{จบแล้ว} Day Dream
Day Dream ถ้ามันเป็นไปได้ ฉันไม่อยากให้เรื่องระหว่างเราเป็นแค่ฝันกลางวัน...
ผู้เข้าชมรวม
835
ผู้เข้าชมเดือนนี้
8
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ ญี่ปุ่น ?”
“ สองเดือน?”
เจ้าของประโยคแรกคือ นัมอูฮยอน และประโยคถัดมาที่ขึ้นเสียงสูงกว่า คือคิมมยองซู…
“ฮยอง มันไม่นานไปหน่อยเหรอ มันก็จริงที่ระหว่างสามเดือนนี้พวกเรายังไม่คัมแบค แต่การที่อูฮยอนฮยอง ต้องไปถ่ายทำซีรี่ส์ที่นั่นโดยไม่ได้กลับมาเลยนี่มันยังไงอยู่นะ”
คิ้วดำเข้มขมวดเป็นปมทำหน้ายุ่ง ปากที่ดูคล้ายปากเป็ดบ่นไม่หยุด เมเนเจอร์ประจำวงทำได้แค่นั่งทำหน้ายุ่งตาม
จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อตารางงานประหลาดนี้เป็นข้อบังคับและส่วนหนึ่งของสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างค่ายละครและสถานีโทรทัศน์ที่ญี่ปุ่น ทางนั้นขอมาแบบนี้ และก็ถือป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ดีมากๆ เพราะนโยบายของค่ายอุลลิมในปีนี้คือมุ่งตีตลาดญี่ปุ่นให้แตกกระเจิง เริ่มจากการที่คัมแบคต็มตัวด้วยอัลบั้ม 24ชั่วโมง ที่เพิ่งทำการโปรโมทเสร็จหมาดๆ
บรรยากาศเริ่มตึงเครียด เมื่อสมาชิกที่เหลือในองค์ประชุมไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ โดยเฉพาะลีดเดอร์ของวง ที่จริงๆแล้วควรจะเป็นคนออกความเห็นมากที่สุดในเวลานี้ หากลีดเดอร์ไม่เห็นด้วยซะอย่าง ก็คงต้องมีการเอากลับไปคิดกันใหม่หล่ะ เพราะคิมซองกยูคือคนที่รู้ศักยภาพของสมาชิกและวงมากที่สุด
ทว่าถึงแม้มยองซูจะส่งสายตาคาดคั้นไปทางพี่ใหญ่สักเท่าไหร่ ก็ไม่มีทีท่าว่าซองกยูจะเงยหน้าขึ้นมาจากจอโทรศัพท์มือถือเลย
“ ฮยอง…สนใจหน่อยสิครับ”
เป็นน้องเล็กของวง ซองจง ทำหน้าที่หันไปท้วงทัก เมื่อซองกยูเงยหน้าขึ้นมา ทุกคนจึงพร้อมใจกันมอง รวมถึงนัมอูฮยอนเองก็ด้วย
--- กยูฮยอง…จะว่ายังไงนะ?
อูฮยอนเอง ในใจก็คาดหวังว่าซองกยูจะคัดค้าน และขอร้องให้เปลี่ยนข้อบังคับในสัญญาใหม่ เพราะถ้าซองกยูแย้ง ประธานก็ต้องฟัง อีจุงยอบเชื่อมั่นและเชื่อในตัวซองกยูมาก ใครๆก็รู้…ทว่า
“ เอาจริงๆ ฉันก็ไม่เห็นว่าการที่อูฮยอนไปถ่ายทำ และเรียนการแสดงเพิ่มเติมที่ญี่ปุ่น มันจะเป็นปัญหาตรงไหน…”
คำพูดที่ดูเหมือนออกมาจากใจจริงๆนั้น ทำเอาดวงหน้าหวานที่มีความหวังว่าซองกยูจะรั้งเขาเอาไว้บ้างนั้นเปลี่ยนไปทันที แววตาลุกวาวตอนรอเอาคำตอบหม่นลงเพียงแค่ได้ยินคำพูดเย็นชาออกมาจากปากของคนที่ตัวเองรู้สึกพิเศษด้วย
เวลาสองเดือนที่ต้องห่างกัน แค่คิดก็ทรมานหัวใจมากแล้ว และยังไม่นับรวมความสัมพันธ์ที่เปราะบางระหว่างเขากับคิมซองกยูอีก ความไม่แน่ชัดของจุดยืนของตัวเอง คิมซองกยูคิดกับนัมอูฮยอนยังไงกันแน่… ความสัมพันธ์ที่น่าอึดอัดที่ผ่านมาย้อนกลับมาทำร้ายความรู้สึกให้ตอนนี้ดวงตาร้อนผ่าว ม่านน้ำตาใสเอ่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าพี่ใหญ่จะทำอะไรให้ เขาก็ดีใจทั้งนั้น ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าซองกยูมองตัวเขาในฐานะอะไร น้องชายคนสนิท เมมเบอร์ หรือคนรัก…
กระนั้นการกระทำอบอุ่นและเย็นชาที่อีกคนชอบทำ ล้วนแล้วแต่ปั่นป่วนหัวใจของเขาแทบทั้งสิ้น …ทุกอย่างที่เป็นคิมซองกยู ส่งผลกระทบต่อนัมอูฮยอนทั้งหมด แล้วอีกคนหล่ะ เป็นแบบเดียวกันกับเขาหรือเปล่า? นี้คือคำถามที่เขาเฝ้ารอคำตอบมาตลอดสามปีหลัง ของการเดบิ้วต์เป็นกลุ่มไอดอลที่ชื่อ อินฟินิท…
“ งั้นก็เอาตามนี้ พรุ่งนี้เราต้องเข้าไปเซ็นต์สัญญากับทางนั้น อันที่จริงฉันเองก็ไม่คิดว่านี่จะเป็นปัญหาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้เชิญท่านประธานมาด้วยยังไงหล่ะ”
“ ไม่หรอก ปัญหาหน่ะมันมีแน่หล่ะ”
ดวงตาคมฉายแววจริงจังเชิงตัดพ้อส่งไปยังผู้ชายร่างหนาที่ก้มหน้าลงเล่นโทรศัพท์อีกครั้งเพราะต้องการหนีสายตาติเตียนที่ส่งมา อย่าให้มยองซูต้องพูดเลยว่าปัญหานั้นมันคืออะไร ที่ผ่านมาทำไมเมมเบอร์ทั้งวงจะไม่รู้หล่ะ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเมนโวคอลทั้งสองนั้นเป็นรูปแบบไหน กี่ครั้งแล้วที่คนปากแข็งทั้งสองทำพวกเขาทั้งห้าคนปวดหัว แค่อยู่ใกล้กันก็ยังเกิดเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน แล้วนี่ห่างกันตั้งสองเดือน
“งั้นก็พยายามอย่าให้มีปัญหาสิ พวกนายทั้งหกคนที่อยู่นี่ก็แยกย้ายไปรับงานส่วนตัวที่ฉันวางตารางเอาไว้ให้ รับรองว่าสองเดือนนี้พวกนายเองก็ไม่ได้พักเหมือนกันนั่นแหละ เข้าใจ?”
