดอาหารทำให้คุณหมอสุดหล่อยกยิ้มอย่าพอใจที่กวนประสาทคนไข้ของเขาได้สำเร็จ มีใครเคยบอกคิมอินนาไหมว่าเวลาโมโหหรือหงุดหงิดแล้วน่ารัก สาบานว่าไม่ได้ชม แต่มันน่ารักจริงๆ หนิ่

     

     

    เดี๋ยวจงอินมันจะมารับเธอประมาณเที่ยงๆ ระหว่างนี้ก็นอนเล่นไปก่อนแล้วกัน อยากได้อะไรก็เรียกพยาบาลเอานะ

     

     

    แล้วถ้าฉันอยากกินช็อกโกแลตหล่ะ...

     

     

    ฝันไปนะครับ หมอไม่อนุญาต

     

     

    ก็ดี...เหล้าก็ห้าม ช็อกโกแลตก็ห้าม นี่มันปัจจัยหกรองจากโทรศัพท์เลยนะเว่ย!!

     

     

    โอเซฮุนไม่รอให้คนป่วยได้โวยวายอะไรทั้งสิ้นร่างสูงทำเพียงโบกมือลาทั้งๆ ที่กำลังเดินออกไป เท่ห์มากสิ่มึงอ่ะ...

     

     

    แล้วนี่มันข้าวเหี้ยไรเนี่ย...โว้ย!!!!”

     

     


     

     

     

    กูแนะนำให้ลองทำ MRI ไม่ใช่อะไรนะ คนไข้หลายคนหาหมอมาเยอะแต่หมอก็ตรวจแล้วบอกแค่ว่าเป็นไมเกรน สุดท้ายรู้ตัวอีกทีเนื้องอกก็ลุกลามจนรักษาไม่ได้แล้ว กรณีน้องมึงก็มีโอกาสเป็นเพราะปวดหัวมานาน แต่ก็แค่เพื่อความสบายใจ อาการทั่วๆ ไปมันยังไม่เข้าข่ายเต็มที่

     

     

    มึงว่ามันจะเป็นป่าววะ...คิมจงอินถอนหายใจยาวหลังจากได้คุยกับเพื่อนสนิท ถึงเซฮุนจะบอกว่าเพื่อความสบายใจ แต่ไอ้การให้ไปทำ MRI แล้วมาลุ้นผลนี่มันก็น่าเครียดเหมือนกัน

     

     

    ก็แค่มีโอกาส กูถึงบอกให้ตรวจไง ตรวจเสร็จถ้าไม่เป็นอะไรก็สบายใจกันทั้งครอบครัวมึงและคนรักษาอย่างกู แต่ถ้ามีเนื้องอกเราก็จะได้รักษาทัน

     

     

    “’งั้นกูปรึกษาพ่อก่อน...

     

     

    เออ เอาไงก็บอกกู วันเสาร์กูนัดมาดูอาการเพราะตอนนี้ลองให้ยาใหม่ไป แล้วก็สั่งให้เปลี่ยนกิจวัตรนิดหน่อย ดูด้วยละกัน

     

     

    ขอบใจมึงมาก กูไปละจงอินโบกมือลาเพื่อนสนิทและเดินไปหาคนเป็นน้องที่นั่งรออยู่ในรถ คิดแล้วก็เครียดอยู่ดีถ้าน้องสาวเขาเป็นขึ้นมาอาจจะวุ่นวายกว่าเดิม พ่ออาจจะให้ไปรักษาที่อเมริกาเพราะเขากับน้องเกิดและถือสัญชาติอยู่

     

     

    เอาไป...แล้วถ้าเซฮุนมันบอกกูว่ามึงไม่มา เจอดีแน่ใบนัดถูกฟาดลงบนหัวอินนาทันทีที่ประตูรถปิดลง คิมจงอินเพิ่งคิดได้ว่าก่อนจะไปปรึกษาพ่อควรจะปรึกษาคนป่วยก่อนว่ามันอยากทำหรือเปล่า

     

     

