ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -- ประวัติ & เรื่องราวของ SJ --

    ลำดับตอนที่ #6 : [5] -- Kang In --

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 993
      0
      16 ธ.ค. 53

    "บ้าพลัง จอมโชว์พาว... หมีคัง!"



    ชื่อจริง Kim Youngwoon (คิมยองอุน = จุดกำเนิดของโชคชะตา)
    ชื่อในวงการ   Kangin (คังอิน แปลว่า ผู้แข็งแกร่ง)
    ฉายา เจ้าชายอสูร
    วันเกิด 17 มกราคม ค.ศ.1985
    สถานที่เกิดฮงอึนดง
    ส่วนสูง   180 ซม.
    น้ำหนัก 70 ก.ก.
    กรุ๊ปเลือดO
    สีที่ชอบ เขียว
    สัตว์ที่ชอบสัตว์เล็กๆ
    กีฬาที่ชอบว่ายน้ำ โยคะ บาสเก็ตบอล
    งานอดิเรก   ร้องเพลง, ว่ายน้ำ, ศิลปะป้องกันตัว, ออกกำลังกาย
    ความสามารถพิเศษการแสดง 
    ครอบครัวคุณพ่อ คุณแม่
    เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงปี 2002 โดยชนะเลิศสาขา Most handsome ในการประกวด SM Youngster contest
    การศึกษา  - Hongeun Elementary School
    - Shinyun Middle School
    - Hankwang High School
    - Sangmyung English Tuturing, Kyunghee Cyber University
    ปรากฏตัวครั้งแรกMay 2002, SBS "Man And Woman"
    ผลงานละคร - SBS 'Man and Woman' (พ.ค. 2002)
    ผลงานภาพยนตร์  - Flower Boy (Attack on the Pin-Up Boys) 2007
    - Pure Manhwa (2008)
    ผลงานมิวสิควิดีโอ- Fish ของ Malgopi
    ผลงานโฆษณา   - 1677 Collect Call (2007)
    - Sunkist Lemonade
    - NII (2006-2007) ร่วมกับสมาชิกในวง
    - IVY (2006 - 2008) ร่วมกับสมาชิกในวง
    ผลงานด้านอื่นๆ - 2004 SBS One Night TV Entertainment News Reporter
    - 2005 DBSK Showcase MC (ก.ย.)
    - 2005 BoA Fanmeeting MC (ก.ย.)
    - พิธีกรรับเชิญรายการ 'Saturday'ทางMBC (พ.ย. 2005) 
    - พิธีกร M-Net, KMTV - M!Countdown (พ.ย. 2005)
    - 2006 DMB CH30 Super Junior Kangin's  Chunbangjichook Radio DJ
    - SBS ผู้ประกาศข่าว Entertainment show (เม.ย.   2004) 
     


                คังอิน หรือ คิมยองอุน ในสายตาของคนทั่วๆไป ดูเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาคมคาย รูปร่างสูงใหญ่ อารมณ์ดี ร่าเริง ชอบปล่อยมุกอยู่ตลอดเวลา แต่เวลาอยู่กับผู้ใหญ่หรือรุ่นพี่ คังอินจะเป็นไปเป็นคนละคน เค้าจะค่อนข้างสงบเสงี่ยม รักษากิริยาได้ดี ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเด็ก ในวัยเดียวกัน คังอินชอบดนตรีมากตั้งแต่เล็กๆ เค้าเริ่มเดินตามความฝันของตัวเองจนได้รับรางวัลชนะเลิศสาขา Best Selection best Outward Appearance จากการประกวด ในโครงการ 4th SM Youth ของค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง SM Entertainment ในปี 2002 หลังจากนั้นคังอินก็ได้เข้าร่วมเป็นศิลปินฝึกหัดในสังกัด SM  Entertainment และด้วยบุคลิกที่โดดเด่น ไม่ว่าจะด้วยการพูดจาที่ฉาดฉานมีเสน่ห์ ความกล้าแสดงออก รวมถึงรูปลักษณ์ที่ดูดีมีเอกลักษณ์ ทำให้คังอินได้ปรากฏต่อสายตาของประชาชนในเดือนพฤษภาคม ปี 2002 ในละครเรื่อง  Man & Woman ทางช่อง SBS ก่อนหน้าที่จะได้รับการคัดเลือกให้เข้ามาเป็นที่หนึ่งในสมาชิกซูเปอร์จูเนียร์นั้น นอกจากจะเป็นพิธีกรประจำรายการบันเทิงทางช่อง SBS แล้ว คังอินยังถูกคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกวงบอยแบนด์ ชื่อว่า ‘Four Seasons’ ซึ่งสมาชิกประกอบด้วยเหล่าคนดังของค่ายอย่างพี่หมียูโนว์ ฮีโร่แจจุง และน้องซินคนสวย  แต่ว่าเนื่องจากโปรเจคนั้นถูกยกเลิก แต่ละคนจึงไปแยกย้ายออกไปทำงานจองตัวเอง พี่หมีกับน้องแจไปรวมตัวกะนุ้งเซีย นุ้งไก่ และก็นุ้งมิน  ออกมาเป็นดงบังชินกิ 5 มหาเทพผู้โด่งดัง ส่วนน้องซินและหมีน้อยคังอินรวมตัวกับ วงบอยแบนด์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอย่างซูเปอร์จูเนียร์

