ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Maid-At-Arms สาวใช้พันธุ์ดุ

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1: Act I

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.32K
      24
      11 ก.พ. 65

    เจ้าของโรงเตี้ยมกัลลิเวอร์จำวันนั้นได้เป็นอย่างดี 

    มันเป็นวันที่ลมแรงเป็นพิเศษ  แน่นอนว่าไม่แปลกเลยที่ฤดูใบไม้ร่วงจะมีวันที่ลมกรรโชกบ้าง  แต่ไม่เคยมีวันไหนที่ลมแรงเทียบเท่าวันนั้นเลยสักหน... เป็นพายุหลงฤดูที่นานทีปีหนจะปรากฏขึ้นมาสักครั้ง 

    กระนั้น ในโรงเตี๊ยมก็พอมีเหล่าลูกค้าขาประจำมาดื่มเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนฝูงหลังการทำงานอันเหน็ดเหนื่อยบ้างให้ร้านไม่เงียบเหงาไปเสียทีเดียว  เปลวเพลิงที่ลุกโชนในเตาผิงที่เจ้าของโรงเตี้ยมแสนจะภูมิใจก็ทำให้ก็ทำให้อากาศภายในอบอุ่นจนลืมอากาศหนาวภายนอก

    เข็มนาฬิกาในตอนนั้นชี้ที่เวลาหนึ่งทุ่มพอดี เมื่อกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นพร้อมกับเสียงหวีดหวิวของสายลมที่พรั่งพรูเข้ามาเมื่อบานประตูเปิดออก

    ตอนแรกไม่มีใครสนใจนัก  นึกว่าเป็นแขกขาประจำอีกคนที่อุตส่าห์ถ่อสังขารฝ่าลมหนาวมาหาความเพลิดเพลินกับสุราที่รัก  แต่เมื่อลูกค้าคนหนึ่งเริ่มสะกิดเพื่อนร่วมโต๊ะว่ามีบางอย่างผิดจากปรกติไป  จากหนึ่งคนเริ่มขยายวงกว้างเป็นทุกโต๊ะ ในที่สุดทั้งโรงเตี้ยมก็พลันเงียบลง  

     ทุกสายตาจับจ้องไปที่ลูกค้าร่างเล็กสองคนหน้าประตู     

     มันไม่แปลกเลยที่ทุกคนจะให้ความสนใจกับผู้มาเยือนทั้งสอง  พวกเขาสวมเสื้อคลุมสีดำสนิทยาวถึงข้อเท้า  ฮู้ดอันโตปิดบังหน้าตาจนมิด กระเป๋าหนังใบโตที่แขกตัวเล็กกว่าถือข้างกายบ่งบอกเป็นอย่างดีว่าทั้งสองไม่ใช่คนในพื้นที่อย่างแน่นอน

     ทั้งโรงเตี้ยมมีแต่ความเงียบงัน  เหลือแต่เพียงเสียงลมกรรโชกภายนอกและเสียงฟืนปะทุในเตาผิงที่บอกว่าโลกนี้ยังไม่หยุดหมุนไปเสียทีเดียว

     

     ในที่สุดผู้มาเยือนคนหนึ่งก็เปิดฮู้ดออก 

     

    ทุกคนในร้านต่างฮือฮากับใบหน้าที่เผยโฉมออกมา...

     

    เธอเป็นหญิงวัยกลางคนที่เลยช่วงเวลาบานสะพรั่งของหญิงสาวไปนานแล้ว  โดยเฉพาะเส้นผมสีน้ำตาลเชสนัทที่หยาบกระด้างราวกับเป็นเชือกเก่า ๆ ถูกตัดซอยเป็นทรงลองบ็อบสั้นประต้นคอ  กระนั้นใบหน้าก็ยังคงความงดงามพอที่จะสะกดทุกสายตาของบุรุษเพศไว้ได้อย่างไม่ยากเย็น  ผิวของหล่อนขาวซีดราวหิมะไร้ซึ่งสีแดงเลือดฝาด  หากแต่ดูมีเสน่ห์ชวนให้เคลิบเคลิ้มอย่างประหลาด 

     หล่อนกวาดตามองลูกค้าในโรงเตี้ยมด้วยแววตาของคุณป้าใจดี  หากแต่แฝงด้วยความสง่างามของชนชั้นสูง  ใครที่ได้สบตาต่างเผลอกลืนน้ำลายด้วยความตื่นเต้น

