ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic One Piece [You are... at my side]

    ลำดับตอนที่ #2 : The Past

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.29K
      31
      5 พ.ค. 57


    “รู้ที่อยู่ของหมวกฟางแล้วครับ”  เสียงลูกน้องคนหนึ่งดังขึ้นภายในห้องที่ปกคลุมไปด้วยความมืด เพียงแสงสว่างเล็กๆเล็ดลอดผ้าม่านปิดสนิท

    “ขอบใจมาก...”

    “เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ”  ได้ยินเช่นนั้นร่างสูงหยิบเสื้อขึ้นมาใส่ก่อนจะเดินออกมาจากห้อง เหล่าอดีตลูกเรือ

    โมบี้ดิ๊คต่างก็พากันหันมาทักทาย เพราะหลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพของโจรสลัดหนวดขาวและโปโตกัส ดี เอส ก็น้อยครั้งที่หัวหน้าหน่วยที่1จะออกมาจากห้อง

    ขณะนี้พวกเขาอาศัยอยู่ในเกาะๆหนึ่งซึ่งเป็นเกาะอยู่ในการปกครองของกลุ่มโจรสลัดหนวดขาวที่อาศัยอยู่รวมกับชาวบ้านอย่างสงบสุข จึงไม่แปลกใจถ้าลูกเรือแต่ละคนจะมีบ้านและครอบครัวที่พวกเขาจากไปนานหลายปี รวมถึง... มัลโก นกอมตะ ที่มีบ้านขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กมากและอยู่ปลีกวิเวกไม่ห่างจากตัวเมืองแลไม่ลึกเข้าไปในป่าเกินไป

    “ฉันไม่อยู่อย่าก่อเรื่องล่ะพวกนาย”

    “ครับ!หัวหน้ามัลโก!!” เหล่าลูกน้องขานรับอย่างแข็งขันขณะที่ยืนส่งหัวหน้าหน่วยที่1ที่ท่าเรือ   ในการเดินทางครั้งนี้ของมัลโก เขาออกเรือไปกับลูกเรือเพียงไม่ถึงสิบ โดยใช้เรือเล็กที่สะดวกและรวดเร็วในการเดินทาง

    “เดินเรือไปที่เกาะสตรี  เราจะต่อรองกับเจ็ดเทพโจรสลัด ทราฟาลก้า ลอว์” เสียงทุ้มป่าวประกาศที่หมายและจุดประสงค์ ก่อนที่จะหันไปบัญชาการเดินเรืออย่าเต็มที่

    เป็นเวลาหลายชั่วโมงของการเดินเรือที่ค่อนข้างโหดร้ายเพราะเส้นทางที่เขาเดินเรือนั้นมีจ้าวสมุทรมากผิดปกติทำให้เรือถูกจู่โจมอยู่บ่อยๆ แม้ว่าจะไม่เหลือบากกว่าแรงที่มัลโกจะกำราบ แต่ก็ออกมาถี่เกินไปจนเขาเกือบฟื้นพลังไม่ทัน  ร่างสูงปีนขึ้นไปบนเสากระโดงเรือด้วยการเปลี่ยนสภาพให้แขนกลายเป็นปีกที่มีไฟสีฟ้าห่อหุ้มส่องประกาย  เขาทิ้งตัวนั่งเหม่อมองท้องฟ้าบนเสากระโดงอย่างไม่กลัวตก  ฝ่ามือยื่นออกไปข้างหน้า  ดวงไฟสีฟ้าปรากฏท่ามกลางความมืดและแสงจากดวงดาวที่ทอเป็นเส้นทางบนท้องฟ้า  จึงทำให้พาลนึกถึงเรื่องในอดีต ครั้งที่เอสเพิ่งเข้ากลุ่มใหม่ๆ

     

    .

     

    .

     

    .

