ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จดหมายจากฟากฟ้าถึงดวงดาว(12)(Whitepingeon)

    ลำดับตอนที่ #55 : จดหมายจากฟากฟ้าถึงดวงดาว(67)(Whitepingeon)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 75
      0
      24 ก.ค. 55





















     

    จดหมายจากฟากฟ้าถึงดวงดาว (67)
    (จันทร์ 23-07-2555  23.06 )




                                      

     

     

     

               

    ******************************

     





     
               



              ...
    จดหมายที่เขียนต่อเนื่องจากฉบับที่แล้ว(เมื่อวาน)       จะบอกว่า   ลงโปรแกรมใหม่นานล่ะ     เพิ่งจะติดไวรัสที่รัก    ฮ่ะ ๆ     ต้องลงเองใหม่     ไม่เป็นไร   สนุกดี



    ฟากฟ้ามาเล่าต่อค่ะ    ถึงยังไงก็ไม่เหมือนเมื่อวานเท่าไหร่    แต่เนื้อความหมายเดิม     "  หลังจากที่เตรียมตัวจะไปวัดไร่ขิง       ก็มีเรื่องความคิดคน      เพื่อนพี่สาวเขามีปัญหาครอบครัว   มีลูกสองคน  โตเป็นหนุ่มหมดแล้วหล่ะ     เห็นว่าจะมีหลานแล้ว       แต่พี่เขาอายุสามสิบกว่า ๆ   นะค่ะ       (ไวไฟจริง  ๆ      ฮ่า ๆ     นึกถึงเคยพูดว่าพี่ที่รักคนหนึ่ง  ก็เลยเอามาเขียนเล่น  เนี่ยหล่ะ  อารมณ์เรา   เขียนไปหัวเราะไป    )





              พี่เขาบอกว่ารอใบหย่า    แต่สักพักสามีเธอก็โทรตาม   ตอนแรกไอ่เราได้ฟัง   เข้าใจไปตามที่เขาบอกว่าแยกกันอยู่   เพราะปัญหาครอบครัวสามีมีคนใหม่    ก็เลยไม่ได้คิดอะไร      เห็นว่าเพื่อนเราไม่มีใคร     แล้วก็เพิ่งเริ่มจีบกัน    พี่สาวแกว่าอย่างนั้น      ฟากฟ้าก็ฟังไป   ก็เฉย  ๆ  นะค่ะ    เพราะปรกติก็ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวใครอยู่แล้ว

    สามีเขาโทรตาม  ฟังไปฟังมา    "   ตามความคิดเรา   และที่ได้ยินเขาคุย   เป็นเรื่องที่ยังไม่จบนะค่ะ    เหมือนกับว่าเขายังไปมาหาสู่กันอยู่    และก็จะกลับไปหากันที่บ้าน   หลังจากกลับจากมาเยี่ยมฟากฟ้า   "     แต่สักพักก็เปลี่ยนใจ  โทรบอกสามีว่านอนที่นี่    

    แล้วเพื่อนเรากะพี่เขาก็คุยกัน   ประมาณคุยกัน    อ้อนกันเล่นกันไปตามเรื่อง     ที่ว่าแบบนี้   เพราะเราเห็น   ก็ที่นี่บ้านเรา
      
    เริ่มคิดแล้วหล่ะค่ะ    เริ่มจับต้นชนปลายให้เข้าใจ      " หรือว่านี่เป็นเรื่องที่  กำลังจะดำเนินไปในสิ่งที่เราไม่ชอบใจ   ไม่ดีแน่   มันไม่ถูก  มันไม่ดี    หากเป็นอย่างที่เราคิด     เริ่มคิดค่ะว่า   พี่สาวเขาไว้ใจเรา     เขามาที่นี่    ต้องดูแล   ถ้าเรื่องที่กำลังคิดว่ามันน่าจะใช่  มันกำลังเริ่มแล้ว    ฉันจะต้องแก้ไขให้ดีให้ได้   "  ( นั่งคิดแบบนี้)