     และในตอนนั้นเองที่หล่อนก้มหัวลงเล็กน้อยให้กับทุกคนในโรงเตี้ยม

     เมื่อเห็นเช่นนั้น  เสียงครึกครื้นภายในโรงเตี้ยมก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมราวกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ไม่เคยเกิดขึ้น

     กระนั้นเสียงพูดคุยในตอนนี้เป็นเพียงหน้าฉาก  เพราะทุกย่างก้าวของแขกต่างถิ่นก็ตกเป็นเป้าสายตาที่ยังคอยแอบมองไล่หลังทุกอิริยาบถ  เสียงพูดคุยเหล่านั้นล้วนแต่เป็นเสียงซุบซิบคาดเดาสาระพัดว่าทั้งสองเป็นใครกันแน่  มายังพื้นที่ห่างไกลเช่นที่นี่ทำไม 

     ทั้งสองเดินตรงมายังที่เคาน์เตอร์ของมาสเตอร์ประจำร้านโดยที่ไม่แม้กระทั่งจะถอดเสื้อคลุมบนราวแขวน  ทั้งที่อุณภูมิในห้องก็อบอุ่นจากเปลวเพลิงที่ลุกโชนในเตาผิง

     หญิงผมน้ำตาลนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเจ้าของร้านที่กำลังเช็ดถ้วยอยู่  ส่วนผู้มาเยือนร่างเล็กอีกคนยืนคุมเชิงอยู่ข้างเคียงพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบโตยังแอบซ่อนใบหน้าอยู่ในผ้าคลุมสีดำ

    “มีอะไรให้ผมรับใช้ไหมครับคุณผู้หญิง ?”  เจ้าของร้านที่เป็นชายหัวล้านร่างท้วมเอ่ยถาม

     “เราอยากได้ห้องพักหนึ่งห้องสำหรับเราและผู้ติดตามสักคืนค่ะ”

     “คุณผู้หญิงจะฝากม้าหรือรถม้าไว้กับทางโรงเตี้ยมด้วยหรือเปล่าครับ”

     เธอส่ายศีรษะ 

     “เรามากันแค่นี้ค่ะ...”

     มาถึงที่นี่โดยไม่มีม้าหรือรถม้า ? เจ้าของโรงเตี้ยมส่งสายตาเป็นเชิงถามให้แน่ใจว่าหล่อนเข้าใจสิ่งที่เขาพูดหรือเปล่า  หญิงสาวเพียงแต่เอียงคอสงสัยว่ามีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ 

     ชายหัวล้านจึงคิดว่าเมื่อเป็นอย่างนั้นก็เลยตามเลยก็แล้วกัน

     “ถ้าอย่างนั้น  ราคาสำหรับห้องพักหนึ่งคืนก็ 3 ดอลล่าสหภาพครับ”

     หล่อนค่อย ๆ ล้วงพันธบัตรดอลล่าสหภาพใหม่เอี่ยม  แน่นอนว่าเจ้าของโรงเตี้ยมไม่เคยคิดจะปฏิเสธลูกค้าที่มีเงินจ่าย  แต่ครั้งนี้เขากลับทำหน้าอย่างลำบากใจกับสิ่งที่เขาเห็น

     “เอ่อ... คุณผู้หญิงไม่มีพันธบัตรที่เล็กกว่านี้แล้วเหรอครับ ?”

     แขกผู้มาเยือนมองพันธบัตรมูลค่า 1,000 ดอลล่าสหภาพด้วยความฉงน...

     “ใช้ไม่ได้หรือคะ ?”

     “ก็ได้อยู่หรอกครับ  แต่เกรงว่าจะมีเงินทอนไม่พอนะสิครับ”

     “อย่างนั้นหรือ”  หญิงวัยกลางทำหน้าแปลกใจราวกับคุณผู้หญิงที่ไม่ประสีประสาโลกภายนอก ก่อนจะหันไปกวาดตามองบรรดาแขกเรื่อที่นั่งอยู่ตามโต๊ะ  “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องทอนก็ได้ค่ะ  เอาเงินส่วนที่เหลือเป็นค่าอาหารสำหรับทุกคนในตอนนี้ก็แล้วกัน”

    เจ้าของร้านหยิบพันธบัตรมาส่องกับไฟ… ลวดลายที่ผลิตโดยเทคนิคชั้นสูงของพวกสหภาพ เป็นพันธบัตรของจริงอย่างไม่ต้องสงสัย