อย่างไม่รอคำตอบจากเด็กทั้งเจ็ดคน ผู้จัดการหน้าหล่อร่างสูงจัดเก็บแทบเล็ตในมือรวมถึงเอกสารสำคัญ แล้วลุกออกไปจากโต๊ะกว้างซึ่งตั้งอยู่ในร้าน NIT คาเฟ่แห่งนี้อย่างเงียบๆ
นัมอูฮยอนเอนหลังพิงพนักพิงอย่างเหนื่อยใจ ในขณะที่สมาชิกอีกห้าคนที่เหลือต่างพากันมองไปยังเมนโวคอลทั้งสองที่ตอนนี้ยังไม่ แม้แต่จะมองหน้ากัน เป็นอีโฮวอนที่ลุกขึ้นก่อน ตามมาด้วยอีซองยอลที่ส่งสายตาเอาใจช่วยให้มยองซู นาทีเดียวกับที่วาดแขนไปกอดคอน้องชายคนเล็ก--ซองจง ให้ออกไปพร้อมกัน
“ เอ่อ งั้นฉันขอตัวด้วยอีกคนนะ พอดีนัดเพื่อนไว้…”
แม้แต่ดงอูผู้ร่าเริงก็ยังต้องขอตัวแบบกระอักกระอ่วน ให้ตายสิ ทำไมบรรยากาศถึงได้น่าอึดอัดแบบนี้นะ…
เมื่อพี่รองก้าวพ้นประตูร้านไป คิมมยองซูจึงตวัดสายตาคมกริบมาให้พี่ชายทั้งสองของตัวเอง
-----ไม่พูดกันมาสองวันแล้ว นับตั้งแต่เกิดเรื่อง
คิมมยองซูเองก็ไม่รู้หรอกว่าเรื่องอะไรที่ทำให้สองคนนี้ไม่คุยกัน รู้เพียงแค่มีอยู่คืนหนึ่ง คืนนั้น เขารู้สึกคอแห้งแล้วออกมากินน้ำ ดันเจอกับลีดเดอร์ที่นั่งอยู่ในมุมมืดของหอพักชั้นที่เขาพักอยู่ แต่เพราะเห็นนั่งรอด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์ ตนจึงไม่อยากเข้าไปกวน ในใจก็คิดเอาไว้ว่าพี่ใหญ่ต้องมารออูฮยอนฮยองแน่ๆ เพราะไม่มีเหตุผลอื่นเลยที่คนอย่างคิมซองกยูจะมานั่งรอใครในเวลาดึกดื่นแบบนี้ อีกทั้งทุกคนก็เข้านอนกันหมดแล้ว จะเหลือก็แต่อูฮยอนที่ถ้าจำไม่ผิดเห็นบอกว่าจะออกไปกินข้าวกับเพื่อนที่ชิ่อ Kiu เพื่อนคนที่ช่วงหลังมานี้สนิทสนมกับฮยองของเขาเป็นพิเศษ
--- สรุปว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นนะ ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ลึกซึ้งถึงขั้นไหนกันแน่
คิดวุ่นวายได้ไม่นานนักก็ถอนหายใจยาวเป็นเชิงเรียกสติกลับมาอยู่กับปัจจุบัน อย่างไรซะ สิ่งที่ฮยองทั้งสองของเขาเป็นกันอยู่ตอนนี้ไม่ดีแน่ ถึงแม้ช่วงนี้จะไม่มีงานที่ต้องทำร่วมกันแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะไม่คุยกันแบบนี้
“ ฮยอง…เลิกเป็นกันแบบนี้เถอะนะ”
“เป็นแบบนี้หน่ะแบบไหน?”
