ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์ภุมริน

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอน 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 225
      1
      27 มี.ค. 56

    ตอนที่ 1

    วันนี้หญิงสาวกลับบ้านเร็วกว่าทุกวัน หล่อนรู้ดีว่าเพราะอะไร ถ้าไม่ติดว่าวันนี้มีกิจกรรมชมรมที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ มีหรือจะยอมกลับบ้านช้า ก็วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดอีกวันหนึ่งแท้ๆ

    หล่อนเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายรูปร่างสมส่วน สูงเพรียวพอให้ใส่กระโปรงจีบรอบแล้วไม่เกะกะ หล่อนไว้ผมยาวประบ่าไม่เคยตัดสั้นไปกว่านี้ กริยามารยาทก็เรียบร้อยดวงหน้ารึก็ค่อนไปทางหวานๆ ไม่ถึงกับสวยเฉี่ยวทว่าน่ามองไปอีกแบบจนใครๆ ก็ออกปากว่าสมกับชื่อเล่นน้ำผึ้งนัก

    พอก้าวเข้าบ้านได้สายตาก็ได้แต่สอดสายมองหาใครบางคน แต่ทั้งบ้านกลับเงียบกริบ

    วูบหนึ่งหล่อนอดนึกกลัวไม่ได้ว่าอาจมีบางอย่างเปลี่ยนไป แต่ก็อยากเจอเขามากกว่าที่จะนึกกังวลเรื่องอื่น

    ขอแค่เขากลับมาหล่อนก็ดีใจเหลือเกินแล้ว

    มือบางเคาะประตูห้องก่อนสองหนติดกัน เสียงดังไม่น้อย แต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับมา หล่อนเลยลองเปิดเข้าไปดู

    ห้องไม่ได้ล็อก... หญิงสาวเยี่ยมหน้าเข้าไปก่อน อ้าปากจะส่งเสียงเรียกเจ้าของห้อง แต่พอเห็นเขานอนแผ่หลาอยู่กลางเตียงกว้างก็เปลี่ยนใจไม่รบกวนเขาจะดีกว่า แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะก้าวเข้าไปในห้องนอนเขา

    พี่ชายคะ

    หล่อนส่งเสียงเรียกเขาเบาๆ ไม่คิดหรอกว่าจะทำให้เขาตื่นหรือได้ยิน แค่อยากจะเรียกคำนี้อีกครั้งเท่านั้น คำที่เมื่อก่อนติดปากแทบทุกลมหายใจเข้าออก

    ไม่ว่าจะไปทางไหน ก็มีพี่ชายไปด้วย จะทำอะไร พี่ชายก็คอยดูแล... หล่อนคิดถึงเวลานั้นจับใจมันผ่านมานานเหลือเกินแล้ว

    ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ

    เสียงเล็กๆ พึมพำกับตัวเอง ริมฝีปากบางแย้มยิ้มด้วยความสุขใจ แต่พอจะหมุนตัวกลับเท่านั้นล่ะคนที่น่าจะหลับมาตลอดกลับลุกพรวดขึ้นนั่งบนเตียงกว้าง

    หญิงสาวตกใจเลยจะก้าวถอยหนี แต่มือแข็งแรงคว้ามือเธอไว้

    หัวขโมย แอบเข้าห้องพี่ เขาว่ายิ้มๆ

    ขโมยค้อนขวับใส่เขา แต่ยังไม่วายหันมาฉีกยิ้มกว้างใส่

    นานแค่ไหนแล้วที่มือน้อยไม่เคยมีใครจะกุมไว้...

    น้องคิดว่าพี่ชายหลับ เลยไม่กล้าปลุก อยากให้พักค่ะหล่อนรับบอกเขา ไม่ได้จะมาขโมยอะไรจริงๆ นะคะ

    แน่นะ เขาถามเหมือนไม่ค่อยเชื่อ

    หล่อนพยักหน้าแรงๆ ใส่พลางบอก

    น้องดีใจนะคะที่พี่ชายกลับมาแล้ว ในที่สุดน้องก็จะไม่เหงาอีกแล้ว

    เขามองหน้าคนเหงาก่อนจะทำคิ้วขมวดเข้าหากัน

    อะไรโตจนอยู่ปีสี่แล้ว ยังหาเพื่อนเล่นอีกเหรอน้ำผึ้ง

    เจ้าของชื่ออมยิ้มจนแก้มป่อง มันน่าเรียกน้ำผึ้งม่าเหมี่ยวนัก แก้มแดงเป็นลูกแฝดด้วย