    มึงคุยอะไรกับเพื่อนตั้งนานวะคนเป็นน้องบ่นขึ้นอย่างติดนิสัยเวลาพี่ชายทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ

     

     

    มึงลองทำ MRI มั้ย เซฮุนมันแนะนำ...เผื่อเป็นอะไรมากกว่าไมเกรนจะได้รักษาทัน”  จงอินไม่ตอบคำถามแต่กลับถามสิ่งที่ตัวเองต้องการคำตอบทันที นี่อยู่ๆ ความกลัวว่าน้องจะเป็นอะไรก็ครอบงำเขาจนไอ้พฤติกรรมปกติที่เคยทำกับน้องอันตรธานหายไปหมด

     

     

    มันแพงหนิ่ ไม่ต้องหรอก กูคงไม่เป็นอะไรขนาดนั้น เอาเงินเก็บไว้ไปเที่ยวกันดีกว่า มึงบอกจะพากูไปฝรั่งเศสไม่ใช่อ่ออินนาตอบปัดๆ อย่างไม่ได้คิดอะไร แค่ปวดหัวทำไมจงอินกับไอ้พี่หมอต้องคิดอะไรกันขนาดนั้นด้วย

     

     

    ไปเที่ยวอ่ะกูพาไปได้อยู่แล้ว แต่กูขอใช้เงินซื้อความสบายใจให้ตัวเองไม่ได้หรือไง

     

     

    อะไรขนาดนั้นวะ...อินนาหัวเราะกลบเกลื่อนท่าทีที่ดูซีเรียสของพี่ชาย เกิดมายี่สิบสี่ปีไม่เคยต้องตกอยู่ในฟิลซีเรียสของจงอินมาก่อน

     

     

    ตั้งแต่เรียนจบและมีงานทำ จงอินก็ขอแบ่งเบาภาระของพ่อแม่โดยการดูแลค่ายใช้จ่ายของอินนาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายทั่วๆ ไปหรือค่าเทอม หลายปีมาแล้วที่ตัวเองเหมือนคุณพ่อยังหนุ่ม ที่มีอีกชีวิตต้องดูแล ถึงจะทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระบ่อยๆ แต่ทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตก็ทำให้เขาและอินนาผูกพันธ์กันมากกว่าพี่น้องชายหญิงหลายๆ คู่ มันคงไม่แปลกใช่มั้ยที่เขาจะห่วงสุขภาพคนที่เขารัก

     

     

    จงอินตั้งใจจะให้อินนารักษาไมเกรนอยู่แล้ว และถ้าเพื่อนสนิทเขาบอกว่าน้องของเขามีโอกาสเป็นเนื้องอกในสมองและควรทำ MRI เขาก็เต็มใจจะให้น้องทำ เพื่อความสบายใจของตัวเขาเอง นี่ยังไม่นับไปถึงพ่อแม่ถ้ารู้เรื่องนี้ก็คงจะเห็นด้วยเหมือนกัน

     

     

    ก็แล้วเพื่อความสบายใจของกูทำได้มั้ยหล่ะ ร่างกายมึงชีวิตมึงก็จริง แต่คนที่เป็นห่วงมึงเค้ายังมีชีวิตอยู่นะ

     

     

    ก็กูกลัวหนิ่...

     

     

    ถ้าไม่คิดถึงกู ก็คิดถึงพ่อกับแม่บ้าง

     

     

    ที่เขาพูดกันว่าผู้ชายที่มีลูกสาวจะรักและหวงลูกเป็นพิเศษ อู๋อี้ฟานเป็นหนึ่งในนั้น คิมอินนาเหมือนไข่ในหินของพ่อ ตั้งแต่น้องเกิดไม่ว่าน้องจะอยากได้หรือต้องการอะไรพ่อก็จะหามาให้หมด อย่างตอนเด็กๆ ที่พ่อต้องเป็นคนไปรับไปส่งและตัวติดน้องอยู่ตลอดเวลา คิมจงอินกับพ่อก็สนิทกันอยู่ในระดับหนึ่งตามประสาพ่อและลูกชาย แต่เขากับพ่อก็เหมือนเพื่อนกัน ต่างจากน้องที่ดูยังไงก็คือพ่อลูกแน่ๆ