มือใหญ่วางโทรศัพท์ลงแล้วกอดอก พลางส่งสายตาไปหามยองซู
“ ก็แบบนี้อ่ะ ไม่พูดกันแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา ถ้าพรุ่งนี้เซ็นต์สัญญาแล้ว มะรืนอูฮยอนฮยองก็ต้องบินไปแล้วนะ ฮยองจะไม่พูดกันจนถึงเวลานั้นเลยหรอ แล้วอีกสองเดือนที่เหมือนจะต้องตัดขาดกันอีกอ่ะ…คิดถึงวงเราบ้างสิ เราจะทำงานกันยังไง?”
อาจเพราะมยองซูมีความตั้งใจจริงที่จะแก้ปัญหาให้เขาสองคนหล่ะมั้ง ตอนนี้ขอบตาของอูฮยอนถึงได้ร้อนผ่าว รู้สึกขอบคุณที่มยองซูเสี่ยงพูดอะไรแบบนั้นออกมากับลีดเดอร์อารมณ์ ร้อนและยึดตัวเองเป็นที่หนึ่ง ความรู้สึกจุกแน่นที่กลางอกเล่นงานเพียงแค่คิดว่าสองวันที่ผ่านมาเป็นซองกยู ที่เลือกจะไม่เสวนากับตัวเอง
‘ ก็บอกแล้วไงว่าคืนนี้มีประชุมวง กลับดึกแบบนี้คืออะไร ลืมหรือไง?’
‘ ตะ แต่ผมบอกฮยองแล้วนะ…’
‘บอกว่าจะกลับดึก แต่นี่มันไม่ดึกเกินไปหน่อยเหรอ จะตีสามแล้ว ใครจะมานั่งรออธิบายงานให้นายฟังกัน!’
‘ ผม…’
‘ กลิ่นเหล้าหึ่งมาขนาดนี้ หึ…สิ่งที่นายทำนี่น่าชื่นชมชะมัด’
‘ฮยอง…’
‘เอาความรับผิดชอบไปทิ้งที่ไหนหมด กลุ้มใจอะไรนักหนาถึงได้วิ่งไปหาแต่ไอ้คนนั้น หนักใจอะไรถึงขนาดต้องกินเหล้าเมามายขนาดนี้!’
‘ ฮึก…บ้าเอ้ย!’
‘อะไรนะ?’
‘ผมบอกว่าบ้าเอ๊ย!!’
‘นัมอูฮยอน!’
‘ฮึก…ฮยองก็ดีแต่ปากนี่แหละ คิดว่าตัวเองเป็นใคร ฮือออ… คิดว่าตัวเองดีแค่ไหนกัน คิดว่าเลิศเลอเพอร์เฟ็กมากนักใช่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ช่วยฟังคนอื่นเขาบ้าง ความคิด ความรู้สึกของคนอื่นหน่ะ ..ฟังบ้าง ‘
'แล้วคิดว่าตัวเองดีแค่ไหนกัน! ทำตัวแบบนี้เนี่ย..'
'แบบไหนหล่ะ?!
'ก็แบบที่ทำอยู่นี่ไง เอาเวลาไปเที่ยวเล่น ในขณะที่คนอื่นเขาทำงาน ไม่ฟังกันแล้วใช่ไหม เดี๋ยวนี้คำพูดฉันมันไม่สำคัญงั้นสิ!'
' ... '
'ว่าไงหล่ะ เงียบทำไม!'
'...สำคัญสิครับ...'
'...'
'ถ้าให้เรียงลำดับความสำคัญในชีวิตของผม ...ฮยองคือสิ่งที่สำคัญที่สุด...'
.
.
.
"จะเงียบกันอีกนายมั้ยฮยอง?"
มยองซูหันไปคาดคั้นตาเขียว
ยิ่งเห็นอีกคนทำท่ารำคาญ หัวใจก็ยิ่งเจ็บ ท่าทางรำคาญที่อูฮยอนมักจะเป็นฝ่ายรองรับอารมณ์นี้ของซองกยูเสมอ
มือเล็กป้อมเอื้อมไปหยิบแว่นกันแดดเตรียมจะลุกออกไปเพราะทนรับกับความอึดอัดไม่ไหว เดินออกไปตอนนี้จะยังดีกว่านั่งต่อแล้วน้ำตารินไหลออกมาให้อีกคนรำคาญเขายิ่งขึ้นไปอีก
"ฉันขอตัวนะ จะกลับหอพัก"
การหวังอะไรลมๆแล้งนี่มันน่าอายและน่าผิดหวังจริงๆ แม้กระทั่งตอนนี้ ใจก็ยังหวังว่าอีกคนจะเรียกชื่อตัวเองเพื่อรั้งไม่ให้ไป แต่ก็ต้องผิดหวังซ้ำอีกครั้ง
เมื่อสายตาคมกริบมองตามจนนัมอูฮยอนพ้นประตูไปแล้ว จึงตวัดกลับมามองที่น้องชายอีกคนแล้วโพล่งถามขึ้นมา
"ช่วงนี้อูฮยอนเป็นอะไร? นายรู้หรือเปล่า"
"ฮ่ะ..อะไรของฮยองเนี่ย!"
"เด็กนั่นไม่ชอบบอก ไม่ชอบพูดว่าตัวเองเป็นอะไร แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง"
" ทำไมหรอ?มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างฮยองสองคนรึไง?"