     ค่าอาหารและเหล้าที่บรรดาแขกผู้อื่นในร้านติดค้างอยู่นั้นมีมูลค่าไม่ถึงครึ่งของมูลค่าพันธบัตรที่แขกหญิงผู้ร่ำรวยกำลังยื่นให้  ดังนั้นถึงบอกว่าจะไม่ต้องทอนก็เถอะ  แต่จำนวนเงินที่ให้มาก็ยังเกินอยู่ดี

     กำไรเห็น ๆ

     “รับทราบครับผม”  เจ้าของโรงเตี้ยมรับพันธบัตรมาด้วยความยินดี  ก่อนจะป่าวประกาศไปทั่วร้านว่า  “เฮ้ย  ไอ้พวกขี้เมาทั้งหลาย  ดีใจด้วย  คุณผู้หญิงท่านนี้เพิ่งเลี้ยงเหล้าพวกแกว่ะ !”

     และแล้วทั้งโรงเตี้ยมก็อื้ออึงไปด้วยความแปลกใจ  ในตอนแรกแขกบางคนฟังเจ้าของร้านไม่ถนัด  ตะโกนถามกันใหญ่ว่ามันจริงหรือ ?  แต่เมื่อทุกอย่างก็เริ่มชัดเจน  เสียงอื้ออึงก็กลายเป็นเสียงตะโกนขอบคุณคุณผู้หญิงผู้เอื้ออารีกันยกใหญ่

     คุณผู้หญิงที่เพิ่งซื้อใจคนทั้งร้านเพียงแต่ก้มหน้าอมยิ้มตอบรับคำขอบคุณที่ถาโถมเข้าใส่

     เมื่อทุกอย่างเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปรกติ  เจ้าของร้านก็ยื่นกุญแจห้องให้กับแขกผู้มั่งคั่ง

     “ประเดี๋ยวผมจะให้ภรรยาของผมยกกระเป๋าขึ้นไปที่ห้องเลยนะครับ  ห้องของคุณผู้หญิงอยู่ที่ชั้นสอง  ห้องหมายเลขสี่จะอยู่ทางขวาด้านในสุดเลยนะครับ”  ว่าแล้วชายหัวล้านก็ตะโกนเรียกบุคคลผู้หนึ่งที่อยู่หลังร้าน  “ซิลวีเอ้ย  ช่วยขนกระเป๋าพาแขกขึ้นไปห้องหมายเลขสี่หน่อยสิ !”

     “ไอ้แก่  เห็นไหมว่าเมียแกทำอะไรอยู่” 

     เสียงหยาบกระด้างที่ดูไม่น่าจะเป็นเสียงของผู้หญิงตะโกนตอบมาจากด้านหลัง  อีกเพียงชั่วอึดใจก็มีสตรีร่างกำยำนางหนึ่งโผล่ออกมาจากก้นครัวพร้อมกับเบียร์และขวดเหล้าที่เรียงกันแน่นในถาด

     เธอคือภรรยาของเจ้าของโรงเตี้ยมนั่นเอง

     หล่อนมีรูปร่างและหน้าตาคล้ายบุรุษอารมณ์บูดตลอดเวลาจนทำให้ดูคล้ายกับผู้ชายที่สวมชุดของสตรีและมีหน้าอกกับสะโพก แต่ถึงอย่างไรหล่อนก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี 

     “เบาเสียงหน่อย  ลูกค้ายังอยู่ตรงนี้นะ”

     เมื่อเห็นว่ามีลูกค้าอยู่แถวนั้น  ใบหน้าอันเหี้ยมเกรียมราวกับนางยักษ์ก็แปรเปลี่ยนเป็นหน้าของแม่ค้ารับแขกทันที  ภรรยากล่าวทักทายกับแขกผู้มาอย่างอ่อนน้อม  แต่พอหันกลับไปคุยกับสามีของตน  ธาตุแท้ก็เผยออกอย่างไม่มีความเกรงใจ

     “แกนั่นล่ะอย่ามัวแต่อู้... เห็นท้องโย้ขนาดนี้แล้วยังจะให้เมียแกยกของหนักอีกเหรอ ?”

