ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรือนรักกุหลาบสีแดง

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 472
      0
      7 ส.ค. 58

      

    เมื่อสองป้าหลานตกลงเรื่องที่จะหาที่อยู่ใหม่ได้แล้ว ลู่หานเลยตัดสินใจเดินออกมาจากเรือนของคุณหญิงป้าโดยเร็ว ไม่อยากจะอยู่ให้ขวางตาท่านเหมือนอย่างที่เอ่ยกับท่านไว้ โดยมีคยองซู คอยช่วยขนของออกมาให้ และนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คยองซู จะเป็นผู้มาอยู่ดูแลลู่หานที่เรือนกุหลาบด้วยกัน ซึ่งลู่หานพอจะเดาออกว่า ท่านคงจะวานให้คยองซู คอยสังเกตดูความความประพฤติของลู่หานกลายๆ 

    แค่วันแรกก็เจอกับศึกหนักกับผู้ที่มีอำนาจที่สุดของภายในบ้านหลังนี้เสียแล้ว ซึ่งนั้นทำให้ ลู่หาน กำลังเดินไปยังเรือนกุหลาบแดงด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ ถ้าวันนี้ ลู่หาน ยอม พรุ่งนี้ก็ต้องโดนเหยียบแน่ เพราะฉะนั้น ลู่หาน จะไม่ยอมให้ใครมาข่มตนได้ง่ายๆ และก็ต้องเข้มแข็งเหมือนที่แม่เคยสอนไว้ แต่ตอนนี้ ต้องยอมให้ คยองซู มาอยู่ช่วยดูแลกันก่อน เนื่องจาก ลู่หานต้องออกไปทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเองทุกวัน คงไม่มีใคร ช่วยเรื่องงานบ้านได้

                “คยองซู ปกติ คุณป้าเป็นคนแบบนี้หรือเปล่า” ลู่หานขยับปากเรียวบางถามด้วยความอยากรู้ เดินไปคุยไปด้วยจะได้แก้เบื่อ เพราะบริเวณรอบบ้านของคุณหญิงป้ากว้างขวางซะเหลือเกิน มีเรือนสี่หลังปลูกไว้อาณาเขตเดียวกัน กว่าจะเดินไปถึงเรือนกุหลาบแดงก็อาจจะเสียเวลาอยู่บ้าง

                “แล้วแบบนี้ของคุณ ลู่หาน มันหมายถึงแบบไหนหรอครับ” 

                “ก็ แบบว่า พูดจา ตรงไปตรงมา  จนบางที ก็ทำร้ายจิตใจจนเกินไป”

                "เอ่อ ก็ประมาณ นี้แหละครับ แต่คุณท่านเป็นคนใจดีนะครับ” คยองซูตอบเสียงหวาน 

    "ใจร้ายน่ะสิไม่ว่า คยองซู ไม่เห็นหรอว่าท่านไม่อยากให้ฉันเข้ามาอยู่ที่นี่สักเท่าไหร่" ลู่หานเล่าไปตามที่ตนเห็น

    แรกๆ ลู่หานเองก็ยังลังเลอยู่เหมือนกันว่าจะมาอยู่ร่วมอาณาเขตนี้ดีไหม เพราะลู่หานมีเลื้อดเนื้อจากชาวจีนที่คนเกาหลีส่วนมากไม่ค่อยชอบนัก แต่ สถานการณ์ตอนนี้ ลู่หาน ก็เหลือตัวคนเดียว พ่อแม่ก็มาด่วนจากไปรวดเร็ว ส่วนคุณป้าเองก็กลัวว่าลู่หานจะทำเรื่องไม่ดีเหมือนที่เคยพูดไว้ เดี๋ยวจะพลอยทำให้ท่านเสียชื่อเสียง ลู่หานก็เลยต้องได้พึ่งใบบุญจากคุณป้า 

                "ไม่จริงหรอกครับ ท่านน่ะ ต้องการให้พวกคุณมาอยู่ที่นี่ด้วยจริงๆ มีแต่ คุณ ยูจิน เท่านั้นล่ะครับ ที่ไม่เห็นดีกับการกลับมาของพวกคุณ"

                "เรื่องนี้ ฉันก็พอจะทราบอยู่เหมือนกัน"

                ลู่หานด้วยความมั่นใจ เพราะร่างบางพอทราบมาว่า คุณอา ยูจิน ผู้มีศักดิ์เป็นน้องสาวแท้ๆของพ่อ ไม่ยอมรับในตัวตนของลู่หานจริงๆ ในเมื่อวันแรกที่ลู่หานเข้ามาที่บ้านหลังนี้ ผู้เป็นอาก็ไม่ปรารถนาจะเข้ามาพบหน้าคร่าตากันเพื่อต้อนรับการกลับมาของลู่หานเลย คนตัวเล็กจึงรู้ว่าฝ่ายนั้น คงจะมีอคติอยู่ไม่น้อย และคงกลัวว่าลู่หานจะเข้ามาเกาะกองมรดกกินอย่างแน่นอน

                ซึ่งในขณะเดียวกัน ประตูรั้วของวัง ก็ถูกเปิดออกพร้อมกับมีรถคนหนึ่งกำลังแล่นเข้ามา โดยมีชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาหล่อเหลานั่งขับรถเคลื่อนตัวผ่านสองคนไป ลู่หานก็หันไปมองเขาเช่นกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่รถจะขับเลยเข้าไปจอดตรงบริเวณด้านหน้าของบ้าน

                “คยองซู ผู้ชาย คนนั้นคือใครหรอครับ” ลู่หานถามด้วยสนใจ เพราะเห็นว่าชายหนุ่มคนข้างในนั้นหล่อเหลายิ่งกว่าเทพบุตรที่พึ่งหลุดลงมาจากสวรรค์เสียอีก

