ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (S.Fic Naruto & KHR) ศูนย์รวมฟิคสั้น Naruto & KHR

    ลำดับตอนที่ #20 : KHR : Destiny….(56Lal,Rluche,FonM) 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 992
      5
      30 ม.ค. 55


     

    คุยกับไรท์ก่อนอ่าน : ช่วงนี้เป็นโรคเอาแต่ใจตัวเองค่ะ เลยปิดรับรีเควสชั่วคราว =w= หวังว่าจะเข้าใจไรเตอร์นะคะ (อย่าเพิ่งเตะกันเลยเน้อ ToT) 3 คู่นี้เป็นความชอบส่วนตัวของไรเตอร์ค่ะ คู่ฟงมาม่อนอาจจะแรร์ แต่สำหรับไรเตอร์(และเพื่อนๆบางคน)ก็ธรรมดาค่ะ ฮ่าๆ เอาละคะ รู้สึกพูดมากไปแล้ว เชิญอ่านได้ค่ะ

     

    ชี้แจง ในตอนนี้แบ่งเป็น 3 คู่  ได้แก่

    Destiny

    คู่แรก...56La > Chapter 1: Promises ….(คำสัญญา)

    คู่ที่ 2 Rluche > Chapter 2 : Feeling (ความรู้สึก)

    คู่ที่ 3 FonM > Chapter :  Memories…(ความทรงจำ)

     

    อัลโกบาเลโน่......
    สายรุ้งทั้งเจ็ด...ทารกต้องคำสาป.....
    ยืนอยู่ในจุดซึ่งเรียกว่าช่องว่างแห่งกาลเวลา....
    ต้องคอยรักษาจุกนมไปชั่ว
    นิรันดร์….
    ความเจ็บปวดที่ใครยากจะเข้าใจ...ยกเว้นแต่จะเป็นอัลโกบาเลโน่ด้วยกันเอง...

     

    รอยยิ้ม....สำหรับพวกเขามีไว้เพื่อปิดบังความรู้สึกจริงๆไว้
    ภายใต้หน้ากากอันยิ้มแย้มนั้น...กลับเต็มไปด้วย...

    ความรู้สึกและความเจ็บปวด...
    แต่มันกลับยากที่ใครจะคาดเดา...

    รอยยิ้มซึ่งประดับอยู่บนใบหน้าของพวกเขา...

    ไม่เคยจางหายไป.....

     

    ไม่เว้นแม้แต่วันที่........

     

    คนที่สำคัญที่สุดต้องเดินออกจากชีวิตของตัวเองไป....

     

    ...................

    .....

    ..

    .

    .

     

    [Destiny Chapter 1: Promises]

     

      

     

    เวลาที่ฉันร้องไห้....นายมักจะเข้ามาและมองฉันด้วยสายที่ดูอบดุ่น....
    สายตาของนายที่มองฉันในตอนนั้น.......

    มันสื่อถึงอะไรกัน....โคโรเนโร่.....
    แล้วคำสัญญาที่นายให้ฉันทำด้วย.........
    มันคืออะไร.....นายตอบฉันได้มั้ย

     

    สัญญาสิว่าจะไม่หนี เธอต้องยอมรับในความจริง ดังนั้นอย่าร้องไห้เลยนะ...ฉันจะอยู่ข้างๆเธอเอง!!’

     

    ......สายตาที่ฉันมองเธอในเวลาที่เธอร้องไห้
    ....มันหมายถึงเป็นห่วง ไม่อยากให้เธอร้องไห้กับเรื่องเล็กๆ

    .......คำสัญญานั่น
    .......รัล เธออย่าร้องไห้อีกเลยนะ
    ....ฉันคนนี้นี่แหละจะคอยปกป้องและปลอบใจเธอเอง


     

    กี่ครั้งแล้วที่ต้องเสียน้ำตา........เพราะเขาไม่อยู่ตรงนี้

    กี่ครั้งแล้วที่นอนไม่หลับ......เพราะเรื่องของเขายังฝังอยู่ในหัว

    กี่ครั้งแล้วที่ต้องหลับไปกับฝันร้าย......เรื่องที่เขาปกป้องฉัน

    และกี่ครั้งแล้ว....ที่เขาทำให้ฉันรัก?

    โคโรเนโร่……

    ..................................................................................................................

     

    อะไรกัน?.......... ทั้งที่อุตส่าห์ลืมไปแล้วนะ ทำไมมันต้องผุดขึ้นมาตลอดเลยนะ

    เรื่องของยัยนั่น  เรื่องที่ผมปกป้องเธอ เรื่องที่เธอร้องไห้ เรื่องที่ผมทำผิดสัญญา และอีกหลายๆเรื่อง
    เรื่องทั้งหมดผมผิด? ผิดไปใช่มั้ยที่เป็นห่วงยัยนั่น และก็ผิดมากที่ดันไปรักเธอ

    ………รัล มิลจิ

     

    ในวันที่ต้องร้องไห้ ต้องเสียน้ำตา เขามักจะอยู่ข้างๆ เธอเสมอๆ ใบหน้ายิ้มแย้มและนัยน์ตาสีฟ้าสดใสที่ทอประกายความอบอุ่นมาให้มักจะคอยปลอบประโลม ดั่งพิรุณที่ชะล้างทุกสิ่งเสมอๆ

     

    เขาสัญญาว่าจะปกป้องรอยยิ้มของเธอไว้........

     

    แต่เขากลับทำไม่ได้....

