ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวจำเป็น

    ลำดับตอนที่ #29 : ทริปเที่ยวทะเล

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.45K
      9
      14 มี.ค. 56

                         หลังอาหารมื้อค่ำผ่านไปอัครเทพขอตัวกลับไปก่อนเนื่องจากมีธุระด่วนทั้ง ๆ ที่ยังไม่อยากจะกลับ ภควัตรเดินไปส่งเพื่อนตามมารยาทความจริงอยากจะไล่กลับไปตั้งนานแล้วแต่เกรงว่าอีกฝ่ายจะรู้
                         "ฉันกลับก่อนนะวันพรุ่งนี้จะมาใหม่" อัครเทพพูดทิ้งท้าย
                         "เฮ้ย ไม่ต้องมาทุกวันก็ได้เปลืองข้าวบ้านฉัน" ภควัตรไม่ได้เป็นคนขี้เหนียวอะไรแต่ที่ไม่อยากจะให้มาเพราะเขาไม่อยากให้เปรมมิกาอยู่ใกล้เพื่อนรักเกรงว่าจะหลงเสน่ห์เพลย์บอยอย่างอัครเทพเข้า
                         "แหมกลายเป็นคนขี้เหนียวตั้งแต่เมื่อไหร่เพื่อนฉัน เอหรือว่ากันท่า อย่าให้รู้นะน่าดู" อัครเทพตอบกลับอีกรอบก่อนจะขึ้นรถและขับออกไป
                         "ขอโทษจริง ๆ ว่ะไอ้เทพที่ต้องทำแบบนี้เพราะฉันเองก็ยังไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่ารู้สึกยังไงกันแน่ขอให้ฉันมั่นใจตัวเองมากกว่านี้ก่อนนะฉันจะหลีกทางให้นาย" ภควัตรเดินส่ายหัวกับความคิดบ้า ๆ ของตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของตัวเองไม่พบเปรมมิกาจึงเดินออกมาอีกรอบเพื่อถามจากสาวใช้
                         "จอย เห็นคุณแป้งหรือเปล่า" สาวใช้พยักหน้าก่อนจะตอบคำถามเจ้านายหนุ่ม
                         "อยู๋ในห้องเธอค่ะคุณวัตร" ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะเดินตามทางไปที่ห้องนอนของหญิงสาวที่อยู่อีกฝั่งของตัวบ้าน เขายืนลังเลอยู่พักใหญ่กว่าจะตัดสินใจชายหนุ่มเดินไปเดินมาหน้าห้องของหญิงสาวไม่กล้าจะเคาะ สงสัยเขาคงต้องยืมมือแม่ตัวเองมาช่วยเสียแล้ว
                         

                         "คุณแม่เหรอครับ คุณแม่ช่วยผมหน่อยได้ไหมครับ" ภควัตรทำเสียงออดอ้อน
                         "อะไรพ่อตัวดีมีเรื่องอะไรให้แม่ช่วยไหนลองบอกมาซิ" คุณพอฤดีกล่าวกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
                         "ผมอยากจะชวนครอบครัวเราไปทะเลครับเห็นว่าเราไม่ได้ไปกันนานแล้ว" ภควัตตพูดไม่เต็มเสียงนัก
                         "จะให้แม่ช่วยพูดกับหนูแป้งเหรอ ทำไมเราไม่เป็นคนพูดเองชวนเองล่ะหรือว่าทะเลาะอะไรกันหรือเปล่าบอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะเจ้าตัวดี" คุณพอฤดีมารดาซักไซ้
                         "โธ่คุณแม่อ่ะ รู้ทันผมไปเสียหมดเลยนะครับ ความจริงก็ไม่ได้ทะเลาะหรอกครับเพียงแต่ผมอยากพิสูจน์อะไรบางอย่างคุณแม่ช่วยผมหน่อยได้ไหมครับ" ภควัตรบอกมารดาไปตามความจริง
                         "จะพิสูจน์อะไรอีกล่ะ หรือว่าจนป่านนี้แล้วยังไม่รู้ว่าแม่ย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เราเสมอ" คุณพอฤดีกล่าว
                         "ประมาณนั้นล่ะครับคุณแม่ คุณแม่ช่วยผมด้วยนะครับเผื่อว่าผมจะได้รู้จักตัวเองรู้ความต้องการของตัวเองมากกว่านี้" ชายหนุ่มตอบ
                         "เอ้าก็ได้เอาเป็นว่าเรื่องนี้แม่จะจัดการเองละกันเราไปเตรียมเรื่องทริปเที่ยวได้เลยว่าแต่ว่าจะไปกันกี่วันล่ะ ดีเหมือนกันเราไม่ได้พักผ่อนกับครอบครัวแบบนี้นานแค่ไหนแล้วถือโอกาสไปคราวนี้เลยละกัน"