    เป็นเวลานานทีเดียวที่กว่าเจ้านั่นจะทำใจยอมรับสภาพตัวเองว่าได้กลายเป็นลูกเรือโมบี้ดิ๊คไปแล้ว  โดนที่ก่อนหน้านี้ก็เห็นเอาแต่เล่นบทพะบู๊โจมตีหนวดขาวทุกครั้งที่มีโอกาสและก็เป็นหน้าที่ของมัลโกที่ต้องดูแลอาการบาดเจ็บจากการถูกหนวดขาวปัดการโจมตีกลับไม่ว่าจะเป็นแผลยิบย่อยหรือยับเยินก็ตาม... ไม่เว้นแม้แต่ช่วงอาหารที่หลังจากที่ถูกปัดกลับมาแล้วก็เห็นเอาแต่นั่นงปลีกวิเวกอยู่ที่แถวๆหัวเรือเสมอๆ

    ตุบ..

    ถ้วยซุปถูกวางไว้เยื้องเบื้องหน้าของเอสที่เอาแต่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยโดยมัลโกที่อาสาเอามาให้แทนซัจ  ไม่ต้องถามก็รู้ได้เลยว่าเอสเพิ่งไม่สำเร็จจากการจ้องเล่นงานหนวดขาวอีกแล้ว

    “ทำไมพวกแกถึง.... เรียกเจ้านั่นว่า พ่อล่ะ...?” ร่างเล็กเอ่ยถามทั้งยังคงซุกใบหน้าเข้ากับหัวเข่าทั้งสองข้าง

    “.......” คนถูกถามอึ้งไปเล็กน้อยที่เอสยอมเปิดใจพูดคุยดีๆกับเขาเสียที

    “เพราะคนๆนั้นยอมเรียกพวกเราว่า ลูกชาย น่ะสิ”

    !

    “และเพราะพวกเราเป็นพวกที่ถูกสังคมรังเกียจก็เลยดีใจเป็นบ้าเลยล่ะ... แม้จะแค่คำพูดแต่ก็ดีใจจริงๆ” เสียงทุ้มตอบพร้อมกับรอยยิ้ม  ในขณะเดียวกันกับเอสเองที่ไม่รู้ว่าตัวเองสับสนอะไร

    “แกอุตส่าห์เก็บชีวิตมาได้ยังคิดจำทเรื่องแบบนี้ต่อไปอีกเรอะ ตัดใจซะทีเถอะ” พูดตามที่เห็นความจริงอย่างมีเหตุผลและไร้ซึ่งความลังเลและไม่กลัวที่จะรับมือหากคนตัวเล็กข้างหน้านี้เกิดอาละวาดอีก เอสได้แค่นั่งรับฟังเงียบๆเท่นั้น

    “แกในตอนนี้เด็ดหัวของพ่อไม่ได้หรอก นอกจากจะลงจากเรือลำนี้แล้วค่อยมาแก้มือใหม่ หรือว่า.... เลือกที่จะอยู่ที่นี่ แล้วแบกรับสัญลักษณ์ของ หนวดขาว!!!

    นับตั้งแต่วันนั้นเอง ก็ไม่รู้ตั้งแตเมื่อไหร่ที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองพัฒนาอย่างรวดเร็วจนหลายคนแทบไม่อยากเชื่อ ที่ตัวปัญหาระดับหนักหนาไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ยอมที่จะเปิดใจคุยกับคนอื่นโดยเฉพาะกับหัวหน้าหน่วยที่1 มัลโกที่ท่าทางจะติดแจ และพยายามอย่างมากที่จะให้เอส ผูกสัมพันธ์ไมตรีฉันท์เพื่อนกับซัจ หัวหน้าหน่วยที่4

     

     

    “ออกมาทำอะไรล่ะ... หัวหน้าหน่วยที่2” เสียงหนึ่งเรียกให้ละสายตาจากผืนน้ำทะเลที่ขยับไหวเป็นแนวคลื่นราวกับดนตรีธรรมชาติที่บรรเลงขับกล่อม

    “ทุกคนกำลังสนุกเลย  ตัวเด่นอย่างนายจะมานั่งทำอะไรที่นี่”  ถามพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆอย่างถือสิทธิ์และเป็นกันเอง