                “อ๋อ คุณชาย โอ เซฮุน ครับ เป็นญาติทางสามีของคุณท่าน แต่ว่าสามีของหม่อมป้าท่านเสียไปตั้งนานแล้ว หากคุณชายก็ยังแวะเวียนเข้ามาที่นี่เสมอ เอ่อ แต่ยังไง ก็อย่าไปยุ่งกับท่านเชียวนะครับ ประเดี๋ยวจะเป็นเรื่อง

    กับ ใครอีกล่ะ

                “กับ คุณ ยูจิน น่ะสิครับ เพราะ คุณชาย โอ เซฮุน กำลังจะถูกให้หมั้นหมายกับคุณ ไอริน  ลูกสาวของคุณ ยูริน นั่นแหละครับ

                “อ๋อ” ลู่หานพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินตามหลังอึนซุกจนถึงเรื่อนกุหลาบแดง

    บริเวณด้านนอกเต็มไปด้วยหญ้าที่ขึ้นอยู่อย่างรกรังเหมือนไร้ซึ่งการถางเป็นเวลานาน ส่วนตัวเรือนนั้น เป็นทรงเกาหลีสีขาวแบบกะทัดรัดสองชั้น แต่บรรยากาศรอบๆ เงียบสงบมาก ร่มรื่น ไม่เหมือนเช่นดั่งบ้านหลังใหญ่ของ ป้า ลีดาเฮ  

    ลู่หานสำรวจดูทั่วบ้านอย่างพึงพอใจ คุณพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า คุณปู่เป็นนักสถาปนิกชื่อดังเมื่อสมัยก่อน ท่านออกแบบบ้าน และ คฤหาสน์ตั้งมากมาย ซึ่งตัวบ้านทุกๆหลังภายในรั้วแห่งนี้ ก็เป็นฝีมือของท่านทั้งหมด 

                “นี่ใช่ไหม ที่เป็นบ้านของท่านปู่ทิ้งไว้ให้” ลู่หานผินหน้าไปถาม คยองซู ที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ

                “ใช่ครับ

                “น่าอยู่มากๆเลย ถึงจะดูรกไปหน่อยก็ตาม แต่ถ้าได้ทำความสะอาดใหม่ทั้งหมดก็คงจะดีไม่น้อย..." 

               “ครับ ผมว่า เราเอาของไปเก็บข้างในดีกว่าครับ แล้วเดี๋ยวผมจะทำความสะอาดให้” เสนอความคิด ลู่หานจึงพยักหน้ารับอย่างเห็นดี 

    “ขอบใจ มากนะ เดี๋ยวฉันช่วย คยองซูด้วยคน คยองซูคนเดียว คงทำไม่ไหวแน่

                ทั้งสองยกกระเป๋าเอาเข้าไปวางไว้ตรงบริเวณห้องนอนที่กว้างพอประมาณ แล้วนำเสื้อผ้าของที่หิ้วติดตัวมาเก็บให้เข้าที่เข้าทางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยโดยที่มี ซึ่งของทุกชิ้นทุกอย่าง ไฟฟ้า น้ำ เครื่องในครัวเรือน ยังคงใช้ได้เป็นอย่างดี มีกระทั่งโทรศัพท์ ที่ยังทำงานได้เป็นปกติ 

                เมื่อทั้งสองจัดข้าวของเสร็จเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นก็ลงมือทำความสะอาดทั้งหมด โดยที่ คยองซู อาสา เช็ดกวาดและถูตรงบริเวณระเบียงหน้าบ้าน และกวดใยแมงมุมตามซอกมุมต่างๆ.... ส่วน ลู่หานนั้น เลือกทำความสะอาดข้างในห้องนอน หยิบผ้าปูที่นอนไปซักแล้วนำมันไปตากให้แห้งที่ราวตากผ้าตรงหลังบ้าน ก่อนจะหยิบมีดมาถางหญ้าที่หน้าบ้านด้วยตัวเอง จนไม่ให้มันรกหูรกตาอีกต่อไป

                พอเวลาผ่านไปร่วมสี่ชั่วโมง ในที่สุดผลงานของทั้งสามก็ออกมาดูดีพอสมควรถึงแม้มันจะเหนื่อยไปหน่อยก็ตามที จากนั้น ก็หาเสื่อมาปูตรงหน้าระเบียงบ้าน หาข้าวปลามานั่งทานร่วมกัน หลังจากที่พึ่งใช้พลังงานไปตั้งเยอะ

              "ตอนนี้ คุณลู่หาน ยังเรียนอยู่หรือปล่าครับ คยองซูทั้งถามทั้งกับข้าวเข้าปาก อาหารมื้อนี้ ลู่หานเป็นคนลงมือทำเอง ถึงจะเป็นอาหารธรรมดา แต่รสชาติดีเยี่ยมเลยที่ดี 

              ฉันเรียนจบแล้ว 

              อ๋อ แล้ว เรียนจบมาจากคณะอะไรหรอครับ 

             ฉันเรียนจบ จากคณะเเพทย์ 

             เก่งจังเลยครับ งั้น แสดงว่า คุณลู่หานก็เป็นหมอใช่ไหม อึนซุกกล่าวอย่างชื่นชม เรียนหมอต้องฉลาด และกลัวจะได้เขียนต้องได้คะแนนสอบที่สูงมาก

             "เปล่าหรอก ฉันเรียนเพยาบาลน่ะ ส่วนตอนนี้ ฉันก็เพิ่งได้งานเป็นบุรุษพยาบาลที่ โรงพยาบาล xx " 

