{จบแล้ว} Day Dream - {จบแล้ว} Day Dream นิยาย {จบแล้ว} Day Dream : Dek-D.com - Writer

    {จบแล้ว} Day Dream

    Day Dream ถ้ามันเป็นไปได้ ฉันไม่อยากให้เรื่องระหว่างเราเป็นแค่ฝันกลางวัน...

    ผู้เข้าชมรวม

    834

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    834

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    15
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 มิ.ย. 58 / 21:36 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้






    ::::::  Note  ::::::::::::::


    ใช้เพลงนี้เป็นแรงบันดาลใจค่ะ  เนื้อเพลงความหมายสวยงามดีมากๆ TT TT   แต่งแบบรีบสุดๆ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                    ‘ ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะให้ทุกอย่างกับเธอ  ถ้ามันเป็นไปได้นะ อยากให้เธอมาเติมเต็มวันของฉัน ก็ถ้าหากทุกๆอย่าง เ ป็ น ไ ป ไ ด้…’

       

                 “ ญี่ปุ่น ?”

                “ สองเดือน?”

                เจ้าของประโยคแรกคือ นัมอูฮยอน  และประโยคถัดมาที่ขึ้นเสียงสูงกว่า คือคิมมยองซู

                “ฮยอง  มันไม่นานไปหน่อยเหรอ  มันก็จริงที่ระหว่างสามเดือนนี้พวกเรายังไม่คัมแบค แต่การที่อูฮยอนฮยอง ต้องไปถ่ายทำซีรี่ส์ที่นั่นโดยไม่ได้กลับมาเลยนี่มันยังไงอยู่นะ”   

                คิ้วดำเข้มขมวดเป็นปมทำหน้ายุ่ง ปากที่ดูคล้ายปากเป็ดบ่นไม่หยุด เมเนเจอร์ประจำวงทำได้แค่นั่งทำหน้ายุ่งตาม  

             จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อตารางงานประหลาดนี้เป็นข้อบังคับและส่วนหนึ่งของสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างค่ายละครและสถานีโทรทัศน์ที่ญี่ปุ่น ทางนั้นขอมาแบบนี้ และก็ถือป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ดีมากๆ เพราะนโยบายของค่ายอุลลิมในปีนี้คือมุ่งตีตลาดญี่ปุ่นให้แตกกระเจิง  เริ่มจากการที่คัมแบคต็มตัวด้วยอัลบั้ม 24ชั่วโมง ที่เพิ่งทำการโปรโมทเสร็จหมาดๆ

             บรรยากาศเริ่มตึงเครียด เมื่อสมาชิกที่เหลือในองค์ประชุมไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ  โดยเฉพาะลีดเดอร์ของวง ที่จริงๆแล้วควรจะเป็นคนออกความเห็นมากที่สุดในเวลานี้  หากลีดเดอร์ไม่เห็นด้วยซะอย่าง ก็คงต้องมีการเอากลับไปคิดกันใหม่หล่ะ  เพราะคิมซองกยูคือคนที่รู้ศักยภาพของสมาชิกและวงมากที่สุด 

            ทว่าถึงแม้มยองซูจะส่งสายตาคาดคั้นไปทางพี่ใหญ่สักเท่าไหร่ ก็ไม่มีทีท่าว่าซองกยูจะเงยหน้าขึ้นมาจากจอโทรศัพท์มือถือเลย

            ฮยองสนใจหน่อยสิครับ

            เป็นน้องเล็กของวง ซองจง ทำหน้าที่หันไปท้วงทัก  เมื่อซองกยูเงยหน้าขึ้นมา ทุกคนจึงพร้อมใจกันมอง รวมถึงนัมอูฮยอนเองก็ด้วย

       --- กยูฮยองจะว่ายังไงนะ? 

       

                อูฮยอนเอง   ในใจก็คาดหวังว่าซองกยูจะคัดค้าน และขอร้องให้เปลี่ยนข้อบังคับในสัญญาใหม่  เพราะถ้าซองกยูแย้ง  ประธานก็ต้องฟัง อีจุงยอบเชื่อมั่นและเชื่อในตัวซองกยูมาก ใครๆก็รู้ทว่า

                   เอาจริงๆ  ฉันก็ไม่เห็นว่าการที่อูฮยอนไปถ่ายทำ และเรียนการแสดงเพิ่มเติมที่ญี่ปุ่น มันจะเป็นปัญหาตรงไหน…”

                   คำพูดที่ดูเหมือนออกมาจากใจจริงๆนั้น ทำเอาดวงหน้าหวานที่มีความหวังว่าซองกยูจะรั้งเขาเอาไว้บ้างนั้นเปลี่ยนไปทันที แววตาลุกวาวตอนรอเอาคำตอบหม่นลงเพียงแค่ได้ยินคำพูดเย็นชาออกมาจากปากของคนที่ตัวเองรู้สึกพิเศษด้วย

                    เวลาสองเดือนที่ต้องห่างกัน  แค่คิดก็ทรมานหัวใจมากแล้ว และยังไม่นับรวมความสัมพันธ์ที่เปราะบางระหว่างเขากับคิมซองกยูอีก ความไม่แน่ชัดของจุดยืนของตัวเอง  คิมซองกยูคิดกับนัมอูฮยอนยังไงกันแน่ความสัมพันธ์ที่น่าอึดอัดที่ผ่านมาย้อนกลับมาทำร้ายความรู้สึกให้ตอนนี้ดวงตาร้อนผ่าว  ม่านน้ำตาใสเอ่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้   

                  ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าพี่ใหญ่จะทำอะไรให้ เขาก็ดีใจทั้งนั้น ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าซองกยูมองตัวเขาในฐานะอะไร   น้องชายคนสนิท    เมมเบอร์   หรือคนรัก

