ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [OT] รวมบทความถึงทงบังชินกิที่รักโดยTHEPEPX

    ลำดับตอนที่ #2 : [TVXQ] ความรักที่ไม่เคยถูกลืม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 196
      0
      5 ม.ค. 53


    คนเรามักชอบตั้งคำถามกับตัวเองอยู่บ่อยๆ
    อาจจะมีสาระหรืออาจจะไร้สาระจนน่าตกใจ
    แต่ก็มีบางคำถามที่ฉันอยากจะลองถามคุณดู...

    เราเกิดมาทำไม?
    เราเกิดมาเพื่อใคร?
    แล้วเราจะใช้ชีวิตที่แสนสับสนนี้อย่างไร?

    ชีวิตที่ถึงแม้จะดำเนินมาไม่นานนักของฉันเกิดคำถามเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง
    แล้วทุกครั้งฉันมักจะตอบคำถามให้กับตัวเองอยู่เสมอว่า

    “ฉันเกิดมาเพื่อพบเจออะไรอีกมากมาย”
    “ฉันเกิดมาเพื่อครอบครัวและตัวของตัวเอง”
    “ฉันคงจะใช้ชีวิตที่เหลือนี้ไปเรื่อยๆอย่างที่คนทั่วไปเขาทำกัน”

    คำตอบเหล่านี้...ที่ฉันเฝ้าบอกตัวเองอยู่ทุกวัน
    มันเป็นคำตอบที่ฉันรู้ว่ามันคือคำโกหกคำโต
    เพราะใจจริงแล้วตัวฉัน...ตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้
    ...
    จนกระทั่งคำขอบคุณในภาษาที่ไม่คุ้นเคยนั้นดังขึ้น
    พร้อมกับเสียงโห่ร้องแห่งความตื่นตันและเสียงสะอื้นจากคนรอบข้างและตัวฉันเอง...

    อย่าไปได้ไหม
    หันกลับมามองฉันที
    ได้โปรดมองฉันด้วยสายตาคู่นั้นอีกสักครั้ง
    ยิ้มให้พวกเราอีกได้ไหม ยิ้มแสนสดใสนั่น
    ฉันขอร้อง...อย่าจากพวกเราไปอีกเลย


    เสียงคร่ำครวญที่ดังอยู่ในหัวใจของฉันดังขึ้นเรื่อยๆ
    พร้อมกับความเจ็บปวดยามเห็นแผ่นหลังที่ไกลออกไป
    อีกแล้วสินะ...ความรู้สึกนี้
    เทพเจ้าของดวงดาวกำลังเดินจากไปช้าๆ
    มือเล็กๆของคนหลายคนยื่นไปข้างหน้าหวังคว้าสิ่งเดียวกันไว้
    หวังเพียงเขาจะหันกลับมา...
    หวังว่าเขาจะอยู่กับเราตลอดไป...
    และความหวังนั้นก็ยังคงเป็นเพียงความฝัน
    เพราะความจริงข้อหนึ่งที่เราทุกคนยอมรับด้วยสมองหาใช่หัวใจ

    คือ “ทงบังชินกิ คือ ศิลปินแห่งเอเชีย”
    ไม่ใช่ “ทงบังชินกิ ของ ประเทศไทยเพียงแห่งเดียว”


    เม็ดฝนที่โปรยปรายลงมาราวกับรู้ว่าหัวใจของใครหลายๆคนตรงนั้นกำลังร้องไห้
    เหมือนท้องฟ้ารู้ว่าดวงดาวดวงเล็กๆนี้ท้อแท้เพียงไร
    พวกพี่จะได้ยินไหมนะเพลงๆDon’t Say Goodbye?
    พวกพี่จะลืมRED OCEANที่เมืองไทยรึเปล่า?
    พวกพี่จะประทับใจกับโปรเจคต่างๆไหม?
    พวกพี่...คนที่พวกเรารัก
    จะคิดถึงกันบ้างรึเปล่านะ?