             ลู่หานบอกทุกอย่างที่อึนซุกต้องการจะทราบ ลู่หานพอจะเข้ากับอึนซุกได้ดี เพราะท่าทางของอึนซุกเป็นเด็กซื่อ ดูไม่มีพิษมีภัยอะไร ลู่หานจึงไว้วางใจ

              แล้วคยองซูล่ะ ยังเรียนอยู่เปล่า 

              "เปล่าหรอกครับ ผมจบแค่มอหก เพราะไม่มีเงินเรียนต่อ มหาวิทยาลัย" ประโยคสุดท้าย คยองซูเอ่ยเสียงเศร้า การได้เรียนหนังสือสูงๆ เป็นสิ่งที่คยองซูต้องการมากที่สุดในชีวิต เพราะจบออกมา จะได้มีงานการดีๆทำเหมือนอย่างคืนอื่น เงินเดือนจากการเป็นคนใช้ ก็ไม่ได้สูงมากนัก ถ้าไม่มี ข้าวกับน้ำจาก คุณท่าน คยองซูก็ไม่มีที่พึ่งจากใครแล้ว

              "เอาน่า ทำงานเก็บเงินเยอะๆแล้วค่อยเรียนก็ได้ คนสมัยนี้ อายุ สี่สิบห้าสิบ ก็ยังเรียนได้เลย" ลู่หานปลอบใจพร้อมกับรอยยิ้มหวาน รู้สึกเอ็นดูคยองซูนัก เพราะน้อยคนจะไฝ่เรียน และมีความฝันว่าอยากจะเรียนหนังสือให้สูงๆ      

              คยองซูเองก็ยิ้มให้จางๆ นานมากแล้วที่ไม่มีใครมาพูดดีด้วยนับตั้งแต่เหยียบเข้ามาบ้านหลังนี้ แต่ละคนต่างก็ชอบดูถูก คยองซูอยู่เรื่อย โดยเฉพาะคนในเรือนของคุณยูจิน  

              "ครับ เอ่อ คุณลู่หานครับ เรือนหลังนี้ ใกล้กับกำแพงหลังบ้านนะครับ แล้วข้างหลังบ้านก็มีประตูด้วย ถ้าคุณลู่หานกลับบ้านดึก ก็เข้ามาทางนั้นได้เลยครับ" 

              ประโยคบอกเล่าของคยองซูทำเอาลู่หานหลุดขำเบาๆ ทั้งที่ยังเขี้ยวอาหารอยู่ในปาก 

              "แล้วพอ เดินออกจากหลังบ้านไปตามถนนสักสิบนาที คุณลู่หานก็จะเห็นตลาดสด ถ้าคุณลู่หาน อยากได้ของเนื้อ ผัก ผลไม้ มาทำอาหารกิน ก็หาซื้อที่นั่นได้เลยครับ”

    “หรอ แล้ว ที่ตลาดนั่นมีเบี้ยดอกไม้ขายไหม”

    “มีครับ อยู่ท้ายตลาด”

    “ดีเลย เพราะฉันกะว่าจะซื้อดอกกุหลาบแดงมาปลูกไว้หน้าบ้าน

                “แล้วก็ปลูกดอกส้มสีทองด้วยสิ ให้สมกับชีวิตของแก!!

                อยู่ๆก็มีเสียงแหลมๆของผู้หญิงคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นขัดจังหวะ ทั้งสองจึงหันหน้าไปมองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เผยให้เห็นหญิงสาววัยกลางคนที่ยังคงความสวยงามไว้ตลอดการ ส่วนข้างๆนั้นคือหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับลู่หาน ภายใต้ชุดเดรสสีขาวลายลูกไม้สีชมพู ก่อนที่ ลู่หานจะผินหน้ากลับมากระซิบถามคยองซูเบาๆ

                “พวกเขาคือ คุณอา ยูจิน กับ น้อง ไอริน ใช่ไหม”

    “ใช่ครับ” ร่างเล็กก็หันไปตอบเบาๆ พอหันกลับไปมองสีหน้า คุณ ยูจินกับ คุณไอรินอีกที ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุ สีหน้าแต่ละคน ต่างแสดงความเกลียดชังให้เห็นกันทั่วหน้า

                “คุณแม่คะ นี่คงเป็นหลานนอกคอกที่คุณแม่เคยเล่าให้ฟังใช่ไหมคะ"

               "ใช่จ้า"

               "นี่ แก ฉัน ชื่อ ไอริน มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับแก โดยที่ฉันไม่ยินดีเลย เพราะแกทำให้นามสกุลของพวกฉันต้องป่นปี้ไปด้วยนามสกุลไพร่ๆของแม่แก!!” เธอยกแขนขึ้นค้ำอกประกาศชื่อนามของตัวเองด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ 

              ลู่หานสำรวจมองเธอ ที่มีรูปร่างใบหน้าสวยเด่นสง่าอย่างหญิงสาวภายในวังจริงๆ.. แต่ยังไงลู่หานก็แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่มี เพียบพร้อมหมดทุกอย่าง จะกลายเป็นคนที่มีกริยาและปากคอเราะร้ายได้ถึงเพียงนี้

                “ผมรู้ตัวดีครับว่าเป็นหลานนอกคอกของตระกูลนี้ คุณไม่จำเป็นต้องย้ำก็ได้ครับ” ลู่หานสวนกลับไปเสียงนิ่งเรียบ ถึงแม้จะไม่ชอบที่มีคนมามองด้วยสายตาที่ดูถูกอย่างนั้น

    “หึ แกรู้ตัวก็ดีแล้ว จะได้เจียมกะลาหัวไว้บ้าง แล้วที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะจะบอกว่า บ้านหลังนี้ มันเป็นบ้านของ ไอริน แกไม่มีสิทธิ์มายุ่งวุ่นวายที่นี่!!”