     

    ในวันที่ต้องได้รับคำสาปให้กลายเป็นอัลโกบาเลโน่ เขาได้ใช้ร่างกายของตัวเองเข้าปกป้องเธอ แต่มันกลับทำให้เธอต้องเสียน้ำตาเมื่อร่างกายหดเล็กลง

     

    คำพูดที่ได้พูดกันเป็นครั้งสุดท้าย...เขากลับพูดเหมือนทุกๆที

     

    ฮ่ะๆ...โทษทีนะ ก็นึกว่าจะช่วยเธอได้เท่กว่านี้สักหน่อย.......

     

    ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป.......

     

    ระหว่างนี้ก็ทำตัวเป็นผู้หญิงหน่อยล่ะ.......

     

    มือเล็กๆของเด็กชายเอื้อมมาสัมผัสแก้มของเธอ เล่นเอาร่างเล็กหน้าแดงไม่ใช่น้อย

     

    จะไปด้วยกันมั้ยล่ะ....

     

    หึ........ล้อเล่นน่ะ....

     

    และคำพูดสุดท้าย......

     

    คงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วสินะ รัล.....

     

    จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกไป...และห่างออกไปทุกทีๆ

     

    มือน้อยๆของร่างเล็กยื่นออกไปเหมือนจะคว้าเขาเอาไว้ แต่แผ่นหลังนั้นกลับห่างไกลออกไป และเธอก็ต้องเสียน้ำตาอีกครั้งเมื่อแผ่นหลังเล็กๆของเขาลับตาไป

     

    ..........................

     

    1 เดือนก่อนอัลโกบาเลโน่ถือกำเนิด.......

    “เอ้า รัลยิ้มหน่อยสิ หันมาหากล้องซะด้วย!!!!!!!!!

     

    เสียงหนึ่งในลูกหน่วยของโคมุสบินที่เป็นช่างภาพดังขึ้น ช่วงนี้ใกล้จะจบช่วงที่ต้องมาฝึกกับรัลแล้ว เลยต้องถ่ายรูปไว้ซะหน่อย แต่สาวเจ้ากลับทำหน้าบอกบุญไม่รับแถมยังไม่มองกล้องอีกด้วย เพราะคนที่ถ่ายคู่ด้วยคือโคโรเนโร่ ชายเพียงคนเดียวที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและลูกศิษย์ของเธอ แถมหมอนี่ก็เป็นคนเดียวที่กล้าต่อล้อต่อเถียงกับเธอ จนลูกหน่วยคนอื่นๆยกให้เป็นลูกพี่เลยก็ว่าได้

    แชะ!!!!

     

    สุดท้ายก็เลยได้ถ่ายทั้งอย่างนั้น รูปที่ออกมาคือรัลทำหน้าบอกบุญไม่รับ ผิดกับโคโรเนโร่ที่ยิ้มซะกว้างและยังเอามือวางบนศีรษะของหญิงสาวอีกด้วย

     

    หญิงสาวรับรูปใบนั้นไว้แล้วเก็บไว้ในกระเป๋าอย่างไม่ค่อยใส่ใจกับมันมาก ซึ่งเรียกรอยยิ้มบางๆจากชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี

     

    ถ้าเป็นแบบนี้ไปตลอดก็ดีนะ....รัล.....

     

    ........

     

    วันต่อมา........

     

    หญิงสาวซึ่งเตรียมตัวอยู่ในห้องของตัวเอง และกำลังจะเดินไปบิดลูกบิดประตูเพื่อเดินออกไป หากแต่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดไว้

     

    เสียงของผู้ชายสวมหมวกเหล็ก...ผู้ให้กำเนิดอัลโกบาเลโน่!!!

     

    “คุณรัล มิลจิใช่มั้ยครับ”

     

    “......”

     

    “คุณคือผู้ถูกเลือก จากนี้อีกสามวัน ขอให้ไปตามแผนที่นี้ ผองเพื่อนที่ถูกเลือกเหมือนกันนั้นได้รออยู่แล้ว โชคดีครับ” หลังจากยื่นกระดาษที่เขียนแผนที่ให้แล้ว ชายผู้นั้นก็กระโดดออกจากหน้าต่างไป

     

    รัลทำหน้างงก่อนจะวางกระดาษแผนที่ลงที่โต๊ะ และหันหลังเดินออกจากห้องไป......

     

     

    จากนี้อีกสามวัน.......สินะ

     

    หญิงสาวบ่นพึมพำโดยไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งแอบฟังการสนทนาอยู่หน้าห้อง......เขาได้ยินทุกถ้อยคำที่เธอและชายคนนั้นเอ่ย ได้ยิน....ทุกการสนทนาอย่างชัดเจน

     

    “อ๊ะ ว่าไง มีอะไรโคโรเนโร่” รัลที่เปิดประตูออกมาเอ่ยปากถามเมื่อพบว่าชายหนุ่มยืนพิงผนังอยู่หน้าห้อง เขาไม่พูดไม่จา และหลุบตาต่ำลง จากนั้นก็ดันเธอเข้าไปในห้องอีกครั้ง

     

    กริ๊ก!

     

    โคโรเนโร่ล็อคประตูก่อนจะเดินเข้ามาใกล้รัล และดึงร่างบางเข้ามากอดแนบกาย.....เหมือนเขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไปไหนเลย ความรู้สึกต่างๆเหมือนจะถูกแสดงผ่านอ้อมกอดอันอบอุ่นนั้น

     

    “โคโรเนโร่...เป็นอะไรไปน่ะ” รัลพูดเสียงอู้อี้เนื่องจากถูกกอดอยู่

     

    “เธอไม่จำเป็นต้องไปหรอกนะ...ฉันจะไปแทนเอง เว้ยเฮ้ย”

     

    “นายพูดอะไรน่ะ.....”