    “อย่าจากไปได้ไหม”

    พวกพี่จะได้ยินไหมเสียงหัวใจของพวกเรา
    เสียงหัวใจหลายพันดวงที่เต้นเป็นคำเดียวกัน...
    “รัก”

    ....

    ในที่สุดวันนี้ก็เสร็จสิ้นไปแล้ว
    พวกเราไม่กล้าที่จะคิดว่าจะสามารถยืนอยู่บนเวทีที่โตเกียวโดมได้
    แต่ก็ดีใจมากๆครับ ขอบคุณพวกคุณมากครับ

    ...ฉันดีใจมากๆกับความสำเร็จของพวกพี่ พี่ทำมันสำเร็จแล้วนะ^^...

    การแสดงที่โตเกียววันนี้สนุกไหมครับ
    พวกคุณสามารถทำให้พวกเราบรรลุความฝันได้
    สำหรับพวกคุณขอบคุณมากๆจริงๆครับ

    ...มันสนุกมากจริงๆคะถึงแม้ฉันจะดูผ่านวีดิโอ
    และคอนเสิร์ตที่เมืองไทยมันสนุกมากๆเลยเหมือนกัน
    แล้วพวกฉันทำให้พวกพี่บรรลุความฝันได้รึเปล่าคะ?...

    การแสดงทั้งหมดที่โตเกียวโดมได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
    ถึงแม้ว่าจะยังแอบมีความรู้สึกที่เหงาอยู่บ้าง
    แต่พลังทั้งหมดก็ได้ใช้ไปกับการแสดงหมดแล้ว ดังนั้นความรู้สึกเสียใจนิดนึงก็ไม่มีแล้ว
    หวังว่าจะได้พบกันครั้งหน้านะครับขอบคุณพวกคุณมากครับ

    …พวกพี่เต็มที่กับงานเสมอ มันออกมาเยี่ยมมากเลย^^
    แล้วมันก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆที่พวกพี่ไม่รู้สึกเสียใจและก็ไม่เหงา
    แต่พี่คะ...แคสสิโอเปียที่รออยู่ตรงนี้เหงามากเหลือเกิน
    พวกเราหวังว่าจะได้เจอพวกพี่อีกครั้งเหมือนกัน...

    ทัวร์ครั้งที่4ครั้งนี้จบไปแบบไม่รู้ตัวเลย
    พวกเราได้รับความรักที่ดีมากจากพวกคุณ
    ขอบคุณมากจริงๆครับ

    ...พวกเขาดูแลและให้ความรักดีๆกับพวกพี่ใช่ไหมคะ
    แล้วความรักของเราล่ะ ความรักของแคสสิโอเปีย
    พวกพี่ยังต้องการมันอยู่รึเปล่า?...

    ที่โตเกียวจนถึงตอนนี้การแสดงได้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว
    พวกเราดีใจมากและมีความสุขมากจริงๆครับ
    ผมคิดว่าเป็นเพราะเหตุผลของทุกคน จากนี้ไปคงต้องพึ่งพาทุกคนต่อไป
    ขอบคุณพวกคุณมากครับ I Love Bigeast! !

    ...ฉันควรยิ้มเมื่อพวกพี่มีความสุขแต่ทำไมน้ำตาฉันถึงไหลออกมาแบบนี้
    ทั้งที่คิดว่าเข้าใจและยอมรับมันได้แล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้ยินแบบนี้
    ทุกครั้งที่รับรู้ว่าไม่ใช่แค่แคสสิโอเปียที่ดูแลพวกพี่อยู่
    แค่ได้ยินคำว่ารักที่มอบให้กับคนเหล่านั้น ฉันก็ห้ามน้ำตาไม่ได้ทุกที
    พี่คะ พี่ยังรักและไม่ลืมแคสสิโอเปียของพวกพี่ใช่ไหม?...