ได้ทีมยองซูจึงถามขึ้นอย่างระมัดระวัง เพราะอยากรู้มานานแล้ว
"ช่วงนี้เด็กนั่นออกไปหาเพื่อนข้างนอกบ่อยๆ ถึงขนาดกินเหล้ากลับมาก็มี"
ขณะที่ฟังไปก็พลันย้อนคิดไปถึงวันที่เขาเห็นพี่คนโตนั่งรออูฮยอนในคืนนั้น
ถ้าจะให้ประเมินเหตุการณ์แบบง่ายๆนั่นก็คืออูฮยอนมีเรื่องทุกข์ใจอะไรสักอย่าง เลยเป็นแบบนี้ แต่ฮยองที่นั่งทำหน้าครุ่นคิดตรงหน้าเขานั้นซื่อบื้อเกินกว่าจะเข้าใจ ไม่รู้แม้กระทั่งวิธีการถามไถ่อย่างคนเป็นห่วง เดาได้เลยว่าแทนที่คืนนั้นซองกยูจะถามอูฮยอนแบบดีๆ คนปากแข็งคนนี้ต้องดุด่าฮยองตัวเล็กของเขาเป็นแน่!
"แล้วยังไงอ่ะ ไม่ถามไปเลยหล่ะว่ามีเรื่องอะไร ปกติพวกเราก็พูดคุยกันเปิดอกนี่นา"
"ไม่รู้สิ...กับอูฮยอน...ทำไมฉันถึงไม่ทำแบบนั้น.."
"ยังไง?..."
"มันเหมือนมีความรู้สึกประหลาดพุ่งพล่านขึ้นมาเสมอ ท้องไส้ฉันปั่นป่วนเวลาที่รู้ว่าเด็กนั่นทำอะไรขัดใจฉัน อย่างเช่นเวลาที่เขาไปกับเพื่อน"
"Kiu?"
"ออ...คนนั้นแหละ..."
"ถ้าเป็นคนอื่นฉันก็คงจะถามดีๆแหละว่าไปไหนมา หรือไม่ก็อาจไม่สนใจไปเลย แต่กับอูฮยอน..."
"พูดดีๆด้วยไม่ได้หรือ?"
"อื้ม...รู้สึกขัดใจ"
"เฮ้อ..."
"อะไร?"
"ไม่รู้...โตแล้วก็คิดเองละกันครับ"
"ย่าห์!"
ก่อนที่จะเดินออกไป...มยองซูหันมาพูดอะไรบางอย่างสั้นๆ ดวงตาคมสีดำมองมาที่อีกคนมีแววตัดพ้อ เอือมระอา อีกอย่าง…เขาหวังเหลือเกินว่าพี่ชายของเขาจะรู้ว่าต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ยังไง
" ถามใจพี่เถอะครับ ถ้าอยากจะอึดอัดกันอยู่แบบนี้ก็เงียบต่อไป แต่ถ้าไม่อยาก ก็แค่ทำอะไรตามที่รู้สึกอยากจะทำก็พอ..."
:::::::::::::: Day Dream :::::::::::::
ต่อให้เป็นเวลาหลายชั่วโมงผ่านไปแล้ว แต่ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจก็ยังไม่คลายลงไปสักนิด ราวกับถ้าเขาคิดเรื่องวุ่นวายนี่ต่ออีกหน่อย สิ่งต่างๆที่อัดแน่นอยู่ในช่องอกตอนนี้คงจะระเบิดออกมาเป็นแน่...
พรุ่งนี้แล้วที่เขาต้องเซ็นต์สัญญานั่น พรุ่งนี้...ที่เรื่องระหว่างเขากับอีกคนจะไม่มีอะไรเปลี่ยน ต้องห่างกันทั้งที่ยังไม่พูดอะไรให้กลับมาเข้าใจกันได้เหมือนปกติ ความรู้สึกเหมือนว่าถ้าไม่พูดกันวันนี้ก็จะไม่ได้พูดกันอีกต่อไปแทรกขึ้นมาทันที ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะจบลงทั้งๆแบบนี้หน่ะหรือ... ทั้งที่อยากจะเป็นมากกว่านี้แท้ๆ แต่ท้ายที่สุดมันก็จะจบลงตรงคำว่า คิมซองกยูและนัมอูฮยอนเมมเบอร์ของวงอินฟินิทเท่านั้น
ความกลัวกลั่นตัวออกมาเป็นหยดน้ำใสๆ อูฮยอนยกมือเล็กๆที่สั่นเทาขึ้นมาปิดหน้าของตัวเองเอาไว้ ถึงแม้ในห้องนี้จะมีแค่เขา...แต่น้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความรู้สึกหวังเกินตัวมันก็น่าอายมากเกินกว่าจะทนดูได้จริงๆ...
"ฮึ่ก.."
ตัดสินใจปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอยู่อย่างนั้น สองแขนเล็กโอบกอดตัวเองเอาไว้ เริ่มงอตัวคุดคู้นอนในท่าทางที่แสนเหงา แล้วหลับไปพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มแห้งเพราะสายลมภายนอกพัดเข้ามา...
มารู้สึกตัวได้อีกทีก็ตอนมีไออุ่นทาบทับลงมาตรงริมฝีปากอิ่มของตัวเอง พร้อมกันกับที่เสียงแหบต่ำกระซิบที่ข้างหู..
"หลับแล้วหรือ?...
เสียงแผ่วเบาราวกับเวทย์มนต์จากพ่อมดก็ไม่ปาน จากตอนแรกรู้สึกถึงความหนาวเหน็บเพราะอากาศภายนอก ตอนนี้กลับอุ่นร้อนขึ้นมาทันใด
...อุ่น..ไปถึงหัวใจเลย...
"ยังครับ..."
“ไม่หนาวหรือ?”
“หนาวครับ…”
“หนาวแล้วทำไมไม่ยอมห่มผ้า หรือนอนรอฮยอง?”