     ถ้าดูจากท้องที่โย้ออกมาราวกับมีคนเอาฟูกทั้งผืนยัดเข้าไปในเสื้อแล้ว  มันไม่แปลกนักที่ภรรยาจะโวยวายกับคำขอของคุณสามีเลย

     “ไม่เป็นไรค่ะ  เราอยากหาอะไรรับประทานก่อน” 

     หญิงต่างถิ่นกล่าวแก้ชนวนของคู่สามีภรรยาทั้งสอง 

     คุณสามีเห็นลูกค้ากระเป๋าหนักมีดำริดังนี้  ก็รีบโบกไม้โบกมือไล่คุณภรรยาไปบริการแขกคนอื่น  ส่วนตนนั้นรีบกุลีกุจอมารับออร์เดอร์ของคุณผู้หญิงอย่างรวดเร็ว

     “คุณผู้หญิงอยากจะรับประทานอะไรดีครับ ?”

     “ขอไวน์ที่ดีที่สุดของร้านให้เราที” 

     “คุณผู้หญิงมาได้ถูกที่แล้วล่ะครับ !”  เจ้าของโรงเตี้ยมตอบอย่างภาคภูมิใจ  “ในละแวกนี้ไม่มีใครมีคอเล็กชั่นไวน์ดีไปกว่าที่นี้แล้ว  ตอนนี้ผมมีเปโก  กราซ ปี 254 กับ ดอม ปราโกดี้ปี 257 ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงจะเลือกขวดไหนดีครับ”

     “เพราะแถวนี้มีแต่ร้านของมาสเตอร์คนเดียวไงเล่า !” ลูกค้าสักคนตะโกนแซวขึ้นมา สร้างเสียงหัวเราะได้บ้าง เพียงแต่คุณลูกค้าหญิงยังคงมองคอเล็กชั่นไวน์ของมาสเตอร์ด้วยความสนใจ

     “ไม่น่าเชื่อเลยว่าโรงเตี้ยมในพื้นที่ห่างไกลจะยังมีเปโก กราซ กับ ดอม ปราโกดี้ด้วย !”

     คุณลูกค้าหญิงกล่าวด้วยความชื่นชม  ทว่าหล่อนยังคงกวาดสายตามองชั้นไวน์ไม่หยุด แม้ทั้งสองจะเป็นไวน์ชั้นดีกว่าปรกติที่คุณเจ้าของพยายามจะรีดเงินออกมาจากแขกผู้นี้ให้มากที่สุด  แต่มันก็เป็นไวน์ชั้นดีปรกติที่หาได้ไม่ยากนักในตัวเมือง 

     ในที่สุด สายตาของเธอจับจ้องขวดไวน์ขวดหนึ่งที่วางตั้งแสดงไว้ในตู้โชว์ด้านหลัง  มันเป็นขวดสีแดงขุ่นแปะตราสีทองเรืองแสงที่ราวกับร่ายเวทมนตร์ 

     “เราเชื่อว่าคุณมีดีกว่าที่เสนอมานะคะ... เช่นขวดที่อยู่ในตู้ด้านหลังคุณเป็นต้น  ถ้ามองไม่ผิดนั่นน่าจะเป็นชาโต้  มากราฟ ปี 219 นี่  ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเห็นของหายากในที่แบบนี้”

     เจ้าของโรงเตี้ยมหันไปมองยังสิ่งที่มาดามลูกค้ากำลังสนใจ  ก่อนจะรีบหันกลับมายิ้มเจื่อน ๆ อย่างไม่เต็มใจนัก

     “ต้องขอโทษด้วยนะครับคุณผู้หญิง  แต่ไวน์ขวดนี้ไม่ได้มีไว้ขายครับ”

     คุณผู้หญิงส่ายศีรษะเบา ๆ อีกครา  ก่อนจะทอดสายตามองเจ้าของโรงเตี้ยมราวกับผู้มีอำนาจกำลังออกคำสั่งลูกน้อง... และภายในแววตานั้นบ่งบอกว่าเธอต้องได้ในสิ่งที่ต้องการ

     “ทุกอย่างมีไว้ขายทั้งนั้นล่ะค่ะ  แค่ขึ้นอยู่กับว่าจะเสนอราคาเท่าไหร่เท่านั้น” 

     เมื่อได้ฟังคำตอบของคุณผู้หญิง  ชายหัวล้านผู้เป็นเจ้าของก็ถึงกับหัวเราะแห้ง ๆ ให้กับลูกค้าเบื้องหน้า

     “ดูเหมือนคุณผู้หญิงจะเข้าใจผิดอะไรไปนะครับ  สำหรับผมแล้วเจ้าชาโต้  มากราฟ...”