    ฉันมองข้อความและรูปภาพบนจอด้วยน้ำตานองหน้า
    มือที่สั่นน้อยๆค่อยๆเลื่อนรูปภาพลงมาบนคีย์บอร์ดที่เปื้อนน้ำตา
    คำถามที่วิ่งวุ่นอยู่ในหัวกำลังเสียดแทงหัวใจจนไม่อาจหยุดความรู้สึกนี้ได้
    ความน้อยใจแสนร้ายกาจ
    และความเห็นแก่ตัวชั่ววูบที่อยากครอบครองพวกเขาไว้
    ฉันจะหยุดมันได้ยังไง บอกฉันที
    มันเจ็บปวดเกินไปรู้ไหมเทพเจ้า
    ดวงดาวของท่านหลายหมื่นด้วยกำลังร้องไห้ท่านรู้รึเปล่า
    ท่านเคยรู้บ้างไหม เคยเข้าใจเราบ้างไหม
    เคยรักกันจริงๆสักครั้งไหม ได้โปรดบอกพวกเราที


    ....
    “ทำอะไรอยู่น่ะเรา ทำไมยังไม่ไปนอนอีก”
    “หนูดูอะไรอยู่นิดหน่อยน่ะแม่ เดี๋ยวสักพักก็จะไปนอนแล้ว”
    “ดูเจ้าทงบังๆอะไรนั่นอีกแล้วใช่ไหม ดูมันได้ทุกวี่ทุกวันไม่เบื่อบ้างรึไง”
    แม่ของฉันบ่นเบาๆแต่ก็ขยับกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวข้างๆ
    ก่อนจะเพ่งสายตาที่เริ่มเลือนรางไปยังใบหน้าของคนที่ทำให้ฉันยิ้มและร้องไห้ช้าๆ
    รูปภาพ ณ โตเกียวโดมที่พวกพี่ใฝ่ฝันถูกเปิดไปเรื่อยๆถึงแม้ฉันจะรู้ดีว่า
    คนข้างๆให้ความสนใจเฉพาะรูปของลีดเดอร์คนเก่งเท่านั้น
    “ไม่ใช่ทงบังชินกิซะหน่อย นี่โทโฮชินกิต่างหากล่ะ”
    “อะไรกัน นี่มันยูโนของแม่ชัดๆ”
    “ก็ใช่ แต่ว่านี่เป็นคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น พี่ๆเขาใช้ชื่อว่าโทโฮชินกิ”
    “แล้วมันต่างกันตรงไหน”
    “ไม่รู้สิ...คงเพราะที่นั่นเป็นญี่ปุ่นมั้ง”
    “แล้วแกจะร้องไห้ทำไมเนี่ย”
    “นะ หนู ฮึก ไม่รู้ ทำไมล่ะ มะ แม่ ฮึก ทำไมพี่เขาต้องรักบิ๊กอีส ฮึก มากกว่าแคสสิโอเปีย ดะ ด้วย”
    แม่มองฉันอย่างไม่ค่อยเข้าใจนักกับสิ่งที่ฉันพูด
    แต่มือของท่านก็ลูบหัวฉันเบาๆอย่างอ่อนโยน
    ไม่มีคำพูดอะไรเอ่ยออกมาจากปากของแม่ฉันอีก
    จนกระทั่งท่านสัมผัสได้ถึงแรงสะอื้นที่แผ่วลง
    มือที่ร่องรอยของกาลเวลาปาดน้ำตาทิ้งเบาๆ
    พลางจับฉันให้หันมาเผชิญหน้ากับความจริงบางอย่างที่ฉันหลงลืม
    “แม่ไม่รู้หรอกนะว่า
    ** บิ๊กซี ค้ง แคสนี่มันคืออะไร”
    “บิ๊กอีส กะ กับแคสสิโอเปียต่างหาก ฮึก”
    “นั่นแหละ ไม่เห็นจะสำคัญตรงไหน”
    “สำคัญสิแม่”
    “...”
    “พวกพี่เขาบอกว่ารักบิ๊กอีส ฮึก”
    “เออเห็นแล้ว ถึงแม่จะสายตาไม่ดีแต่ก็ยังมีเงินตัดแว่นนะ”
    “พวกพี่เขาไม่รักพวกหนูแล้ว ฮึก ทะ ทงบังชินกิลืมแคสสิโอเปียแล้ว”
    “แม่ไม่เห็นว่าเขาเขียนไว้อย่างนั้น แล้วที่เรากรอกหูพ่อแม่ทุกวันก็ไม่มีคำพวกนี้ด้วย”
    “ตะ แต่ว่า...”
    “เขาเคยพูดหรอว่าเขาลืมเราแล้ว”
    “...”
    “เขาเคยบอกไหมว่าไม่รักเราแล้วน่ะ หืม?”
    “มะ ไม่..”
    “แล้วคิดแบบนั้นได้ยังไง ร้องไห้ฟูมฟ า ยกับสิ่งที่คิดไปเองเนี่ยนะ”
    “แต่แม่...”
    “ความรักน่ะมันยิ่งใหญ่มากนะรู้ไหมลูก”
    “...”
    “ความรักไม่ใช่การครอบครอง ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวเหมือนที่ลูกกำลังคิด”
    “หนูไม่ได้คิดแบบนั้น”
    “แม่เลี้ยงแกมาตั้งกี่ปีแล้วทำไมแม่จะดูไม่ออก แล้วอีกอย่างคนเราก็เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกแบบนี้”
    “...”
    “ความรักของลูกที่มีต่อพวกพี่เขาเป็นยังไงบอกแม่ได้ไหม”
    “หนูอยากเห็นพวกพี่เขายิ้มทุกๆวัน อยากได้ยินเสียง อยากได้เห็นพวกพี่เขาร้องเพลง
    หนูอยากเห็นคนที่หนูรักมีความสุข”