                “แต่บ้านหลังนี้ คุณปู่เป็นคนมอบให้พ่อของผมนะครับ คุณอาก็น่าจะทราบเรื่องนี้ดี” ลู่หานยื่นเรื่องพินัยกรรมออกมาพูด เลยทำให้ผู้เป็นอานิ่งครุ่นคิดไปสักพัก เมื่อเธอเองก็ลืมเสียสนิทเลยว่า คุณพ่อยกเรือนหลังนี้ไว้ให้กับพี่ชายของตนจริงๆ

                “ฉันไม่เชื่อ!! แกคิดจะแย่งเอาเรือนหลังนี้ไปจากฉัน แกมันหน้าด้าน!!” ไอรินชี้นิ้วด่ากราดอย่างไม่ยอมแพ้ 

                “ผมพูดความจริง ถ้าไม่เชื่อ ผมเอาพินัยกรรม มาให้ดูก็ได้”

                “คุณแม่คะมันคือเรื่องจริงหรอค่ะ??” หญิงสาว หวันขวับไปถาม

                “จริงจ้า" ยูจินตอบด้วยสีหน้าเจื่อนๆ แล้วหันหน้าไปหาหลานชายอีกที "นี่แก ถ้าคิดจะมาอยู่ที่นี่ก็ควรจะต้องเคารพนอบน้อมไม่ใช่ให้มายืนต่อกลอนกับผู้ใหญ่แบบนี้!!

                “ผมรู้ตัวดีครับว่าผมควรจะทำตัวยังไง แล้วถ้าคุณน้าไม่มีอะไรอีก ก็เชิญกลับบ้านของคุณน้าเถอะครับ เพราะมันเป็นการบกวนเวลาทานอาหารของพวกผมเปล่าๆ” ลู่หานเอ่ยเหมือนเป็นการไล่กลายๆ เนื่องจากตนนั้นมีสิทธิ์อันชอบทำในบ้านหลังนี้ หม่อมน้าจึงนิ่งเงียบไปสักพักอีกครั้งเมื่อหมดทางต่อกลอนกับผู้เป็นหลานชาย ก่อนจะขยับปากเรียวแดงพูดออกไป

                “ก็ได้!! ฉันไปก็ได้!! แต่จำไว้นะ นับตั้งนี้เป็นต้นไป แกประกาศตัวเป็นศัตรูกับฉัน แล้วคราวหน้าแกเจอดีแน่ ไป ลูก กลับ!!” คุณอา ทิ้งระเบิดลูกสุดท้ายไว้ก่อนจะเดินหนีออกจากตรงบริเวณนี้ ขณะที่ ไอริน กระทืบเท้าเดินตามออกไปติดๆ

                “ทำไมมีแต่คนชอบพูดจาเสียดสีใส่เราขนาดนี้ด้วยนะ” ลู่หานเอ่ยกับตัวเองเบาๆ เมื่อเห็นว่าทั้งสองนั้นเดินออกไปจากบริเวณนี้แล้ว ก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ 

    คุณ ลู่หาน จะเอายังดีครับ คุณ ยูจิน ประกาศเป็นศัตรูกับคุณ ลู่หานซะขนาดนี้แล้ว” ถามด้วยความกังวล

                “ก็ปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้แหละ ฉันคงทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อ ฉันเป็นหลานนอกคอก เหมือนอย่างที่คุณอา ว่าจริงๆ ไม่มีใครอยากให้ฉันมาอยู่ที่นี่หรอก

                “เฮ้อ แค่เข้ามาอยู่วันแรกก็เกิดเรื่องตั้งมากมาย ไม่รู้เลยว่าต่

    อไป ชะตากรรมของ คุณ ลู่หาน จะเจออะไรอีกบ้าง

                “ช่างเถอะ หนักก็นี้ฉันก็เคยผ่านมาแล้ว คยองซู อย่าไปสนใจเลย ฉันว่า เรามากินข้าวกันต่อเถอะ

     

     

     
     

     

            หลังจากที่ ทั้งสองฝ่ายต่างก็สาดวาจาใส่กันครู่หนึ่ง โดยที่ยูจินและไอรินเหมือนเป็นฝ่ายต้องยอมแพ้กลับมา พวกหล่อนก็เดินกระฟัดกระเฟียดอย่างหัวเสียไปยังเรือนของตัวเอง แต่พอก้าวมาถึงที่ห้องทานข้าว ทั้งสองจึงรีบสำรวมกริยาไว้ทันที เมื่อเห็น คุณชาย โอ เซฮุนนั่งรอรับประทานอาหารที่โต๊ะอยู่พอดี

    ไอรินเลยก้มศรีษะทักทายแล้วหย่อนกายลงนั่งร่วมด้วย ส่วนคนตัวสูงก็ยิ้มรับตามมารยาทเช่นกัน.. ซึ่งตรงด้านหัวโต๊ะนั้นมีท่านชาย ดองวุค ผู้มีศักดิ์เป็นพระสาวมีของยูจินที่นั่งอยู่ตรงนั้น

    วันนี้เซฮุนเสยผมมาในทรงเรียบร้อยดูมีภูมิฐานยิ่งขึ้น และสวมชุดสูทสีเทาซึ่งเหมาะกับรูปร่างสูงโปร่งยิ่งนัก  

