ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวจำเป็น

    ลำดับตอนที่ #30 : เกมส์ลองใจและบทพิสูจน์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.33K
      5
      15 มี.ค. 56

                       เมื่อทุกคนเดินทางเข้าที่พักกันเรียบร้อยแล้วและก็ได้ห้องที่อยู่ติดกันสองห้องตามแผนของภควัตรที่วางไว้โดยเขานอนห้องเดียวกับเปรมมิกาส่วนบิดามารดานั้นอยู่ห้องถัดไป
                       "นี่คุณทำไมคุณไม่บอกฉันก่อนว่าเราจะต้องนอนห้องเดียวกัน" เปรมมิกาโวยวายทันทีที่เข้ามาในห้องพัก
                       "เอ้า สามีภรรยาก็ต้องนอนห้องเดียวกันอยู่แล้วคงไม่มีคู่ไหนที่นอนแยกห้องกันหรอก" ภควัตรตอบกลับ
                       "ก็คุณกับฉันไงที่ต้องนอนแยกห้อง" เปรมมิกายังไม่ยอมเถียงคอเป็นเอ็น
                       "อย่าทำเป็นเล่นตัวไม่เคยหน่อยเลย หรือว่าจะต้องรื้อฟื้นความจำว่าเราเคยอะไร ๆ กันแล้ว" ชายหนุ่มยิ้มยั่วเพื่อแกล้งเธอพร้อมกับย่างสามขุมเข้ามาใกล้
                       "ไม่ต้องย้ำฉันไม่มีวันลืมในสิ่งที่คุณทำ เพราะคุณผิดสัญญาที่เคยให้ไว้เพราะฉะนั้นข้อตกลงต่าง ๆ ที่เคยทำฉันจะเปลี่ยนแปลงหรือหยุดมันเมื่อไหร่ก็ได้" เปรมมิกาพูดพลางถอยกรูจนเกือบชิดติดกำแพง
                       "แน่ใจนะ ว่าเธอเป็นต่อ" ภควัตรตามเข้ามาหยุดตรงหน้าเธอที่ตอนนี้ไม่มีที่ให้ถอยได้อีกแล้วก่อนจะใช้แขนทั้งสองข้างกักร่างบางของเธอไว้ในกรอบวงแขนตัวเอง
                       "ใช่" เปรมมิกาพูดพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นอย่าไม่กลัวเกรง เรื่องอะไรเธอจะยอมให้เขากดขี่อยู่ฝ่ายเดียวเธอไม่มีทางยอมแน่ ๆ ให้รู้ไปสิว่าเขาจะทำอะไรเธอเหมือนวันนั้นอีกคราวนี้คงได้ตายกันไปข้างหนึ่งหญิงสาวคิดในใจ
                       "งั้นก็ดี เรามาพิสูจน์กัน" พูดแค่นั้นชายหนุ่มก็ยอมรามือเดินเข้าห้องน้ำไปแต่โดยดีทิ้งให้หญิงสาวยืนงง เพราะปกติเขาจะไม่ยอมถอยง่าย ๆ นี่นาทำไมวันนี้ถึงแปลกนัก
                       "เอ้า ไม่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือไงตัวเหม็นจะแย่อยู่แล้ว" ภควัตรเดินเข้ามาใกล้หญิงสาวแล้วทำจมูกฟุดฟิด ๆ เปรมมิกาเอียงตัวหลบก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำบ้าง  และเมื่อทำธุระเสร็จแล้วก็เดินไปหยิบหมอนกับผ้าห่มไปนอนที่โซฟา
                       "นี่คุณจะไปนอนไหนล่ะนั่น นอนบนเตียงกับผมก็ได้ผมไม่ถือตัวหรอก" ชายหนุ่มพูด
                       "น้อย ๆ หน่อยคุณคุณไม่ถือแต่ฉันถือ เชิญคุณนอนบนเตียงตามสบายเถอะค่ะฉันจะนอนที่โซฟาเอง" หญิงสาวเดินถืออุปกรณ์การนอนออกไปยังโซฟาด้านตรงข้ามทันทีโดยไม่สนใจคำทักท้วงของอีกฝ่าย และค่ำคืนนั้นก็เงียบไปโดยปริยายจนถึงเช้า
      