ไม่พูดเปล่า คิมซองกยูบิดร่างที่คร่อมทับอยู่บนตัวของอูฮยอนแล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนในท่าทาบทับซ้อนอยู่ข้างหลังร่างบอบบาง มือใหญ่กว้างสอดเข้าไปควานหาความอุ่นในเสื้อยืดเนื้อนิ่ม เมื่อปลายนิ้วเคลื่อนไปตามหน้าท้องกระชับ ร่างกายอุ่นก็สั่นเทิ้มราวกับจับไข้ อีกคนนั้นมีอิทธิพลกับอูฮยอนไม่เคยเปลี่ยน
“ ไม่นอนหรอครับ…”
ถามไปอย่างนั้น ทั้งๆที่หัวใจตอนนี้เต้นแรงแทบจะระเบิด ความรู้สึกลึกๆกู่ร้องว่าอยากให้สัมผัสมากว่านี้อีก
“ ไม่ง่วง อยากทำอย่างอื่นมากกว่า…”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ความเสียวปราดเล่นริ้วขึ้นมาที่หน้าท้องอย่างห้ามไม่ได้ ถึงแม้คิมซองกยูจะพูดแค่นั้น แต่การที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์พวกเขาไม่มีเวลา หรืออะไรก็ตามมากพอที่จะทำเรื่องลึกซึ้ง กลับยิ่งทำให้อูฮยอนโหยหามากขึ้น ความสัมพันธ์ทางกาย ที่ทั้งคู่ปิดเอาไว้เป็นความลับตลอดมา อูฮยอนโหยหามันเสมอ
ความสุขทางกายที่อีกคนมักจะปรนเปรอให้ และในขณะเดียวกันเขาเองก็มอบความสุขสมให้อีกคนได้เป็นอย่างดีนั้น เป็นเหมือนเรื่องราวที่ถูกเก็บเอาไว้ในตู้เซฟใส่รหัสผ่าน เซ็กส์ที่ต่างฝ่ายต่างยินยอมพร้อมใจ โดยที่ไม่มีใครบังคับใครนั้น เริ่มต้นเมื่อสามปีที่แล้ว จากค่ำคืนของการเลี้ยงฉลองวันเกิดของนัมอูฮยอน และนับจากนั้นมา เด็กน้อยที่หลงรักพี่ชายหัวหน้าวงมาโดยตลอดก็เริ่มรู้สึกถึงเส้นใยบางๆมากขึ้น และมากขึ้น กับความอบอุ่นที่ซองกยูมักจะมีให้เขาเกินกว่าเมมเบอร์คนอื่นเสมอนั้นอูฮยอนรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างที่สุด และตั้งใจเอาไว้ว่าถึงจะไม่ได้รับความรักเช่นคู่รักทั่วไปจากคิมซองกยู แต่ขอให้เขาได้มีความสัมพันธ์กันแบบนี้ ลึกซึ้งลงไปในร่างของกันและกันแบบนี้ก็เพียงพอแล้ว…
หากแต่ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ คือ ’ความคาดหวังที่รู้ว่าจะต้องผิดหวัง’ …มันยากเหลือเกินที่จะสลัดออกไปให้พ้นหัวสมอง…
“ฮยองจะทำอะไรผมหรือครับ?”
“ฮ่ะ…จะยั่วกันรึไง?”
ลมหายใจอุ่นเป่ารดต้นคอเนียนขาว ไรขนทุกส่วนตั้งชันเพราะการกระทำวาบหวิว ซองกยูรั้งเอวบางเข้ามาชิด ส่งผลให้สะโพกกลมเบียดบดที่สัดส่วนแข็งขึงของตัวเองที่ตอนนี้อยู่ในภาวะไม่ปกติเสียแล้ว ปากหนาได้รูปกดจูบลงไปที่ต้นคอพร้อมกันกับขยับสะโพกแกร่งดันให้ด้านหน้าของตนเสียดสีกับเนื้อนุ่มที่มีเพียงกางเกงผ้าร่มบางขายาวปกปิดอยู่
“ ไม่ได้ยั่วครับ แค่คิดว่าฮยองคงจะโกรธเกลียดผมจนไม่อยากเห็นหน้ากันอีกแล้ว…”
“อะไรกัน เห็นฉันใจร้ายขนาดนั้นเลยหรือ?”