                ซึ่งการทำงานร่วมกับเพื่อนๆ อีก 10 คน ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะแต่ละคนเป็นนักร้องฝึกหัดในค่ายเคยเห็นหน้าค่าตา และสนิทสนมกันมาก่อนอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะปรับตัวเข้าหากัน  แต่เรื่องที่ยากที่สุดสำหรับพี่หมีก็คือ  การลดน้ำหนักให้ได้มากที่สุดก่อนการเดบิวต์เพียงไม่กี่อาทิตย์  เนื่องจากยังอยู่ในวัยเจริญเติบโต  ประกอบกับการซ้อมอย่างหนัก  ยองอุนเลยเอนจอยอีตติ้งมากไปหน่อย  รูปร่างที่เคยฟิตแอนด์เฟิร์มก็เลยย้วยไปทันเห็น  ก่อนการเดบิวต์หมีน้อยจึงต้องอาศัยน้องซินผู้เชี่ยวชาญเรื่องฟามงาม คอยกำกับเรื่องอาหารการกินโดยมีเพื่อนช่วยกันลุ้น ในที่สุดเค้าก็ทำสำเร็จ คังอินยังเคยเล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า  ทำให้เค้าตระหนักได้ถึงศักยภาพของผู้หญิง เพราะว่าถ้าผู้ชายต้องมาไดเดตอย่างสาวๆ สมัยนี้  รับรองได้ว่าตายในเดือนเดียวแน่ๆ

                ดูจากบุคลิกลักษณะภายนอกแล้ว  คังอินเป็นหนุ่มที่ร่าเริง  พูดเก่ง  มองโลกในแง่ดี  ถ้าเปรียบเป็นสีสัน  ก็คงเป็นสีรุ้งที่สดใสแน่ๆ  แต่ในความเห็นของสมาชิกในวงด้วยกันกลับไม่เป็นอย่างนั้น  ฮันคยองบอกว่า หมีน้อยเป็นคนเอาจริงเอาจัง  ตั้งใจทำงานเป็นอย่างมาก สังเกตได้จากเวลาที่ลูกลิงทั้ง 13 มารวมตัวกันเมื่อไหร่  ความวุ่นวายจะบังเกิด เพราะบรรดาลิงน้อยจะจุ๊กจิ๊กยุกยิกอยู่ไม่สุขกันตลอดเวลา  นอกจากพี่ทึกกี้พี่ใหญ่หัวหน้าทีมแล้ว  ก็จะมีคังอินหมีน้อยนี้แหละ ที่คอยปราบน้องๆ  ให้ซนน้อยๆ(ลง)หน่อย  เวลาตอบคำถามก็จะเป็น 2 คนนี้แหละ  ที่ผลัดกันตอบคำถามยากๆ  และคอยจัดคิวให้น้องๆ  ในวงได้ตอบกันอย่างทั่วถึงด้วยความเอาจริงเอาจังของคังอินนี้แหละ  ที่ทำให้ฮันคยองเกรงใจเค้ามากที่สุดในวงเลยทีเดียว  แต่สำหรับฮีชอลแล้วกลับคิดตรงกันข้ามกับคยองกี้โดยสิ้นเชิง  น้องซินนี่แหละที่เป็นคนเฉลยฟามลับว่า  แท้จริงแล้ว ภายใต้ท่าทางแข็งแรงเข้มแข็งของคังอินนั้นมีแต่ความอ่อนไหว  คังอินนี่แหละที่ขี้แยอันดับ 1 ของวงเลยที่ดียว  นุ้งซินเล่าว่า  คังอินเป็นคนอ่อนไหวง่ายมาก  แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆของแฟนคลับถักสเวตเตอร์มาให้พ่อคนนี้ก็ร้องไห้ได้  เวลาร้องไห้ทีก็จะมีแต่นุ้งซินนี่แหละที่เห็น  คนอื่นๆจึงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วหนุ่มน้อยคนนี้ตัวใหญ่แต่ใจเล็กแค่ไหน  ฟอร์มเยอะไปงั้นเอง แต่ที่จริงแล้วอ่อนเป็นขี้ผึ้ง ชอบทำเป็นว่าตัวเองกล้าแสดงออก เจ้าชู้ หูตาแพรวพราว แอบแซวสาวๆ แต่จริงๆแล้วขี้อาย แทบจะไม่กล้าไปเริ่มต้นกะใครก่อน