                        คุณพอฤดีเห็นด้วยกับความคิดของลูกชายที่จะพาครอบครัวไปเที่ยวจึงจัดแจงโทรศัพท์ชวนหญิงสาวลูกสะใภ้ไปเที่ยวซึ่งเปรมมิกาก็ต้องตกลงตามนั้นเพราะเกรงใจมารดาสามี

                        "ตาวัตรแม่จัดการให้แล้วนะคราวนี้เหลือแค่แกจัดทริปให้พร้อม ว่าแต่เราจะไกนกี่วันล่ะลูก" คุณพอฤดีถามอย่างสนใจ
                        "ผมว่าซักสองสามวันเป็นยังไงครับคุณแม่" ภควัตรขอความเห็นจากมารดา
                        "ก็ไม่เลวนะ ก็เอาตามนั้นแล้วกันวัตรไปเตรียมเรื่องการเดินทางส่วนเรื่องอื่นไว้เป็นหน้าที่แม่เอง นี่อย่าลืมนะว่าแม่รออุ้มหลานอยู่" มารดาพูด ทิ้งท้ายก่อนจะวางสายไป

                        เปรมมิกาหลังจากที่นัดกับสองฝาแฝดสาวยิปซีอย่างกรรัมภาและกัลยาทานข้าวเมื่อหลายวันก่อนเธอก็ไม่ได้ออกไปไหนอีกเลยอย่างที่ตั้งใจถึงแม้จะอยากออกไปเดินช้อปปิ้งซื้อของตามประสาผู้หญิงแต่ ก็ถูกสั่งห้ามโดยชายหนุ่มเจ้าของบ้านจอมเผด็จการอย่าง  ภควัตรที่สั่งสาวใช้ทุกคนในบ้านจับตาดูเธอไม่ให้ออกไปไหนจนกว่าเขาจะกลับมาจากทำงานแต่วันนี้ไม่มีทางเธอไม่ยอมอยู่บ้านคนเดียวอย่างที่ผ่านมาอีกแล้วยังไงเธอก็จะออกไปข้างนอกเธอไม่ใช่นักโทษที่จะมากักขังกันแบบนี้
                      เปรมมิกาบอกกับตัวเองว่ายังไงซะวันนี้เธอจะต้องประกาศอิสรภาพอย่างเป็นทางการกับจอมเผด็จการอย่างภควัตรเธอเตรียมพร้อมและดักรอชายหนุ่มที่ประตูหน้าบ้านและเมื่อชายหนุ่มมาเธอจึงกระโดดเข้าขว้างหน้ากางแขนทั้งสองข้างออก
                      "หยุดอยู่ตรงนั้นนะ อย่าไปไหนถ้าจะไปฉันจะไปด้วย" เธอพูดก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาสีนิลคู่เดิมที่เธอเริ่มจะคุ้นชินกับมันมาพักนึงแล้ว
                      "ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าไม่ต้องออกไปไหนจนกว่าผมจะกลับมาจากที่ทำงาน แล้วผมจะเป็นคนพาคุณไปเอง" ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ
                      "ไม่ได้นะ คุณจะทิ้งฉันอยู่บ้านคนเดียวแบบนี้ทั้งวันทุกวันไม่ได้นะ ไม่รู้ล่ะยังไงวันนี้ฉันก็จะไปด้วย" หญิงสาวเดินนำหน้าไปเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งข้างในพร้อมกับกวักมือเรียกชายหนุ่มให้ตามขึ้นมาอีกด้วย
                      "นี่คุณเดี๋ยวจะสายเอานะ นี่กี่โมงแล้วรีบก็ขึ้นมาสิเร็วเข้า" เปรมมิกาแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้จนชายหนุ่มเองต้องจำยอมให้เธอติดสอยห้อยตามไปด้วยพอมาถึงบริษัทพนักงานทุกคนต่างให้ความสนใจหญิงสาวที่เดินเคียงคู่มากับท่านประธานหนุ่มรูปหล่อต่างกระซิบกระซาบกันถึงความสวยน่ารักเหมือนเจ้าหญิงของเธอ
                       "ไม่น่าเชื่อเลยนะเธอว่าท่านประธานของเราจะได้ภรรยาที่น่ารักขนาดนี้ฉันว่าในรูปกับตัวจริงคนละคนเลยล่ะแก ตัวจริงน่ารักกว่าตั้งเยอะเธอว่าไหม"
                       เสียงพนักงานสาวดังขึ้นเมื่อทั้งคู่เดินหายเข้าไปในลิฟท์สำหรับผู้บริหารเรียบร้อยแล้ว
     