    สักพักก็เริ่มมีข้อต่อรอง    เรื่องบ้าบอ   สิ่งที่ไม่ควรพูด    ผู้มาใหม่รู้ทั้งรู้ว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน    แต่ก็ยังเอาเรากับพี่ไปรวมกับเขา   พูดจาออกแนวหึงหวง     "   ไม่ไปแล้ว    ไปกันสามคนนะ   จะเฝ้าบ้าน   "    คำพูดประมาณนี้   พรั่งพลูออกมาเป็นระยะ     ฟ้าคิดนะค่ะว่า    "  ทำไมมันเหมือนเด็ก ๆ  จังว่ะ   ทำไมมันถึงได้งี่เง่า  น้ำเน่าอย่างนี้ว่ะ    คิดไปก็ตำหนิในใจเหมือนกันว่า     ทำไมพี่คนนี้ไม่แยกแยะ     แล้วล่วงเกินเราอ้อม ๆ   ด้วยคำพูด  "



    แต่ก็คิดไม่มาก    ฟ้าเพียงแค่คิด    ไม่ได้โมโห   โกรธ  หรืออะไรหรอก    "  ได้แต่นั่งฟัง  นั่งคิด  มองความเป็นไป  ของคน   นึกแล้วมันก็ขำ ๆ  ดี     แล้วก็คิดต่อไปว่า   เออ  เน๊าะ   เขาใช้ชีวิตกันในสังคมระดับเขาแบบในบ้างนะ    แล้วปัญญา  ความคิดเขาไปในแนวใหนบ้างนะ    มุมมอง   และอะไรต่อมิอะไร    ฟ้าก็คิดไปวิเคราะห์ไป   แล้วเมื่อได้ทำความเข้าใจเขาแล้ว   ก็นั่งดู   ก็อย่างที่บอกนั่นหล่ะ   เออ เน๊าะ   แล้วก็ขำ  ๆ    ....  เปลี่ยนเรื่องอื่นไป    แซว  ๆ เขา   บอกเดี๋ยวจะหิ้วปีก  พาไปหาลุง  ที่วัดไร่ขิง (ฟ้าจำชื่อลุงแกไม่ได้ค่ะ    ที่ขอทานได้เท่าไหร่ทำบุญหมดเลยนั่นหล่ะค่ะ  )     ...พอพูดแซว   ก็หัวเราะกัน  ฮาดี   "






              ก็ไม่ได้คิดอะไรมากนะค่ะ   แต่งตัวแล้วก็จริง   ไม่สนใจเลยว่าจะได้ไปหรือเปล่า   ใจมันไม่ได้เดือดร้อนกับการจะไปจะมา    ถ้าเขาไปกัน   เขาก็ไปกันได้เลย    ไม่ต้องรอเรา   เพราะเราช้าอยู่แล้ว     ถึงยังไง    ก็ต้องไปส่งหน้าปากซอยอยู่ดี      ฟ้าก็บอกพี่สาวแบบนี้     ใจเราไม่ทุกข์ไม่ร้อน   ไม่คาดหวังแล้วนะหล่ะ     มันเลยไม่มีผลต่อใจ






    เเล้วเราก็นั่งแท็กซี่ไปกันค่ะ      คนก็อยากแวะเข้าห้องน้ำ   ส่วนแท็กซี่พอดีอยากเติมแก๊ส   "  แวะปั้มกันค่ะ      เพื่อนชายไปห้องน้ำ   เพื่อนพี่สาวเดินตามไป   ฟากฟ้าไปทีหลัง    ได้ยินเขาโทรบอกสามีว่า     ให้มารับที่ซอย   เวลาเท่านั้นเท่านี้   "    สรุปว่า   เมื่อเขาไปกับพวกเราแล้ว   ก็ให้มารับ    จบค่ะ    เข้าใจแล้วฟากฟ้าได้ยินกับหูแล้ว   แค่ประโยคเดียวจบ   ไม่มีการพูดคุย  (พี่เขาโทรออกไป   เท่าที่ได้ยิน)