     

    “อย่าคิดว่าฉันไม่ได้ยินที่เธอกับเจ้านั่นคุยกันนะเว้ยเฮ้ย” คำพูดแค่นั้นทำให้รัลดวงตาเบิกกว้าง........อย่างที่คาดไว้เลย เขาได้ยินจริงๆด้วย “ฉันจะไปแทนเธอเอง..”

     

    O_O!!!!

     

    “หึ......ฟังไม่ผิดหรอก”

     

    “แล้วทำไมต้องทำเพื่อฉันแบบนั้นด้วยล่ะ......”

     

    “........” โคโรเนโร่โอบเอวรัลเข้ามใกล้ตัวและอีกมือก็เชยคางของร่างบางขึ้น ใบหน้าคมนั้นก็ค่อยโน้มลงมาประทับริมฝีปากของหญิงสาว

     

    เป็นจูบที่อ่อนโยน.......ที่เธอไม่เคยได้รับจากใครแล้วก็ไม่เคยคิดว่าจะได้รับมันด้วย 

     

    “นาย...ทำแบบนั้นไปทำไม” รัลได้สติก็รีบผละออกและเบือนหน้าหนีเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำ

     

    “เพราะว่า......ฉันรักเธอไงล่ะ รัล มิลจิ”

     

    “...แต่ฉัน”

     

    “เธอไม่ต้องรักฉันตอบก็ได้ แต่ขอแค่ให้ฉันรักเธอแค่นั้นก็พอใจแล้ว เว้ยเฮ้ย” จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกจากห้องไป...ทิ้งไว้แค่หญิงสาวที่ทรุดลงนั่งกับพื้นด้วยความอึ้ง

     

    ........

     

    3 วันให้หลัง...

     

    รัลมาที่คฤหาสน์อัลโกบาเลโน่และอยู่ร่วมกับผองเพื่อนอีก 6 คน แต่กระนั้น...ในใจก็ยังคงคิดเรื่องนั้นไม่หาย...เรื่องของเธอกับโคโรเนโร่...

     

    เธออยู่ที่นั่นกับเพื่อนๆเป็นเวลา 3 เดือนด้วยกัน

     

    ก่อนที่วันแห่งชะตากรรมจะมาถึง เธอและเพื่อนๆได้กลายเป็นอัลโกบาเลโน่ หากแต่อัลโกบาเลโน่แห่งพิรุณกลับไม่ใช่เธอ โคโรเนโร่ต่างหาก...เขามารับคำสาปแทนรัล ทำให้เธอกลายเป็นอัลโกบาเลโน่ที่ไม่สมบูรณ์

     

    คำพูดสุดท้ายที่เขาพูดคือ........

     

    “คงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วสินะ รัล....” จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกไปจนลับตา

     

    “เธอไม่ต้องรักฉันตอบก็ได้ แต่ขอแค่ให้ฉันรักเธอแค่นั้นก็พอใจแล้ว เว้ยเฮ้ย”

     

     

    ถ้าตอนนั้นฉันพูดออกไปว่าฉันรักนาย...นายจะยังอยู่ตรงนี้มั้ย.....

     

    โคโรเนโร่.......ขอโทษนะ

     

    ทิฐิของฉันมันมากเกินไป....เกินกว่าที่จะบอกนายว่าฉันเองก็รักนาย.....

     

    [Destiny Chapter 2 : Feeling]

     


    โชคชะตานั้นคือสิ่งที่ฉันต้องยอมรับ
    และฉันก็พร้อมที่จะรับมันอย่างเต็มใจ...

    ความรู้สึกของคุณ.....ฉันเข้าใจดีค่ะ
    ไม่จำเป็นต้องพูดต่อก็ได้....ฉันเข้าใจดี

    เธอช่วยเข้าใจความรู้สึกของฉันหน่อยได้มั้ย ที่ฉันอยากจะบอกก็คือ.....

     

     

    ...นี่เธอเข้าใจจริงๆรึเปล่าเนี่ย!!!
    ......ที่ฉันอยากจะบอกก็คือ
    .....เอ่อ เอาเป็นว่า
    ...เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เองล่ะน่า!!

     


    ตั้งแต่วันนั้นที่คนคนนั้นเดินเข้ามาในชีวิตของฉัน...ก็มีเรื่องนึงที่ค้างคาใจมาตลอด.....
    ว่าความรู้สึกที่มีต่อคุณมันเป็นอะไรไปอย่างนั้นเหรอ........

    แล้วถ้าเป็นคุณ..จะตอบได้มั้ยคะ
    รีบอร์น....

    ..................................................................................................................

     

    .......อะ...อะไรกัน.... ความรู้สึกนี้
    ......รักเหรอ? ไม่ใช่มั้ง
    …….
    คนไม่มีหัวใจแบบผมเนี่ยน่ะนะ มีความรัก??
    ...บ้าจริง เธอคนนั้นเริ่มทำผมสับสนแล้วแฮะ
    .....เป็นคนแรกเลยน่ะนั่นน่ะ ที่ทำให้ผมเป็นมากขนาดนี้
    ...ลูเช่



    คุณคือผู้ถูกเลือก อีก 3 วันให้หลังคุณต้องไปสถานที่ที่ระบุไว้ในแผนที่ ทุกๆคนจะรออยู่ที่นั่น โชคดีครับ

     

     

    คำพูดของชายสวมหมวกเหล็กยังคงก้องอยู่ในหัวของชายหนุ่มจอนม้วน ซึ่งเป็นนักฆ่าที่เก่งที่สุดของวองโกเล่ ผู้เลื่องชื่อในวงการมาเฟีย นามนั้นคือ ...รีบอร์น….