    เซฮุนไม่ได้มีดีแค่รูปร่างหน้าตา เพราะเขาเกิดมาก็มีเงินหุ้มเนื้อหุ้มตัว คุณหญิงแม่ เป็นถึงเจ้าของห้างใหญ่ในกลางพระนะครโซล ส่วนท่านพ่อก็ เป็นทูตประจำที่ประเทศอังกฤษ ด้วยเพราะเหตุผลเหล่านี้ ผู้หญิงเกือบทั่วพระนครโซล ต่างก็หลงชอบคุณชายกันทั่วหน้า ไม่ต่างอะไรกับไอริน ที่หลงรักคุณชาย หัวปักหัวปำ ซึ่งมี ยูจิน คอยสนับสนุนเต็มที แทบจะถวายลูกสาวใส่พานให้กับคุณชายเสียด้วยซ้ำ

    “ไอริน รู้ว่า คุณชายจะมา ก็เลยเข้าครัว ช่วยคนในบ้านทำกับข้าว ลองรับอาหารซิคะ” ยูจินแนะนำเมนูอาหารที่วางเรียงราวอยู่ต่อหน้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนจะพาลูกสาวมานั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน ทว่าความ จริง ไอริน ไม่มีฝีมือทางด้านนี้ด้วยซ้ำ แต่เธอก็ยังอยากพยักหน้ารับด้วยสีหน้าทีไม่ค่อยเต็มรอยยิ้มสักเท่าไหร่นัก ก่อนที่ร่างสูงจะลองตักสำรับมาวางบนจานข้าวของตัวเอง แล้วตักขึ้นมาทาน

    ฝีมือการทำอาหารของน้อง ไอริน อร่อยมากครับ” คุณ ชาย โอ เซฮุนเอ่ยชมเมื่อปลายลิ้นสัมผัสถึงรสชาติของอาหาร คนนำเสนอพลันส่งยิ้มออกมานิดๆ 

    ถ้าอร่อยก็รับเยอะๆเลยนะคะ ไอริน ตักแกง ให้คุณชายหน่อยสิลูก” เธอหันหน้าไปพูดกับลูกสาวของตัวเอง

    ค่ะ คุณแม่ นี่ค่ะ พี่ชาย” มือเรียวนำสำรับไปวางลงบนจานข้าว โอ เซฮุน อย่างเอาอกเอาใจจนออกนอกหน้า ไอรินแอบมีใจให้อีกฝ่ายมาตั้งนานแล้ว จะมีก็แต่ร่างสูงเท่านั้นแหละที่ยังไม่ยอมเปิดใจยอมรับในตัวเธอสักที 

    ไม่ได้มาที่ซะนานอยู่คุยกับน้อง ไอริน ให้หายคิดถึงเลยนะคะ เย็นนี้ น้าจะทำอาหารให้คุณชายอีกค่ะ"

    เอ่อ แต่ผมต้องกลับไปเขียนรายงานนะครับ” ร่างสูงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เพราะคงทนอยู่กับคนที่คิดเกินเลยกว่าพี่ชายกับตัวเองนานๆไม่ได้เป็นแน่ ซึ่งเรื่องนี้เขาก็ทราบดีมาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งเขาคิดกับไอรินเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น

    ก็เขียนซะที่นี่ก็ได้เลยนะคะ ที่นี่มีมุมสะดวกๆแล้วก็เงียบๆให้ทำงานตั้งหลายที่” ยูรินนำเสนอขึ้นอีกครั้ง พยายามยอมทำทุกวิธีทางเพื่อฉุดรั้งเขาไว้ให้ได้

    อย่ากวนคุณชายเลย ยูจิน ที่คุณชายแวะมาเยี่ยมเนี่ยก็ถือว่าเป็นเกียรติกับเรามากพอแล้ว แล้วอีกอย่างฉันก็พอรู้มาว่าที่กระทรวงกำลังหาคนเข้ามาทำงานแทนคนที่พึ่งลาออกไป คุณชาย ไม่ว่างมากขนาดนั้นหรอก

    ท่านชาย ดองวุค เอ่ยตัดบทด้วยน้ำเสียงเรียมขรึม เมื่อท่านพอจะทราบ เจตจำนงค์ ของยูจินว่าต้องการให้ คุณ ชาย โอ เซฮุน เกี่ยวดองกับลูกสาวของตน... ซึ่งท่านไม่เห็นด้วยกับการหมั้นหมายโดยที่ไม่เต็มใจของอีกฝ่าย เพราะท่านทราบถึงความรู้สึกนั้นดีว่ามันทรมานแค่ไหน หากที่จะต้องทนอยู่กับคนที่ตัวเองไม่เคยรักเลย

           “เอ่อ แต่เอาไว้คราวหน้าผมจะมาเยี่ยมอีกทีนะครับ เพราะตั้งแต่ที่ผมกลับมาจากอังกฤษ ผมยังไม่ค่อยได้มาเยี่ยมที่นี่เลย นอกจากจะเข้าออกที่กระทรวงอย่างเดียว” ร่างสูงพูดเหมือนเป็นการเอาใจ หลังจากเห็นว่า สถานการณ์บนโต๊ะนั้นกำลังดำเนินไปอย่างอึดอัดอยู่ไม่น้อย

    ดีเลยค่ะ เพราะน้าเห็นตอนที่คุณชายมาเยี่ยมที่นี่ ก็เมื่อตอนที่ยังเป็นเด็กๆ... เอ่อ แต่พอพูดถึงเรื่องสมัยเด็กๆแล้วเนี่ย คุณชายจำได้ไหมคะ ตอนสักประมาณเจ็ดขวบ คุณชาย ชอบมาวิ่งเล่นแล้วหกล้มที่นี้ ถึงขั้นกระดูกข้อเท้าหัก ต้องพาไปโรงพยาบาล