    ไอ่เราก็เลยนั่งคิด    เอ้า !  "  แบบนี้เรียกว่า   โดนปั่นหัวแล้วสิ  "      พอพี่เขาเห็นเราเดินออกมา   รีบเดินกลับมาแก้ข่าว   (ฟ้าคิดว่า   แก้ไปทำไม   เปลี่ยนคำพูด   มันเหมือนคนปลิ้นปล้อน   ยิ่งหนักกว่าเก่าอีก   ไม่รู้จักเราซะแล้ว    เกียดการโกหก   เกียดคนปลิ้นปล้อน   คำพูดเหล่านั้นไม่ต่างอะไรกับน้ำกลิ้งบนใบบอน )

    ดูไปก่อน  ต่อให้ก่อน   พวกเราก็นั่งรถไปต่อ    ฟ้าก็ไม่ได้อะไรแล้ว   รับรู้เรื่องราว   ก็เฉย  ๆ   ฟังเขาพูดต่อไป    เรื่องที่ผ่านมาไม่ได้ใส่ใจ    ตอนนี้พวกเราคุยกันอยู่ไงค่ะ    สามีเขาก็โทรจี้ยังกะเกิดเรื่องอะไร    ฟ้าก็เลยคุยให้    บอกว่า   " กำลังจะไปวัด   มีอะไรใหมค่ะ   "   ก็พูดคุยปรกติ   แต่เวลาจริงจัง  เสียงเราจะควบคุมทุกอย่าง    สามีเขาก็เลยเกรง ๆ   "   เปล่า  ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่รับสาย  "    สามีพี่เขาก็ถามแบบนี้   

    ฟ้าเลยบอกว่า  พี่เขาเมา คุยไม่รู้เรื่อง   แล้วก็ให้เขาคุยกัน         แล้วโทรศัพท์มันก็ดังแบบนี้เรื่อย ๆ  ถี่ ๆ   ฟ้าก็บาป   ดันไปบอกเขาว่า   "  ใบหย่าก็เอามาเลยพี่   กินเหล้าเมาแล้วก็เซ็นให้เองหล่ะ  "   (นั่นเลยดวงดาว    ฟ้าฟังเพื่อนพี่ฝ่ายเดียว   สนับสนุนเขาเฉยเลย   เพราะความที่เห็นแก่พวกพ้องนี่หล่ะ     หลับหูหลับตา   ยังไม่ทันรู้ว่าใครเป็นยังไง   ก็ด่วนเชื่อ   ด่วนสรุป  ช่วยเขา    ไปนั่นเลย    แต่ระหว่างการเดินทาง   เขาคุยกลับไปกลับมา   ทำให้ฟ้าพิจารณาตามที่เราได้ยิน   พฤติกรรมที่เห็น   แม้เพียงวันเดียว   แต่คุณรู้ใหม   วันเดียวกับเรื่องราวของใครที่เขาอยากทำอะไร    เวลานั้นมันรอไม่ได้ใช่ใหม    ฟากฟ้าสลัดความโง่ทิ้ง   ทีนี้ไม่สนอะไรแล้ว)




             "  สรุปทุกอย่าง   เชื่อตัวเองอย่างเดียวแล้ว    พอไปถึงหน้าวัด     ความรู้สึก   และเรื่องราวของตัวเอง   เราก็ยังต้องรักษาหรือพิจารณาตัวเราขณะที่มาถึงที่นี่    พี่สาวก็มอง  ๆ  เพราะเขาได้ยินเราพูดว่า   สามปีกว่า  ๆ    ที่ไม่ได้มาที่นี่    พี่ก็ถามว่าทำไม   เราก็ตอบเพียงว่า    เดี๋ยวก่อน  จะบอกอีกที    "

    กระโปรงโดนลูกไฟจากธูปหยดลงทะลุไปนิดหนึ่ง     ฟ้าก็นึก  ๆ  ดีเหมือนกัน  จะได้จำว่าได้ว่า   เรามาใหว้พระ      สองคนหายไปใหนไม่รู้    พี่กับเราเข้าไปใหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิง   ฟ้ามองทุกอย่าง     ช่างต่างจากเมื่อสามปีกว่า   ๆ   ทุกอย่างที่ฟากฟ้าซน ๆ   นั่งเล่นสบายใจในนี้     หลวงพ่อเมตตา   สิ่งรอบข้างรก    เพราะกำลังบูรณะ      ข้างนอกถวรวัตถุก่อนสร้างใหม่เต็มไปหมด     แต่ฉไหนพระอุโบสถจึงได้เงียบเงา  รก   ไม่เหมือนวันก่อน    ไม่เหมือนวัดแถว ๆ    สายน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา     ฟากฟ้าก็เพียงแต่คิดเท่านี้    แล้วก็ทบทวนถึงวันเก่าเวลาเหล่านั้น     นั่งซึม  ๆ บ้าง   แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกคุณ    สักพักก็เดินออกมา   "