      กระนั้นการกระทำอบอุ่นและเย็นชาที่อีกคนชอบทำ ล้วนแล้วแต่ปั่นป่วนหัวใจของเขาแทบทั้งสิ้น ทุกอย่างที่เป็นคิมซองกยู ส่งผลกระทบต่อนัมอูฮยอนทั้งหมด  แล้วอีกคนหล่ะ เป็นแบบเดียวกันกับเขาหรือเปล่า? นี้คือคำถามที่เขาเฝ้ารอคำตอบมาตลอดสามปีหลัง   ของการเดบิ้วต์เป็นกลุ่มไอดอลที่ชื่อ อินฟินิท

                 “ งั้นก็เอาตามนี้  พรุ่งนี้เราต้องเข้าไปเซ็นต์สัญญากับทางนั้น อันที่จริงฉันเองก็ไม่คิดว่านี่จะเป็นปัญหาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว  ก็เลยไม่ได้เชิญท่านประธานมาด้วยยังไงหล่ะ

                 “ ไม่หรอก  ปัญหาหน่ะมันมีแน่หล่ะ

                 ดวงตาคมฉายแววจริงจังเชิงตัดพ้อส่งไปยังผู้ชายร่างหนาที่ก้มหน้าลงเล่นโทรศัพท์อีกครั้งเพราะต้องการหนีสายตาติเตียนที่ส่งมา  อย่าให้มยองซูต้องพูดเลยว่าปัญหานั้นมันคืออะไร  ที่ผ่านมาทำไมเมมเบอร์ทั้งวงจะไม่รู้หล่ะ  ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเมนโวคอลทั้งสองนั้นเป็นรูปแบบไหน  กี่ครั้งแล้วที่คนปากแข็งทั้งสองทำพวกเขาทั้งห้าคนปวดหัว  แค่อยู่ใกล้กันก็ยังเกิดเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน แล้วนี่ห่างกันตั้งสองเดือน

                งั้นก็พยายามอย่าให้มีปัญหาสิ  พวกนายทั้งหกคนที่อยู่นี่ก็แยกย้ายไปรับงานส่วนตัวที่ฉันวางตารางเอาไว้ให้  รับรองว่าสองเดือนนี้พวกนายเองก็ไม่ได้พักเหมือนกันนั่นแหละ  เข้าใจ?

              อย่างไม่รอคำตอบจากเด็กทั้งเจ็ดคน ผู้จัดการหน้าหล่อร่างสูงจัดเก็บแทบเล็ตในมือรวมถึงเอกสารสำคัญ แล้วลุกออกไปจากโต๊ะกว้างซึ่งตั้งอยู่ในร้าน NIT คาเฟ่แห่งนี้อย่างเงียบๆ 

                    นัมอูฮยอนเอนหลังพิงพนักพิงอย่างเหนื่อยใจ  ในขณะที่สมาชิกอีกห้าคนที่เหลือต่างพากันมองไปยังเมนโวคอลทั้งสองที่ตอนนี้ยังไม่ แม้แต่จะมองหน้ากัน   เป็นอีโฮวอนที่ลุกขึ้นก่อน   ตามมาด้วยอีซองยอลที่ส่งสายตาเอาใจช่วยให้มยองซู  นาทีเดียวกับที่วาดแขนไปกอดคอน้องชายคนเล็ก--ซองจง ให้ออกไปพร้อมกัน

                     เอ่อ  งั้นฉันขอตัวด้วยอีกคนนะ พอดีนัดเพื่อนไว้…”

                     แม้แต่ดงอูผู้ร่าเริงก็ยังต้องขอตัวแบบกระอักกระอ่วน  ให้ตายสิ ทำไมบรรยากาศถึงได้น่าอึดอัดแบบนี้นะ

                      เมื่อพี่รองก้าวพ้นประตูร้านไป  คิมมยองซูจึงตวัดสายตาคมกริบมาให้พี่ชายทั้งสองของตัวเอง  

                     -----ไม่พูดกันมาสองวันแล้ว นับตั้งแต่เกิดเรื่อง

                       คิมมยองซูเองก็ไม่รู้หรอกว่าเรื่องอะไรที่ทำให้สองคนนี้ไม่คุยกัน  รู้เพียงแค่มีอยู่คืนหนึ่ง คืนนั้น เขารู้สึกคอแห้งแล้วออกมากินน้ำ ดันเจอกับลีดเดอร์ที่นั่งอยู่ในมุมมืดของหอพักชั้นที่เขาพักอยู่ แต่เพราะเห็นนั่งรอด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์ ตนจึงไม่อยากเข้าไปกวน ในใจก็คิดเอาไว้ว่าพี่ใหญ่ต้องมารออูฮยอนฮยองแน่ๆ   เพราะไม่มีเหตุผลอื่นเลยที่คนอย่างคิมซองกยูจะมานั่งรอใครในเวลาดึกดื่นแบบนี้ อีกทั้งทุกคนก็เข้านอนกันหมดแล้ว จะเหลือก็แต่อูฮยอนที่ถ้าจำไม่ผิดเห็นบอกว่าจะออกไปกินข้าวกับเพื่อนที่ชิ่อ Kiu  เพื่อนคนที่ช่วงหลังมานี้สนิทสนมกับฮยองของเขาเป็นพิเศษ  

                       --- สรุปว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นนะ  ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ลึกซึ้งถึงขั้นไหนกันแน่ 

       

                     คิดวุ่นวายได้ไม่นานนักก็ถอนหายใจยาวเป็นเชิงเรียกสติกลับมาอยู่กับปัจจุบัน   อย่างไรซะ สิ่งที่ฮยองทั้งสองของเขาเป็นกันอยู่ตอนนี้ไม่ดีแน่  ถึงแม้ช่วงนี้จะไม่มีงานที่ต้องทำร่วมกันแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะไม่คุยกันแบบนี้ 

                     ฮยองเลิกเป็นกันแบบนี้เถอะนะ

                      เป็นแบบนี้หน่ะแบบไหน?”