                เรียกว่าท่ามากไปงั้นแหละ  แต่ใจจริงไม่มีอะไรว่างั้นเถอะ  นอกจากนี้น้องซินยังเผาอีกว่าเห็นตัวใหญ่บิ้กเบิ้มขนาดนี้  คังอินนี่จัดว่าเป็นคนขี้กลัวอย่างหนัก  นู่นก็กลัว  นี่ก็ป๊อด  ไม่ค่อยจะกล้ามองอะไรใหม่ๆ  แถมยังขี้งอนอีกตะหาก  ถ้าใจทำให้เสียใจ  น้อยใจ  ก็จะแอบไปเศร้าอยู่คนเดียว ประหนึ่งว่าเป็นนางเอกมิวสิคตอนอกหัก  นุ้งซินเลยตั้งฉายาให้ว่า “เจ้าชายอสูร”  ซะเลยเพราะเหมาะกับหมีน้อยมาก งานนี้เล่นเอาคังอินบ่มพึมพำประมาณว่าพี่อะ ทำให้เสียลุคหมดเลย

    >>เส้นทางชีวิต...กว่าจะมาเป็น Super junior   

                       ตั้งแต่เล็กจนโตของผู้ชายคนนี้ .. คิมยองอุน เขาเคยฝันอยากที่จะเป็นนักกีฬา เพราะชีวิตตั้งแต่เด็กของเขานั้นอยู่กับสระว่ายน้ำ และก็เป็นนักกีฬาว่ายน้ำ แน่นอนว่า ความฝันของเขาที่มีมาตลอดนั้นคือ การเป็นนักกีฬา เขาออกกำลังกายมาตั้งแต่เล็กและก็ว่ายน้ำมาเรื่อยๆ และด้วยเหตุนี้เอง จึงมีสาวๆ รวมถึงผู้ชายที่ไม่ใช่ผู้ชาย มาชอบเขามากมาย

                ยองอุน เคยได้รับของขวัญจากรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งในตอนแรกเขานั้นชั่งใจอยู่นานสองนาน ว่าจะรับมันดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็รับไว้ เพราะว่าราคาของนั้นมันแพง และเขาก็คงจะไม่มีปัญญาที่จะซื้อมันเอง นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขามีข่าวออกมา ว่าอาจจะมีใจให้กับเพศเดียวกัน หลังจากนั้นในวันวาเลนไทน์ เขาก็จะได้รับช็อกโกแลตมากมาย แต่น่าเสียดายที่กว่า 80% ของผู้ให้ ... เป็นผู้ชาย!!