               ก็เรื่องประมาณนี้   แล้วก็เจอเพื่อนอยู่ด้านนอก    ขอบคุณเพื่อน   และเล่าให้ฟังคร่าว  ๆ  ว่ารอชวน    แล้วพวกเราก็เดินเล่นชายน้ำ     ฟ้ายังต้องแก้ไขอะไรบางอย่าง    เรียกพี่เดินหนีกันสองคน   แล้วก็เล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ยิน    และถามความเป็นไปของเพื่อนพี่สาว    แกก็เล่าให้ฟัง    สรุปว่า    สมควรที่ฟ้าจะต้องทำอะไรบางอย่าง   เพื่อหยุดการกระทำที่ไม่เหมาะสม   (ถ้าไม่เล่าประมาณนี้   มันก็ไม่เห็นภาพ   ถ้าหากได้เขียนแล้วก็เขียนเลย   ฟ้ารู้ว่านี่เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของสังคม    ที่อื่นก็มีเรื่องราวประมาณนี้   แต่นี่จดหมาย    ถึงฟากฟ้าจะเขียนเล่า   แต่ก็จะเกริ่น  ๆ  อะไรบางอย่าง   เผื่อ  ๆ แน่นอนค่ะ  )




    เสร็จแล้วเพื่อนก็พาไปเลี้ยงอย่างที่บอกไว้      เพื่อนก็มีแต่พูดว่าจะมาเยี่ยม    แล้วก็มีเรื่องอื่น    ส่วนเราก็เลยไม่เชื่อไม่เอาอะไรกับเพื่อนอีก      สบาย ๆ   แต่พอรู้จะมา   ฟ้าเป็นพวกประเภทดูเขาด้วย   แล้วอีกอย่างดูแล้วก็พูด  "  จะถล่มมันเต็มที่    เพื่อนเต็มใจให้ถล่ม   ไอ่เรากินน้อย  พูดไปอย่างนั้นหล่ะ    เพื่อนกดเงินมากี่หมื่นไม่รู้   ท่าทางมันจะเว่อร์   มันนึกว่าเราเอาจริง   ถึงยังไง   เต็มที่มันก็กินกันไม่เกินสองพันหรอกคุณ     พี่ ๆ  เขาอยากกินหมูจุ่ม   ไอ่เราอะไรก็ได้     

    ก็สั่งเบียร์อีกหลายเหยือก  ทีนี้หล่ะดวงดาว   คุณจะได้ยินว่าฟากฟ้าจะเขียนว่า  "  เมาเหมือนหมา  "  ฮ่ะ ๆ     สะดุ้งใหม !   อดีตใช่ใหม    นี่หล่ะค่ะ   เพื่อนพยุงตัวได้    แต่ขาดสติ   ขาการยับยั้งชั่งใจ    มันดันไปบอกรักกัน   พรอดกัน   ซวยแล้วเรา   บาปกรรม ๆ     

    ก็เลยฟรอมเรียกพี่ไปเดินเล่น    ทำเป็นกดโทรศัพท์  แต่จริง ๆ   ไม่ได้คุยหรอก   แนบหูเฉย ๆ    แต่พูดคุยกันกับพี่   ฟ้าไม่สนใจที่จะขอความคิดเห็น     เพราะรู้คำตอบ  พูดไปเลยว่า  "  จะไปส่งเพื่อนชายก่อน   ไปด้วยกันหมดนี่หล่ะ    แล้วค่อยมาส่งผู้หญิง     "   พี่ก็มองหน้าเหมือนจะพูด  ฟ้าก็ดักคอไว้     บอกเขาว่า   ท่าทางไม่ดี      "  มันมีสองเรื่อง    ไม่ชอบใจกับการกระทำ  ที่เป็นการเริ่มการหลอกลวงเอาเปรียบคน    อีกเรื่องสองคนนี้กำลังทำบาป   ทำบ้า  ๆ   กัน   ไม่แยกแยะ  อีกคนไม่สนใจอะไร    อีกคนไม่รู้ว่าจริง ๆ  แล้วเอายังคบกันอยู่    โง่ที่สุด!  เพื่อนเรา  "    