                      มือใหญ่วางโทรศัพท์ลงแล้วกอดอก พลางส่งสายตาไปหามยองซู

                   “ ก็แบบนี้อ่ะ  ไม่พูดกันแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา ถ้าพรุ่งนี้เซ็นต์สัญญาแล้ว มะรืนอูฮยอนฮยองก็ต้องบินไปแล้วนะ  ฮยองจะไม่พูดกันจนถึงเวลานั้นเลยหรอ แล้วอีกสองเดือนที่เหมือนจะต้องตัดขาดกันอีกอ่ะคิดถึงวงเราบ้างสิ  เราจะทำงานกันยังไง?”

                   อาจเพราะมยองซูมีความตั้งใจจริงที่จะแก้ปัญหาให้เขาสองคนหล่ะมั้ง ตอนนี้ขอบตาของอูฮยอนถึงได้ร้อนผ่าว รู้สึกขอบคุณที่มยองซูเสี่ยงพูดอะไรแบบนั้นออกมากับลีดเดอร์อารมณ์ ร้อนและยึดตัวเองเป็นที่หนึ่ง  ความรู้สึกจุกแน่นที่กลางอกเล่นงานเพียงแค่คิดว่าสองวันที่ผ่านมาเป็นซองกยู ที่เลือกจะไม่เสวนากับตัวเอง

       

                  ก็บอกแล้วไงว่าคืนนี้มีประชุมวง  กลับดึกแบบนี้คืออะไร ลืมหรือไง?’

                  ‘  ตะ แต่ผมบอกฮยองแล้วนะ…’

                  ‘บอกว่าจะกลับดึก  แต่นี่มันไม่ดึกเกินไปหน่อยเหรอ  จะตีสามแล้ว ใครจะมานั่งรออธิบายงานให้นายฟังกัน!’

                   ‘ ผม…’

                   ‘ กลิ่นเหล้าหึ่งมาขนาดนี้  หึสิ่งที่นายทำนี่น่าชื่นชมชะมัด

                   ‘ฮยอง…’

                   ‘เอาความรับผิดชอบไปทิ้งที่ไหนหมด  กลุ้มใจอะไรนักหนาถึงได้วิ่งไปหาแต่ไอ้คนนั้น  หนักใจอะไรถึงขนาดต้องกินเหล้าเมามายขนาดนี้!’

                   ‘ ฮึกบ้าเอ้ย!’

                   ‘อะไรนะ?’

                  ‘ผมบอกว่าบ้าเอ๊ย!!’

                ‘นัมอูฮยอน!’

                ‘ฮึกฮยองก็ดีแต่ปากนี่แหละ คิดว่าตัวเองเป็นใคร ฮือออ คิดว่าตัวเองดีแค่ไหนกัน  คิดว่าเลิศเลอเพอร์เฟ็กมากนักใช่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ช่วยฟังคนอื่นเขาบ้าง  ความคิด ความรู้สึกของคนอื่นหน่ะ  ..ฟังบ้าง

                 'แล้วคิดว่าตัวเองดีแค่ไหนกัน! ทำตัวแบบนี้เนี่ย..'

                 'แบบไหนหล่ะ?!

                  'ก็แบบที่ทำอยู่นี่ไง  เอาเวลาไปเที่ยวเล่น ในขณะที่คนอื่นเขาทำงาน ไม่ฟังกันแล้วใช่ไหม เดี๋ยวนี้คำพูดฉันมันไม่สำคัญงั้นสิ!'

                 ' ... '

                'ว่าไงหล่ะ เงียบทำไม!'

                '...สำคัญสิครับ...'

                 '...'


                'ถ้าให้เรียงลำดับความสำคัญในชีวิตของผม ...ฮยองคือสิ่งที่สำคัญที่สุด...'
      .
      .
      .


       

       

                 "จะเงียบกันอีกนายมั้ยฮยอง?"
                  มยองซูหันไปคาดคั้นตาเขียว

                  ยิ่งเห็นอีกคนทำท่ารำคาญ  หัวใจก็ยิ่งเจ็บ ท่าทางรำคาญที่อูฮยอนมักจะเป็นฝ่ายรองรับอารมณ์นี้ของซองกยูเสมอ 
                  มือเล็กป้อมเอื้อมไปหยิบแว่นกันแดดเตรียมจะลุกออกไปเพราะทนรับกับความอึดอัดไม่ไหว เดินออกไปตอนนี้จะยังดีกว่านั่งต่อแล้วน้ำตารินไหลออกมาให้อีกคนรำคาญเขายิ่งขึ้นไปอีก

       

                     "ฉันขอตัวนะ จะกลับหอพัก"
                     การหวังอะไรลมๆแล้งนี่มันน่าอายและน่าผิดหวังจริงๆ  แม้กระทั่งตอนนี้  ใจก็ยังหวังว่าอีกคนจะเรียกชื่อตัวเองเพื่อรั้งไม่ให้ไป แต่ก็ต้องผิดหวังซ้ำอีกครั้ง

       

                      เมื่อสายตาคมกริบมองตามจนนัมอูฮยอนพ้นประตูไปแล้ว จึงตวัดกลับมามองที่น้องชายอีกคนแล้วโพล่งถามขึ้นมา
                       "ช่วงนี้อูฮยอนเป็นอะไร? นายรู้หรือเปล่า"

                       "ฮ่ะ..อะไรของฮยองเนี่ย!"