    ผมไม่เคยลืมเลยครับ คุณพ่อบอกผมเสมอว่าให้จดจำชีวิตในวัยเด็กเสมอไว้ เพราะจะเป็นเวลาที่มีความสุขที่สุด แต่เหตุการณ์ผมอาจจะเจ็บตัวไปหน่อยน่ะครับ” เขายิ้มออกมาบางๆ พลอยทำให้คนที่เหลือจึงค่อยๆฉีกยิ้มออกมาที่มุมปากตามไปด้วย

    ตอนคุณชายยังเด็กเนี่ย ซนหนักเลยนะคะ วิ่งจนหกล้มไม่พอ  ยังปีนต้นไม้แล้วก็ตกลงมาจนแขนหักอีก ต้องเข้าเฝือกเป็นเดือน แต่คุณชายก็ไม่ร้องไห้สักนิด แถมยังยิ้มให้พวกเราอีกค่ะ”

     “ครับ เรื่องแขนหักอีเนี่ย ผมจำได้ดีเลยครับ

    ใช่แล้วค่ะ ไอรินเอง ก็ยังจำเรื่องราวในตอนนั้นได้ รวมทั้งเรื่องที่ท่านผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเราให้ ไอรินกับพี่ชายหมั้นหมายกันเอาไว้

    พอ ไอริน กล่าวถึงประเด็นสำคัญสีหน้าของ โอ เซฮุน จึงเปลี่ยนสีลงอย่างฉับพลัน ข้าวที่เขากำลังทานอย่างเอร็ดอร่อย ดูเหมือนจะฝืดที่ลำคอเขา เซฮุนไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองมันเกินเลยไปถึงขั้นนั้น ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็กลัวว่าจะเป็นการทำร้ายจิตใจ เขายิ่งเป็นคนไม่ชอบพูดอะไรที่มันอ้อมค้อมซะด้วย อีกอย่างเขาก็เกรงผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ถึงได้เงียบมาตลอด

    กรี้งๆ” จู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์ภายในบ้านดังขึ้นขัดจังหวะ

    ไปรับโทรศัพท์หน่อยสิ” ยูจินไปสั่งคนใช้ที่นั่งตรงพึ้นใกล้ๆกับเธอ

    ค่ะ” หล่อนพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์

    ฮัลโหล สวัสดีค่ะ..... บ้านของคุณชายดองวุคค่ะ อ๋อ ค่ะๆ....  เอ่อ.. คุณชาย เซฮุนคะ คนที่บ้านของคุณชายโทรมาค่ะ” สาวใช้เรียกหาชายหนุ่มเมื่อทราบว่าใครโทรมา

    เดี๋ยวฉันจะไปรับสายเดี๋ยวนี้แหละ” ร่างสูงค่อยๆลุกขึ้นออกจากออกจากโต๊ะก่อนจะเดินไปยกหูรับโทรศัพท์

    มีธุระอะไรจะพูดเหรอ

    คุณชายคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ  ตอนนี้ มีดบาดมือคุณหญิง เลือดไหลไม่หยุดเลยค่ะคุณชายรีบกลับมาดูอาการของคุณหญิงด่วนนะคะ!!

    ได้ๆ ป้า เดี๋ยวผมจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้แหละ”

    "เกิดอะไรขึ้นหรอคะ" ยูจินเสียงกงวล หลังจากเห็นหน้าคุณชายกำลังมีเรื่องเครียดหนัก ท่าทางก็ดูรีบร้อนอย่างหิดปกติ

    "ตอนนี้ น้องหญิง โดนมีดบาดมือครับ เลือดไหลออกไม่หยุด ผมต้องขอตัวกลับบ้านก่อน แล้วเดี๋ยวผมจะมาเยี่ยมใหม่ ลาล่ะครับ" 

    เซฮุนเอ่ยลาคนในเรือน แล้วหันหลังไปโดยไม่ทันได้ว่า ไอริน พยายามะรั้งเขาเอาไว้ก่อน ตอนนี้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าน้องหญิงของเขาอีกแล้ว พอมาถึงที่รถ เซฮุนก็กระแทกประตูดังปัง ก่อนจะสตารถ์แล้วกระชากออกไปโดยเร็ว

                ซึ่งขณะทางที่รถยังแล่นไม่ถึงประตู อยู่ๆก็ปรากฏมีใครก็ไม่ทราบเดินออกมาจากมุมที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่บัง ชายหนุ่มมีสติพอจะเห็นคนอยู่ตรงนั้นจึงบีบแตรเสียงดังไล่เรียกให้คนที่เดินไม่ดูตามาตาเรือลบไปพ้นๆทาง

                เซฮุนไม่มีเวลามากพอจะหันไปมองว่าเป็นใคร รู้แค่ว่า เจ้าตัวตกใจจนกรีดร้องเสียงหลงพลางกระโดดตัวออกจนล้มไปกองที่พุ่มไม้ แต่มันก็สมควรแล้วที่เดินทะเล่อทะล่ามาขวางทางเอง

                หลังจากที่ขับพ้นประตูบ้านขึ้นสู่ถนนใหญ่ได้ไม่นาน เซฮุนยังต้องมาเผชิญกับการจราจรที่ติดขัด รถหลายคันต่อท้ายกันยาวเป็นหางว่าว เนื่องจากระยะทางประมาณสามร้อยเมตรข้างหน้า เกิดมีอุบัติเหตุ ซึ่งกว่าที่ตำรวจ และผู้โชคร้ายจากรถชน จะไกล่เกลี่ยกันเสร็จ ก็เสียเวลาไปเกือบเครื่องชั่วโมง

                เซฮุนทั้งยกข้อมือดูนาฬิกาดูเวลาอยู่ระลอก มืออีกข้างก็บังคับพวงมาลัยให้รถเคลื่อนไปตามขบวน พอพ้นจากจุดเกิดเหตุ เซฮุนก็หักพวงมาลัย ขับแซงขึ้นไปด้วยความเร็วสูง ฝ่าเท้าของเขาแทบจะเหยียบคันเร่งจนแทบจะสุดปลายเท้า