                จนกระทั่งอยู่ ไฮสคลูล ปี 2 วันหนึ่ง เขาได้เดินทางมาทัศนศึกษาที่งานประกวดวรรณกรรม ที่จัดขึ้นบริเวณ ทรีมปาร์ค และที่นั่นเอง ที่เขาได้พบกับแมวมองของบริษัท ที่ได้ให้นามบัตรแก่เขามา พร้อมกับชักชวนให้เข้าไปออดิชั่นกับทางค่าย

                นามบัตรที่ได้มาโดยบังเอิญที่ทรีมปาร์ค มันทำให้เส้นทางชีวิตของยองอุนแทบจะพลิกผันจากเดิม เพราะเขาเบนเข็มจากการเป็นนักกีฬา มาสนใจด้านการเป็นดารานับตั้งแต่วันนั้น และด้วยที่พ่อแม่ของเขาคอยสนับสนุนในสิ่งที่ลูกชายคนนี้เลือกเสมอ ท่านทั้งสองจึงไม่คัดค้านในการตัดสินใจนี้ และพร้อมที่จะผลักดันให้เขาไปในเส้นทางที่ต้องการ

                       การออดิชั่นครั้งแรกในชีวิตนั้นผ่านไปอย่างไม่ยากเย็นนัก สร้างความประหลาดใจให้กับยองอุนค่อนข้างมาก มันทำให้เขากลับมาคิดทบทวนดู ว่าเขาได้รางวัลมาเพราะว่าโชคช่วย หรือเพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่รู้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์ในด้านนี้มาก่อนเท่านั้นเอง

                แล้วชีวิตที่เคยเป็นเพียงนักเรียนธรรมดา ที่ใช้เวลาอยู่กับสระว่ายน้ำ ก็กลายเป็นว่า ในแต่ละวันหลังเลิกเรียน เขามีแต่การฝึก จนดึกจนดื่น และความฝันที่จะเป็นนักร้องนั้นมันก็เริ่มที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

                แต่สิ่งเหล่านั้น ... มันไม่ได้ดูสนุกสนานและงดงามเสมอไป หลังจากที่การฝึกผ่านไปปีแล้ว ปีเล่า แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า เพื่อนๆก็ต่างเริ่มสงสัยในตัวของเขา ว่าเขาจะได้เดบิวต์แน่หรือ? เขาถูกหลอกหรือเปล่า? หรือว่าเขาโกหกเพื่อนอยู่? ... จนมันทำให้เกิดสงครามน้ำลายย่อยๆ ระหว่างเขากับเพื่อนอยู่หลายครั้ง

                แม้ว่าจะเถียงกับเพื่อนไปเช่นนั้น ว่าเขามั่นใจว่าจะได้เดบิวต์ แต่ลึกๆในใจเขาก็ยังกลัว และก็เริ่มที่จะถามตัวเอง "จะได้เดบิวต์จริงๆเหรอ หรือว่าจะจบลงแค่นี้จริงๆ"

                ยองอุนถามตัวเองซ้ำๆในความเงียบ และเขาก็ได้คำตอบว่า ถ้าให้มันจบเพียงแค่นี้ มันก็เท่ากับว่าเขายอมแพ้ ... เขาเกลียดการแพ้

                หลังจากนั้น ก็มีข่าวเด็กฝึกหัดด้วยกันลาออกไปหลายต่อหลายคน แม้แต่ใครที่เคยสนิทก็ต่างทยอยกันออกไป เนื่องจากทนไม่ไหวกับการฝึกหัดที่แสนสาหัส และดูเหมือนว่าวี่แววการเดบิวต์นั้นจะรีบหรี่ และมองไม่เห็นฝั่ง ... เขาเองก็กลับมาทบทวนอยู่หลายครั้ง เพราะยองอุนคิดถึงความรู้สึกของพ่อและแม่ที่เชื่อใจเขามาตลอด แม้ต่อหน้าท่านทั้งสองจะทำเหมือนว่าไม่มีอะไร แต่ที่จริงแล้ว เขารู้ว่าท่านเป็นห่วงเขาเสมอ และด้วยคำพูดของเพื่อนที่คอยตอกย้ำ มันก็ทำให้เขวไขว้เขว จนทำให้ผมของเขาร่วงเพราะความเครียด

                และสิ่งที่สร้างบาดแผลในใจให้เขาอีกเรื่องหนึ่งก็คือ การถูกเข้ามาถามว่า สนิทกับเด็กฝึกหัดคนอื่นๆหรือเปล่า? เพราะมันทำให้เขาขายหน้าเป็นอย่างมาก ที่โดนถามถึงเรื่องราวของเด็กฝึกหัดคนอื่นๆ ซึ่งก็ถือได้ว่า เป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งของตัวเขาเอง