                       "เด็กนั่นไม่ชอบบอก ไม่ชอบพูดว่าตัวเองเป็นอะไร แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง"

                       " ทำไมหรอ?มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างฮยองสองคนรึไง?"
      ได้ทีมยองซูจึงถามขึ้นอย่างระมัดระวัง เพราะอยากรู้มานานแล้ว

       

                       "ช่วงนี้เด็กนั่นออกไปหาเพื่อนข้างนอกบ่อยๆ ถึงขนาดกินเหล้ากลับมาก็มี"
                      ขณะที่ฟังไปก็พลันย้อนคิดไปถึงวันที่เขาเห็นพี่คนโตนั่งรออูฮยอนในคืนนั้น

        ถ้าจะให้ประเมินเหตุการณ์แบบง่ายๆนั่นก็คืออูฮยอนมีเรื่องทุกข์ใจอะไรสักอย่าง เลยเป็นแบบนี้ แต่ฮยองที่นั่งทำหน้าครุ่นคิดตรงหน้าเขานั้นซื่อบื้อเกินกว่าจะเข้าใจ ไม่รู้แม้กระทั่งวิธีการถามไถ่อย่างคนเป็นห่วง    เดาได้เลยว่าแทนที่คืนนั้นซองกยูจะถามอูฮยอนแบบดีๆ     คนปากแข็งคนนี้ต้องดุด่าฮยองตัวเล็กของเขาเป็นแน่!

       

                       "แล้วยังไงอ่ะ ไม่ถามไปเลยหล่ะว่ามีเรื่องอะไร ปกติพวกเราก็พูดคุยกันเปิดอกนี่นา"

                        "ไม่รู้สิ...กับอูฮยอน...ทำไมฉันถึงไม่ทำแบบนั้น.."

                        "ยังไง?..."

                        "มันเหมือนมีความรู้สึกประหลาดพุ่งพล่านขึ้นมาเสมอ  ท้องไส้ฉันปั่นป่วนเวลาที่รู้ว่าเด็กนั่นทำอะไรขัดใจฉัน อย่างเช่นเวลาที่เขาไปกับเพื่อน"

                         "Kiu?"

                         "ออ...คนนั้นแหละ..."

                        "ถ้าเป็นคนอื่นฉันก็คงจะถามดีๆแหละว่าไปไหนมา หรือไม่ก็อาจไม่สนใจไปเลย แต่กับอูฮยอน..."

                       "พูดดีๆด้วยไม่ได้หรือ?"

                       "อื้ม...รู้สึกขัดใจ"

                       "เฮ้อ..."

                      "อะไร?"

                      "ไม่รู้...โตแล้วก็คิดเองละกันครับ"

                        "ย่าห์!"
                        ก่อนที่จะเดินออกไป...มยองซูหันมาพูดอะไรบางอย่างสั้นๆ ดวงตาคมสีดำมองมาที่อีกคนมีแววตัดพ้อ เอือมระอา อีกอย่างเขาหวังเหลือเกินว่าพี่ชายของเขาจะรู้ว่าต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ยังไง


       

                       " ถามใจพี่เถอะครับ ถ้าอยากจะอึดอัดกันอยู่แบบนี้ก็เงียบต่อไป  แต่ถ้าไม่อยาก ก็แค่ทำอะไรตามที่รู้สึกอยากจะทำก็พอ..."

       

       

      ::::::::::::::   Day Dream  :::::::::::::

       

               


                        ต่อให้เป็นเวลาหลายชั่วโมงผ่านไปแล้ว แต่ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจก็ยังไม่คลายลงไปสักนิด  ราวกับถ้าเขาคิดเรื่องวุ่นวายนี่ต่ออีกหน่อย สิ่งต่างๆที่อัดแน่นอยู่ในช่องอกตอนนี้คงจะระเบิดออกมาเป็นแน่...
                       พรุ่งนี้แล้วที่เขาต้องเซ็นต์สัญญานั่น  พรุ่งนี้...ที่เรื่องระหว่างเขากับอีกคนจะไม่มีอะไรเปลี่ยน  ต้องห่างกันทั้งที่ยังไม่พูดอะไรให้กลับมาเข้าใจกันได้เหมือนปกติ   ความรู้สึกเหมือนว่าถ้าไม่พูดกันวันนี้ก็จะไม่ได้พูดกันอีกต่อไปแทรกขึ้นมาทันที  ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะจบลงทั้งๆแบบนี้หน่ะหรือ... ทั้งที่อยากจะเป็นมากกว่านี้แท้ๆ แต่ท้ายที่สุดมันก็จะจบลงตรงคำว่า คิมซองกยูและนัมอูฮยอนเมมเบอร์ของวงอินฟินิทเท่านั้น 

                      ความกลัวกลั่นตัวออกมาเป็นหยดน้ำใสๆ  อูฮยอนยกมือเล็กๆที่สั่นเทาขึ้นมาปิดหน้าของตัวเองเอาไว้  ถึงแม้ในห้องนี้จะมีแค่เขา...แต่น้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความรู้สึกหวังเกินตัวมันก็น่าอายมากเกินกว่าจะทนดูได้จริงๆ...

                          "ฮึ่ก.."
                         ตัดสินใจปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอยู่อย่างนั้น   สองแขนเล็กโอบกอดตัวเองเอาไว้  เริ่มงอตัวคุดคู้นอนในท่าทางที่แสนเหงา แล้วหลับไปพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มแห้งเพราะสายลมภายนอกพัดเข้ามา...

       

                         มารู้สึกตัวได้อีกทีก็ตอนมีไออุ่นทาบทับลงมาตรงริมฝีปากอิ่มของตัวเอง พร้อมกันกับที่เสียงแหบต่ำกระซิบที่ข้างหู..

                        "หลับแล้วหรือ?...