     

     

    ในทางกลับกันจงอินกับฮยอนอากลับเหมือนพี่สาวกับน้องชายมากกว่าแม่ลูก หลายครั้งที่ไปไหนมาไหนกับแม่แล้วถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพี่น้องหรือ แฟนสาว ก็แน่หล่ะ แม่ทั้งสาวทั้งสวยทั้งอึ๋มขนาดนั้น นี่อย่าให้พ่อรู้เลยว่าเขาเคยคิดอกุศลกับแม่อยู่เหมือนกัน

     

     

    เออ...ก็แล้วแต่มึงแล้วกันยังไงค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็เป็นเรื่องที่คนเป็นพี่จัดการด้วยความเต็มใจของมัน ต่อให้เถียงแทบตายมันก็คงหาวิธีให้เขาไปทำอยู่ดี คิมอินนาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหาข้ออ้างอะไรมาใช้กับมันหรอก

     




     

     

     

    ถ้าปวดหัวน้อยลงก็แสดงว่าเปลี่ยนยาแล้วได้ผล ยาหมดหรือยัง โอเซฮุนเอ่ยถามหลังจากตรวจคนไข้พิเศษของตัวเองเสร็จ คิมอินนาไม่ได้ดูดื้อหรือต่อล้อต่อเถียงเก่งเท่าวันที่ตรวจครั้งแรก เขาก็เลยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกวนประสาทคนไข้เหมือนกัน

     

     

    จะหมดแล้ว...

     

     

    ฉันจะสั่งยาให้เพิ่มแล้วกัน อย่าลืมว่ากินเฉพาะเวลาที่ปวดหัว ไม่ใช่กินเป็นยาแก้หวัดที่จะมานั่งกินทุกหกชั่วโมงคิมอินนาทำหน้าล้อเลียนคุณหมอในขณะที่เซฮุนยังคงก้มหน้าก้มตาเขียนบันทึกการตรวจในแฟ้มประวัติอยู่จนพยาบาลที่ยืนอยู่ในห้องหลุดขำ

     

     

    เป็นอะไร ปากกระตุกหรอเล่นเอาทั้งคนไข้ทั้งพยาบาลหุบปากกันแทบไม่ทัน อินนาตีหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนคุณหมอก็ก้มหน้าก้มตาเขียนต่อ

     

     

    เออ...เรื่อง MRI ฉันจะทำแล้วกันเซฮุนชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้ง ไม่คิดว่าคนไข้ของเขาจะยอมทำง่ายๆ ขนาดนี้

     

     

    เดี๋ยวฉันให้พยาบาลจองคิวให้...จะถึงเดือนมั้ยประโยคหลังคนเป็นหมอหันไปถามพยาบาลที่เพิ่งถูกดุทางสายตาไปเมื่อกี้ คนถูกถามหายออกไปข้างนอกห้องตรวจไม่กี่นาทีก็กลับเข้ามาพร้อมคำตอบ

     

     

    ที่ศูนย์บอกว่าถ้าคุณหมอรีบ จะให้คนไข้ทำเลยก็ได้ค่ะ ไม่งั้นก็ต้องรออีกประมาณสี่เดือน

     

     

    อืมทำเลยก็ได้...

     

     

    ตอนบ่ายนี้นะคะ

     

     

    อะไรนะ!!” ทั้งหมอและคนไข้ก็ตกใจพอๆ กัน ไอ้คำว่าทำเลยที่เซฮุนเข้าใจคือภายในวันสองวันนี้ แต่ดันกลายเป็นตอนบ่ายซึ่งก็ใกล้จะถึงแล้ว

     

     

    ไม่!! ฉันไม่ทำ ฉันมาคนเดียวนะ จงอินก็ไม่อยู่อินนารีบหันไปโวยวายใส่คุณหมอทันทีที่พยาบาลพูดเสร็จ ตอนแรกก็กลัวแต่ก็แอบคิดไว้ว่าถ้ามีพี่ชายมารอหรือให้กำลังใจก็คงจะกลัวน้อยลงบ้าง แต่นี่อยู่ๆ จะให้ทำเลยทันทีมันยังไม่ได้เตรียมใจนะ