     

    นี่หล่ะค่ะ   เพียงเพราะอารมณ์   ความต้องการ   การขาดความยับยั้งชั่งใจ   ไม่รู้อะไรดีชั่ว  ไม่สนใจใครจะรอ   ใครจะห่วง   ผลจากนี้หากทำไม่ดี    ผลที่ตามมามันจะมีอะไรบ้าง   (ดูเหมือนฟ้าจะคิดเยอะ   มันจริงนะคุณ   พี่สาวเพื่อนห่วงมากมีน้องชายคนเดียว  )







    โน้ด !   กำลังเขียนต่อให้จบอยู่ค่ะ   ร่ายยาวเลย   0.25   หน้านี้ถึงจะยาว  แต่ต้องจบ    

    ********************************************************
    ********************************
    *****************



               

              ไปว่าเขาโง่     แต่ก็ขอบคุณทุกคน    เรื่องราวเหล่านี้   ใช่มาประจาน   แต่เขียนไปแล้ว   มันสะเทือนทุกทาง     จะได้รู้ว่ามีคุณค่าแค่ใหน    ในการทำสิ่งเหล่านี้   แล้วคนอย่างไอ่บ้าฟากฟ้ามานั่งเขียนร่ายยาวแบบนี้


    เพื่อนพี่ก็หลงเพลิน   ปัญหามันก็จะยิ่งตามมา    ไอ่เพื่อนชายมันก็เอาแต่อารมณ์ความต้องการ    ความเหงา    มันเลยไม่สนใจผิดชอบชั่วดี    หากเราปล่อยให้เดินเรื่องต่อ   รับรองได้ว่า    ฟากฟ้าโดนด่าเป็นหมาแน่     ไม่เคยปล่อยให้ใครทำชั่ว ๆ    ตราบใดที่อยู่ในความดูแลของเรา          

    พอเขาไปห้องน้ำกัน   ก็เหลือฟากฟ้ากะไอ่เพื่อนขี้เมา    ก็เลยขอโทรศัพท์มาดู     หาเบอร์พี่สาวเขา   แล้วก็เมมไว้     ฟ้าไม่ได้บอกใครเลยว่าจะทำแบบนี้    คิดแล้วว่ามันไม่กลับแน่   เห็นคุย ๆ  กันอยู่ว่าจะส่งเราก่อน     แค่นี้ก็เดาได้แล้วว่ายังไง 

    ขวางทางปืนอีกแล้วเรา    เรียกแท็กชี่   ฟ้านั่งหน้า   บอกคนขับส่งไอ่ขี้เมาก่อน      แต่ระหว่าทาง   เขาไม่ยอม    ผู้ชายก็จะไปส่งเราก่อน   ผู้หญิงเขาก็พูดใส่ไฟ   ลูกแหง่บ้าง   พี่สาวรอบ้าง    (เออ  เอาเข้าไป  เล่นของสูง  )       เล่นกับใครไม่เล่น    แท็กซี่เหมือนจะรู้เหตุการณ์   เขาก็เลยคิดวิธีช่วยทำยังไงไปถึงบ้านเร็ว     ทางด่วนใหนมี  ถามเรา  แล้วรีบให้   ไอ่เพื่อนมันก็ชวนกันจะลงรถ   