                       เสียงแผ่วเบาราวกับเวทย์มนต์จากพ่อมดก็ไม่ปาน จากตอนแรกรู้สึกถึงความหนาวเหน็บเพราะอากาศภายนอก ตอนนี้กลับอุ่นร้อนขึ้นมาทันใด

       

                       ...อุ่น..ไปถึงหัวใจเลย...

       

                         "ยังครับ..."

                         ไม่หนาวหรือ?”

                         “หนาวครับ…”

                          “หนาวแล้วทำไมไม่ยอมห่มผ้า  หรือนอนรอฮยอง?

                           ไม่พูดเปล่า คิมซองกยูบิดร่างที่คร่อมทับอยู่บนตัวของอูฮยอนแล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนในท่าทาบทับซ้อนอยู่ข้างหลังร่างบอบบาง มือใหญ่กว้างสอดเข้าไปควานหาความอุ่นในเสื้อยืดเนื้อนิ่ม  เมื่อปลายนิ้วเคลื่อนไปตามหน้าท้องกระชับ ร่างกายอุ่นก็สั่นเทิ้มราวกับจับไข้  อีกคนนั้นมีอิทธิพลกับอูฮยอนไม่เคยเปลี่ยน

                          ไม่นอนหรอครับ…”  

                              ถามไปอย่างนั้น ทั้งๆที่หัวใจตอนนี้เต้นแรงแทบจะระเบิด  ความรู้สึกลึกๆกู่ร้องว่าอยากให้สัมผัสมากว่านี้อีก

                          ไม่ง่วง  อยากทำอย่างอื่นมากกว่า…”

                          ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ความเสียวปราดเล่นริ้วขึ้นมาที่หน้าท้องอย่างห้ามไม่ได้  ถึงแม้คิมซองกยูจะพูดแค่นั้น แต่การที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์พวกเขาไม่มีเวลา หรืออะไรก็ตามมากพอที่จะทำเรื่องลึกซึ้ง  กลับยิ่งทำให้อูฮยอนโหยหามากขึ้น  ความสัมพันธ์ทางกาย ที่ทั้งคู่ปิดเอาไว้เป็นความลับตลอดมา  อูฮยอนโหยหามันเสมอ

                        ความสุขทางกายที่อีกคนมักจะปรนเปรอให้ และในขณะเดียวกันเขาเองก็มอบความสุขสมให้อีกคนได้เป็นอย่างดีนั้น เป็นเหมือนเรื่องราวที่ถูกเก็บเอาไว้ในตู้เซฟใส่รหัสผ่าน  เซ็กส์ที่ต่างฝ่ายต่างยินยอมพร้อมใจ โดยที่ไม่มีใครบังคับใครนั้น เริ่มต้นเมื่อสามปีที่แล้ว จากค่ำคืนของการเลี้ยงฉลองวันเกิดของนัมอูฮยอน  และนับจากนั้นมา เด็กน้อยที่หลงรักพี่ชายหัวหน้าวงมาโดยตลอดก็เริ่มรู้สึกถึงเส้นใยบางๆมากขึ้น และมากขึ้น    กับความอบอุ่นที่ซองกยูมักจะมีให้เขาเกินกว่าเมมเบอร์คนอื่นเสมอนั้นอูฮยอนรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างที่สุด    และตั้งใจเอาไว้ว่าถึงจะไม่ได้รับความรักเช่นคู่รักทั่วไปจากคิมซองกยู  แต่ขอให้เขาได้มีความสัมพันธ์กันแบบนี้ ลึกซึ้งลงไปในร่างของกันและกันแบบนี้ก็เพียงพอแล้ว

                

                        หากแต่ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ คือ ความคาดหวังที่รู้ว่าจะต้องผิดหวัง มันยากเหลือเกินที่จะสลัดออกไปให้พ้นหัวสมอง

                         “ฮยองจะทำอะไรผมหรือครับ?

                          “ฮ่ะจะยั่วกันรึไง?” 

                        ลมหายใจอุ่นเป่ารดต้นคอเนียนขาว  ไรขนทุกส่วนตั้งชันเพราะการกระทำวาบหวิว  ซองกยูรั้งเอวบางเข้ามาชิด ส่งผลให้สะโพกกลมเบียดบดที่สัดส่วนแข็งขึงของตัวเองที่ตอนนี้อยู่ในภาวะไม่ปกติเสียแล้ว  ปากหนาได้รูปกดจูบลงไปที่ต้นคอพร้อมกันกับขยับสะโพกแกร่งดันให้ด้านหน้าของตนเสียดสีกับเนื้อนุ่มที่มีเพียงกางเกงผ้าร่มบางขายาวปกปิดอยู่

                  

                          “ ไม่ได้ยั่วครับ แค่คิดว่าฮยองคงจะโกรธเกลียดผมจนไม่อยากเห็นหน้ากันอีกแล้ว…”

                          “อะไรกัน เห็นฉันใจร้ายขนาดนั้นเลยหรือ?”

                          “ก็เรื่องที่ผมทำ มันไม่น่าให้อภัยนี่ครับ…”

                          “มันก็จริงเรื่องที่นายละเลยหน้าที่มันก็ไม่น่าให้อภัยจริงๆนั่นแหละ…”

                         เหมือนลำคอตีบตันขึ้นมาเสียดื้อๆอีกครั้งทำไมถึงได้อ่อนไหวเช่นนี้กันนะ   อยู่ดีๆใจก็คิดไปว่าอยากได้ยินคำต่อว่าอื่นจากซองกยู เช่น เรื่องที่นายไปพบกับผู้ชายคนอื่น ไม่น่าให้อภัย’   อูฮยอนอยากให้ซองกยูโกรธเขาเพราะเหตุผลนั้น อยากให้หึง   ถึงจะโดนโกรธจนตายเพราะเหตุผลที่ซองกยูหึงหวง อูฮยอนก็จะดีใจมากกว่าเหตุผลนี้ ถึงจะโดนโกรธ แต่ขอแค่ได้รับความรู้สึกที่รอคอยมานาน อูฮยอนก็ยอม