     

     

    พอดีคิวที่จะทำบ่ายนี้แคนเซิลค่ะ ว่างแค่บ่ายนี้จริงๆ ไม่งั้นก็อีกสี่เดือนพยาบาลสาวก็ยังยืนยันคำเดิมทำให้อินนาแอบคิดโมโหอยู่ในใจ ทำไม่ต้องย้ำนักย้ำหนาว่าอีกสี่เดือน จะให้ทำปีหน้าเลยก็ยังได้แต่ไอ้คนเป็นหมอที่นั่งอยู่ข้างหน้านี่สิ่ สีหน้าแววตามันบ่งบอกว่าวันนี้เขาไม่รอดแน่ๆ

     

     

    โทรตามเพื่อนเธอมาอยู่เป็นเพื่อน เดี๋ยวฉันจะคุยกับจงอิน

     

     

    อ่าว แล้วฉันไม่ต้องคุยกับมันบ้างหรือไง อยู่ๆ นายก็จะเอาฉันยัดเข้าไปในเครื่องที่เหมือนที่เผาศพอ่ะนะ

     

     

    หรอ...แต่ถ้าเกิดเธอรออีกสี่เดือนเธออาจจะได้ไปอยู่ในโลงจริงๆ ก็ได้นะ

     

     

    เซฮุน!!!” อินนาทุบกำปั้นลงบนโต๊ะทำงานของคุณหมอก่อนจะได้รับสายตานิ่งๆ กลับมาเป็นเชิงว่าเพื่อนเล่นหรือไง

     

     

    เดี๋ยวพาคนไข้ไปเตรียมตัวนะ แล้วผมจะตามไปดู

     

     

    ต้องบอกมั้ยว่าตอนนี้คิมอินนาสวดวันทามารีอาไปกี่รอบ นับตั้งแต่โทรตามเพื่อนสนิทตอนนี้จิตใจของเขาก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย ความรู้สึกมันเหมือนจะตายแหล่ไม่ตายแหล่อยู่ตลอด

     

     

    ไม่ต้องกลัวหรอกมึง ก็แค่เข้าไปนอนในช่องที่มันตรวจด้วยคลื่นไฟฟ้าไม่ใช่หรอจูฮยอนที่เพิ่งมาถึงไม่กี่นาทีช่วยปลอบใจเพื่อนที่ดูจะฟุ้งซ่านหนัก โชคดีที่เขาตัดสินใจไม่ไปต่างจังหวัดกับครอบครัว ไม่งั้นอินนาคงจะไม่มีเพื่อนเพราะเยริดันติดธุระ และจงอินก็ไปต่างประเทศกับแทมินในสุดสัปดาห์นี้พอดี

     

     

    แต่ที่กูอ่านในเน็ตเค้าบอกมันเหมือนมีอะไรดังอยู่ข้างๆ ตลอดเวลาเลยนะมึง แล้วกูต้องเข้าไปอยู่ในนั้นคนเดียวเกือบชั่วโมง

     

     

    เออหน่าสู้ๆ แล้วพี่หมอสุดหล่ออ่ะจูฮยอนเปลี่ยนเรื่องทันทีที่นึกขึ้นได้ว่ายังไม่เคยเจอตัวจริงของคนที่เป็นประเด็นให้เขากับเยริเม้ามาตลอดเกือบสองอาทิตย์นับตั้งแต่วันเกิด ตอนแรกไม่คิดเลยจริงๆ ว่าพี่หมอจะหล่ออย่างกับไอดอลแต่พอเห็นแทมินลงรูปคู่กับพี่หมอในอินสตาแกรมเท่านั้นแหละ บอกได้คำเดียวว่าหล่อโลกลืม นับว่าเป็นเรื่องดีของเกาหลีจริงๆ ที่มีหมอหล่อขนาดนี้

     

     