    ไหน ไม่เห็นไหว้พี่เลย เด็กอะไรสอนไม่รู้จักจำ

    เขาทวงด้วยน้ำเสียงล้อเล่น นึกถึงสมัยก่อนที่น้ำผึ้งยังเป็นเพียงเด็กหญิงอายุสิบสามผูกหางเปียสองข้าง

    วันแรกที่เขาได้รู้จักน้องน้อยคนนี้นั่นล่ะ

    วันนั้นเด็กหญิงเอาแต่ยืนมองเขาตาแป๋ว ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ ขนาดเขาแก่กว่าตั้งห้าปีแต่เด็กหญิงกลับยืนเฉยไม่คิดจะยกมือไหว้เขาสักนิดเลยต้องบอกต้องสอนกันตลอด

    ในวันที่เด็กหญิงน้ำผึ้งคนเดิมแตกต่างไปมาก ไม่มีอีกแล้วหางเปียกับผมม้าน่ารักแต่กลายเป็นเด็กสาวอยู่ในชุดนักศึกษา เสื้อขาวกระโปรงดำสั้นแค่เข่าแต่ผ่าข้างสูงไปถึงไหนต่อไหน ไม่ใช่เด็กหญิงขี้แยที่เขาจะต้องปกป้องดูแลอีกแล้ว

    มือบางประนมขึ้นเป็นดอกบัวพร้อมกับก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อไหว้เขา ต้อนรับการกลับมาของเขาด้วยความเต็มใจ รอยยิ้มกับแก้มป่องๆ เลยเรียกเสียงชื่นชมจากชายหนุ่มได้ไม่น้อย

    เขาลุกขึ้นยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาว ยกมือขึ้นตบศีรษะหล่อนเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

    เด็กดี

    หล่อนยิ้มรับคำชมของแต่ชายหนุ่มไม่ได้พอใจเพียงเท่านั้น เขาใช้สองมือจับมือที่ยังพนมไหว้เอาไว้ก่อนจะก้มหน้าลงถาม

    คิดถึงพี่ไหม

    หญิงสาวหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว ก้มหน้าลงซ่อนยิ้มเขินอายก่อนจะตอบเสียงเบา

    คิดถึงค่ะ คิดถึงพี่ชายทุกวันเลย

    เขาอมยิ้มกับคำตอบ หากยังไม่ถามย้ำเหมือนไม่แน่ใจ จริงเหรอ

    น้องไม่เคยโกหกพี่ชายนะคะ

    แบบนี้ต้องพิสูจน์นะ

    หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา เพราะอยากรู้ว่าเขาจะพิสูจน์ด้วยวิธีใด แต่ในวินาทีนั้นเอง ผู้ชายที่หล่อนนับถือเป็นพี่ชายมาตลอดกลับก้มหน้าลงมาแตะริมฝีปากลงกลางแก้มนวลทั้งสองข้าง

    พี่ชาย เธอร้องเสียงเบาด้วยความตกใจ

    จริงอยู่เมื่อสมัยก่อน พี่ชายกับเธอก็ใกล้ชิดกันไม่น้อย ถึงจะเคยอยู่ร่วมบ้านกันได้เพียงปีเศษ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยลืมทุกนาทีที่เธอเคยมีพี่ชายอยู่เคียงข้าง

    เขาใจดี อ่อนโยนกับเธอเสมอไม่ว่าเรื่องอะไร ไม่ต่างจากในวินาทีนี้

    ตกใจอะไรหืม เขาถามเสียงนุ่ม ทั้งที่น่าจะรู้ดีว่าเธอร้องเพราะอะไร

    ก็ในเมื่อเธอไม่ใช่น้องสาวตัวน้อยที่วันๆ เอาแต่วิ่งตามเขาเรียกพี่ชายๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว มันก็ไม่ควรนักหรอกที่เขาจะหอมแก้มเธอเช่นนั้น