    “แล้วลูกคิดว่าความสุขของพวกพี่เขามาจากไหนล่ะ”
    "พวกผมมีความสุขมากๆครับที่ได้ไปจัดคอนฯที่ประเทศไทยในครั้งนี้
    พวกผมมีความสุขมากๆ Cassiopeia ที่ไทยให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
    ผมขอบคุณมากๆนะครับ ผมไปเยือนประเทศไทยในครั้งนั้น
    เหมือนผมได้อยู่ในบ้านของตัวเองเลย ขอบคุณครับที่ให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี
    ผมจะจดจำภาพในครั้งนั้นไว้อย่างดี และ ผมสัญญาว่า ผมจะไปประเทศไทยอีกครับ
    ผมรู้สึกหลงรักประเทศไทยซะแล้วซิ!"

    "ผมรากคงไทย"

    "ผมรักมะพร้าว"

    "ตอนผมอยู่บนเวทีนั้น ผมมีความสุขมากเลยนะ ผมไม่อยากให้เวลาเหล่านั้นผ่านไปเลย
    ตอนคอนฯจบ ผมน้ำตาซึมเลยล่ะ Ha Ha Ha"

    "ขอบคุณครับ!"


    ถ้อยคำเหล่านั้นที่ฉันอ่านมันหลายร้อยรอบแต่หลงลืมมันไป
    เพียงเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจวิ่งเข้ามาในหัวไม่หยุด
    คำถามมากมายที่ฉันถามกับตัวเองหลายครั้งถูกตอบด้วยใจของฉันเอง
    โดยที่แม่ของฉันยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเมื่อรับรู้ได้ว่า
    น้ำตาที่ไหลอาบแก้มตอนนี้มาจากความรู้สึกที่ต่างกันไป

    รอยยิ้ม
    เสียงหัวเราะ
    น้ำตาแห่งความยินดี
    คำว่ารัก
    คำว่าขอโทษ
    คำว่าขอบคุณ
    และอีกมากมายที่ทงบังชินกิมอบให้พวกเรามาตลอด
    สิ่งมีค่าที่เราบางคนหลงลืมไปชั่วขณะแม้แต่ตัวฉันเอง
    หลงลืมเพราะคิดว่ารักที่ให้ไม่ได้รับการตอบสนอง
    ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่สำคัญเลยสักนิด