     

    อะไรกัน?? เหมือนมีอะไรหนักๆมาทุบหัวเลยแฮะ...

     

    นี่งานเยอะไม่พอ ยังเจอพวกบ้าๆมาบอกให้ไปนู่นไปนี่อีกเหรอเนี่ย!!!

     

    แล้วผู้ถูกเลือกนี่มัน.....เรื่องอะไรกัน

     

    ก็ลองไปดูสิ ฉันอนุญาต....

     

    เพราะคำอนุญาตของบอสวองโกเล่รุ่นที่ 9 ทำให้เขาต้องเดินทางไปยังสถานที่นั้นซึ่งเขาไม่รู้จัก มันระบุอยู่ในแผนที่...และที่เขาต้องทำก็คือ...

     

    ...แค่เดินทางไปตามที่แผนที่ชี้นำเท่านั้นเอง...

     

    ไม่ต้องไปยุ่งยาก....ไม่ต้องไปสนใจ...

     

    เพียงแค่ทำตามมันไป...

     

    แต่เขาไม่รู้เลยว่า...การเดินทางครั้งนั้น จะทำให้เขาได้พบกับเธอคนนั้น บอสแห่งจิสโรเนโร่ แฟมิลี่ ซึ่งกำลังจะก้าวมาอยู่ในตำแหน่ง นภาแห่งอัลโกบาเลโน่.....

     

    เธอคนนั้นซึ่งมีรอยยิ้มสดใสและโดดเด่นยิ่งกว่าใคร....

     

    ลูเช่....

     

    .........................................................................................................................

     

     

    คฤหาสน์อัลโกบาเลโน่........

     

    ผู้ถูกเลือกทั้งหมด 7 คนนั่งล้อมอยู่โต๊ะกลมกลางคฤหาสน์ ต่างฝ่ายต่างนั่งเงียบราวกับอยู่คนละโลก ไม่มีใครเชื่อใจใคร ไม่มีใครไว้ใจซึ่งกันและกัน….

     

    ยกเว้นก็เพียงแต่.....

     

    “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อลูเช่นะคะ ฉันอบคุกกี้มาด้วย...ยังไงจะทานหน่อยมั้ยล่ะคะ” หญิงสาวผู้มีสัญลักษณ์ดอกจิกใต้ตายื่นคุกกี้ให้สาวแกร่งเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงิน....รัล มิลจิ

     

    “ฉันไม่รับของจากคนแปลกหน้ามาใส่ปากหรอกนะ..” รัลพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

     

    “เชิญเลยค่ะ..”แต่แทนที่ลูเช่จะโกรธ เธอกลับยิ้มและเดินไปทางด้านที่นักวิทยาศาสตร์หนุ่ม(เวลเด้)นั่งอยู่ เธอยื่นคุกกี้ให้  แต่เขากลับไม่สนใจและนั่งคำนวณสูตรอะไรสักอย่างตรงหน้าต่อ  ส่วนอีกคน(ไวเปอร์)...สาวเจ้าก็เอาแต่นั่งนับเงินไม่สนใจใครทังนั้น

     

    “(=)_(=)” ส่วนชายหนุ่มรุ่นน้อง(สคัล)ผู้มีมารยาท(?)ก็คว้าคุกกี้ไปเคี้ยวกร้วมๆๆๆหน้าตาเฉย ลูเช่ยิ้มและเดินมาทางฟงกับรีบอร์น

     

    “คุณสองคนล่ะคะ จะรับมั้ย”

     

    “อ๊ะ เซี่ยเซี่ย” ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณเป็นภาษาจีนและรับคุกกี้มากินอย่างสุภาพ ซึ่งต่างกับคุณรุ่นน้องเมื่อกี้ลิบลับเลย

     

    “คุณล่ะคะ” ลูเช่หันไปยื่นคุกกี้ให้รีบอร์นบ้าง

     

    “ฉันไม่ชอบของหวาน”

     

    “งั้นเอากาแฟมั้ยล่ะคะ ฉันจะชงเอสเพรสโซให้”

     

    “ไม่เข้าใจรึไง ที่ฉันอยากจะบอกก็คือ...”

     

    “ถ้าสงสัยล่ะก็ ฉันจะกินให้ดูก่อนว่ามีพิษมั้ย โอเคนะคะ คุณนักฆ่าผู้รอบคอบ”

     

    “เข้าใจแล้ว งั้นก็ชงมาเถอะ..” เขาพูดพร้อมกับลูบจอนไปด้วย

     

    “จอนม้วนนั่น...น่ารักจังนะคะ ^^” ลูเช่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ซึ่งทำให้ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่...

     

    และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักกับเธอ......ลูเช่

    ...................

     

    3 เดือนต่อมา.....

     

    หลังจากรู้จักกันได้สักพักใหญ่ๆ ดูเหมือนความสนิทสนมของทั้งคู่ก็ดูจะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ จนผองเพื่อนอัลโกบาเลโน่คนอื่นๆเริ่มแซวว่าทั้งคู่คบกัน อะไรแบบนี้เป็นประจำ

     

    แต่จะไปว่าพวกเขาก็ไม่ได้...มันก็สมควรถูกแซวแล้วล่ะ ก็เวลาไปไหนมาไหนทั้งสองคนก็แทบไม่ห่างกันเลย....