                          “แค่นั้นหรอครับ?...ฮยองโกรธผมเพราะเรื่องที่กลับช้าแค่นั้นหรือครับ

                          ยังเซ้าซี้ถาม เผื่อว่าอีกคนจะให้คำตอบที่เขาหวังอยากจะได้ยินจากคนเย็นชาคนนี้

                          แต่อีกคนไม่ตอบ กลับไล้เลื่อนมืออุ่นสากขึ้นไปเรื่อยๆจนไปหยุดอยู่ตรงยอดอก เมื่อเห็นร่างบางสั่นสะท้าน ซองกยูก็ยิ่งได้ใจ ไม่สนใจว่านัมอูฮยอนพูดอะไรกลับกันยังใช้ปลายนิ้วแกร่งสะกิดเขี่ยที่ตุ่มไตสีเนื้ออ่อนอย่างคนขี้แกล้ง การกระทำของตัวเองที่เรียกเสียงครางจากคนตัวหอมได้เป็นอย่างดีนั้นซองกยูพอใจเหลือเกินจนไม่อาจปกปิดรอยยิ้มยกที่มุมปากได้ 

                         อ๊ะ…”

                        “ตัวหอมจังใช้สบู่ที่ฉันซื้อให้ใช่ไหม เด็กดี…”

                        “ค ครับอื้อ…”

                        นิ้วกลางและนิ้วโป้งดึงเคล้นจุดที่ไวต่อสัมผัสอย่างหนักหน่วงขึ้น  ร่างบางขดตัวตอบรับพ่นลมหายใจออกมาทางปากอย่างทรมาน

                       มันก็หอมจริงๆนั่นหล่ะ  ฉันชอบกลิ่นนี้ที่สุด  แต่เพราะกลิ่นนี้มันผสมกับกลิ่นของนาย  ฉันเลยแทบคลั่ง…”

                         นิ้วแกร่งกระทำร้ายกาจอย่างนั้นต่อไปสักพัก ปากหนาได้รูปกดจูบ สลับกับใช้ปลายลิ้นร้อนสากไล่เล็มเก็บความหวานจากต้นคอเนียน นัมอูฮยอนมีความสุขที่สุดในเวลานี้ พร้อมกันกับนัมอูฮยอนทรมานเพราะอีกคนเอาแต่เล่นกับร่างกายที่อ่อนปวกเปียกของเขา หัวใจเต้นโครมครามเมื่อคิดไปว่าคนที่ตัวเองรู้สึกพิเศษด้วยนั้นอย่างน้อยก็ไม่ได้เกลียดเขา  ร่างสูงใหญ่ยังโอบกอดเขาอย่างที่เคย คิมซองกยูยังต้องการนัมอูฮยอนอยู่

                    ถึงแม้จะสับสนกับความรู้สึกต่างๆที่ตีกันอยู่ในหัว แต่แค่วินาทีนี้ เท่านั้น….ขอแค่ซองกยูยังต้องการความหวานจากร่างกายของเขาอยู่  นัมอูฮยอนคนนี้ก็จะไม่คิดถึงเรื่องอื่นๆอีกแล้ว

                    ฮ่ะ ฮยอง  ตรงนั้น มะ…”

                    “หืม ไม่ได้หรอ? …”

                    มือใหญ่กอบกุมท่อนเนื้อขนาดกะทัดรัดเอาไว้ พลางขยับขึ้นลงพร้อมกับสนทนาไปด้วยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  นิ้วโป้งไล้วนและกดลงบนส่วนปลายที่หยดน้ำใสเอ่อขึ้นมาตามแรงปรารถนาของอูฮยอน   ใบหน้าหวานแหงนเริ่ดขึ้นทันทีด้วยความเสียวซ่านเกินจะรับไหว  จมูกโด่งของซองกยูจึงสูดเอากลิ่นแชมพูหอมอ่อนจากกลุ่มผมนุ่มได้ต็มที่

                     หอมไปทั้งตัวจริงๆนายเนี่ย…”

                    “ ฮ๊า!....อ่ะ ยะ อย่าแกล้งผม..”

                     “ไม่ได้หรอกฉันมาที่นี่คืนนี้เพราะฉันทนไม่ไหวแล้ว  ก่อนที่จะต้องห่างกัน ฉันจะทำให้นายจำฉันเอาไว้ ฉันจะฝากร่องรอยของฉันเอาไว้ที่ตัวนาย นัมอูฮยอน…”

                      เสียงนุ่มทุ้ม ปนไปด้วยความเสน่ห์หา  บรรยากาศรอบตัวของคนทั้งสองแฝงไปด้วยความเย้ายวนอย่างประหลาด เสียงครางอื้ออึงสลับกับเสียงมือที่กระทำต่อท่อนเนื้อกลางลำตัวดังสลับกัน นัมอูฮยอนสมองพร่าเลือนสติแทบจะหลุดลอยออกไปแล้ว หากคนที่ซ้อนทับอยู่ข้างหลังไม่พร่ำเรียกชื่อเขาเอาไว้

                      อูฮยอนอา….ร่างกายนายเป็นของฉันนะเด็กน้อย ไม่ใช่ของคนอื่น…”

                      “ฮ่ะ อื๊ออ  ฮยอง ซองกยูฮยอง ผ ผมจะ…”

                      “ ชู่วไม่กลัวมยองซูที่อยูห้องข้างๆจะได้ยินเข้าหรือไง…”

