ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ถอดความ อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง

    ลำดับตอนที่ #1 : ท้าวกะหมังกุหนิงปราศรัยกับระตูปาหยังและระตูประหมัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 209.56K
      855
      24 ธ.ค. 54

    เมื่อนั้น                             ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี
    เสด็จเหนือแท่นรัตน์มณี                  ภูมีเห็นสองอนุชา
    จึงตรัสเรียกให้นั่งร่วมอาสน์             สำราญราชหฤทัยหรรษา
    แล้วปราศรัยระตูบรรดามา               ยังปรีดาผาสุกหรือทุกข์ภัย
    ซึ่งเราให้หามาทั้งนี้                       จะไปตีดาหากรุงใหญ่
    ระตูทุกนครอย่านอนใจ                             ช่วยเราชิงชัยให้ทันการ

    ถอดความ.....ท้าวกะหมังกุหนิงเสด็จขึ้นแท่นประทับ เมื่อเห็นพระอนุชาทั้งสอง ซึ่งก็คือ ระตูปาหยังและระตูประหมัน จึงตรัสเรียกให้มานั่งร่วมกัน แล้วถามสารทุกข์สุกดิบ และบอกว่าที่ให้พระอนุชาทั้งสองมานี้ เพื่อให้ไปช่วยตีเมืองดาหา ให้กษัตริย์ทุกนครอย่างได้นิ่งนอนใจ ให้มาช่วยกันชิงชัยในการรบครั้งนี้






             เมื่อนั้น                              เหล่าระตูปรีดิ์เปรมเกษมศานต์
    จึงสนองมธุรสพจมาน                    พระมีการสงครามแต่ละครั้ง
    จะตั้งหน้าอาสาออกชิงชัย               มิได้ย่อท้อถอยหลัง 
    สู้ตายไม่เสียดายชีวัง                      กว่าจะสิ้นกำลังของข้านี้

    ถอดความ.....ระตูปาหยังและระตูประหมัน จึงตอบว่า เมื่อมีสงครามในแต่ละครั้ง ก็จะอาสาออกชิงชัยชนะด้วยความไม่ย่อท้อ จะสู้ตายโดยไม่เสียดายชีวิต จะสู้จนกว่าตัวจะตาย

     

     

    เมื่อนั้น                             ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี
    ฟังระตูทูลตอบชอบที                     สมถวิลยินดีปรีดา
    จึงตรัสว่าท่านมาเหนื่อยนัก              จงไปพักพลขันธ์ให้หรรษา
    ตรัสพลางทางชวนอนุชา                 เข้ามหาปราสาทรูจี

    ถอดความ....เมื่อท้าวกะหมังกุหนิงได้ยินที่อนุชาทั้งสองตอบมาก็รู้สึกพอใจมาก จึงตรัสว่าอนุชาทั้งสองเดินทางมานี้คงเหนื่อยมาก ให้พากองทัพไปพักผ่อน และชวนให้อนุชาทั้งสองเข้าปราสาท

     
     

    ลดองค์ลงนั่งบนแท่นทอง      กับด้วยพระน้องทั้งสองศรี
    จึงตรัสเล่าความตามคดี                  จนใช้เสนีถือสารไป

    ถอดความ.....แล้วลงนั่งบนแท่นประทับ พร้อมด้วยพระอนุชาทั้งสอง แล้วตรัสเล่า
    ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้อนุชาทั้งสองฟัง

     

      

     