    ฟ้าก็ยังคิดอยู่ว่า    ทางด่วนนี่นะ    จะลงรถ  ...  มองด้านหลัง   พี่สาวขวางทาง  ขี้เมาอยู่ตรงกลาง  "   ฟ้าคิดว่า  หากมันเดินลงไปนะ   จะสับท้ายทอยมันให้สลบเลย    จะได้ไม่โดนเขาเอาไปควักใส้   เรื่องของเรื่องคือ   เขาเริ่มพยายามชวนเพื่อนเราไปด้วนกัน    ไปต่อสองคน    ดวงดาวคิดดูสิ      พวกเรารวมแท็กซี่ช่วยกันทำยังไงก็ได้  ให้ถึงบ้าน   สปิ๊กโฟนก็เปิดถามทางพี่สาวเพื่อนเป็นระยะ     ที่เปิดก็เพื่อให้รถเขาช่วยจำทาง   แล้วก็ให้ทุกคนได้ยินด้วยว่าพี่เขารออยู่      ...แต่ความพยายามเขาไม่ลดล้อ    งัดทุกคำพูดที่จะชวนพวกเรา   ชวนเพื่อนไปต่อ   ทั้ง ๆ  ที่ใกล้จะถึงบ้านเเล้ว    จะเที่ยงคืน   ถนนเข้าหมู่บ้านใหญ่    ทางที่เราไปได้เป็นทางตรง   มันน่ากลัว   เปลี่ยวมาก     ทางเข้ามีหลายทาง    แต่พี่เขาบอกทางตรงที่เราไม่หลงได้    ถึงแม้จะมืดเปลี่ยว   แต่แท็กซี่ใจดีมาก  




             "  คุณเชื่อใหม   ใจเราไม่โกรธใครเลย    เพียงแต่เขาพูดมา    เราแก้  ไปเรื่อย   ยังดีที่เขาไม่โวยวาย       กวนเพื่อนเราให้ตื่น   ให้อะไรต่อมิอะไร     บางครั้งฟ้าต้องหันมาดุ   ไม่ให้พูดมาก   แล้วก็ดุเพื่อนเราด้วยว่า  "  แกอย่าพูดมาก  เงียบไปเลย  ไม่งั้นเจอดี  "   เพื่อนได้ยินเสียงขึงขังขัดกับการแต่ตัวออกจะหวาน   แต่ห้าวเข้ม   เพื่อนก็เลยเงียบ   สักพักลุกขึ้นมาพูดใหม่   จะเอาแต่ใจตน    ฟ้าเลยพูดดุไป   "  แก  เดี๋ยวต่อไปจะมีก็อกสองนะ   ไม่แกแล้วนะ   จะมึงแล้วนะ  "   พี่หัวเราะเลย 

    (มันกวนหนะคุณ   นอนทับอีกคน   คนนั้นก็พยามยามจัง   ...  เขียนไปเหมือนว่าเขาเลว  เลวจริง ๆ  หล่ะ   แต่ว่าเดี๋ยวจะรู้ว่า   เลวเเบบคิดไม่ถึง   แต่มีประโยชน์   แต่อีกหลายคน   เเละก็ขอบคุณเขากันหล่ะ   ที่ทำให้ฟากฟ้ามาเขียน  เพราะที่นี่หรือที่ใหน    เรื่องราวเหล่านี้   ฟากฟ้าได้บอกเล่า  เเละเตือนหลายคนอยู่นะ    เขาถึงได้คิดว่าเราเป็นยายแก่ ๆ  ไง    คุณก็รู้ว่าจริง ๆ  แล้วเราก็ยายอยู่ดี   ฮ่ะ ๆ    ยายเอง  )





              *********************************
        


               ..... พอพวกเราไปถึงบ้าน    พี่สาวเขาก็เปิดไฟทั่วทั้งบ้าน      ก่อนจะถึงฟ้าก็แย็บ ๆ  แกล้งเพื่อนพี่เล่น  ๆ ว่า  "  ลงรถก่อนนะ  เข้าบ้านก่อน   เดี๋ยวพี่สาวเพื่อนจะซักประหวัด  "  ( ฮ่า ๆ  ยังแสปเหมือนเดิม  ด้วยท่าทางและน้ำเสียงเรา  ทำให้คนฟังปฏิเสธไม่ขอลง  จะรอที่รถ   ฟ้าคิดในใจนะ ว่า    "  ฝันไปเถอะ   ลากมาแล้ว  จะรอด  ย๊ากส์ ! )