     

    อย่างเช่นคืนนี้...ที่ระเบียงก็มีแค่รีบอร์นกับลูเช่เท่านั้น

     

    ทั้งคู่กำลังคุยกัน...ก่อนที่จะต้องเดินทางไปรับคำสาปในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้

     

    “แบบนี้มันจะดีเหรอ ลูเช่ เธอน่ะ..มีหน้าที่สำคัญต้องรับผิดชอบนะ” ชายหนุ่มว่าพลางกอดอกและพิงผนังไปด้วย

     

     “ฉันไม่เป็นไรหรอก ฉันเต็มใจที่จะรับมันอยู่แล้ว” เธอว่าพลางลูบท้องไปด้วย ตอนนี้เธอกำลังอุ้มท้องลูกน้อยอยู่...อัลโกบาเลโน่แห่งนภามักจะมีอะไรแปลกกว่าคนอื่นเสมอ คือจะท้องขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ และหลังจากคลอดก็จะป่วยและตายไปในที่สุด....

     

    ลูเช่รู้อยู่แล้ว และเรียกมันว่า.....โชคชะตา

     

    “ถอนตัวซะ...ก็ได้นี่”

     

    “ไม่ได้หรอก นี่เป็นโชคชะตาที่ฉันจะต้องรับ” ลูเช่สั่นศีรษะ

     

    “หึ ฉันไม่เชื่อเรื่องโชคชะตาหรอกนะ” รีบอร์นแค่นหัวเราะก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา “แต่ว่าฉันจะเชื่อ...ที่เธอพูดมาก็แล้วกันนะ”

     

    “ขอบใจนะ....อ๊ะ ดาวเคลื่อนที่แล้ว นั่นหมายถึง...โชคชะตาของฉัน...และเธอด้วยนะ” หญิงยิ้มไปพูดไป

     

    “ลูเช่...” รีบอร์นเดินเข้าไปและนั่งยองๆลงข้างๆเก้าอี้ที่ลูเช่นั่น

     

    “อะไรเหรอ”

     

    “ฉันไม่รู้ว่าควรพูดมั้ย แต่ว่า..ฟังนะ” จะนั้นรีบอร์นก็กระซิบเบาๆที่ข้างหูของลูเช่ เพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น

     

    Ti amo…..

     

    “ขอบใจอีกครั้ง สำหรับความรู้สึกดีๆ ^^” ลูเช่ยิ้มบางๆให้รีบอร์น ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่แก้มข้างขวาของชายหนุ่มอย่างอ่อนโยนและแผ่วเบา “Anch'io ti amo (ฉันเองก็รักเธอนะ)” ก่อนจะตอบรับออกไป

     

    “อืม ขอบใจนะ ลูเช่” รีบอร์นลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์ ปล่อยให้ลูเช่นั่งอยู่คนเดียว เธอพึมพำอยู่เงียบๆคนเดียว

     

     

    ดวงดาวที่เปล่งประกายในท้องฟ้า....คืนนี้เจ้าช่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน

    หากแต่..เจ้ายังมีแสงจันทร์อยู่เคียงข้าง

    แล้วตัวฉันล่ะ...จะมีเขาอยู่ข้างๆได้อีกนานเท่าไรหรือ...

     

    ชีวิตของฉันหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว....

    ที่ฉันอยากจะบอกกับเขาก่อนที่ชีวิตฉันจะ...มันมีมากมายเหลือเกิน

    แต่ที่อยากบอกที่สุดคือ.........

     

    เธอคือสิ่งล้ำค่าสำหรับฉัน......รีบอร์น

    Anata wa Takaramono……..

     

     

     

    [Destiny Chapter 3 : Memories]

     

    เอ๊ะ!! นี่นายรู้จักชื่อของฉันได้ยังไง
    จะว่าไป...เราไปสนิทกันตอนไหนหา
    !!
    นายนี่แปลกคนจังนะ...

    บ้าจริงๆ...

     

    อะไรกัน...ทั้งๆที่เมื่อ 10 ปีก่อนสัญญากันไว้แล้วแท้ๆนะครับ ขี้ลืมจังนะ ไวเปอร์...

     

    ...เฮ้อ...สมองเธอมีปัญหาหรือเปล่าครับ
    ..สิบปีที่แล้วก็เคยเจอกันครั้งหนึ่งแล้วไง
    ...แต่ก็เอาเถอะครับ รู้แต่เพียงว่า
    ...คนที่ทำให้ผมยิ้มได้ตลอดสิบปีก็คือเธอยังไงล่ะครับ

     

     

    ฉันไม่รู้ว่านายเป็นใคร...แล้วมาเรียกชื่อฉันถูกได้ยังไง
    รู้แค่ว่านายกับฉันคือผู้ถูกเลือกเหมือนกันเท่านั้นเอง
    แต่ก็นะ....ฉันเองก็คุ้นๆหน้านายอยู่บ้าง นายดูเหมือนกับเด็กคนนั้นเลย..
    .คนที่ฉันเจอเมื่อสิบปีที่แล้ว...นายเหมือนเขามาก...
    ทั้งชื่อตลอดจนหน้าตา.....เหมือนกันมากจริงๆเลยนะ...
    ฟง...


    ..................................................................................................................

     

    ...ผมเข้าใจแล้วล่ะครับ...ตลอดสิบปีที่คิดถึงเธอมาโดยตลอด
    .....คงไม่มีความหมายสินะ...เพราะเธอลืมผมไปแล้ว
    ....แต่ไม่ว่ายังไง...ผมก็ยังเหมือนเดิมนะครับ
    ....ยังไง ผมก็คิดถึงเธอเสมอ
    ...เธอที่อยู่ในความทรงจำของผม
    ....ไวเปอร์

    สิบปีที่แล้ว........เมื่อครั้งที่อัลโกบาเลโน่หนุ่มแห่งวายุพิ่งอายุได้สิบสี่ปี เขาก็ได้เป็นแชมป์กังฟูตั้งแต่ตอนนั้น ช่วงหนึ่งที่เขาเดินทางมาแข่งกังฟูที่อิตาลี....และได้พบกับอัลโกบาเลโน่แห่งสายหมอก เธอคนนั้นก็เป็นผู้ใช้มายาระดับแนวหน้าและมีแนวโน้มจะถูกดึงตัวเข้าหน่วยลอบสังหารอิสระเหมือนกัน.....