                เรื่องราวมากมายผ่านเข้ามาในช่วงเวลา 5 ปีของการเป็นศิลปินฝึกหัด จนกระทั่งในวันหนึ่ง ทางต้นสังกัดเรียกเขาไปคุยในเรื่องโปรเจ็คใหม่ของบริษัท มันทำให้เขาดีใจมาก ที่ความฝันของเขาเป็นจริงขึ้นแล้ว ... ความเหน็ดเหนื่อยที่ผ่านมานั้นเห็นผลแล้วก็วันนี้ เขาถามผู้จัดการซ้ำไปซ้ำมา จนกระทั่งแน่ใจ ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไปจริงๆ

                แต่ก่อนที่จะได้เดบิวต์ เขาจำเป็นต้องลดน้ำหนักที่พุ่งสูงกว่า 100 กิโลกรัม โดยแต่ละวัน เขาดื่มแค่เพียงน้ำ และงดอาหารทุกชนิด ทำเช่นนั้นอยู่เป็นเดือน จนกระทั่งน้ำหนักที่มากนั้นลดลงไปกว่า 26 กิโลกรัม และทำให้รูปร่างที่เคยอ้วนท้วนสมบูรณ์นั้นออกมาดูดีอย่างที่เห็น ในช่วงเดบิวต์ใหม่ๆ

                ในช่วงที่ทำการฝึกซ้อมร่วมกับเพื่อนๆในวงนั้น ด้วยความที่แต่ละคนเป็นเด็กผู้ชายในวัยกำลังซน แน่นอนว่ามันคล้ายกับการจับปูใส่กระด้ง ทุกครั้งที่เขาเห็นจองซู (อิทึก) ต้องคอยปวดหัวกับน้องๆ ยองอุนจะรู้สึกแย่เสมอ เพราะเขานับถือจองซูมาก ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน เขาจึงต้องการที่จะแบ่งเบาภาระให้พี่ชายคนนี้บ้าง และเพื่อต้องการให้ในวงนั้นเป็นระเบียบ แต่ละคนไม่เล่นหรือนอกเรื่องจนเกินไป เขาจึงไปขอให้จองซูช่วยแสดงละคร และใช้ตัวเขาเองเป็นคนที่ถูกจองซูทำโทษด้วยการตี ทั้งนี้เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับน้องๆในวง และเพื่อทำให้จองซูดูเด็ดขาดมากขึ้น เพราะแม้ว่าจองซูจะอายุมากที่สุด น่าเชื่อถือที่สุด แต่เขาก็ใจอ่อนกับน้องๆอยู่มาก ... และเหตุการณ์ในครั้งนั้น ก็ทำให้พวกเขา ซูเปอร์จูเนียร์ รักและสามัคคีกันมากขึ้น เพราะเมื่อยองอุนถูกตี แต่ละคนก็พร้อมใจกันยกมือขึ้น และขอให้ตีพวกเขาด้วย

                หลังจากนั้น ยองอุนก็จะคอยเป็นผู้ช่วยของจองซูเสมอมา เพราะเขารู้ว่าการแบกรับภาระของลีดเดอร์นั้นหนักเพียงใด และยิ่งต้องปกครองน้องๆ ที่ซนเป็นลิงถึงสิบกว่าชีวิต มันไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ดังนั้น ยองอุนจึงรักและห่วงจองซูมากเป็นพิเศษ เขาคิดอยู่เสมอว่า จองซูคือพี่ใหญ่ ที่รับบทหนักกว่าทุกๆคนในครอบครัว เมื่อใดที่มีปัญหา ด่านแรกที่จะต้องโดนก็คือจองซู และด้วยความที่จองซูเป็นคนที่ไม่ค่อยใส่ใจในตัวเองนัก เพราะมักจะเอาเวลาไปใส่ใจคนอื่นๆเสียมากกว่า ยองอุนจึงต้องคอยทำหน้าที่ดูแลพี่ชายคนนี้แทนตัวของเขา จนก่อให้เกิดเป็นความรักและความผูกพันขึ้นมาทีละน้อย และกลายเป็นคู่หูกันไปในที่สุด จนถึงขั้นบันทึกชื่ออีกฝ่ายด้วยฉายา ว่า "คังอินผู้แข็งแกร่งแต่โง่" กับ "อิทึกจอมแก่"