    พี่ลงจากรถ   ดูหน้าพี่สาวเพื่อนกังวลมากเลยคุณ    เขาบอกว่า ชีวิตเพื่อนเรา   สามสิบกว่าครั้ง   ที่กลับมาทีไร   มีแต่บาดแผล      อะไรก็ดีทุกอย่าง    เสียอย่างเดียว   เมาแล้วทิ้งทุกอย่าง    แม้แต่ชีวิต    หายไปสามวันกลับ   ไม่มีอะไรติดตัวเลย    มีแต่แผล    แล้วเพื่อนที่ไปด้วย  ทิ้งไม่เคยมาส่ง     สรุปว่า  เรากลุ่มแรกที่ส่งไม่ทิ้งกัน    

    พี่เขาขอบใจ  มันก็เกือบตีหนึ่งแล้ว    เเท็กซี่ไม่มีผ่าน   เพราะหมู่บ้านใหญ่อยู่ชาญเมือง     "   กลับมาระหว่างทาง   ไอ่เพื่อนพี่ก็คุยกับเพื่อนชายเรา   โกหกเพื่อนเราอีก   เอาเรากับพี่ไปอ้างอีก    ฟ้าก็เลยพูดซะดังเลย    "  อย่าเอาไปอ้างนะ   ไม่ชอบ  "   ฟ้าก็เลยโดนปลายซ้งติงสะกิดเลย   พี่สาวแกก็เห็น   เรื่องของเรื่อง   เพื่อนพี่แกกำลังนอนเหยียดยาวอยู่ด้านหลังคุยโทรศัพท์ไป     "  นี่นะ   ถ้าฟ้าเป็นคนโกรธใครเร็วนะ    ป่านนี้แม่ไม่ปล่อยแน่  ทำกริยาหยาบคาย    สื่อได้เลยว่าเป็นยังไง   แต่ก็ไม่ได้อะไรเขามากมาย   ออกจะเฉยกับการกระทำเขาด้วยซ้ำ    ที่รู้สึกแบบนี้เพราะเราไม่ได้เจ็บช้ำน้ำใจอะไร   แล้อีกอย่าง   รู้ว่าชิวิตคนเรา   มีกิเลศเป็นที่ตั้ง   รู้ทันก็เดินทางดี  จิตใจดี     ไม่รู้ก็ทำอะไรผิด  ๆ  ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า





               จะเวทนาเขาใหม   ก็เปล่านะค่ะ   เพียงเข้าใจก็พอแล้วหล่ะ    "  เขาไม่ได้ผิดอะไรมากมายนะคุณ    เพียงแค่เรื่องราวเหล่านี้     ปัญหาครอบครัวเขา    มันจะกลายเป็นปัญหาสังคม  ถ้าเขายังคิดไม่ได้  ตามไม่ทัน   ก็จะทำอะไรผิด  ๆ ไปเรื่อย ๆ   ปัญหาก็จะเยอะขึ้น   ความวุ่นวาย   ความเครียดก็จะมีมากขึ้น   เพียงเจอสิ่งที่ขาด   คนคอเดียวกัน   คนพูดให้สบายใจ    ก็อาจเพลินทำอะไรไม่ดีไปแล้ว    

    "  ไม่แน่นะค่ะ  อนาคต   ถ้าเพื่อนพี่เขาไม่มีอะไรแล้ว   เขาไม่มีพันธะ  แก้ปัญหาได้    เพื่อนเราก็คบกันได้   ไม่ได้ผิดอะไร      "