     

    ฟงมีโอกาสได้พบกับไวเปอร์โดยบังเอิญเป็นครั้งแรก...ในวันนี้ที่มีลมแรง และหมวกที่เธอให้ปิดบังใบหน้าก็ถูกลมพัดลอยมาตกอยู่ตรงหน้าของของเขา

     

    เขาเก็บมันขึ้นมาพิจารณา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอวิ่งมาถึงพอดี

     

    “อ๊ะ นาย..ใช่คนที่เป็นแชมป์กังฟูรึเปล่า” สาวน้อยถามด้วยท่าทางใสซื่อ เป็นคนอื่นคงยิ้มไปนานแล้ว...ติดอยู่ที่ว่าตอนนั้นเขายังเป็นคนไม่มีหัวใจและไม่รู้จักรอยยิ้มเท่านั้นเอง

     

    “อืม เธอคือเจ้าของหมวกนี้ใช่มั้ยครับ ผมเก็บมาได้น่ะ” ฟงยื่นหมวกส่งคืนให้ไวเปอร์ เธอรับมันมาและสวมกลับให้เป็นอย่างเดิม

     

    “ขอบใจนะ”

     

    “อือ”

     

    “นี่..” ไวเปอร์พยายามเรียกเพื่อให้ฟงตอบกลับมา

     

    “....” (เฉยชาได้ใจ)

     

    “นาย...ชื่ออะไรเหรอ”

     

    “...” (เงียบ...หน้าบูด)

     

    “นี่นาย!! เบื่อโลกนักรึไง ทำหน้าเศร้าอยู่ได้ หัดพูดแล้วก็ยิ้มซะบ้างเซ่!!!!” ในที่สุดความอดทนของไวเปอร์ก็หมดลง ก่อนจะลืมตัวสวดคนตรงหน้าซะยับ

     

    “หะ....หา...O O!!!!” ฟงนิ่งอึ้งไปทันที...

     

    “ขะ..ขอโทษ พอดีลืมตัวไปหน่อยน่ะ” ไวเปอร์ก้มหน้างุดเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำ

     

    “อุ๊บ หึ ฮ่าๆๆ เธอนี่ตลกจังนะ” จากนั้นเขาก็หลุดหัวเราะออกมา จากนั้นก็ยิ้มกว้างให้คนตรงหน้าได้เห็น เป็นครั้งแรกที่เขายิ้ม และเธอก็เป็นคนแรกที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น

     

    “ผิดรึไงเล่า อ๊ะ นายยอมยิ้มแล้ว”

     

    “ครับ ^^” เมื่อยิ้มแล้วดูต่างจากเดิมที่หน้าทั้งบูดทั้งเบี้ยวมาก เขาดูดีขึ้นมาทันตาเห็นเลยล่ะ

     

    “งั้นต่อไป..นายก็อย่าทิ้งมันนะ รอยยิ้มนี่น่ะ”

     

    “อืม ว่าแต่เธอชื่ออะไรนะ ผมชื่อฟง”

     

    “อ๊ะ คุยกันตั้งนาน ลืมไปเลยแฮะ ฉันไวเปอร์นะ”

     

    จากนั้นทั้งคู่ก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆจนเวลาล่วงเลยไป....ฟงเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ และมันก็บอกว้าได้เวลาที่เขาต้องขึ้นเครื่องบินกลับประเทศจีน

     

    “แย่ล่ะสิ ได้เวลาแล้ว ผมไปนะครับ ไวเปอร์”

     

    “อื้ม บาย”

     

    “อีกสิบปีผมถึงจะได้กลับมาที่นี่...ถึงตอนนั้นต้องมาเจอกันตรงนี้ให้ได้อีกนะครับ” ก่อนจะวิ่งไป ไวเปอร์ได้เรียกเขาไว้ และถอดเข็มกลัดที่ใช้กลัดผ้าคลุมออกมา....มันสลักไว้ว่า Viper

     

    “งั้นนายเก็บนี่ไว้นะ ฉันจะได้ไม่ลืมไงล่ะ” ไวเปอร์ยัดเข็มกลัดของเธอใส่มือฟง จากนั้นฟงก็รีบวิ่งไปที่สนามบินและขึ้นเครื่องบินกลับไปที่ประเทศบ้านเกิดของเขา

     

    อีกสิบปี......ต้องได้เจอกันจริงๆนะ ฟง....

     

     

    ..........................

     

    ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้...

    ผมก็ยังยิ้ม..เพื่อเธอเสมอ….

    ไวเปอร์….

     

     

    10ปีต่อมา ………

     

    คฤหาสน์อัลโกบาเลโน่......

     

    รู้สึกจะบังเอิญโลกกลม(หรือพรหมลิขิต)เหลือเกิน วันแรกที่ได้เป็นผู้ถูกเลือกและเดินทางมาที่คฤหาสน์อัลโกบาเลโน่ ทั้งคู่ก็เดินมาชนกันที่หน้าคฤหาสน์อีกจนได้...

     

    ปึ้กกกกก

     

    หมับ!!