    รักที่เกิดจากการให้มันหอมหวานในตัวของมัน
    และการตอบสนองของความรักนั้นก็คือรอยยิ้มของคนที่เราให้มันไป

    รอยยิ้มสดใสของจุนซู
    รอยยิ้มพิฆาตของยูชอน
    รอยยิ้มทรงเสน่าห์ของแจจุง
    รอยยิ้มน่ารักและตาที่ไม่เท่ากันของชางมิน
    รอยยิ้มแสนอ่อนโยนของยุนโฮ


    รอยยิ้มและความสุขเหล่านี้คือการตอบแทนความรักของแคสสิโอเปีย
    คือสิ่งที่ทงบังชินกิทำให้คนที่เขารักได้พร้อมกับเสียงเพลงและความสำเร็จ
    ความสำเร็จที่เริ่มต้นจากดวงดาวเล็กๆเพียงไม่กี่ดวง
    จนกลายมาเป็นหมู่ดาวหลายล้านดวงที่เจิดจรัสอยู่บนท้องฟ้า
    คนละพ่อคะละแม่
    คนละบ้านคนละเมือง
    คนละที่มาคนละวัฒนธรรม
    แต่ทงบังชินกิคือสิ่งที่เชื่อมหัวใจของดาวเหล่านี้ไว้ด้วยกันได้

    CASSIOPEIA
    PHOENIX
    BIGEAST
    AETHIOPEIA
    PROUD


    ไม่ว่าจะเรียกแทนตัวเองว่าอะไร
    แม้ว่าจะแตกต่างกันแค่ไหน
    ความรักที่เรามอบให้ผู้ชายห้าคนนี้ก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
    และที่สำคัญมากไปกว่านั้น...
    ถ้าไม่มีใครสักคน ทงบังชินกิคงไม่มาถึงวันนี้

    ฉันยิ้มน้อยๆก่อนจะสวมกอดแม่แน่นๆ
    แล้วตอบคำถามที่ฉันภูมิใจในคำตอบของมันเหลือเกิน
    “ความสุขของทงบังชินกิ เกิดจากความรักที่ทุกคนมอบให้เขาค่ะ”

    ...

    “Don't Say Goodbye You are my everything to me”
    เสียงร้องที่ดังคลอๆของฉันหยุดลงพร้อมกับ
    มือที่จัดของทุกอย่างของคนที่ฉันรักเข้าที่เหมือนเดิม
    หลังจากฉันเอามันไปเก็บไว้ที่อื่นหลายวันเพราะความ
    **ของตัวเอง
    ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ส่งเสียงร้องอยู่ได้สักพักขึ้นมา
    แล้วทักทายอย่างร่าเริงเมื่อชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอเป็นชื่อของน้องสุดที่รัก

    “ฮัลโหล ว่าไงน้องรัก”
    “เจ้! เจ้รู้รึยัง”
    “รู้อะไรล่ะ ถ้ารู้ว่าทงบังแฟนเจ้ล่ะก็รู้นานแล้ว”
    “อย่าๆ ปาร์คของหนูนะ เข้าเรื่องๆ เจ้รู้รึยังว่าเราทำสำเร็จแล้วนะ!”
    “เอ๋?”
    “โปรเจคDon’t say goodbyeที่พวกเราทุกคนทำด้วยกันมันสำเร็จแล้ว!!!”
    “...”
    “หนูรู้มาว่าเพลงที่เราร้อง อปป้าเขาได้ยินกันด้วยนะเจ้”
    “...”
    “เขาบอกว่าตอนแรกเขาฟังไม่ออกว่าเราร้องอะไรกันจนพี่ชางมินขอให้ทีมงานเบาเสียงเพลงลง
    แล้วพออปป้าเขาได้ยิน ฮึก เขาก็ร้องไห้กันหมดเลย”
    “จะ จริงหรอ ฮึก จริงใช่ไหม”
    “อื้ม ฮึก ใช่ โดยเฉพาะพี่ชางมินกับพี่จุนซูร้องไห้หนักมากเลย ฮึก แล้วตอนที่ฝนตกน่ะ
    พวกพี่เขาก็เป็นห่วงพวกเรามากเลยด้วย”
    “...”
    “แล้วเจ้รู้ไหม มีพี่ที่เขาฟังภาษาเกาหลีออกบอกว่า พี่จุนซูพูดนอกสคริปแหละประมาณว่า
    รู้สึกผิดที่มาช้าตั้ง1ปี6เดือนทั้งที่สัญญาว่าจะมาให้เร็วที่สุด”