                       เปรมมิกาตื่นแต่เช้าเดินออกไปสูดอาการบริสุทธิ์และรับลมเย็น ๆ ของทะเลยามเช้า หญิงสาวเดินเรียบริมหาดทราบสีขาวนวลสะอาดตาเรื่อยไปอย่างไม่มีจุดหมาย ผมยาวเป็นลอนสยายเมื่อถูกกระแสลมพัดพลันได้ยินเสียงแว่ว ๆ ดังมาจากด้านหลังก่อนจะหันกลับไปเห็นอัครเทพวิ่งหอบแหก ๆ ตามมา
                       "คุณแป้งครับมาทะเลภูเก็ตก็ไม่ยอมบอกผมเลยใจร้ายจัง" อัครเทพเริ่มขายขนมจีบทันทีโดยไม่ปล่อยให้เสียเวลา
                       "แล้วคุณเทพทราบได้ยังไงคะว่าแป้งอยู่ที่นี่" เปรมมิกาแปลกใจไม่ตอบคำถามที่ชายหนุ่มถามแต่ถามเขากลับไปแทน
                       "ก็ที่นี่โรงแรมของผมเองครับ คุณแป้งจะอยู่กี่วันกี่คืนก็ได้นะครับตามสบายเลย" เปรมมิกาอึ้งไปทันทีไม่คิดว่าโลกมันจะกลมได้ขนาดนี้เธออุตส่าห์จะมาพักผ่อนเงียบ ๆ ตามลำพังแล้วเชียวแต่จะให้ไล่ชายหนุ่มกลับไปก็คงจะไม่ใช่การกระทำที่ดีแน่จึงไม่ได้พูดอะไรกลับไปอีก

                       "คุณแป้งมาคนเดียวเหรอครับ" ชายหนุ่มคนเดิมถามทันทีเผื่อว่าเขาจะได้มีโอกาสอยู่กับเธอตามลำพังนานขึ้นกว่าเดิมเพราะโอกาสแบบนี้หายากเต็มทีก่อนที่จะมีหมาหวงก้างมาขวางทาง
                       "เปล่าหรอกค่ะ คุณพ่อคุณแม่คุณวัตรก็มาด้วยค่ะ" หญิงสาวตอบเสียงเรียบพร้อมกับหันหน้าไปมองทะเลยามเช้าโดยไม่สนใจชายหนุ่มคนเดิมอีก
                       "คุณแป้งมาเที่ยวภูเก็ตบ่อยไหมครับ ที่นี่ที่เที่ยวเยอะแยะมากมายเลยนะครับเดี๋ยวผมเป็นไกด์พาคุณเที่ยวเองครับ" อัครเทพเสนอตัว
                       "ไม่ต้องหรอกมั้งฉันพาเมียฉันไปเองได้ว่ะ ขอบใจนายมากเลยนะเทพที่ดูแลเมียฉันในระหว่างที่ฉันไม่อยู่เป็นอย่างดี" เสียงทุ้มของภควัตรดังมาจากด้านหลังอัครเทพหันขวับไปมองอย่างไม่สบอารมณ์
                       "แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้วัตร" อัครเทพถามเพื่อน
                       "ก็ตั้งแต่ที่แกจะเป็นไกด์พาเมียฉันเที่ยวนั้นแหละขอบใจมากนะพ่อแม่ฉันคงอยากได้ไกด์เหมือนกันแกพาท่านไปหน่อยสิพอดีฉันไม่ว่างต้องพาเมียไปเที่ยวเกาะว่ะ" ภควัตรตอบห้วน ๆ อัครเทพหน้าเสียเอ่ยขอตัวกับเปรมมิกาแล้วก็ลากชายหนุ่มเพื่อนรักให้ตามเขามา
     
                        "เฮ้ยไอ้วัตร แกเป็นบ้าอะไรของแกวะ ไหนบอกไม่ได้รักไงหลีกทางให้ฉันสิฉันรักของฉันจริง ๆ นะ เออ แล้วไหนแกบอกว่าจะให้ฉันพิสูจน์ไง"    อัครเทพทวงสัญญาจากเพื่อนทันทีที่เคยให้ไว้เมื่อครั้งก่อน
         
                        "ฉันไม่ได้เป็นอะไรนี่สบายดีปกติทุกอย่าง สติดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนด้วย ข้อตกลงนั้นก็ยังเหมือนเดิมนายอยากทำอะไรก็ทำไป" ภควัตรตอบเพื่อน
                        "เฮ้ย แล้วที่แกกำลังทำอยู่ตอนนี้ล่ะมันขวางฉันอยู่ชัด ๆ แล้วฉันจะทำตามแผนของฉันได้ยังไงวะ"     