     

    ฟงรีบคว้าแขนหญิงสาวไว้เพื่อไม่ให้เธอ ก่อนจะชะงักค้างไป...เพราะเธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เพียงแค่ตอนนี้ใช้โซ่เป็นที่ยึดผ้าคลุมและผมยาวลงมาจนเลยหมวกอย่างเห็นได้ชัดเท่านั้นเอง แถมรอยรูปเขี้ยวอรพิษก็ยังอยู่บนใบหน้ายิ่งทำให้สังเกตได้ง่ายว่าเป็นเธอ......ไวเปอร์

     

    ผิดกับเขา....เมื่อสิบปีที่แล้วเขาไว้ผมสั้น(จนดูเหมือนฮิบาริ)และใส่เสื้อกี่เพ้าที่เป็นแบบแขนกุดกับกางเกงขายาว หน้าตาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย คือบนใบหน้ามีรอยยิ้มประดับอยู่ไงล่ะ....

     

    “ไวเปอร์...”

     

    เหมือนพวกเขาจะทำตามสัญญาได้แล้ว...เพราะที่ตั้งของคฤหาสน์อัลโกบาเลน่ คือสถานที่ที่พวกเขาเจอกันเมื่อสิบปีก่อน (ซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงที่ดินโล่งๆเท่านั้น)

     

    “นายรู้จักฉันได้ยังไง...” คำตอบนั้นทำเอาฟงนิ่งอึ้งไปทันที เธอจำเขาไม่ได้

     

    “ใจร้ายจังนะ จำผมไม่ได้จริงๆเหรอครับ ไวเปอร์” ฟงยิ้มกว้างพลางพูดไปด้วย

     

    “ฉันไม่รู้ว่าฉันไปรู้จักนายตอนไหน...” ไวเปอร์ตอบหน้าตาย โดยไม่รู้ว่ามันทำให้รอยยิ้มนั่นของชายหนุ่มถูกหุบไปทันที

     

    “ไม่เป็นไรครับ ถ้าเธอยังจำผมไม่ได้ก็อย่างเพิ่งคุยกันเลยนะ” จากนั้นฟงก็ปล่อยแขนไวเปอร์และ เดินนำเข้าไปในคฤหาสน์

     

    กิ๊งง~งง

     

    เสียงโลหะกระทบกับพื้นกระเบื้อง ทำให้ทั้งฟงและไวเปอร์หันไปและก้มลงเก็บสิ่งนั้นขึ้นมา มือของทั้งคู่สัมผัสกัน...และความทรงจำก็เริ่มย้อนมาอีกครั้ง...

     

    ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ...มือเธอยังคงอบอุ่นเสมอ...

     

    “อ๊ะ ขอโทษนะ นี่ของนายใช่มั้ย..อ๊ะ นี่มัน...” ไวเปอร์หยิบของที่ฟงทำตกขึ้นมา สิ่งนั้นคือ.....เข็มกลัดที่เธอให้เขา แม้แสงของมันจะเรือนลางไปบ้าง แต่อักษรที่สลักไว้ว่า Viper ก็ยังคงเด่นชัดเสมอ

     

    “....”

     

    “นาย...ฟะ..ฟงเหรอ” ไวเปอร์เพิ่งฟื้นความทรงจำได้ และคิดว่า...ฟงคงจะโกรธแน่ๆเลยที่เธอดันไปบอกว่าจำเขาไม่ได้แบบนี้ “ขะ..ขอโทษนะ”

     

    ปุ!

     

    มือหนาถูกวางลงบนศีรษะของหญิงสาว ไวเปอร์เงยหน้าไปสบตากับบุคคลตรงหน้า ก่อนจะพบว่าใบหน้าของเขากลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม

     

    “ผมบอกรึยังครับ ว่าผมโกรธเธอ” ฟงลูบหัวไวเปอร์เบาๆ “ผมบอกว่า ถ้าจำไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งคุยกัน เท่านั้นเองนะ”

     

    “..////////////” (หน้าแดง คิดไปเองอีกแล้ว..)

     

    “ไปกันเถอะครับ คนอื่นเขารออยู่” ฟงลุกขึ้นและยื่นมือมาให้

     

    “อะ...อืม” จากนั้นทั้งคู่ก็เดินไปพร้อมๆกัน และได้รู้จักกับเพื่อนๆอีก 5 คน ซึ่งแต่ละคนก็นิสัยแปลกๆต่างกันไป อย่างเช่นเวลเด้ ก็คำนวณสูตรอะไรไม่รู้อยู่ได้ สคัลงี้ก็โวยวายไม่หยุด รีบอร์นก็เอาแต่แผ่รังสีอำมหิต คนที่ปกติสุดท่าทางจะเป็นลูเช่แฮะ.....= =^

     

    ชีวิตในคฤหาสน์นี่มันจะราบรื่นสักเท่าไรกันเชียว…!!!!!!!!!!!!!!

     

    ...................

     

    3 เดือนถัดมา......

     

    ตอนนี้คือวันสุดท้ายก่อนที่จะต้องรับคำสาป ดังนั้น วันนี้คือวันสุดท้ายที่ฟงจะได้พูดความรู้สึกของตัวเองออกไป เขาลากไวเปอร์มาที่ชายป่า

     

    “มีอะไรรึเปล่า..ฟง”

     

    “ไวเปอร์..ถ้าผมบอกเธอไปแล้ว เธอจะโกรธผมมั้ย..”

     

    “ก็ลองบอกมาสิ”

     

    ฟงดึงร่างของไวเปอร์เข้ามาโอบกอดก่อนจะพูดกับเธอ “ผมรักไวเปอร์นะครับ ตลอดสิบปีมานี้ผมคิดถึงไวเปอร์มาโดยตลอด”

     

    แปะ แปะ

     

    ซ่า!!!!!!!!!!!!