    เมื่อนั้น                                       สองกษัตริย์ฟังแจ้งแถลงไข
    จึงทูลขัดทัดทานทันใด                            เป็นไฉนผ่านเกล้ามาเบาความ 
    อันสุรีย์วงศ์เทวัญอสัญหยา                        เรืองเดชเดชาชาญสนาม
    ทั้งโยธีก็ชำนาญการสงคราม                     ลือนามในชวาระอาฤทธ์
    กรุงกษัตริย์ขอขึ้นก็นับร้อย                        เราเป็นเมืองน้อยกระจิหริด
    ดังหิ่งห้อยจะแข่งแสงอาทิตย์                    เห็นผิดระบอบบุราณมา
    ใช่จะไร้ธิดาทุกธานี                                 มีงามแต่บุตรีท้าวดาหา
    พระองค์จงควรตรึกตรา                            ไพร่ฟ้าประชากรจะร้อนนัก

    ถอดความ....เมื่อระตูปาหยังและระตูประหมันได้ยินดังนั้น จึงรีบทัดทานว่า ทำไมท่านถึงไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อน เมืองดาหานั้น มีวงศ์เทวัญซึ่งเป็นเชื้อสายกษัตริย์ที่สืบวงศ์มาจากเทวดาปกครองอยู่ อีกทั้งมีพลทหารซึ่งชำนาญการทำสงคราม มีเมืองขึ้นนับร้อย เมืองของเราเป็นเพียงเมืองเล็กๆ เหมือนกับหิ่งห้อยที่ริอาจจะไปแข่งกับแสงอาทิตย์ หญิงงามใช่ว่าจะมีแต่พระธิดาของท้าวดาหาเท่านั้น ขอให้พระองค์คิดให้ดีๆ เพราะการศึกครั้งนี้จะทำให้ไพร่ฟ้าประชาชนได้รับความเดือนร้อน

      

    เมื่อนั้น                                       ท้าวกะหมังกุหนิงมีศักดิ์
    จึงบ่ายเบี่ยงเลี่ยงตอบพระน้องรัก                ใช่จะหาญหักวงศ์เทวัญ
    ด้วยบัดนี้บุตรีดาหา                                 จรกาให้มาตุนาหงัน
    เราจะยกพลไกรไปโรมรัน                         ช่วงชิงนางนั้นกับจรกา

    ถอดความ.....ท้าวกะหมังกุหนิงไม่เชื่อคำทัดทาน จึงบ่ายเบี่ยงที่จะตอบอนุชาทั้งสอง ตัวเรานั้นก็ไม่อยากที่จะทำสงครามกับเมืองดาหาหรอก แต่เนื่องด้วยพระธิดาของท้าวดาหาได้หมั้นหมายกับจรกา จึงจะไปทำศึกเพื่อไปแย่งนางบุษบากับจรกา

      

    เมื่อนั้น                                       สองระตูทูลตอบพระเชษฐา
    เมื่อนางยังอยู่กับบิดา                               ที่ในดาหากรุงไกร
    แม้นเกิดการสงครามช่วงชิง                      ท้าวดาหาหรือจะนิ่งดูได้
    จะบอกความไปสามเวียงชัย                      กรีธาทัพใหญ่มามากมาย
    จะเป็นศึกกระหนาบหน้าหลัง                     เหลือกำลังโยธาทั้งหลาย
    ถ้าเสียทีเพลี่ยงพล้ำสิซ้ำร้าย                      จะอัปยศอดอายแก่จรกา

    ถอดความ....พระอนุชาทั้งสองจึงตอบกลับไปว่า นางบุษบายังคงอยู่กับบิดาที่เมืองดาหา ถ้าเกิดสงครามการช่วงชิง ท้าวดาหาคงไม่อยู่เฉยแน่ ท้าวดาหาคงต้องส่งสาน์สบอกแก่กษัตริย์วงศ์เทวัญทั้งสามเมือง ให้ยกทัพใหญ่มามากมาย เกิดเป็นศึกครั้งใหญ่ ทั้งศึกนาบทั้งหน้าหลัง ถ้าเราเสียทีเพลี่ยงพล้ำแพ้ขึ้นมา ก็จะอายจรกาไปเสียอีก

      