    และพอมาถึงที่บ้าน เขาก็รีบก้าวขายาวๆเข้าไปข้างในทันที จนมาถึงที่ก้องรับแขก ก็เห็นว่าป้า คนรับใช้ในบ้าน กำลังกุมมือตัวเองไว้แน่น สีหน้าแสดงถึงความกังวลที่สุด

    “ป้า ครับ น้องหญิงอยู่ไหนครับ” เสียงถามนั้น ทำให้ ป้า รีบเข้าไปรายงานให้เซฮุนได้ทราบ

    “อยู่ที่ห้องนอนค่ะ คุณชาย ตอนนี้ คุณหมอกำลังห้ามเลือดคุณหญิงอยู่ค่ะ”

    พอได้คำตอบเเค่นั้น เท้าใหญ่ก็พลันกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นไปบนชั้นสองด้วยใจที่เป็นห่วง แต่ไม่ทันที่เขาจะไขประตูเข้าไป คุณหมอประจำตัวของคุณหญิงก็เผอิญผลักประตูออกมาก่อน

    คุณหมอครับ น้องหญิงเป็นยังไงบ้าง เขาถามอย่างใจร้อน

    ก็ดีขึ้นแล้วครับ เพราะผมห้ามเลือดคุณหญิงได้ทัน

    ประโยคบอกเล่าของคุณหมอ ทำให้เซฮุนโล่งอกไปที เหมือนยกภูเขาออกจากอก ระยะทางที่เขาขับรถมา ก็นึกถึงแต่น้องหญิงเท่านั้น ได้ทราบว่าน้องหญิงปลอดภัย ความเครียดที่โหมกระหน่ำเข้าก็มลายหายไป

    ขอบคุณ คุณหมอมากนะครับ ที่ช่วยน้องหญิงไว้ 

    ครับ แต่คราวหน้า คุณชายก็ดูแลคุณหญิงให้ใกล้ชิดกว่านี้นะครับ เพราะแค่มีดบาดมือคุณหญิงนิดเดียว เลือดคุณก็ไหลไม่หยุดเกือบครึ่งชั่วโมง ถ้าหนักกว่านี้ คุณหญิงอาจจะถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแล้วล่ะครับ

    ครับ คราวหน้าผมจะดูแลน้องหญิงให้ดีกว่านี้ คุณหมอกลับไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะไปดูอาการน้องหญิงก่อน

    พูดธุระจบ ร่างกายกำยำก็เคลื่อนตัวเข้าไปยังห้องนอนของน้องสาว ซึ่งเด็กหญิงกำลังนอนซมอยู่บนเตียง ปากของเธอดูซีดเซียว ใบหน้าจืดราวกับผ้าขาว และมีเหงื่อซึมที่หน้าผาก

    เซฮุนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ มือหยาบก็เลื่อนไปปาดเหงื่อที่ย้อยลงมาเบาๆ

    "น้องหญิงคะ พี่ชายบอกแล้วใช่ไหมคะ ว่าห้ามจับมีดเป็นอันขาด ทำไมไม่ฟังพี่ชายบ้าง" น้ำเสียงของเขาดูอ่อนโยนลงเมื่อพูดกับน้องสาวที่เขารักดั่งหัวใจ เขาไม่โกรธน้องหญิงสักนิด นอกจากจะโทษว่าตัวเองเป็นคนผิด ที่ไม่มีเวลาดูแลน้องสาวตัวเองให้มากทั้งที่ควร

    เพราะตั้งแต่เรียนจบจากอังกฤษ งานที่กระทรวงก็ดึงตัวเขาไว้อยู่ทุกวัน บางวันก็ทำงานจนเลยเวลา ส่วนคุณหญิงแม่ก็ต้องไปอยู่กับท่านพ่อที่อังกฤษ สิ่งที่ทดแทนการดูแลน้องหญิงได้ ก็คือจ้างพยาบาลคนพิเศษมาดูแล แต่พอมาถึงบ้านก็ไม่เห็นพยาบาลสาวคนนั้นซะแล้ว

    ที่เขาลงทุนจ้าง พยาบาลพิเศษ ก็เพราะคุณหญิง ป่วยเป็นโรค ฮีโมซีเฟีย หรือโรคเลือดไหลไม่หยุด มาตั้งแต่กำเนิด จนกระทั่งอายุเก้าขวบ ซ้ำร้ายยังเป็นโรคหัวใจอ่อนๆ เซฮุนถึงได้เลี้ยงดูฟูมฟักน้องหญิงยิ่งกว่าไข่ในหิน

    “หญิงอยากทานผลไม้ค่ะ ก็เลยหยิบมีดมาปลอกผลไม้ แต่หญิงระมัดระวังแล้วนะคะ ไม่รู้เผลอทำให้มือโดนมีดบาดได้ยัง” เสียงแหบแห้งจากรูคอเอ่ยด้วยความสำนึกผิด

    “แล้วทำไมไม่ให้คนในบ้านปลอกให้ล่ะคะ หญิงก็รู้ว่าไม่ควรเข้าใกล้ของมีคมทุกชนิด"

    “ก็คนในบ้าน เขามีงานการทำนี่คะ หญิงไม่อยากจะรบกวน"

    “แล้วพยาบาลประจำตัวของน้องหญิงล่ะ เธอหายไปไหน ทำไม่อยู่ดูแล ตอนนี้ ยังเป็นเวลาทำงานของเธอไม่ใช่หรอ”