    “ฮึก พี่คะ ฉัน ฮึก ฉัน...”
    “...”
    “ฉันรักพี่ที่สุดเลย”

    จากวันนั้นถึงวันนี้กลิ่นอายของความรักและความประทับใจยังคงอบอวนอยู่ไม่จาง
    ทั้งรอยยิ้ม และคราบน้ำตายังคงชัดเจนเหมือนทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
    แม้ฉันจะยังไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าเราจะได้พบกัน
    แม้แคสสิโอเปียจะไม่รู้ว่าการรอคอยนี้จะสิ้นสุดลงตรงไหน
    แต่ที่เรารู้วันนี้ตอนนี้และตลอดไป คือความรักที่ไม่เคยถูกลืม
    ทั้งรักที่ให้ไปและรักที่ได้รับกลับมา ฉันหวังว่าแคสสิโอเปียจะจำมันได้ขึ้นใจ
    เหมือนกับฉันที่เคยปล่อยให้ความน้อยใจบดบังความจริงที่เป็น
    คือแคสสิโอเปียรักทงบังชินกิ และทงบังชินกิก็รักแคสสิโอเปีย
    และที่สำคัญก็คือ “ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงฉันก็รักผู้ชายห้าคนนี้มากเหลือเกิน”
    ณ เวลานี้คีย์บอร์ดของฉันเปื้อนน้ำตาอีกครั้ง แต่ด้วยความรู้สึกที่ต่างไป
    สิ่งที่ฉันใช้เวลาพิมพ์อยู่นานอาจทำให้ใครบางคนตอบคำถามบางอย่างได้หรืออาจจะไม่เลยก็ตาม
    แล้วตอนนี้คำถามอีกสามข้อที่ฉันถามตัวเองมาหลายปีถูกนึกขึ้นอีกครั้ง
    แล้วฉันก็พร้อมจะตอบมันด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยรัก

    “ฉันเกิดมาเพื่อเรียนรู้คำว่ารักทั้งให้ไปและรับมา”
    “ฉันเกิดมาเพื่อครอบครัว ทงบังชินกิที่ฉันรักและตัวฉันเอง”
    “ฉันจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้มีค่าเพื่อตอบแทนความรักจากครอบครัวและทงบังชินกิให้มากที่สุด”


    นัยน์ตาที่เออคลอมองตรงไปยังท้องฟ้ากว้างที่ประดับไปด้วยดวงดาวมากมาย
    โดยที่อีกฝั่งหนึ่งของฝากฟ้ามีคนที่ฉันรักถึงห้าคนอยู่ที่นั่น
    เพื่อทำตามความฝันและใช้เสียงเพลงตอบแทนความรักจากเราทุกคน
    ดาวดวงเล็กๆวิ่งตกลงจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว แต่คงเพราะฉันโชคดีฉันเลยขอพรได้ทัน
    “พระเจ้าค่ะ ฉันขอให้คนที่ฉันรักมีความสุข”

    ฉันรักพี่ค่ะ^^

    CREDIT : THEPEPX
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×