                     แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น เมนโวคอลคนน้องที่เขารู้จักดีมากๆนั้นก็ยังไม่หยุดส่งเสียงครางเสนาะหูออกมา เสียงไพเราะที่สมกับเป็นเมนโวอคอล   เวลานี้ร่างสูงรู้สึกปวดหนึบกลางลำตัวเช่นกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาจะต้องทำให้อุฮยอนรู้ ว่าไม่มีใครจะทำแบบนี้ให้อูฮยอนได้ ไม่มีใครมีสิทธิ์นอกจากเขาคนเดียว  มือใหญ่บีบกระชับท่อนเนื้อร้อนที่พองเต็มมือพร้อมกับขยับขึ้นลงแรงแรงอีกสองสามครั้งก่อนที่เสียงกรีดร้องยาวนานเพราะความสุขสมดังขึ้นและน้ำสีขาวขุ่นจะทะลักออกมาเปรอะเปื้อนมือสวยๆของคิมซองกยู

                           ฮ่ะ แฮ่ก แฮ่ก…”

                           ซองกยูพลิกตัวกลับมาคร่อมทับยันมือข้างหนึ่งไว้กับฟูกเตียง อีกข้างยกขึ้นมาโชว์ให้อูฮยอนที่กำลังพลิกตัวกลับมานอนหงายได้เห็นผลงาน

                           น้ำตาที่รื้นขึ้นมาส่งผลให้อูฮยอนมองไม่ชัดเท่าไหร่นัก แต่ภาพตรงหน้าชวนให้หัวหมุนติ้ว  เพราะอยู่ดีๆ ซองกยูก็แลบเลียกินน้ำขุ่นที่ติดอยู่กับมือคู่นั้นอย่างช่ำชอง

                           ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเสียงแหบๆของร่างกำยำที่คร่อมทับตัวเองอยู่นั้นเอ่ยประโยคที่แสนเร่าร้อนขึ้นมา

                           หวาน  หอมหวานถ้าฉันจะไม่เจอนายอีกสักสองเดือน งั้นคืนนี้ ฉันก็ขอเก็บเกี่ยวความสุขจากร่างกายของนานก็แล้วกันนะนัมอูฮยอนนายเป็นคนที่ร้องเพลงเพราะ นั่นฉันไม่เถียง  แต่เสียงร้องครางของนาย  สำหรับฉัน สิ่งนั้นมันเพราะกว่าเสียงไหนเลยรู้ไหม…”

                              “ ฮ ฮยอง…”

                              “ งั้นคืนนี้ก็ร้องให้ฉันฟังหน่อยก็แล้วกันนะนัมอูฮยอน…”

       

      :::::::::::::::::  Day Dream :::::::::::::::::::::::::
       

       ....แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านสองชั้นเข้ามาในห้องกว้าง  สองร่างนอนกอดก่ายกัน หากเพ่งสังเกตมองไปที่ใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าก็จะเห็นรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่

                            ยิ้มอะไร?”

                           “ เปล่า ฮยองกลับห้องของตัวเองไปเร็ว ก่อนที่มยองซูหรือเมมเบอร์คนอื่นจะมาเห็นเข้า

                         “รู้แล้วน่าว่าแต่วันนี้นายต้องเข้าไปเซ็นต์สัญญานี่ ใช่ไหม…”

                         “ครับ…”

                         “เป็นอะไรไปอีกหล่ะ  ก้มหน้างุดๆแบบนี้ ร้องไห้หรอ?”

                          มือหนาเชยหปลายคางขึ้นมามองหน้าเด็กขี้แยให้ชัดๆ

                          ตั้งเดบิวต์มา  พวกเราไม่เคยห่างกันเลยนี่ครับ

                         “เฮ้ ไม่เอาน่า นายต้องทำได้ดีอยู่แล้ว เป็นถึงอินฟินิท อูฮยอนเลยนะ เรื่องแค่นี้เอง

                        สะบัดใบหน้าหนี  หันมองไปทางอื่นเพื่อไม่ให้ลีดเดอร์ของวงมองเห็นความอ่อนแอ คิมซองกยูไม่ชอบคนอ่อนแอที่สุด นัมอูฮยอนต้องไม่แสดงด้านนั้นให้เห็น

                         “ …ผมจะพยายามก็แล้วกันครับ

                        “  งั้นเอางี้  วันนี้หลังจากนายกลับจากเซ็นต์สัญญา  ฉันจะพาไปช๊อปปิ้ง ดีไหม กิจกรรมสุดโปรดเลยนี่นา

                        “ครับ…”

      .

      .

      .

      .

      .

      .


      สามเดือนต่อมา…      @ งานโชว์เคส อัลบั้ม 27  SOLO Comeback  Kim sungkyu










       

      พิธีกร  เพลงที่ร้องจบไป  Day Dream  ได้ยินมาว่า มีทาโบลกับคิมจงฮวานมาฟีทเจอร์ริ่งด้วยใช่ไหมครับ ช่วยบอกความพิเศษของเพลงนี้หน่อย

      ซองกยู  คือปกติแล้ว ภาพลักษณ์ของผมที่ใครต่อใครเห็นคือผู้ชายเย็นชาใช่ไหมหล่ะครับ

      พิธีกร : อ่าดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะครับ *หัวเราะ*

      ซองกยู : เย็นชา  แล้วก็แสดงอารมณ์ต่างๆออกไปไม่ค่อยเก่ง   ทีนี้สำหรับอัลบั้มนี้ ก็เลยใส่ความรู้สึก และอารมณ์ของตัวเองลงไปในเพลงจริงๆหน่ะครับ 

      พิธีกร : แต่งเองด้วยใช่ไหมครับเพลงนี้ 

      ซองกยู : ก็ไม่เชิงครับ เพียงแต่บอกเล่า อารมณ์ ความรู้สึกที่ผมมีต่อความรักในรูปแบบหนึ่งให้พี่จงฮวานได้ฟัง
       

      พิธีกร : อ่าเช่นนั้นก็เหมือนกับว่าคุณซองกยูนั่งเล่าเรื่องราวความรัก บอกเล่าความรู้สึกที่เรา มีต่อคนรักให้นักแต่งเพลงฟัง ใช่ไหมครับ

      ซองกยู :  *หัวเราะ*  *ยิ้มเขิน*   อาจะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ 

      พิธีกร : แล้วเป็นความรักช่วงไหนหล่ะครับ ?