    พี่ขอโทษ ลืมไปเสียสนิทว่าน้ำผึ้งโตเป็นสาวแล้ว

    น้ำเสียงเขาเหมือจะน้อยใจจนหญิงสาวใจไม่ดีต้องรีบยกมือขึ้นไปคล้องแขนเขาไว้ คล้ายจะรั้งไม่ให้พี่ชายเดินหนี

    น้องไม่ว่าอะไรนี่คะ แค่ตกใจเท่านั้นเอง เธอบอกเขาเสียงเบา พอเห็นเขายิ้มให้เธอเลยยิ้มกว้างตอบ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่ชายกลับมาแล้วจริงๆ

    ใช่ อย่าว่าแต่หญิงสาวเลย เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน ทั้งที่เคยลั่นวาจาไว้แล้วเสียด้วยซ้ำว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก ตราบใดที่ยังมีนางมารร้ายอยู่ร่วมชายคา แต่สุดท้ายเขาก็จำต้องกลืนน้ำลายตัวเอง กลับมาอีกจนได้

    พอนึกถึงนางมาร สีหน้าของชายหนุ่มก็แปรเปลี่ยนไป ตลอดหลายปีที่เขาต้องจำจากบ้านไปเมืองนอกเมืองนา เขาไม่เคยลืมตัวต้นเหตุว่าเป็นเพราะอะไรเขาถึงอยู่ที่นี่ไม่ได้ทั้งที่เป็นบ้านของตัวเอง และเขาก็มีสิทธิ์ในบ้านหลังนี้เต็มที่ แต่สุดท้าย เขากลับต้องเป็นฝ่ายไป

    เขาโทษความโง่เขลาและเลือดร้อนของวัยหนุ่ม ถึงได้ทำอะไรโง่ๆ ลง สุดท้ายก็เป็นตัวเขาเองที่ต้องพ่ายแพ้ จนถึงกับต้องหนีหน้าไป แต่ต่อจากนี้มันจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว

    ทุกอย่างจะต้องกลับมาเป็นของเขา...

    ไหนละคะของฝาก หญิงสาวทวงพร้อมกับแบมือหราตรงหน้าเขา รอยยิ้มกว้างบนใบหน้านวลดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาจนชายหนุ่มต้องเบือนหน้าหนี

    เขาย้ำกับตัวเองอีกครั้งว่าเธอไม่ใช่น้องน้อยของเขาอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นนางสาวขนิษฐา นักศึกษาปีสี่ที่มีดีแค่ใบหน้าสวยๆ ทว่าซ่อนความร้ายกาจไว้อย่างไม่น่าเชื่อ

    ถึงเขาจะไม่ได้อยู่เมืองไทยหลายปี แต่ข่าวคราวจากไทยไม่เคยจางหายไป ตลอดเวลาที่ผ่านมายังมีใครอีกคนเขาไว้ใจเหลือเกินคอยส่งข่าวให้ไม่มีขาด จะข่าวเล็ก ข่าวใหญ่ ความเคลื่อนไหวใดๆ เขารู้หมดอย่างไม่น่าเชื่อ และหนึ่งในข่าวคราวเหล่านั้นก็เกี่ยวกับแม่น้องน้อยคนนี้

    แรกเริ่มเดิมเขาก็ห่วงใยทีขนิษฐไม่น้อย พอจะแยกแยะออกว่าใครคือนางมารและใครไม่ใช่ แต่พอเขาไม่อยู่ขนิษฐาก็เปลี่ยนไปมากเหลือเกิน

    ข่าวที่เขาได้รับเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อน้องน้อยไปมาก นอกจากเธอจะไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว เธอยังเรียกได้ว่ายิ่งกว่าเป็นสาวเต็มตัวเสียอีก

    ยังไม่ได้รื้อของเลย พี่เพิ่งมาถึง

    อุ๊ย น้องมัวแต่ดีใจเลยลืมไป เธออุทานอย่างน่ารัก ถ้าอย่างนั้นพี่ชายพักผ่อนเถอะค่ะ น้องไม่รบกวนแล้ว