     ยังไม่ทันที่เจ้าของโรงเตี้ยมจะกล่าวจบ  ลูกค้าหญิงก็วางถุงที่ดูหนักอึ้งบนเคาน์เตอร์...

     ทุกคนในโรงเตี้ยมต่างรู้จักเสียงโลหะหนัก ๆ กระทบกันในถุงนั้นดี

     “หือ... นี่มันอะไรกันครับ ?”

     “เชิญเปิดดูได้เลยค่ะ”

     เจ้าของโรงเตี้ยมค่อย ๆ แกะเชือกห่อถุงอย่างระมัดระวัง  และต้องผงะกับสิ่งที่เห็น

     “พอสำหรับไวน์ขวดนั้นไหมคะ ?”

     ชายหัวล้านหยิบสิ่งที่อยู่ในถุงออกมา  มันคือเหรียญทองอร่ามที่สลักลวดลายของราชอาณาจักรเก่า  ถึงแม้สกุลเงินของราชอาณาจักรเก่าจะถูกยกเลิกไปได้สักพักแล้ว  แต่ทองก็ยังเป็นทองอยู่วันยังค่ำ  เขาพิจารณาเหรียญแต่ล่ะเหรียญอย่างรอบคอบ  ลองแม้กระทั่งใช้ฟันกัดเหรียญทองพิสูจน์ว่าเป็นของแท้หรือไม่... แต่เหรียญในถุงมีมากมายเหลือเกิน

     มันมากพอที่เขาจะซื้อโรงเตี้ยมใหม่ได้อีกแห่ง... ไม่สิ  ซื้อคฤหาสน์ได้ทั้งหลังเลยด้วยซ้ำ

     เจ้าของโรงเตี้ยมก็โยนเหรียญสุดท้ายคืนในถุง  ก่อนจะหันมาจ้องมองคุณลูกค้าอย่างลำบากใจ 

     “คือว่า...”

     เคร้ง

     ถุงผ้าอีกถุงที่มีขนาดพอกันถูกวางเสริมบนเคาน์เตอร์ข้างถุงแรก

     “ถ้าไม่รับสกุลเงินของราชอาณาจักร  ก็ยังมีพันธบัตรของสหภาพอีกนะคะ”  คุณลูกค้าหญิงกล่าวด้วยใบหน้าที่ดูไม่รู้สึกยี่หระกับจำนวนเงินที่เพิ่งจ่ายไปกับขวดไวน์เพียงขวดเดียวเลยสักนิด

     เขาหันไปมองยังภรรยาท้องโย้ที่ยังง่วนอยู่กับการเสิร์ฟเหล้ากับลูกค้าขี้เมาทั้งหลายแหล่

     ในที่สุดเจ้าของโรงเตี้ยมก็ถอนหายใจ  ก่อนจะหันหลังไปหยิบขวดชาโต้  มากราฟ ปี 219 มาวางไว้บนเคาน์เตอร์ต่อหน้าผู้ซื้อ

     “คุณผู้หญิงชนะแล้วครับ   ไม่ทราบว่าจะให้เปิดเดี๋ยวนี้เลยไหม ?”

     คุณผู้หญิงยิ้มหวานราวกับกลับมาเป็นหญิงสาววัยแรกแย้มอีกครั้ง 

     “ค่ะ  และขอแก้วไวน์สองแก้วด้วย”

     “สองแก้วสำหรับคุณผู้หญิงกับผู้ติดตามนะครับ” 

     “ไม่ค่ะ...”  คุณลูกค้าส่ายศีรษะเบา ๆ “อีกแก้วสำหรับมาสเตอร์ค่ะ”

     “ผมหรือครับ ?”

     “ค่ะ เราคนเดียวไม่มีทางดื่มหมดอย่างแน่นอน  อีกอย่าง... อย่างน้อยคุณอุตส่าห์รักษามันไว้เป็นอย่างดี  อย่างน้อยก็น่าจะได้ลองลิ้มรสมันด้วยนะคะ”

     เจ้าของโรงเตี้ยมได้แต่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจอีกครา  เขารู้สึกเหมือนเพิ่งขายวิญญาณให้กับปีศาจไป  แต่ก็ช่างมันเถิด...  

     อย่างที่ผู้หญิงคนนี้กล่าวไว้  ทุกอย่างขายได้หมด  ขึ้นอยู่กับว่าจะเสนอราคามาเท่าไหร่เท่านั้นล่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×