     

    หยาดพิรุณค่อยๆโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า เป็นจังหวะเดียวกับที่น้ำใสๆไหลออกมาจากนัยน์ตาของไวเปอร์

     

    “ทำไม...” ไวเปอร์กำเสื้อฟงแน่นจนยับเยินไปหมด “ทำไมไม่บอกให้มันเร็วกว่านี้เล่า คนบ้า..” จากนั้นไวเปอร์ผู้เข้มแข็งก็ค่อยๆปล่อยน้ำตาลงมาให้ไหลแข่งกับสายฝน

     

    “ไวเปอร์..” ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย ชายหนุ่มค่อยๆโน้มหน้าลงมาประทับริมฝีปากกับหญิงสาวและถอนปากออกช้าๆ

     

    แค่นี้ก็พอแล้ว...มันมากพอสำหรับผมแล้ว......

     

     “ฟง..ฉันเองก็.....” จากนั้นไวเปอร์ก็หมดสติคาอ้อมกอดของฟง ฟงกอดร่างนั้นไว้แน่นและพาไปหลบฝนในที่ใกล้ๆ เนื่องจากฝนตกหนักทำให้มองไม่เห็นทางและไม่สามารถกลับไปที่คฤหาสน์ได้

     

    ดูเหมือนว่า..ท้องนภาและหยาดพิรุณที่โปรยปรายนั้นจะไม่อยากให้ทั้งคู่แยกจากกัน....ฝนจึงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกเลย

     

    ....................

     

    วันรุ่งขึ้น...

     

    ผู้ถูกเลือกทั้ง 7 คนได้เดินทางไปรับคำสาป แสงปริศนาสว่างวาบไปทั่ว มีเพียงโคโรเนโร่ที่กระโดดเข้าไปในแสงนั้นเพื่อรับคำสาปแทน ชั่วพริบตา....ร่างของทุกคนก็กลายเป็นเด็กทารกกันหมด แถมยังมีจุกนมแต่ละสีตามลักษณะธาตุห้อยอยู่ที่คออีกด้วย

     

    หลังจากที่ทั้งหมดแยกย้ายไปแล้ว ฟงและไวเปอร์ก็ยังได้พูดคุยกันต่ออีกสักหน่อย..

     

    “เธอต้องมีชีวิตต่อไปนะ อย่ายอมแพ้เพราะเรื่องแค่นี้ล่ะ” ฟงในร่างของเด็กชายตัวน้อยเอื้อมมือไปลูบหัวไวเปอร์ตามนิสัย

     

    “อืม..”

     

    “แล้วก็อย่าทิ้งรอยยิ้มนั่นซะล่ะ ^^

     

    “อะ...อืม”

     

    “นี่ ไวเปอร์......” ฟงพูดบางสิ่งกับไวเปอร์  ทำเอาสาวเจ้าน้ำตาไหลเป็นทาง และได้แต่ตอบตกลงเท่านั้น

     

    เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะครับ.....ระหว่างนี้ผมขอร้องเพียงอย่างเดียวได้มั้ย..

     

    เธอต้องลืมผมไปให้ได้และเริ่มต้นชีวิตใหม่....ทำเหมือนเราไม่เคยรู้จักกัน..

     

    และลืมว่า..ผมเคยบอกรักเธอไปด้วยนะครับ...

     

    คำขอจากผมมีเท่านี้...ทำได้มั้ยครับ...

     

    “อืม..” ร่างเล็กเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อกลั้นน้ำตา

     

    “ผมไปนะ ดูแลตัวเองดีๆล่ะ” จากนั้นเด็กชายตัวน้อยก็หันหลังเดินห่างไกลออกไป และเธอก็มองตามแผ่นหลังนั้นจนลับตาไป “ถ้ามีโอกาส..คงได้เจอกันอีกนะครับ”

     

     

    ถ้าเจอกันอีกครั้ง.....
    ฉันจะไม่ใช่ไวเปอร์อีกแล้ว
    ฉันซ่อนไวเปอร์ไว้ภายใต้ชื่อว่า..มาม่อน

     

    ฟง....ฉันลืมนายไม่ได้หรอก....

    ฉันคงจะทำได้แค่เพียง.....เก็บนายไว้ในความทรงจำ

    ว่าครั้งหนึ่ง....เราเคยมีความรู้สึกดีๆให้กัน.....

     

    ฉันรักนาย...ฟง
    Wo Ai Ni…. Fon

     

     

     

    หลายคนอาจคิด...ว่าอัลโกบาเลโน่เป็นเพียงแค่เด็กน้อยไม่รู้ความ….
    เด็กเหล่านี้เพียงแค่ถูกโชคชะตาเล่นตลกให้มายืนที่ช่องว่างแห่งกาลเวลา...

     

    พวกเขาเป็นเด็กแค่เพียงร่างกาย หากแต่ภายในจิตใจนั้นยังคงเหมือนเดิม
    ยังคงเป็นคนคนเดิม...ซึ่งนั่นไม่เปลี่ยนแปลง...

     

    แม้บางคนจะต้องลบปมหลังในอดีตออกไป..

    แม้บางคนอาจจะซ่อนตัวเองไว้ในอีกชื่อ..

    หรือแม้แต่บางคน..จะต้องตายจากไป

     

    แต่พวกเขาไม่ได้แปลกไปจากคนอื่นเลย...
    เป็นเพียงคนธรรมดาเหมือนดังเช่นคนหลายๆคน
    เพราะพวกเขาก็คือคนคนหนึ่งเหมือนกัน...

     

    คนคนหนึ่ง...ที่มีหัวใจ

    ไว้ใช้เพื่อที่จะรักใครสักคน....



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×