                        "อย่าบอกนะว่าแกเกิดจะชอบคุณแป้งขึ้นมาซะอย่างนั้นน่ะ เฮ้ยย " อัครเทพจ้องจับผิดในน้ำเสียงและสีหน้าของเพื่อนรัก
                        "เปล่า" ชายหนุ่มตอบเสียงสูง
                        "ไม่ได้ชอบแต่แกลองคิดดูสิว่าฉันมากับครอบครัวคุณพ่อคุณแม่ก็มาด้วย แล้วถ้าท่านเห็นแกอยู่กับยัยแป้งเน่านั่นน่ะท่านก็จะตำหนิเราได้นะแกลองคิดดี ๆ สิ" 
                        ภควัตรทำเป็นให้ความเห็นทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วนั้นตัวเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายอยากกันท่าเพื่อนรักอย่างอัครเทพแล้วเอาบิดามารดามาอ้าง ส่วนหนุ่มคิ้วเข้มอย่างอัครเทพทำท่าทางครุ่นคิดอยู่พักนึงก็เห็นด้วยตามที่เพื่อนว่า
                        "อืมม มันก็จริงอย่างที่นายว่านะเดี๋ยวคุณแป้งนะเสียหายคนเขาจะเอาไปนินทาในทางที่ไม่ดี อะ อะ ฉันถือว่าเป็นความคิดที่ดีงั้นก็ตกลงตามนี้นะแล้วพ่อกับแม่นายอยู่ไหนล่ะ" อัครเทพถามกลับ
                        "อยู่ในโรงแรมนั่นแหละคงกำลังทานอาหารเช้าอยู่ล่ะมั้งแกลองไปตามหาดูสิเดี๋ยวฉันจะพาเปรมมิกาตามไปทานอาหารเช้าด้วยเหมือนกัน" ภควัตรให้ความเห็นอัครเทพวิ่งไปตามทางเดิมที่มาเมื่อครู่โดยทิ้งให้ชายหนุ่มเพื่อนรักมองตามแล้วยิ้ม ๆ ตามประสาคนที่ได้เปรียบกว่าก่อนจะพูดกับตัวเอง
                        "ขอโทษด้วยว่ะเพื่อน" ชายหนุ่มหมุนตัวกลับไปอีกทางเพื่อตามหญิงสาวคนเดิมไป
                        "ขอโทษนะที่เมื่อกี้ขัดจังหวะระหว่างเธอกับไอ้เทพมัน คงคิดว่ามันจะตามมาด้วยล่ะสิท่า เสียใจด้วยนะ" ชายหนุ่มทำท่ายักไหล่อย่างไม่แคร์ เปรมมิกาพยายามจะไม่ต่อปากต่อคำกับเขาที่เธอมองว่าเป็นคนพาลพาโลคอยแต่จะหาเรื่องอยู่ร่ำไปทุกครั้งที่เจอหน้ากัน โดยการเดินหนี แต่ก็เหมือนทุกครั้งก็คือหนีไม่พ้นมือหนาที่แข็งราวกับคีมเหล็กจับข้อมือเธอให้หันมาหาเขา
                        "โอ๊ยนี่คุณฉันเจ็บนะ เมื่อไหร่คุณจะเลิกใช้กำลังแบบนี้เสียทีรู้ไหมว่าคนอื่นเขาเบื่อคุณเต็มทนแล้ว" เปรมมิกาสุดจะทนตอกกลับไปให้อีกคนอึ้งแต่ก็ไม่วายพูดประชดกลับเหมือนเช่นเคย
                        "คนอื่นที่ว่าน่ะคือเธอใช่มั้ย ห๊า เปรมมิกา แต่เสียใจด้วยนะถึงเธอจะเบื่อยังไงเธอก็ต้องทนฉันไม่มีวันที่จะได้เป็นอิสระไปเสวยสุขกับไอ้เทพหรอกจำไว้"  พูดจบก็ลากแขนหญิงสาวให้ไปตามเขาโดยไม่สนใจฟังคำทัดทานของเธอเลยแม้แต่น้อย
                        "นี่คุณจะพาฉันไปไหนน่ะ ที่คุณทำอยู่ตอนนี้มันยังไม่เลวร้ายพอรึไง" ปากก็ด่าว่าไปขาก็ต้องวิ่งตามแรงลากจูงของคนตัวโต ภควัตรลากแขนหญิงสาวขึ้นเรือสปีดโบ๊ทที่จอดเทียบท่ารออยู่ริมหาดแล้วขับออกทะเลไปด้วยความรวดเร็ว เปรมมิกานั่งแหมะด้านข้างคนขับโดยเลือกที่จะหันมองออกไปทางวิวทะเลข้าง ๆ มากกว่าที่จะสนใจมองคนข้างตัวอย่างภควัตร บรรยากาศระหว่างคนทั้งคู่ตอนนี้เงียบสนิทไม่มีใครยอมเปิดปากพูดอะไรจนกระทั่งชายหนุ่มขับเรือมาถึงเกาะราชาใหญ่ซึ่งเป็นเกาะที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและยิ่งมาเที่ยวในช่วงกลางปีอย่างนี้แล้วแทบไม่มีใครมาเลย
                       เปรมมิกาตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้เห็นเพราะเธอไม่เคยเห็นชายหาดที่ไหนสวยเท่าที่นี่มาก่อนจึงเตรียมที่จะกระโดดลงจากเรือสปีดโบ๊ทที่ชายหนุ่มขับมา ภควัตรที่ไวกว่าคว้าแขนเธอได้ทันท่วงทีก่อนที่เธอจะหน้าทิ่มเข้าไปในทะเล