                         "เปรมมิกาวันนี้ตอนเที่ยงฉันจะพาเธอไปซื้อของนะ"
               
                         ภควัตรออกคำสั่งโดยที่ไม่มองหน้าเธอ หญิงสาวทำหน้ามุ่ยย่นจมูกโด่งรั้นทำปากขมุบขมิบล้อเลียนแต่ก็ต้องเก็บอาการโดยฉับพลันเมื่อเห็นว่าเขากำลังมองมาทางนี้อยู่จึงก้มหน้าก้มตาอ่านนิตยสารที่อยู่ในมือต่อไปโดยไม่สนใจเขาอีก ทางด้านชายหนุ่มมาดครึมดีกรีท่านประธานกรรมการบริษัทก็ยังคงเก๊กหน้ายักษ์ต่อเพราะกลัวจะเสียฟอร์ม แต่ก็แอบยิ้มกับความขี้เล่นของเธอถึงแม้ว่าเขาจะเคยทำร้ายจิตใจเธอหลายต่อหลายครั้งแต่เธอไม่เคยโกรธไม่เคยว่าเขาสักคำนี่คงเป็นจุดเด่นของเธอล่ะมั้งที่ทำให้คนที่เข้าใกล้หรืออยู่ด้วยอดที่จะหลงรักเธอไม่ได้ พอคิดมาถึงเรื่องนี้เขาก็ต้องถอนหายใจอย่างหนักหน่วงเพราะอุปสรรคอันใหญ่หลวงมากกว่าการที่จะสามารถรู้ใจตัวเองนั่นก็คือ "อัครเทพ" เพื่อนรักของเขาเอง
                        "นี่คุณจะไปได้หรือยังเนี่ยเที่ยงแล้วนะอีกอย่างฉันหิวแล้ว หิวจนตาลายไปหมดแล้ว" เสียงประท้วงของคนตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มจอมวีนต้องเงยขึ้นมามองก่อนจะก้มหน้าเซ็นต์เอกสารแฟ้มสุดท้ายแล้วก็ชวนเธอลุกขึ้นทันทีตามที่ได้ตกลงกันไว้ว่าจะไปซื้อของและที่มากกว่านั้นคือเขาจองตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพ-ภูเก็ต เอาไว้ตอนหนึ่งทุ่มเขาเองก็กลัวจะไม่ทันและกะจะเซอร์ไพรส์หญิงสาวด้วยอีกนัยหนึ่ง
        