              เมื่อนั้น                                       ท้าวกะหมังกุหนิงนาถา
    จึงตรัสตอบสองพระน้องยา                       ซึ่งว่านี้เจ้าไม่เข้าใจ
    อันระเด่นมนตรีกุเรปัน                              ก็ขัดข้องเคืองกันเป็นข้อใหญ่
    ไปอยู่เมืองหมันหยากว่าปีไป                     ที่ไหนจะยกพลมา
    แต่กาหลังสิงหัดส่าหรี                             จะกลัวดีเป็นกระไรหนักหนา
    ฝ่ายเราเล่าก็สามพารา                             เป็นใหญ่ในชวาแว่นแคว้น
    ถึงทัพจรกาล่าสำนั้น                                พี่ไม่พรั่นให้มาสักสิบแสน
    จะหักโหมโจมตีให้แตกแตน                     พักเดียวก็จะแล่นเข้าป่าไป
    เจ้าอย่าย่อท้อไม่พอที่                              แต่เพียงนี้ไม่พรั่นหวั่นไหว
    เอ็นดูนัดดาโศกาลัย                                ว่ามิได้อรไทจะมรณา
    แม้นวิหยาสะกำมอดม้วย                          พี่ก็คงตายด้วยโอรสา
    ไหนไหนในจะตายวายชีวา                        ถึงเร็วถึงช้าก็เหมือนกัน
    ผิดก็ทำสงครามดูตามที                           เคราะห์ดีก็จะได้ดังใฝ่ฝัน
    พี่ดังพฤกษาพนาวัน                                จะอาสัญเพราะลูกเหมือนกล่าวมา

    ถอดความ.....ท้าวกะหมังกุหนิงจึงตรัสว่า พวกเจ้าไม่เข้าใจหรอกว่า เจ้าฟ้าแห่งเมืองกุเรปัน (อิเหนา) มีเรื่องขัดเคืองกับท้าวดาหาอยู่และไปอยู่เมืองหมันหยาก็หลายปี จะยกทัพมาได้อย่างไร แต่เมืองกาหลัง และเมืองสิงหัดส่าหรี พวกเจ้าจะกลัวอะไรกันหนักหนา ฝ่ายเราก็มีตั้งสามเมืองที่เป็นใหญ่ในชวาเหมือนกัน ส่วนทัพของท้าวล่าสำพี่ชายของจรกานั้น พี่ก็ไม่หวั่นกลัว ต่อให้มาสักสิบแสน (หนึ่งล้าน) ก็จะโจมตีกองทัพให้แตก เดี๋ยวพวกมันก็หนีเข้าป่าไปเอง พวกเจ้าอย่ากลัวไปเลย สงสารวิหยาสะกำเถอะ ถ้าไม่ได้นางบุษบามาคงจะขาดใจตาย ถ้าวิหหยาสะกำตาย พี่ก็คงต้องตายตามไปด้วยแน่ อย่างไรก็จะต้องตายอยู่แล้ว ถึงจะช้าหรือเร็วก็คงเหมือนกัน ผิดกันตรงที่ว่า ถ้าทำสงคราม เคราะห์ดีอาจได้ตามสมใจนึก

       

    เมื่อนั้น                                                 สองกษัตริย์ฟังตรัสพระเชษฐา
    จะเซ้าซี้ก็จะขัดพระอัชฌา                                  ต่างก้มพักตราไม่พาที

    ถอดความ....เมื่อระตูปาหยังและระตูประหมันได้ยินที่ท้าวกะหมังกุหนิงพูด ก็ก้มหน้าไม่กล้าไม่พูดจา

       

    เมื่อนั้น                                                 ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี
    ชวนสองอนุชาธิบดี
                                               เข้าสู่ที่บรรทมสำราญ

    ถอดความ....ท้าวกะหมังกุหนิงเห็นพระอนุชาทั้งสองไม่โต้แย้งใดๆ ก็ชวนทั้งสองให้เข้าที่บรรทมให้สบายใจ

                        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×