                และด้วยความที่ยองอุนมีพรสวรรค์ด้านการพูด การแสดง และการเข้าหาผู้ใหญ่ เขาจึงได้รับหน้าที่ MC ดำเนินรายการอยู่เสมอๆ และงานที่เขาทำนั้นก็ออกมาค่อนข้างดี ได้รับความนิยม เนื่องจากเขารู้ว่าเวลาใดควรที่จะเล่น หรือควรที่จะจริงจัง และก็ยังรู้จักใช้คำพูดที่ดีและเหมาะสมอีกด้วย

                จากการที่ได้เป็น MC เป็น DJ ทำให้ยองอุนได้ร่วมงานกับศิลปินในวงการบันเทิงมากมาย เขาจึงได้กลายเป็นที่รักของบรรดารุ่นพี่หลายๆคน รวมถึงเพื่อนๆในรุ่นเดียวกันและรุ่นน้อง ที่ก็ต่างชื่นชอบ และให้ความสนิทสนมกับยองอุน ดังจะเห็นได้จากรายการต่างๆ เขาสามารถทักทายศิลปินต่างค่ายที่มาร่วมรายการได้อย่างสนิทสนม และไม่เคอะเขิน หนำซ้ำที่หลังเวที ก็ยังหยอกล้อกับบุคคลพวกนั้นอีกด้วย

                แต่ในด้านการเต้นของเขา ยองอุนค่อนข้างที่จะเต้นได้ดีเป็นอันดับท้ายๆของวง ... นั่นอาจจะเพราะ ถ้าหากเขาเต้นเก่งอีกอย่าง พระเจ้าคงจะคิดว่ามันจะทำให้เขาดูมีความสามารถมากจนเกินไป ... ในช่วงที่ซิงเกิล U ออกมานั้น ยองอุนได้รับอาการบาดเจ็บที่ขา และทำให้ไม่สามารถเต้นไปพร้อมกับเพื่อนๆได้อย่างเต็มที่ และได้ลมลงในการขึ้นโชว์ในรายการหนึ่ง ... มันทำให้เขาได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ชมอย่างมาก ทั้งบอกว่าเขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมาอยู่วงเต้น ทั้งเรื่องที่เขาพยายามไม่เต็มที่ หรืออะไรต่ออะไรอีกมากมาย ที่ปรากฏในหน้าอินเตอร์เนต มันทำให้เขารู้สึกท้อแท้และอยากจะร้องไห้ จนได้พูดออกรายการวิทยุที่เขาจัดถึงเรื่องนี้ พร้อมกับขอโทษแฟนๆ ที่ทำให้ต้องผิดหวัง ... จากนั้น ยองอุนก็ได้ฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก เพื่อให้ทักษะการเต้นของเขาดีขึ้นจากเดิม

                ยองอุน ถือเป็นรองหัวหน้าวง ที่คอยดูแลเหล่าสมาชิกในยามที่จองซูไม่ว่าง หรือ ดูแลได้ไม่ทั่วถึง เขาจะมีน้ำใจให้กับเพื่อนๆในวงเสมอ หากใครมีปัญหาอะไร เขาก็มักจะเข้าไปช่วยจัดการความเรียบร้อยให้ในทันที และสิ่งที่เขาทำอยู่ทุกวันก็คือ การสอดส่ายสายตาดูความผิดปกติของเพื่อนๆในวง หากวันใดมีใครสักคนที่แปลกไป เขาจะได้รับรู้มันได้ในทันที ... เช่น การแสดงโชว์ในเพลง Full of Happiness บนเวทีแห่งหนึ่ง ที่คิบอมลื่นล้ม .. ในตอนนั้น คิบอมมีปัญหาเรื่องขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การล้มในครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการไปซ้ำที่แผลเก่า และยองอุนก็เห็นมัน แต่เพราะว่าการแสดงจำเป็นต้องแสดงต่อไป และจองซูก็ยังต้องทำหน้าที่หัวหน้าวง ที่จะออกไปพูดอะไรกับแฟนๆ ดังนั้นเมื่อมีโอกาส ยองอุนก็รีบเข้าไปพยุงร่างของคิบอมเอาไว้ทันที