                        "นี่แม่คุณใจคอจะไม่รอฉันก่อนรึไง เดี๋ยวก็ได้ตกน้ำตกท่ากันพอดีทำเป็นเด็กตื่นเต้นไปได้" ชายหนุ่มพูดออกแนวประชดเปรมมิกาหันขวับมามองหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อแต่ชายหนุ่มหาได้กลัวไม่
                        "หน้าจะทิ่มก็ตอนที่คุณดึงเนี่ยแหละ คนอะไรตัวเองเป็นฝ่ายทำเขาแท้ ๆ ยังจะมาโทษกันอีก" หญิงสาวสะบัดหน้าใส่อย่างงอน ๆ แทนที่ภควัตรจะหน้าตูมกลับหน้าบานกระโดดลงจากเรือเพื่อรอรับหญิงสาวและยื่นมือออกมาเพื่อให้เธอจับ
                        "ฉันลงเองได้ ไม่ต้องยืนรอรับหรอกขอบคุณ" เปรมมิกากระแทกเสียงเชิดหน้าขึ้นก่อนจะก้าวลงจากเรือแต่เหยียบพลาดเพราะรองเท้าลื่นทำให้เธอหน้าขมำลงไปตรงที่ชายหนุ่มยืนรออยู่พอดี

                        "ว้ายยยยยยยยยย !!!!!!!!" หญิงสาวร้องเสียงหลงชายหนุ่มคว้าตัวเธอเอาไว้ได้แต่ก็เปียกน้ำด้วยกันทั้งคู่เมื่อเธอล้มถลาเข้ามาใส่เขาซึ่งไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้ทั้งคู่หงายหลังล้มลงจนน้ำกระเซ็นเปียกปอนไปตาม ๆ กัน จมูกโด่งรั้นของหญิงสาวชนเข้ากับแก้มสาก ๆ ของชายหนุ่มอย่างพอดิบพอดีอย่างไม่ได้ตั้งใจ หญิงสาวตาลุกวาวด้วยความตกใจก่อนจะยันตัวลุกขึ้น                    