    ว่าแล้วหญิงสาวก็ทำท่าจะเดินหนี แต่พอเห็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเขาวางอยู่ที่มุมห้อง หญิงสาวก็อาสาทันที

    ถ้าพี่ชายไม่ว่าอะไร ให้น้องช่วยจัดของให้ไหมคะ

    ทำเป็นเหรอเรา เขาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยโดยไม่รู้ตัว

    เพราะเท่าที่เขารู้มา วันๆ ขนิษฐาเอาแต่เที่ยวเล่น อ้างเรื่องเรียนบังหน้า งานการในบ้านไม่เคยสนใจ ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรนักหรอก ในเมื่อบ้านหลังใหญ่โตมีแม่บ้านดูแลอยู่พร้อมสรรพ แต่เขาไม่คิดจริงๆ ว่าเธอจะทำงานเหล่านี้เป็น คงจะอาสาไปอย่างนั้นแล้วไปใช้แม่บ้านอีกทอดมากกว่า

    เอาสิ เขาบอกอย่างนึกสนุก กระเป๋าใหญ่นั่น จัดการได้เลย แต่น้องต้องทำเองคนเดียวนะ พี่ไม่ไว้ใจให้แม่บ้านเข้ามารื้อค้น

    เขาอมยิ้มไปพูดไป คิดว่าหญิงสาวจะจ๋อย และถอนตัวแต่เปล่าเลย เธอกลับฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำอนุญาต ราวกับเขาให้ความสำคัญกับเธอเป็นพิเศษ

    ขนิษฐาตรงไปเปิดกระเป๋าของเขาออกบนพื้นห้อง แทนที่เจ้าของกระเป๋าจะนอนพักอย่างที่บอกไว้แต่แรก เขากลับนั่งมองเธอรื้อข้าวของของเขาอย่างตั้งใจ อยากรู้เหมือนกันว่าน้องน้อยของเขาจะจัดการทั้งหมดนั่นอย่างไร ในเมื่อมันไม่ใช่งานที่น่าพิสมัยเอาเสียเลย

    แต่เขาคิดผิด... หญิงสาวกลับค่อยๆ หยิบจับข้าวของในกระเป๋าออกมาวางอย่างเบามือ แยกประเภทให้เสร็จสรรพทั้งเสื้อผ้า หนังสือ เข็มขัด ถุงเท้า และไม่นึกรังเกียจแม้กระทั่งข้าวของส่วนตัวของเขา

    เล่าให้พี่ฟังบ้างสิ ตอนพี่ไม่อยู่เป็นยังไงบ้าง เขาถามระหว่างมองเธอพับผ้าไปด้วย อดนึกทึ่งไม่ได้ที่หญิงสาวเก่งกว่าที่คิดไว้มาก

    ก็ไม่มีอะไรนี่คะ คุณพ่อกับคุณแม่ก็เหมือนเดิม ส่วนน้องก็ไปเรียนหนังสือ แค่นั้นเอง

    หญิงสาวตอบเรื่อยๆ เหมือนไม่มีอะไรเป็นพิเศษจริงๆ ถึงหล่อนกับเขาจะไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมา แต่ก็เรียกพ่อของสายน้ำว่าพ่อเสียจนชินปากไปแล้ว

    มีแฟนกี่คนแล้ว เขาถามตรงๆ และไม่แปลกใจเลยกับคำตอบของเธอ

    ยังไม่มีหรอกค่ะ น้องยังไม่คิดเรื่องนั้น เธอตอบเสียงใส ไม่ได้หันไปมองหน้าเขาเพราะมัวแต่ง่วงอยู่กับการแยกประเภทข้าวของอย่างตั้งใจ

    ถ้าเธอหันมาคงจะทันได้เห็นเขาเบะปากใส่พอดี

    โกหกทั้งเพ... คนของเขาให้ข่าวมาหลายต่อหลายครั้งว่าเธอเปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่น ชนิดที่ว่าถ้าเป็นดาราเป็นคนดัง คงได้ฉายาคาสโนวี่แน่นอน แม่แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนักหรอก ทั้งที่ทำตัวแหลกเหลวเละเทะ เพราะขนิษฐาฉลาดพอที่จะไม่ทำอะไรเสื่อมเสียให้เป็นข่าว ส่วนอะไรที่แอบทำเงียบๆ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง

    อะไรน้องสาวพี่ออกจะสวย ไม่มีผู้ชายมาจีบบ้างรึไง ปีนี้ก็ยี่สิบเอ็ดแล้วใช่ไหม

    เขาถามด้วยเสียงที่แกล้งทำเป็นประหลาดใจอย่างสุดซึ้ง ที่จริงขนิษฐาก็หน้าตาสวยไม่น้อย มีตำแหน่งเป็นดาวคณะออกอย่างนี้ ไม่แปลกนักหรอกที่จะมีหนุ่มๆ เวียนมาขายขนมจีบ แล้วก็ไม่ผิดอีกเช่นกันที่เธอจะควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้า

    จะยี่สิบสองแล้วค่ะหล่อนตอบยิ้มๆ คล้ายอยากจะแสดงให้เห็นว่าภูมิใจแค่ไหนที่โตขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่น้องน้อยคนเดิมของเขา

    พี่ยิ่งไม่เชื่อใหญ่เลยว่าไม่มีแฟน

    ก็ไม่มีจริงๆ นี่คะ

    พี่ไม่เชื่อหรอกว่าผู้ชายแถวนี้ตาถั่วไม่มาจีบน้ำผึ้ง

    เขายังถามรุกไม่เลิก คราวนี้ขนิษฐาหยุดจัดของชั่วขณะเพิ่งเงยหน้าขึ้นมองเขาระหว่างที่ตอบ

    ถึงมีน้องก็ไม่สนใจหรอกค่ะพี่ชาย น้องไม่ได้อยากมีแฟนนี่คะ

    ทำไมละ

    คราวนี้เขาถามจากใจจริง ก็เห็นอยู่ว่าหญิงสาวไม่ยอมตกลงปลงใจเป็นแฟนกับใคร ทีนี้จะเรียกได้ว่านอกใจกันก็คงจะยากในเมื่อไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่มีไปเรื่อยๆ มากกว่า

    เมื่อครู่บอกว่าไม่มี พอถามเข้าจริงก็ยอมรับว่ามีผู้ชายเข้ามาในชีวิตมากมาย แค่ไม่ถึงนาทีคำพูดก็เปลี่ยนแล้วนับประสาอะไรกับความเป็นจริง... โกหกเก่งสิ้นดี

    น้องยังเรียนไม่จบเลยค่ะ ยังไม่อยากมีใคร อีกอย่าง น้องก็มีคนที่รักอยู่แล้วด้วย

    ท้ายประโยคเสียงของเธอเบาลงและหันหน้าหนีเขาเหมือนอยากซ่อนรอยยิ้มเขินอาย มันยิ่งทำให้เขาสงสัยใคร่รู้ยิ่งกว่าเก่า

    อะไรกัน ไปรักใคร ทำไมพี่ไม่เห็นจะรู้เลย

    มันตั้งนานแล้วค่ะหล่อนทำเสียงเหมือนไม่อยากจะใส่ใจนัก

    ใคร บอกพี่ได้ไหม

    เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา แต่ยังไม่ยอมตอบ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับขวดแชมพูในมือ ก่อนจะเดินตรงไปห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องนอนของเขา

    พอจะก้าวขาเข้าห้องน้ำ เธอถึงได้หันมาบอกเขาเสียงใสก่อนจะรีบหายตัวเขาห้องน้ำไปเลย

    ก็พี่ชายไงล่ะคะ รักแรกของน้อง

    คำเฉลยทิ้งท้ายของหญิงสาวถึงกับทำให้เขาอึ้งไปอึดใจ เธอคงจะไม่โผล่หน้าออกจากห้องน้ำง่ายๆ หรอก ในเมื่อเพิ่งจะสารภาพรักกับเขาหน้าตาเฉย

    ดูท่าข่าวคราวที่คนของเขาให้มาคงจะไม่เกินจริงไปสักเท่าไหร่นักหรอก ก็ดูสิ... ขนาดว่าเขาเพิ่งกลับมา และเพิ่งเจอหน้ากันได้ไม่ถึงสิบนาที เธอก็ให้ท่าเขาเสียแล้ว

    เขายิ้มด้วยความสมเพช พอกันทีกับภาพน้องน้อยแสนดีที่คอยวิ่งตามเขาต้อยๆ ตอนนี้เหลือแค่นางสาวขนิษฐาที่พร้อมจะทำให้ผู้ชายทั้งโลกสยบแทบเท้า

    แต่หนึ่งในนั้น ต้องไม่ใช่เขา...