                แต่ด้วยนิสัยที่ชอบใช้กำลัง ทำให้สมาชิกค่อนข้างจะขยาดเวลาที่เขาอารมณ์เสีย (ซึ่งอาจจะใช้ไม่ได้ผลกับจงอุน เพราะขนาดโดนด่า โดนตบ ก็ยังจะมาตอแย) แต่ปกติแล้ว ยองอุนจะเป็นคนที่จิตใจดี ขี้สงสาร และคอยยอมให้กับน้องๆเสมอ ในเรื่องที่สามารถยอมได้ เขามักจะตามใจน้องๆ เนื่องจากรู้ดีว่าการทำงานในแต่ละวันค่อนข้างหนัก จึงไม่อยากที่จะกะเกณฑ์ในเรื่องส่วนตัวให้มากนัก แต่ถ้าหากมันเริ่มที่จะหลุดออกนอกกรอบจนเกินไป เขาก็พร้อมที่จะลุกขึ้นมาโหด เพื่อที่จะดึงให้พวกเขาเหล่านั้นกลับมาอยู่ในระเบียบอีกครั้ง

                ภายนอกของยองอุน อาจจะดูดุ หรือไม่ค่อยเป็นมิตร หนำซ้ำยังน่าเกรงขาม จนทำให้เขาเป็นคนที่ฮันคยองกลัวที่สุด แต่ใครจะไปรู้ ว่าเขากลับต้องแพ้ให้กับซองมินและรยออุคได้ง่ายๆ เพราะแค่เพียงซองมินบ่น มันก็ทำให้ยองอุนนั้นต้องถอยทัพกระเจิดกระเจิง (แต่ด้วยความรำคาญ) ส่วนรยออุคนั้นเขาก็รู้ดี ว่าอย่าไปต่อปากต่อคำกับเด็กคนนี้ให้มากนัก เพราะถ้าหากใครหลวมตัวไปต่อกรกับรยออุค ก็มักจะโดนสวนกลับมาชนิดว่าหน้าหงาย หรือหมอไม่รับเย็บ ... แน่นอนว่า เขาไม่ต้องการที่จะเจอกับสภาพแบบนั้น

                เพื่อนสนิทของยองอุนนั้นมีอยู่หลายคน ทั้งยุนโฮ (TVXQ) แจจุง (TVXQ) ฮีชอล จองซู รวมไปถึง จงอุน ... แม้ว่าเขามักจะทำท่าราวกับว่าไม่ต้องการให้จงอุนมาอยู่ใกล้ๆ และพยายามผลักไสให้ไปให้พ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากวันใดที่เขาไม่เจอหน้าของเพื่อนคนนี้ ไม่ได้หาเรื่องว่า หาเรื่องแกล้ง ชีวิตของเขาก็จะเหมือนขาดอะไรไป และเริ่มที่จะอยู่ไม่สุข เพราะที่เขาทำไปทั้งหมด แม้ว่าจะเป็นการใช้กำลัง มันก็เป็นการแสดงความรักในแบบของเขา เพราะนิสัยของเขากับจงอุนนั้นคล้ายกัน คือ ตั้งแต่เด็กแล้วที่ชอบการต่อสู้และใช้กำลัง ดังนั้นการทักทายของพวกเขาจึงมักจะเป็น การทักทายแบบแรงๆ มากกว่าที่จะออกแนวนุ่มนวล ... และทั้งๆที่เขามักจะชอบเล่นมุข และชอบขัด ชอบตัดบทพูด ชอบหาเรื่อง เพื่อนคนนี้ทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ถ้าหากให้พูดถึงสมาชิกในซูเปอร์จูเนียร์ เขาจะไม่เคยลืมที่จะพูดถึงเพื่อนคนนี้เลย

                และวันนี้ จากอดีตนักกีฬา เขาก็ได้ก้าวเข้ามาเป็นศิลปิน และ MC ที่เจิดจรัสในวงการบันเทิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อนาคตของเจ้าชายอสูรของเขา ก็กำลังรุ่งโรจน์และงดงาม .. และหวังว่าสักวัน เขาจะได้เป็นเจ้าชายในใจของใครหลายๆคน แทนที่จะเป็นเจ้าชายอสูรของอิทึกเพียงคนเดียว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×