“ก็เรื่องที่ผมทำ มันไม่น่าให้อภัยนี่ครับ…”
“มันก็จริง…เรื่องที่นายละเลยหน้าที่มันก็ไม่น่าให้อภัยจริงๆนั่นแหละ…”
เหมือนลำคอตีบตันขึ้นมาเสียดื้อๆอีกครั้ง…ทำไมถึงได้อ่อนไหวเช่นนี้กันนะ อยู่ดีๆใจก็คิดไปว่าอยากได้ยินคำต่อว่าอื่นจากซองกยู เช่น ‘ เรื่องที่นายไปพบกับผู้ชายคนอื่น ไม่น่าให้อภัย’ อูฮยอนอยากให้ซองกยูโกรธเขาเพราะเหตุผลนั้น อยากให้หึง ถึงจะโดนโกรธจนตายเพราะเหตุผลที่ซองกยูหึงหวง อูฮยอนก็จะดีใจมากกว่าเหตุผลนี้ …ถึงจะโดนโกรธ แต่ขอแค่ได้รับความรู้สึกที่รอคอยมานาน อูฮยอนก็ยอม…
“แค่นั้นหรอครับ?...ฮยอง…โกรธผมเพราะเรื่องที่กลับช้าแค่นั้นหรือครับ”
ยังเซ้าซี้ถาม เผื่อว่าอีกคนจะให้คำตอบที่เขาหวังอยากจะได้ยินจากคนเย็นชาคนนี้
แต่อีกคนไม่ตอบ กลับไล้เลื่อนมืออุ่นสากขึ้นไปเรื่อยๆจนไปหยุดอยู่ตรงยอดอก เมื่อเห็นร่างบางสั่นสะท้าน ซองกยูก็ยิ่งได้ใจ ไม่สนใจว่านัมอูฮยอนพูดอะไรกลับกันยังใช้ปลายนิ้วแกร่งสะกิดเขี่ยที่ตุ่มไตสีเนื้ออ่อนอย่างคนขี้แกล้ง การกระทำของตัวเองที่เรียกเสียงครางจากคนตัวหอมได้เป็นอย่างดีนั้นซองกยูพอใจเหลือเกินจนไม่อาจปกปิดรอยยิ้มยกที่มุมปากได้
“ อ๊ะ…”
“ตัวหอมจัง…ใช้สบู่ที่ฉันซื้อให้ใช่ไหม เด็กดี…”
“ค ครับ…อื้อ…”
นิ้วกลางและนิ้วโป้งดึงเคล้นจุดที่ไวต่อสัมผัสอย่างหนักหน่วงขึ้น ร่างบางขดตัวตอบรับพ่นลมหายใจออกมาทางปากอย่างทรมาน
“ มันก็หอมจริงๆนั่นหล่ะ ฉันชอบกลิ่นนี้ที่สุด แต่เพราะกลิ่นนี้มันผสมกับกลิ่นของนาย ฉันเลยแทบคลั่ง…”
นิ้วแกร่งกระทำร้ายกาจอย่างนั้นต่อไปสักพัก ปากหนาได้รูปกดจูบ สลับกับใช้ปลายลิ้นร้อนสากไล่เล็มเก็บความหวานจากต้นคอเนียน นัมอูฮยอนมีความสุขที่สุดในเวลานี้ พร้อมกันกับนัมอูฮยอนทรมานเพราะอีกคนเอาแต่เล่นกับร่างกายที่อ่อนปวกเปียกของเขา หัวใจเต้นโครมครามเมื่อคิดไปว่าคนที่ตัวเองรู้สึกพิเศษด้วยนั้นอย่างน้อยก็ไม่ได้เกลียดเขา ร่างสูงใหญ่ยังโอบกอดเขาอย่างที่เคย คิมซองกยูยังต้องการนัมอูฮยอนอยู่
ถึงแม้จะสับสนกับความรู้สึกต่างๆที่ตีกันอยู่ในหัว แต่แค่วินาทีนี้ เท่านั้น….ขอแค่ซองกยูยังต้องการความหวานจากร่างกายของเขาอยู่ นัมอูฮยอนคนนี้ก็จะไม่คิดถึงเรื่องอื่นๆอีกแล้ว
“ ฮ่ะ …ฮยอง ตรงนั้น มะ…”
“หืม ไม่ได้หรอ? …”
มือใหญ่กอบกุมท่อนเนื้อขนาดกะทัดรัดเอาไว้ พลางขยับขึ้นลงพร้อมกับสนทนาไปด้วยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นิ้วโป้งไล้วนและกดลงบนส่วนปลายที่หยดน้ำใสเอ่อขึ้นมาตามแรงปรารถนาของอูฮยอน ใบหน้าหวานแหงนเริ่ดขึ้นทันทีด้วยความเสียวซ่านเกินจะรับไหว จมูกโด่งของซองกยูจึงสูดเอากลิ่นแชมพูหอมอ่อนจากกลุ่มผมนุ่มได้ต็มที่
“ หอมไปทั้งตัวจริงๆนายเนี่ย…”
“ ฮ๊า!....อ่ะ ยะ …อย่าแกล้งผม..”
“ไม่ได้หรอก…ฉันมาที่นี่คืนนี้เพราะฉันทนไม่ไหวแล้ว ก่อนที่จะต้องห่างกัน ฉันจะทำให้นายจำฉันเอาไว้ …ฉันจะฝากร่องรอยของฉันเอาไว้ที่ตัวนาย นัมอูฮยอน…”
เสียงนุ่มทุ้ม ปนไปด้วยความเสน่ห์หา บรรยากาศรอบตัวของคนทั้งสองแฝงไปด้วยความเย้ายวนอย่างประหลาด เสียงครางอื้ออึงสลับกับเสียงมือที่กระทำต่อท่อนเนื้อกลางลำตัวดังสลับกัน นัมอูฮยอนสมองพร่าเลือนสติแทบจะหลุดลอยออกไปแล้ว หากคนที่ซ้อนทับอยู่ข้างหลังไม่พร่ำเรียกชื่อเขาเอาไว้
“อูฮยอนอา….ร่างกายนายเป็นของฉันนะเด็กน้อย ไม่ใช่ของคนอื่น…”
“ฮ่ะ อื๊ออ ฮยอง ซองกยูฮยอง ผ ผมจะ…”
“ ชู่ว…ไม่กลัวมยองซูที่อยูห้องข้างๆจะได้ยินเข้าหรือไง…”
แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น เมนโวคอลคนน้องที่เขารู้จักดีมากๆนั้นก็ยังไม่หยุดส่งเสียงครางเสนาะหูออกมา เสียงไพเราะที่สมกับเป็นเมนโวอคอล เวลานี้ร่างสูงรู้สึกปวดหนึบกลางลำตัวเช่นกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาจะต้องทำให้อุฮยอนรู้ ว่าไม่มีใครจะทำแบบนี้ให้อูฮยอนได้ ไม่มีใครมีสิทธิ์นอกจากเขาคนเดียว มือใหญ่บีบกระชับท่อนเนื้อร้อนที่พองเต็มมือพร้อมกับขยับขึ้นลงแรงแรงอีกสองสามครั้งก่อนที่เสียงกรีดร้องยาวนานเพราะความสุขสมดังขึ้นและน้ำสีขาวขุ่นจะทะลักออกมาเปรอะเปื้อนมือสวยๆของคิมซองกยู
“ฮ่ะ แฮ่ก …แฮ่ก…”
ซองกยูพลิกตัวกลับมาคร่อมทับยันมือข้างหนึ่งไว้กับฟูกเตียง อีกข้างยกขึ้นมาโชว์ให้อูฮยอนที่กำลังพลิกตัวกลับมานอนหงายได้เห็นผลงาน…
น้ำตาที่รื้นขึ้นมาส่งผลให้อูฮยอนมองไม่ชัดเท่าไหร่นัก แต่ภาพตรงหน้าชวนให้หัวหมุนติ้ว เพราะอยู่ดีๆ ซองกยูก็แลบเลียกินน้ำขุ่นที่ติดอยู่กับมือคู่นั้นอย่างช่ำชอง
ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเสียงแหบๆของร่างกำยำที่คร่อมทับตัวเองอยู่นั้นเอ่ยประโยคที่แสนเร่าร้อนขึ้นมา
“หวาน… หอมหวาน…ถ้าฉันจะไม่เจอนายอีกสักสองเดือน งั้นคืนนี้ ฉันก็ขอเก็บเกี่ยวความสุขจากร่างกายของนานก็แล้วกันนะนัมอูฮยอน…นายเป็นคนที่ร้องเพลงเพราะ นั่นฉันไม่เถียง แต่เสียงร้องครางของนาย สำหรับฉัน สิ่งนั้นมันเพราะกว่าเสียงไหนเลยรู้ไหม…”
“ ฮ ฮยอง…”
“ งั้นคืนนี้ก็ร้องให้ฉันฟังหน่อยก็แล้วกันนะ…นัมอูฮยอน…”
::::::::::::::::: Day Dream :::::::::::::::::::::::::
....แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านสองชั้นเข้ามาในห้องกว้าง สองร่างนอนกอดก่ายกัน หากเพ่งสังเกตมองไปที่ใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าก็จะเห็นรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่
“ยิ้มอะไร?”
“ เปล่า …ฮยองกลับห้องของตัวเองไปเร็ว ก่อนที่มยองซูหรือเมมเบอร์คนอื่นจะมาเห็นเข้า”
“รู้แล้วน่า…ว่าแต่วันนี้นายต้องเข้าไปเซ็นต์สัญญานี่ ใช่ไหม…”
“ครับ…”
“เป็นอะไรไปอีกหล่ะ ก้มหน้างุดๆแบบนี้ ร้องไห้หรอ?”
มือหนาเชยหปลายคางขึ้นมามองหน้าเด็กขี้แยให้ชัดๆ
“ตั้งเดบิวต์มา พวกเราไม่เคยห่างกันเลยนี่ครับ “
“เฮ้ ไม่เอาน่า… นายต้องทำได้ดีอยู่แล้ว เป็นถึงอินฟินิท อูฮยอนเลยนะ เรื่องแค่นี้เอง”
สะบัดใบหน้าหนี หันมองไปทางอื่นเพื่อไม่ให้ลีดเดอร์ของวงมองเห็นความอ่อนแอ คิมซองกยูไม่ชอบคนอ่อนแอที่สุด นัมอูฮยอนต้องไม่แสดงด้านนั้นให้เห็น
“ …ผมจะพยายามก็แล้วกันครับ “
“ งั้นเอางี้ วันนี้หลังจากนายกลับจากเซ็นต์สัญญา ฉันจะพาไปช๊อปปิ้ง ดีไหม กิจกรรมสุดโปรดเลยนี่นา “
“ครับ…”
.
.
.
.
.
.
สามเดือนต่อมา… @ งานโชว์เคส อัลบั้ม 27 SOLO Comeback Kim sungkyu
พิธีกร : เพลงที่ร้องจบไป Day Dream ได้ยินมาว่า มีทาโบลกับคิมจงฮวานมาฟีทเจอร์ริ่งด้วยใช่ไหมครับ ช่วยบอกความพิเศษของเพลงนี้หน่อย
ซองกยู : คือปกติแล้ว ภาพลักษณ์ของผมที่ใครต่อใครเห็นคือผู้ชายเย็นชาใช่ไหมหล่ะครับ
พิธีกร : อ่า…ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะครับ *หัวเราะ*
ซองกยู : เย็นชา แล้วก็แสดงอารมณ์ต่างๆออกไปไม่ค่อยเก่ง ทีนี้สำหรับอัลบั้มนี้ ก็เลยใส่ความรู้สึก และอารมณ์ของตัวเองลงไปในเพลงจริงๆหน่ะครับ
พิธีกร : แต่งเองด้วยใช่ไหมครับเพลงนี้
ซองกยู : ก็ไม่เชิงครับ เพียงแต่บอกเล่า อารมณ์ ความรู้สึกที่ผมมีต่อความรักในรูปแบบหนึ่งให้พี่จงฮวานได้ฟัง
พิธีกร : อ่า…เช่นนั้นก็เหมือนกับว่าคุณซองกยูนั่งเล่าเรื่องราวความรัก บอกเล่าความรู้สึกที่เรา มีต่อคนรักให้นักแต่งเพลงฟัง ใช่ไหมครับ
ซองกยู : *หัวเราะ* *ยิ้มเขิน* อา…จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ
พิธีกร : แล้วเป็นความรักช่วงไหนหล่ะครับ ?