                        "นี่คุณไปกินอะไรมาเนี่ยตัวหนักยังกับช้าง" ชายหนุ่มเอ่ยแซวแก้เก้อแทน เปรมมิกาหน้าแดงจัดด้วยความโกรธปนอายที่ทำอะไรขายหน้าต่อหน้าเขาหลายต่อหลายครั้ง
                        "คุณนี่พูดเข้าฉันไม่ได้หนักขนาดนั้นซะหน่อยว่าอยู่ได้คนอะไร ไม่เคยชมซักครั้งแล้วยังจะมาว่ากันอีก" เปรมมิกาค้อนขวับเข้าให้
                        "เอ้าจะไปไหนล่ะช่วยดึงผมลุกหน่อยสิอะไรกันจะใจดำไม่ยอมช่วยเลยเหรอทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้คุณทับผมเต็ม ๆ เลยนะแทนที่จะช่วยทำคุณไถ่โทษแท้ ๆ เล้ย" ชายหนุ่มบ่นกระปอดกระแปดพร้อมกับเหล่ตามองมาทางเธอ หญิงสาวเองก็ใช่ว่าจะใจร้ายแต่เพราะความมั่นไส้จึงอยากจะแกล้งเอาคืนบ้าง
                        "อ่ะ ๆ ช่วยก็ได้เห็นว่าช่วยฉันนะเนี่ย" ว่าพร้อมกับเอื้อมมือเข้าไปจับมือหนาที่เขายื่นมาก่อนหน้านั้นแล้ว พอจับมือได้กำลังจะฉุดให้ลุกขึ้นและแกล้งดันกลับให้หงายหลังไปอีกรอบกลับกลายเป็นว่าเธอถูกหลอกแทนที่จะเป็นเขาที่ล้มหงายหลังแต่กลับเป็นเธอที่หน้าขงำเข้าไปหาเขาอีกรอบ
                        "นี่คุณแกล้งฉันอีกแล้วนะคุณวัตร" เปรมมิกาแหวใส่ชายหนุ่มทันทีที่รู้ตัวว่าโดนแกล้ง ภควัตรยิ้มยั่วพอใจที่จะแกล้งเธอเขามีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มปนเขินของเธอ เขาชอบมองเวลาที่เธอโมโหใส่เขา เขาไม่เคยเบื่อเลยถ้าหากว่ามันจะเป็นอย่างนั้นทุกวันภควัตรยิ้มอยู่คนเดียวด้วยสายตาเม่อลอยเปรมมิกาทำหน้างง ๆ  เพราะเธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนเรียกเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกตัวจึงเอาคืนบ้างโดยการสาดน้ำเข้าใส่หน้าเขาไปเต็ม ๆ
                         "ห๊าๆๆๆๆๆ เป็นไงล่ะสมน้ำหน้าอยากเผลอดีนักเสร็จฉันล่ะคุณภควัตร" เปรมมิกาหัวเราะชอบใจที่ได้เอาคืนชายหนุ่มไม่ยอมสาดใส่บ้าง
                         "ฉันไม่ยอมโดนคนเดียวหรอกนะยัยแป้งเปียก" ว่าแล้วก็สาดน้ำเข้าใส่เธอไม่ยั้งทั้งคู่เล่นสาดน้ำใส่กันอยู่พักใหญ่ความรู้สึกที่ไม่ได้เล่นแบบนี้มานานทำให้ทั้งคู่ลืมเวลาและความโกรธเคืองทั้งหมดไปเสียสนิท รู้ตัวอีกทีเม็ดฝนเริ่มโปรยปรายอย่างหนักชายหนุ่มจึงพาหญิงสาวมาหลบที่ใต้ต้นไม้ใหญ่
                         "มันไม่ใช่หน้าฝนเสียหน่อยทำไมตกไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้นะ" เสียงเจื้อยแจ้วของหญิงสาวดังขึ้นเป็นระยะ ๆ เพราะเธอเป็นคนที่ไม่ชอบฝนสักเท่าไหร่เพราะตอนเวลาที่ฟ้าร้องฟ้าผ่านั้นมันน่ากลัวทุกครั้งสำหรับเธอ
                         "ก็เดี๋ยวนี้อากาศมันไม่เหมือนแต่ก่อนเพราะคนนั่นแหละทำลายมันทำให้บรรยากาศที่ดี ๆ กลับเปลี่ยนไป" ชายหนุ่มอธิบายให้เธอฟังเหมือนเด็กน้อยที่ไม่รู้ประสายังไงก็ไม่ปาน
                         "คุณนี่รู้ไปซะหมดทุกอย่างเลยนะ สมแล้วล่ะที่เป็นถึงท่านประธานบริษัทใหญ่โต" หญิงสาวพูดยิ้ม ๆ แล้วฟ้าก็แลบแปร๊บ ๆ หลายครั้งติดต่อกันพร้อมกับเสียงร้องที่ดังน่ากลัว หญิงสาวกระเด้งโดยอัตโนมัติโผเข้าหาชายหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ ทันที ภควัตรหัวเราะอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับแซวเธอ
                         "อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้วนะยังกลัวฟ้าแลบฟ้าร้องเป็นเด็ก ๆ ไปได้" ชายหนุ่มพูดกับเธอที่ตอนนี้ก้มหน้าก้มตาไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นแต่ก็กอดตอบอย่างอ่อนโยนพร้อมกับลูบแขนเธอไปมาเบา ๆ
                         "ไม่ต้องกลัวหรอกพี่อยู่ด้วยทั้งคนแป้งไม่ต้องกลัวนะ" เสียงนุ่มนวลดังขึ้นเพื่อปลอบหญิงสาวที่ขวัญเสียเปรมมิกาได้ยินทุกคำพูดถึงแม้ว่าจะเอามือปิดหูด้วยก็ตาม คุณเป็นคนยังไงกันแน่นะคุณวัตรบางทีก็ดูร้ายเสียจนน่ากลัวบางมุมก็ดูอ่อนโยนอบอุ่นน่าอยู่ใกล้เธอคิดในใจคนเดียวเงียบ ๆ 