    กูกำลังจะถูกไอ้พี่หมอสุดหล่อของมึงยัดเข้าไปในรูแคบๆ มึงยังจะถามหาเค้าอีกหรอ...ขอบคุณก็รู้อยู่ว่าจูฮยอนอยากเจอเซฮุนขนาดไหน แต่มันใช่เวลาไหมหล่ะ เพื่อนกำลังจะตายแหล่ไม่ตายแหล่

     

     

    เดี๋ยวคนไข้เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างในเลยนะคะพี่พยาบาลคนใหม่ ที่เขามาเจอที่ศูนย์เชือดคน(ตั้งขึ้นเอง) เดินมาเรียกพร้อมผายมือเข้าไปข้างในห้องกระจก เอาแล้วไง ยังไม่ได้คุยกับพี่หรือพ่อแม่เลยนะ ถ้าเขาเข้าไปแล้วไม่ได้กลับออกมาจะทำไง

     

     

    กูรอตรงนี้นะ มึงคิดซะว่ากูรอมึงไปแดกเหล้าอยู่ละกันจูฮยอนชู้สองนิ้วขึ้นมาให้กำลังใจเพื่อนด้วยความเป็นห่วงผสมสมเพช ก็ตอนนี้สีหน้าเพื่อนจอมแสบนี่ไม่ต่างกับลูกหมากลัวน้ำเสียเท่าไหร่เลยจริงๆ นอกจากนี้เขาก็คงจะช่วยอะไรเพื่อนไม่ได้มากเสียด้วย

     

     

    เดี๋ยวทำแบบสอบถามแล้วคุณหมอจะมานะคะอินนารับกระดาษมาอย่างงงๆ หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ นี่จะเอาเขายัดเข้าไปในที่แคบๆ ยังจะสอบถามอะไรอีก คนตัวเล็กกรอกแบบสอบถามอย่างรวดเร็วโดยรวมแล้วก็ถามถึงข้อมูลสุขภาพทั่วไปว่าเคยผ่าตัดหรือมีโลหะอะไรในร่างกายไหม นี่คนหรือทรานฟอร์เมอร์

     




     





     

    เข้าไปก็นอนนิ่งๆ ห้ามขยับ ห้ามกลืนน้ำลาย ถือนี่เอาไว้ ถ้ามีไรผิดปกติก็กดเซฮุนอธิบายพร้อมยื่นเครื่องมืออะไรสักอย่างมาให้ คงจะเหมือนเตียงคนไข้ที่มีให้กดเรียกพยาบาลหล่ะมั้ง  ตอนนี้อินนาที่นั่งอยู่บนเตียงที่จะเลื่อนเข้าไปในเครื่อง พยายามทำใจดีสู้เสือสุดขีดแต่ในใจนี่กลัวยิ่งกว่าตอนลุ้นผลสอบเข้ามหาลัยสักสิบเท่าได้

     
     

    เคสพิเศษหรอคะคุณหมอ...ลัดคิวด่วนไม่พอ มาดูคนไข้ด้วยตัวเองเลยพยาบาลสาวยังคนเอ่ยปากถามเชิงแซวอย่างต่อเนื่อง ก็ปกติการทำ MRI หมอเจ้าของไข้ไม่จำเป็นต้องมาดูคนไข้ถึงที่ขนาดนี้ก็ได้ แค่เจ้าหน้าที่ในศูนย์ก็เพียงพอต่อการทำงานแล้ว

     

     

    ครับ คนไข้พิเศษ ขอcontrast media ด้วยเซฮุนตอบพยาบาลเรียบๆ โดยสายตายก็เหล่ไปเห็นคนไข้ตัวแสบแสยะยิ้มให้กับคำตอบของเขาทำไม ปากไม่หายกระตุกหรอ

     

     

    หนิ่...ยังไม่ทันที่อินนาจะพูดอะไรคุณหมอสุดหล่อก็รับเข็มฉีดยามาไว้ในมือแล้วจับแขนของเขาขึ้นมาจ่อตรงเข็มทันที

     

     

    สารทึบรังสี ต้องฉีดเอาไว้ระหว่างทำเซฮุนค่อยๆ ฉีดสารลงไปที่แขนของอินนาให้เบาที่สุดแต่ก็ยังได้รับแรงกระตุกที่แขนเสื้อคลุมที่คนไข้ของเขาแอบขยำเอาไว้

     

     

    ...