ซองกยู : เนื้อเพลงถูกเขียนขึ้นช่วงระหว่างสองเดือนก่อนหน้าที่ผ่านมาครับ…
พิธีกร : วา…น่าทึ่งนะครับเนี่ย ดูจากเนื้อเพลงแล้วเหมือนคุณต้องห่างใครสักคนไปหรือใครคนนั้นต้องไกลห่างไป อย่างนั้นใช่ไหมครับ จริงๆแล้วผมเองก็มีโอกาสได้ฟังเพลงนี้นะ เนื้อเพลงเหมือนเป็นการสารภาพความรู้สึกออกมา ในรูปแบบที่ค่อนข้างเจ็บปวด …อย่างท่อนที่ร้องว่า ‘ ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะให้ทุกๆอย่างกับเธอ’ และ ‘ทุกๆอย่างในโลกนี้เห็นได้ชัดเลยว่ามันยากสำหรับฉัน เธออยู่ไกลเหลือเกิน’
ซองกยู : ครับ
พิธีกร : แล้วมันจะป็นไปได้ไหมครับ ที่เพลงนี้จะจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง
ซองกยู : ก็ต้องรอคนที่จากไป กลับมาอ่ะครับ หรือไม่ก็ทำให้มันเป็นไปได้ซะเลย แบบไปหาเธอคนนั้นเองเลยอ่ะครับ.. *หัวเราะ*
พิธีกร : ช่างเป็นพลงที่โรแมนติกสุดๆไปเลยนะครับ Day Dream /ฝันกลางวัน
ซองกยู : *ยิ้มเขิน*
พิธีกร : เหมือนว่าจะเป็นคนที่พิเศษนะครับ…
ซองกยู : ไม่ใช่ครับ มันไม่ใช่ความรักของผมกับใครบางคนอย่างที่คุณเข้าใจนะครับ
พิธีกร : อ่าว แล้วมันเป็นแบบไหนหล่ะครับ?
ซองกยู : คือจะพูดว่ายังไงดีอ่ะครับ เอาเป็นว่า ผมทำเพลงนี้ขึ้นมาให้กับความรัก และคนรักในจินตนาการของผมเองก็แล้วกันครับ
พิธีกร : ครับ
ซองกยู : ครับ *หัวเราะ* *เขิน*
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
“ ยา…. ทำไมฮยองไม่บอกไปเลยหล่ะ ว่าแต่งเพลงนั้นให้อูฮยอนฮยอง…”
คิมมยองซูที่มางานแถลงข่าวเปิดตัวอัลบั้มพูดแซวพี่ชายคนโต
“ แกบอกแกมีนัดกับเพื่อนไม่ใช่หรอ ฮยอง ส่งมยองซูที่ห้าง J นะ”
“โถ่เอ้ย ใช่เซ่ ก่อนหน้านี้หน่ะใครคอยช่วย ใครคอยเป็นที่ปรึกษาให้ ไม่นับรวมที่ทนคิดถึงอูฮยอนนี่ฮยองไม่ไหว แล้วให้ผมช่วยคุยกับบอสให้อีกนะ ลืมไปแล้วหรอว่าใครช่วยให้ฮยองไปหาอูฮยอนนี่ฮยองที่ญี่ปุ่นได้ คนลืมบุญคุณ”
“ฉันก็ซื้อนาฬิกาเรือนที่แกอยากได้ให้แล้วไงเล่า ไอ้นี่!!”
“ ชิ….แล้วนี่จะไปไหนต่ออ่ะ …”
“ไปเดท…เด็กนั่นอยากไปเที่ยวเล่น ฉันจะพาเขาไป…”
“ออ….งั้นจอดตรงนี้แหละ “
ทันที่ที่ส่งมยองซูลง มือหนากดโทรศัพท์พิมพ์ข้อความหาอีกคนทันที…
KAKAO TALK
คิมซองกยูฮยอง : ฉันกำลังไปรับนะ แต่งตัวน่ารักๆหล่ะ
อูฮยอน : ครับ …
คิมซองกยูฮยอง : ตอบสั้นจัง …ได้ดูโชว์เคสไหม
อูฮยอน ; ดูสิครับ … เพลงที่น่ารักแบบนั้น ดีจังนะครับ
คิมซองกยูฮยอง : ก็ต้องขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้นายไปอยู่ญี่ปุ่นคราวนั้น
อูฮยอน : ทำไมหล่ะครับ ผมคิดถึงฮยอง ทรมานแทบตายนะไม่อยากห่างกันแบบนั้นอีกแล้ว
คิมซองกยูฮยอง : มันดีตรงที่ทำให้ฉันได้รู้ไง ว่าจริงๆแล้วนายสำคัญกับฉันมากแค่ไหน
อูฮยอน : จะถึงหรือยังครับ
คิมซองกยูฮยอง ; จะถึงแล้วครับ ลงมารอได้เลย
อูฮยอน : >< OK!
คิมซองกยูฮยอง : อูฮยอนอา…
อูฮยอน : ครับ?
คิมซองกยูฮยอง : .... รักนะครับ …
อูฮยอน : >/////<
-The End-
สั้น กาก แต่เราชอบมาก 55555555 ขอบคุณที่อ่านนะคะ^^
ผลงานอื่นๆ ของ เสี่ยวหมาน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เสี่ยวหมาน
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น