                         นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ทั้งคู่หลับไปพร้อม ๆ กันและสะดุ้งตื่นอีกทีตอนพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินชายหนุ่มขยับเปลือกตาขึ้นเพื่อปรับแสงพร้อมกับมองออกไปเบื้องหน้าเพื่อชื่นชมความงามของพระอาทิตย์ยามเย็นที่กำลังจะลับขอบฟ้าไป พลางมือก็สะกิดร่างบางที่เอาหัวพิงไหล่เขาไว้เบา ๆ เพื่อให้ตื่นมาดูพร้อมกัน เปรมมิกาขยับเปลือกตาขึ้นพร้อม ๆ กับความตื่นเต้นที่อยู่ตรงหน้า
                         "โอ้โห พระอาทิตย์ที่นี่สวยมากเลยนะคะฉันไม่เคยได้มองพระอาทิตย์ตกดินแบบนี้นานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้" เสียงเธอเศร้าไปเล็กน้อยชายหนุ่มจับความรู้สึกได้
                         "พี่เองก็เหมือนกัน ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีเวลามานั่งมองพระอาทิตย์ตอนเย็น ๆ แบบนี้ ตั้งแต่คุณพ่อวางมือจากธุรกิจพี่ก็ไม่ค่อยมีเวลาเป็นของตัวเองเลยมัวแต่ทำงานตลอดเวลา" ชายหนุ่มบอก
                         "ธุรกิจที่มี่มูลค่ามหาศาลถ้าเราทำพลาดแม้แต่นิดเดียวมันก็ล้มได้ในพริบตาพี่ไม่อยากให้ธุรกิจที่คุณพ่อคุณแม่สร้างมากับมือต้องพังเพราะรุ่นลูกอย่างพี่ แป้งคงเข้าใจพี่นะ" เปรมมิกามองหน้าเขา งง งง
                         "เมื่อกี้คุณเรียกตัวเองว่าอะไรนะคะ" เปรมมิกาถามย้ำอีกครั้งเพราะกลัวตัวเองจะหูฝาด
                         "ก็พี่ไง" ชายหนุ่มย้ำ
                         "แต่ฉันว่าคุณแทนตัวเองแบบเดิมก็ได้ค่ะ ดูท่าทางคุณไม่ค่อยชินเท่าไหร่" หญิงสาวพูดแก้เก้อ
                         "ต่อไปนี้เราจะแทนตัวเองใหม่ พี่จะแทนตัวเองว่าพี่กับแป้ง ส่วนแป้งก็แทนชื่อตัวเองว่าแป้งโอเคนะตกลงตามนี้แหละ" เปรมมิกาไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
                         "เอ่อ แต่ฉันว่า" หญิงสาวเรียกตัวเองแบบเดิมแต่โดนสายตาที่จ้องมาเป็นเชิงบอกให้เรียกตัวเองใหม่
                         "แป้งว่าเราแทนตัวเองกันแบบเดิมก็ดีแล้วนะคะ"
                         "พี่ว่าแบบนี้น่ารักดีออก  ป่ะไปกันเถอะป่านนี้คุณพ่อคุณแม่คงรอแย่แล้ว" พูดจบก็ส่งมือให้หญิงสาวเพื่อให้เธอจับและดึงขึ้น ทั้งคู่เดินไปขึ้นเรือพร้อมกันและขับเข้าฝั่งไปทันทีโดยไม่มีคำพูดใด ๆ อีก  

      

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×