     

     

    ไม่ต้องกลัว เสียงอาจจะดังหน่อยแต่นี่ก็ช่วยได้อยู่เซฮุนยัดเอียบัดใส่หูอินนาก่อนจะบอกให้นอนลง และกำลูกบีบฉุกเฉินเอาไว้ คุณหมอชี้นิ้วออกไปเป็นเชิงบอกว่าเขาจะอยู่ข้างนอกทำให้อินนาพยักหน้าช้าๆ รับชะตากรรม

     

     

    ตี๊ดดดดดดดดดด

     

     

    สัญญาณฉุกเฉินดังขึ้นตั้งแต่อินนาเข้าไปยังไม่ถึงห้านาที คนตัวเล็กตกใจกับเสียงที่ดังเกินคาด จนเผลอทำอะไรที่ห้ามไปตั้งหลายอย่าง เขาหอบหายใจแรงมากอีกทั้งยังกลืนน้ำลายไปหลายที สุดท้ายมือมันก็บีบลูกบีบไปอย่างแรงจนเครื่องหยุดทำงานถึงได้รู้ว่าเซฮุนและพยาบาลเข้ามาดูกันเกือบห้าคน

     

     

    เป็นอะไรเซฮุนรีบถามขึ้นทันทีที่เครื่องเคลื่อนตัวพาคิมอินนาออกมาข้างนอก สีหน้าคนไข้ตัวแสบก่อนจะเข้าไปก็ดูไม่ดีอยู่แล้ว ไม่แปลกใจที่จะได้ยินสัญญาณฉุกเฉินเร็วขนาดนี้

     

     

    ฉันกลัว ข้างในเสียงมันดังมากกว่าที่คิด แล้วฉันก็เผลอกลืนน้ำลายด้วยอินนาตอบคุณหมอทั้งที่น้ำตาก็เริ่มมาคลอเบ้า เซฮุนยกมือเป็นสัญญาณให้เหล่าพยาบาลออกไปก่อนจนเหลือแค่เขากับอินนา

     

     

    ดีแล้วที่กลืนน้ำลายแล้วเรียก ไม่งั้นเธอคงนอนเกือบชั่วโมงโดยเสียเวลาฟรีแล้วต้องทำใหม่เซฮุนหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้คนไข้ตัวแสบ ก่อนหน้านี้ก็เห็นปากเก่ง เถียงคำไม่ตกฟากอยู่ดีๆ แป้บเดียวมานั่งน้ำตาคลอเสียแล้ว มันไม่มีอะไรหรอก แค่เสียงดัง เธอได้ยินแล้วเมื่อกี้คราวนี้ถ้าเข้าไปใหม่ก็ทำใจว่ามันดังแน่ๆ เดี๋ยวซักพักก็ชิน โอเคนะ

     

     

    ฉันคิดว่านายเป็นจงอินได้มั้ย...อินนาก้มหน้าลงเมื่อความกลัวเริ่มกลับมาอีกครั้งถ้าต้องอยู่ในนั้นคนเดียว คิดแล้วก็สมเพชตัวเองไม่น้อย ปากดีใส่ไอ้พี่หมอนี่ไว้เยอะ สุดท้ายก็ต้องพึ่งมันจนได้

     

     

    ฮะ...

     

     

    ขอกอดที...



     

    TBC

     

     

    ทำไมนางเอกแรดคะ5555555555

    ไม่มีอะไรมากแต่เราเห็นคนกดเฟบเยอะกว่าที่คิดไว้ในตอนแรกขอบคุณมากๆ นะคะ จะดีมากถ้าจะเม้นเป็นกำลังใจให้เราด้วย เพราะเราแต่งแล้วมีคนเม้นอยู่ไม่กี่คนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะแต่งให้ใครอ่าน หวังว่าเม้นจะเยอะขึ้นเป็นกำลังใจให้เราหน่อยนะ

     

     

     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×