     

    คืนแรกที่บ้านนิรนาถผ่านไปด้วยดี ถึงเขาจะแปลกที่ไม่น้อยกับห้องนอนใหม่ แทนที่เขาจะได้นอนที่ห้องเดิมก่อนจะไปต่างประเทศ แต่ก็เอาเถอะ อีกไม่นานหรอก คนที่แย่งห้องเขาไปจะต้องชดใช้

    ที่จริงต้องบอกว่าคนที่แย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา จะต้องชดใช้ถึงจะถูก ในเมื่อเขาจะไม่มีวันยอมถอยให้ใครอีกต่อไป

    ในคืนนั้น เขานอนไม่หลับเอาเสียเลย ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน สิ่งเดียวที่วนเวียนอยู่ในสมองมีแต่ภาพเก่าๆ ที่ไม่น่าจดจำ เสียงเล็กๆ เรียกพี่ชายๆ ดังก้องอยู่ในความทรงจำสวยงาม ทั้งที่รู้ว่ามันจะไม่มีวันนั้นอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อน้องน้อยของเขาไม่มีตัวตนอีกต่อไป

    เช้าวันใหม่มานพ พ่อของเขาซึ่งเป็นชายวัยหกสิบปี สีหน้าท่าทางใจเย็นเสมอ ตอบรับการกลับมาของเขาด้วยรถยนต์ป้ายแดงราคาแพงลิบให้เป็นของขวัญชิ้นโตต้อนรับการกลับบ้าน ส่วนแม่เลี้ยงก็ยื่นข้อเสนอจะฝากงานที่บริษัทส่งออกของเพื่อนสนิทให้เขา แต่ไม่เร่งรัดอะไร อยากให้เขาลองไปพิจารณาดู

    แม่เข้าใจว่าคุณชายเพิ่งกลับมา คงอยากจะพักผ่อนสักระยะ แต่ถ้าคุณชายเกิดเปลี่ยนใจนึกอยากทำงานขึ้นมาก็ขอให้บอกนะคะ เพราะบริษัทส่งออกที่ว่านี่ก็ขาดคนจริงๆ

    คุณบุปผา แม่เลี้ยงของเขา เรียกแทนตัวเองว่าแม่จนติดปาก ถ้าใครไม่รู้มาได้ยินเข้าก็คงจะคิดว่าเป็นแม่แท้ๆ ไม่ใช่แม่เลี้ยง แต่นางก็ยังเว้นระยะห่างไว้บ้างตรงที่เรียกเขาว่าคุณชายทุกคำ ไม่เคยถือสิทธิ์ความเป็นแม่เรียกอย่างอื่น

    สมัยนี้คนเรียนสูงๆ ตกงานก็ถมเถ ไม่มีใครเข้าตาบ้างเลยเหรอครับเขาถามเพราะไม่เข้าใจจริงๆ

    ก็พอมีอยู่หรอกค่ะคุณชาย ติดตรงที่ว่าเงินเข้าออกที่บริษัทหมุนเวียนไม่ใช่น้อยๆ จำเป็นต้องหาคนที่ไว้ใจได้ ก็เลยต้องอาศัยคนรู้จักกันเท่านั้นล่ะถึงพอจะเบาใจขึ้นมาหน่อย

    ก็ดีเหมือนกันนะชาย มานพสนับสนุนเต็มที่ เรียนจบกลับมาก็น่าจะเริ่มต้นลุยงานให้เต็มที่ แต่ก็เอาเถอะ ถ้าชายอยากจะพักสักหน่อยพ่อก็ไม่ว่าอะไร