                        "ไปกันได้ละฉันเคลียร์งานเสร็จแล้ว" ว่าพร้อมกับลุกขึ้นจูงมือหญิงสาวเดินออกไปจากห้องโดยไม่สนใจสายตาที่จ้องมองมาทางเขาและเธอ เขาพาเธอมาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ใกล้กับสนามบินพาเธอมาทานข้าวก่อนจะพาไปซื้อของใช้จำเป็นที่ต้องเตรียมส่วนของที่เหลือเขาโทรศัพท์ไปสั่งให้เด็กรับใช้ที่บ้านจัดใส่กระเป๋าแล้วเอาไปไว้ที่สนามบินให้เรียบร้อยแล้ว
                        "นี่คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย" เปรมมิกาแหวใส่ชายหนุ่มก่อนจะชักมือกลับ
                        "คุณลืมไปแล้วเหรอวันนี้เราจะต้องเดินทางไปภูเก็ตกันหรือคุณแม่ไม่ได้บอกเธอ เอ หรือว่าเธอลืมแต่ฉันว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่านะเพราะเธอมันความจำสั้น" ชายหนุ่มเน้นย้ำคำว่าความจำสั้นให้หญิงสาวได้สะอึกเล่น
                        "ฉัน  ๆ ก็ฉันลืมจริง ๆ นี่ มีเรื่องมากมายที่ฉันต้องคิด" เปรมมิกาเถียงอย่างข้าง ๆ คู ๆ 
                        "ลืมก็บอกว่าลืมสิ จะเถียงให้มันได้อะไรล่ะ" ภควัตร กล่าวเสียงเข้ม
                        "แต่ฉันยังไม่ได้เตรียมของใช้ส่วนตัวเลยนะคุณวัตร" หญิงสาวบอก ชายหนุ่มส่ายหน้าก่อนจะบอกให้เข้าใจ
                        "ผมให้เด็ก  ๆเตรียมเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นบางส่วนของคุณใส่กระเป๋าและเอาไปไว้ที่สนามบินเรียบร้อยแล้วทีนี้เข้าใจหรือยัง ตอนนี้ที่ยังขาดก็คือชุดว่ายน้ำ" ชายหนุ่มพูดเรียบ ๆ แต่คนที่ตกใจคือหญิงสาวเอง
                        "อะไรนะ ชุดว่ายน้ำ" เปรมมิกาทำท่าทางตกใจ
                        "ชุดว่ายน้ำก็ชุดว่ายน้ำไง ไม่เข้าใจอะไรอีกหรือว่าต้องให้เปลี่ยนให้ด้วยล่ะ" ภควัตรทำตากรุ้มกริ่มมองมาที่หญิงสาว เปรมมิกาหน้าแดงรีบก้มหน้าหลบสายตาเจ้าชู้ที่กำลังมองมาที่เธอก่อนจะพูดแก้เก้อ
                        "ไม่ต้อง ฉันเปลี่ยนเองได้" เปรมมิกาค้อนขวับเข้าให้ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะสั่งเช็คบิลแล้วจับข้อมือเธอเดินออกไปจากร้านอาหารเพื่อไปซื้อสิ่งของที่ต้องการโดยไม่ได้สังเกตุว่ามีสายตาอีกคู่หนึ่งที่มองมาทางเธอและเขาอย่างไม่หวังดี
                        "พี่วัตรต้องเป็นของฉัน ของฉันคนเดียวรู้เอาไว้ด้วยนะนังเปรมมิกา" สายตาคู่ที่จ้องมาอย่างไม่เป็นมิตรนั้นพูดต่อเมื่อเห็นคนทั้งคู่เดินไปจนลับสายตา
              
                        เมื่อซื้อของใช้และเลือกของให้เธอเสร็จแล้วชายหนุ่มไม่รอช้ารีบขับรถมุ่งตรงไปยังสนามบินสุวรรณภูมิทันที่เพราะบิดามารดาของเขาตอนนี้ไปรอที่นั่นเรียบร้อยแล้ว และเมื่อทุกคนมากันพร้อมหน้าก็ขึ้นเครื่องเดินทางสู่ภูเก็ตเมืองที่ไม่เคยหลับใหลในยามราตรี ภควัตรคิดมาตลอดการเดินทางว่าเขาจะใช้ช่วงเวลานี้พิสูจน์หัวใจตัวเอง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×