    “คุณพยาบาลขอลากลับบ้านก่อนเวลาค่ะ เธอบอกว่าเธอติดธุระ”

    “ไม่ได้เรื่องจริงๆ เห็นทีต้องจัดการสักหน่อยแล้ว ว่าแต่ ตอนนี้ น้องหญิงทานอะไรหรือยัง”

    “ทานแล้วค่ะ”

    “งั้นน้องหญิงก็พักผ่อนเถอะค่ะ พี่ชายมีธุระต้องจัดการ ป้า ครับ” เสียงเรียกหาถึงป้านั้นราบเรียบ 

    “คะ”

    "ป้าช่วยโทรไปหาพยาบาลของน้องหญิงด้วยนะครับ บอกว่า ผมต้องการพบหน้าภายในเวลาสามสิบนาที"

    "ได้ค่ะ" ป้า ตอบรับอย่างรวดเร็วแล้วเดินออกจากห้องนี้ไป

    น้ำเสียงของเขาดูเครียดขรึมเสียจนป้าก็รู้สึกกลัวแทนพยาบาลสาวคนนั้น ป้าเองก็พอจะเดาชะตากรรมของพยาบาลประจำตัวของคุณหญิงได้ว่า หล่อนจะต้องเจอดีเข้าแน่ๆ เวลาที่คุณชายของเธอโกรธ ก็ไม่ต่างอะไรกับ สึนามิ ที่พร้อมจะทำลายทุกอย่างให้พังพินาศ

    และสิ่งที่เซฮุนวานให้ป้าโทรไปตามพยาบาลคนนั้นกลับมาที่บ้านอีกครั้งก็เป็นผล เซฮุนยืนเท้าสะเอว จ้องมองหญิงสาวที่ก้าวเข้ามาที่ห้องรับแขกอย่างคาดโทษ

    "เธอรู้ไหม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหญิง" เสียงของเขาดังขึ้นราวกับสายฟ้าฟาด ทำเอาคนฟังถึงกับ สะดุ้งตัวโหยงพร้อมกับพยักหน้ารับไปด้วย หล่อนก็ทราบข่าวจากที่ป้าโทรไปรายงานเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี่เอง

    "เธอเป็นพยาบาลประสาอะไร ห๊ะ! ถึงปล่อยให้น้องหญิงของฉันได้รับบาดแผลอย่างนั้น! ฉันเองก็เคยบอกเธอมาก่อนหน้าแล้วแล้วว่าให้ดูแลน้องหญิงของฉันให้เท่ากับชีวิตของเธอ แต่เธอกลับปล่อยปะละเลย ไม่คิดจะใสใจในสิ่งที่ฉันพูดเลย! แล้วถ้าคุณหญิงเป็นอะไรไปมากกว่านี้ล่ะ เธอจะมีปัญญาชดใช้ไหม!"

    วาจาเป็นอาวุธนั้นถูกพ่นออกมาด้วยแรงโทสะ พยาบาลสาวคนดังกล่าวก็เอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้าจะเงยหน้ามองเขาตรงๆ

    "ดิฉันขอโทษค่ะคุณชาย พอดี ดิฉันติดธุระจริงๆค่ะ แล้ว ดิฉันก็อนุญาตคุณหญิงแล้ว"

    "แต่คนที่จ่ายเงินเธอคือฉันไม่ใช่น้องหญิง จะทำอะไรก็ควรจะรายงานให้ฉันทราบก่อน หึ ในเมื่อเธอบกพร่องต่อหน้าที่ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องจ้างเธอให้เปลืองเงินของฉันอีก ฉันไล่เธอออก!"

    ประโยคสุดท้าย เซฮุนจงใจเน้นย้ำใส่หญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้า จนเธอต้องเงยหน้าขึ้นมามอง

    "คุณชายคะ อย่าไล่ดิฉันออกนะคะ ดิฉันทำผิดไปแล้ว ให้โอกาสดิฉันสักครั้งนะคะ" หญิงสาวร้องขอสุดฤทธิ์ ถ้าคลานเข้าไปคุกเข่าข้อร้องให้เขาเห็นใจ หล่อนก็จะยอมทเพื่อไม่ให้เสียงานนี้ไป เพราะเงินเดือนที่คุณชายจ่ายให้ มันมากกว่า เงินเดือนตามโรงพยาบาลทั่วไปเกือบสองเท่า

    "โอกาสของเธอไม่มีอีกแล้ว เพราะครั้งก่อน เธอก็ปล่อยให้น้องหญิงหกล้มต่อหน้าฉัน ส่วนคราวนี้ เธอก็ขอกลับบ้านก่อน โดยที่ไม่บอกฉันสักคำแถมยังเป็นสาเหตุทำให้น้องหญิงของฉันได้รับบาดเจ็บอีก เพราะฉะนั้น ฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องจ้างเธออีก ที่ฉันจะพูดกับเธอก็มีแค่นี้ ออกจากบ้านฉันไปได้แล้ว" นิ้วหยาบชี้นิ้วออกไปทางประตู 

    "แต่คุณชายคะ"

    "ฉันบอกให้ออกไปไง หรือจะให้ฉันบอกคนในบ้านมาจับเธอโยนออกไป" สีหน้าเขาดูจริงจัง ไม่มีความล้อเล่นแม่แต่น้อย หญิงสาวหน้าแดง น้ำตาแทบล่วงเผาะที่คุณชายตัดโอกาสเธอลง หล่อนจึงไม่จำเป็นต่อบ้านหลังนี้แล้ว เลยทำได้แค่ก้มหน้ายอมรับความผิดด้วยการพยักหน้าไปตามที่คุณชายสั่ง

    "ดิฉันไปก็ได้ค่ะ"

     

     

     

               


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×