    “ฉันไม่ค่อยชอบงานเลี้ยงอะไรแบบนี้”  เอสตอบด้วยความสัตย์ แล้วเลื่อนสายตามองท้องฟ้า  ดวงดาวพราวระยับทอแสงคล้ายกับเป็นเส้นทางบนท้องฟ้าสว่างกว่าวันไหนๆที่เขาเคยเห็น  ช่างดูสวยงามและทำให้ย้อนนึกถึงในตอนเด็กบนบ้านต้นไม้ที่ช่วยกันสร้างกับลูฟี่และซาโบะ ในภูเขาคอลโบ สิ่งที่เอสคิดทำให้เผลอยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้ม...  ที่ทำให้หัวใจของมัลโกเต้นผิดจังหวะ

    “นายกำลังคิดอะไรอยู่”

    “ฉันคิดถึงอดีต... จำได้ว่าเคยมองท้องฟ้าแบบนี้”

    “หึ...”

    “มัลโก!!... จะทำอะไรของนาย!!!” ร้องเสียงหลงเพราะจู่ๆก็ถูกรวบขึ้นบ่าอย่างง่ายดาย

    “ระวังตกนะ...” แสงสีฟ้าสว่างขึ้นจนต้องยกมือขึ้นบังหน้า มันช่างสว่างและเปล่งประกายจนไม่อาจมองได้ตรงๆอย่างกะทันหัน  รู้ตัวอีกทีก็อยู่บนเสากระโดงเรือโดยที่คนที่พาเขาขึ้นมาก็นั่งอยู่ไม่ห่างจากเขามาก

    “ผลปีศาจ.... สายโซออน....”

    “ผลที่ทำให้ฉันเป็นฟินิกซ์น่ะ....”

    “สวยจังเลยมัลโก!!!” เอสมองไฟสีฟ้าที่ยังคงอยู่บริเวณตามลำตัวของอีกคนอย่างสนอกสนใจราวกับเด็กๆ เพราะไฟของเขามันเป็นไฟที่ให้ได้ทั้งความโอบอุ้มที่ร้อนแรงในขณะเดียวกับก็พร้อมจะทำลายผิดจากไฟของมัลโก ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างเหลือเชื่อ

    .

     

    .

     

    .

     

     

    “หัวหน้ามัลโกครับ!!” เสียงตะโกนของลูกเรือคนหนึ่งเรียกให้เขาหลุดจากภวังค์

    “ถึงเกาะสตรีแล้วครับ... คาดว่าอีกไม่นานคงถึงบริเวณที่หมวกฟาง..”

    “ฉันจะไปเอง  พวกนายเฝ้าเรือไว้แถวนี้แล้วอย่าก่อเรื่องล่ะ” เสียงทุ้มออกคำสั่งก่อนที่จะกระโดดลงมาจากกระโดงเรือแล้วลงพื้นอย่างนิ่มนวล

    “แต่ว่า...”

    “ฉันไม่ประมาทหรอก  ดูแลเรือดีๆแล้วถ้า... ใครคิดจะเข้าไปในประเทศสตรี ขอห้ามเด็ดขาดเลยนะถ้าพวกแกยังอยากมองอะไรที่มันน่าอภิรมย์บนโลกใบนี้ต่อ” พูดจบก็แปลงร่างเป็นนกฟีนิกซ์ก่อนจะทยานสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อหาที่อยู่ปัจจุบันของน้องชายของเอส

     

     

     

     

    มังกี้ ดี ลูฟี่





    ___________________________________________________________________________


    จบไปแล้วอีกตอน
    มัลโกก็ยังไม่ได้เจอกับลูฟี่//โฮรกกกกกกกกก
    บิดเบือนจากเรื่องจริงแบบสุดๆ
    ขอบคุณที่อ่านจินตนาการน้อยๆเรื่องนี้นะครับ

    ขอบคุณจริงๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×