    แต่ผมอยากเข้าไปช่วยงานของพ่อมากกว่า

    เฮ้ยพ่อยังไหว ไม่ต้องรีบก็ได้ อีกอย่างนะ พ่อก็อยากชายลองไปทำงานที่อื่นดูก่อน ชายจะได้มีประสบการณ์ ไม่ใช่ว่าพ่อไม่อยากให้มาช่วยงาน แต่มันคงจะดีถ้าชายได้ผ่านงานที่อื่นมาบ้าง ลูกน้องจะได้เกรงใจ

    ถึงเหตุผลของพ่อจะสวยหรูแค่ไหนแต่เขารู้ดีว่าแท้จริงแล้วเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังคืออะไร เขาเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไปเสีย

    มันยังไม่ถึงเวลานั้นก็เท่านั้นเอง

    เอาไว้ผมจะคิดดูนะครับ เขาตอบเพียงเท่านั้น ทั้งที่แน่ใจว่าจะไม่มีวันไปทำงานอะไรก็ตามที่นางบุบผาเห็นดีเห็นงามเป็นอันขาด

    ถ้าพี่ชายไปทำงานที่นั่นก็ดีสิคะ อีกหน่อยน้องจะได้ตามไปเป็นลูกน้อง ขนิษฐาเอ่ยแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส น่าจะเห็นเป็นเรื่องเล่นๆ มากกว่าจะอยากไปทำงานจริงเขาเลยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินไปเสีย

    หลังจากมื้อเช้าชวนอึดอัด ทุกคนก็แยกย้าย พ่อเขาไปทำงาน แม่เลี้ยงก็ไปสปาที่เปิดในห้างดังใจกลางกรุง ก็แน่ล่ะ เงินลงทุนมาจากพ่อเขาทุกบาททุกสตางค์ และไม่เคยมีรายได้งอกเงยกลับมา มีแต่ค่าใช้จ่ายให้พ่อเขาตามเคลียให้

    ขนิษฐาไปเรียนโดยตอนเช้าติดรถของพ่อเขาไปลงที่สถาบัน ส่วนตอนเย็นก็จะกลับเอง ซึ่งเขาคงไม่แปลกใจเลยถ้าจะมีผู้ชายมาส่งไม่ซ้ำหน้ากันสักวัน

    พอไม่มีใครอยู่บ้าน เขาก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะแวะกลับไปดูห้องนอนเก่าของตัวเองที่บัดนี้ถูกขนิษฐายึดไปเป็นที่เรียบร้อย

    ห้องนอนกว้างถูกกั้นออกเป็นส่วนส่วน ด้านหนึ่งยังเป็นห้องนอนเหมือนเดิม แต่อีกครึ่งกลายเป็นห้องทำงานศิลปะไปแล้ว

    ในส่วนนั้นมีทั้งขาตั้งวาดรูป และภาพวาดหลากหลายแนวขนาดเล็กไปจนขนาดใหญ่วางพิงอยู่ที่ข้างฝา แขวนที่ผนังก็หลายรูป เขาดูรูปผลงานน้องสาวแล้วก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้

    ผู้หญิงสวยแต่รูปอย่างขนิษฐาจะมีฝีมือเพียงนี้เชียวหรือ...

    อันที่จริงเขาก็ดูงานศิลปะไม่ค่อยจะเป็นนักหรอก แต่ถ้าวัดจากภาพที่เห็นก็จำเป็นจะต้องยอมรับว่าหญิงสาวเขามีแววไม่น้อย

    ที่น่าแปลกไปกว่านั้นก็คือหนึ่งในภาพวาดเหล่านั้นมีภาพหนึ่งที่แยกตัวออกมาจากทุกภาพ มันแขวนอยู่ที่ผนังอีกด้าน เป็นรูปผู้ชายตัวโตส่งยิ้มมาให้ มันคงจะไม่เป็นไรหรอก ถ้าหากว่าชายในภาพจะหน้าตาละม้ายเขาไม่น้อย

    เล่นอะไรของเธอนะน้ำผึ้ง เขาพึมพำกับตัวเอง จะให้คิดว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาขนิษฐาคิดถึงเขาจนทนไม่ไหวต้องวาดภาพเขาไว้ดูต่างหน้าก็เห็นทีจะเกินไปหน่อย

    เห็นทีเขาจะรอเวลาต่อไปอีกไม่ได้เสียแล้ว...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×