      ซองกยู  : เนื้อเพลงถูกเขียนขึ้นช่วงระหว่างสองเดือนก่อนหน้าที่ผ่านมาครับ

      พิธีกร   วาน่าทึ่งนะครับเนี่ย  ดูจากเนื้อเพลงแล้วเหมือนคุณต้องห่างใครสักคนไปหรือใครคนนั้นต้องไกลห่างไป อย่างนั้นใช่ไหมครับ  จริงๆแล้วผมเองก็มีโอกาสได้ฟังเพลงนี้นะ  เนื้อเพลงเหมือนเป็นการสารภาพความรู้สึกออกมา ในรูปแบบที่ค่อนข้างเจ็บปวด อย่างท่อนที่ร้องว่า ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะให้ทุกๆอย่างกับเธอและ ทุกๆอย่างในโลกนี้เห็นได้ชัดเลยว่ามันยากสำหรับฉัน เธออยู่ไกลเหลือเกิน’ 

      ซองกยู : ครับ  

      พิธีกร   : แล้วมันจะป็นไปได้ไหมครับ ที่เพลงนี้จะจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง 

      ซองกยู ก็ต้องรอคนที่จากไป กลับมาอ่ะครับ  หรือไม่ก็ทำให้มันเป็นไปได้ซะเลย แบบไปหาเธอคนนั้นเองเลยอ่ะครับ.. *หัวเราะ*

      พิธีกร   ช่างเป็นพลงที่โรแมนติกสุดๆไปเลยนะครับ Day Dream  /ฝันกลางวัน

      ซองกยู : *ยิ้มเขิน

      พิธีกร    :  เหมือนว่าจะเป็นคนที่พิเศษนะครับ

      ซองกยู  ไม่ใช่ครับ  มันไม่ใช่ความรักของผมกับใครบางคนอย่างที่คุณเข้าใจนะครับ

      พิธีกร     อ่าว แล้วมันเป็นแบบไหนหล่ะครับ?

      ซองกยู   คือจะพูดว่ายังไงดีอ่ะครับ  เอาเป็นว่า ผมทำเพลงนี้ขึ้นมาให้กับความรัก และคนรักในจินตนาการของผมเองก็แล้วกันครับ

      พิธีกร ครับ

      ซองกยู : ครับ *หัวเราะ* *เขิน*

       

       

       

      >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> 

       

       

      ยา…. ทำไมฮยองไม่บอกไปเลยหล่ะ ว่าแต่งเพลงนั้นให้อูฮยอนฮยอง…”

       

      คิมมยองซูที่มางานแถลงข่าวเปิดตัวอัลบั้มพูดแซวพี่ชายคนโต

      “  แกบอกแกมีนัดกับเพื่อนไม่ใช่หรอ  ฮยอง ส่งมยองซูที่ห้าง J นะ

      โถ่เอ้ย  ใช่เซ่  ก่อนหน้านี้หน่ะใครคอยช่วย ใครคอยเป็นที่ปรึกษาให้ ไม่นับรวมที่ทนคิดถึงอูฮยอนนี่ฮยองไม่ไหว แล้วให้ผมช่วยคุยกับบอสให้อีกนะ ลืมไปแล้วหรอว่าใครช่วยให้ฮยองไปหาอูฮยอนนี่ฮยองที่ญี่ปุ่นได้  คนลืมบุญคุณ

      ฉันก็ซื้อนาฬิกาเรือนที่แกอยากได้ให้แล้วไงเล่า ไอ้นี่!!”

      ชิ….แล้วนี่จะไปไหนต่ออ่ะ …”


      ไปเดทเด็กนั่นอยากไปเที่ยวเล่น ฉันจะพาเขาไป…”

      ออ….งั้นจอดตรงนี้แหละ

       

      ทันที่ที่ส่งมยองซูลง มือหนากดโทรศัพท์พิมพ์ข้อความหาอีกคนทันที


      KAKAO TALK

       

      คิมซองกยูฮยอง ฉันกำลังไปรับนะ  แต่งตัวน่ารักๆหล่ะ

       

      อูฮยอน  ครับ

       

      คิมซองกยูฮยอง : ตอบสั้นจัง ได้ดูโชว์เคสไหม

      อูฮยอน ; ดูสิครับ เพลงที่น่ารักแบบนั้น ดีจังนะครับ

      คิมซองกยูฮยอง  : ก็ต้องขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้นายไปอยู่ญี่ปุ่นคราวนั้น

      อูฮยอน : ทำไมหล่ะครับ  ผมคิดถึงฮยอง ทรมานแทบตายนะไม่อยากห่างกันแบบนั้นอีกแล้ว

      คิมซองกยูฮยอง : มันดีตรงที่ทำให้ฉันได้รู้ไง ว่าจริงๆแล้วนายสำคัญกับฉันมากแค่ไหน

      อูฮยอน : จะถึงหรือยังครับ

      คิมซองกยูฮยอง ; จะถึงแล้วครับ  ลงมารอได้เลย

      อูฮยอน : >< OK!

      คิมซองกยูฮยอง : อูฮยอนอา

      อูฮยอน : ครับ?

      คิมซองกยูฮยอง : ....  รักนะครับ

      อูฮยอน :  >/////<


       

      -The  End-
       

       สั้น  กาก แต่เราชอบมาก  55555555 ขอบคุณที่อ่านนะคะ^^

       

       

                     

                         

                 

         

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×