    รุ่งเช้าเพื่อนเรามันก็โทรมาขอโทษ  ขอบคุณ  ซึ้งอะไรของมันไปเรื่อย  พล่ามไปเรื่อย    ก็ฟัง ๆ  ไป    ฟ้าก็เลยสั่งสอนมันซะเลย   ด้วยที่เขาก็รู้ว่าเราเป็นคนยังไง    "  ก็เตือน ๆ  เขาไปนั่นหล่ะ  ไม่ให้ทำผิด    แล้วก็บอกไปหลาย ๆ  อย่าง    แถมยังว่าพี่สาวที่วัดด้วยว่าคบเพื่อนยังไง   ไม่ดูอะไร  แนะนำอะไร   โดนรวนทั้งคู่    พี่แกก็บอกว่าไม่รู้ว่าเพื่อนเขาเป็นแบบนี้       ....ฟ้าก็เลยพูดไปเลย   ใหน  ๆ  ก็ได้ยาวแล้วไง    ก็เลยบอกไปว่า    คบใครดูให้ดีดีหน่อย   ถ้ากินเที่ยวเละเทะแบบนี้(เพื่อนพี่เขาเล่าก่อนหน้าที่เที่ยวดื่ม)     มันก็แย่   มีปัญหา    ....ก็ได้แต่เตือนเพื่อนเราไปว่า    ถ้าเขายังคบกันอยู่อย่าไปยุ่ง   มันเป็นบาป      ...เพื่อนก็รับฟัง   แล้วเขาก็คุยกับพี่ว่าฟังเราแล้วก็เห็นด้วยว่าไม่ยุ่ง  เอาไว้เขาว่างจริงค่อยคบกัน     จะคบใครก็จะพามาให้เรากับพี่ดูตัว  นั่นเลย   พูดไปนั่น   ...  ฟ้ากับพี่บอกว่า  "  ต่อไปวันข้างหน้า  ไม่แน่นอน   เราไม่มีเวลาได้มาดูแลกันตลอดไป     "


               เพื่อนของเราเขาเป็นคนดีนะดวงดาว   จิตใจดีขี้สงสารคนมากเลย  จนฟังอะไรไม่ทันคิดแยกแยะ  จิตใจคน   (เหมือนไม่ทันคน   แต่จริง ๆ  เขามองโลกในแง่ดีเกินไป   จนทุกอย่างมันจะไม่ดีนะซิ   เพราะการมองก็ต้องมองให้ออกด้วย   มันก็ต้องใช้ปัญญา  นั่น  ว่าไปนั่นเลย   หุ หุ )

    "  เขียนมายืดยาว   จนตีหนึ่งกว่า ๆ  แล้ว   วันนี้สามีพี่เขาก็โทรหาพี่    พี่ก็โทรเล่าให้ฟัง   ไปไปมามา    ยังไม่จบหรอก   กลัวว่าเพื่อนเราจะหลงทำผิด    เรื่องมันจะยิ่งยาว    กลัวจะกินลูกปืนซะก่อน    ฟ้านะบอกพี่ว่า " มันรู้ซะตามันใหมนั่น "   พูดประโยคนี้เลย   มองตามสถานการณ์   ด้วยอารมณ์คน   การติดตาม   มันก็แบบนั้น   

    ปัญหาเล็กน้อย   ค่อย ๆ แก้ที่ใจก่อน    แก้ไปทีละเปาะ  หันดูที่เราก่อนเป็นหลัก   ไม่แน่หรอก  มัวแต่โทษคนโน้นคนนี้     ถ้าเป็นนักวิชาการก็จะมอง  ปัญหาแค่นี้  แล้วก็ตีกรอบเป็นวิธีคิด  วิธีแก้   แต่จริง  ๆ  แล้ว  เขาพลาดอะไรไปรู้ใหม   "  จิตใจมนุษย์  ยากแท้หยั่งถึง  ธรรมชาติ  ที่นำมาวิเคราะห์ วิจารวิจัย   แล้วสรุปหลัก   ๆ  เน็ต ๆ   ทำการรับรอง  ว่า   นี่หล่ะวิทยาศาสตร์พิสูจน์เเล้ว   ...จึงได้ประทับตรากัน    ว่าได้ผ่านการทดสอบ  และเป็นเเบบนี้   



    แล้วก็ไปหาเรื่องใหม่มา  เพื่อจะตีตรา  ว่าพิสูจน์แล้ว    แล้วไอ่ที่ยังไม่รู้   "  มันก็ยังเป็นธรรมชาติอยู่นั่นไง   มันรอการพิสูจน์   และตราประทับ  จากบุคคลไง   ... งั้นถามว่า  แล้วที่ยังไม่พิสูจน์หล่ะ   ตกลงว่า  ใครเหนือกว่าใครกัน   คนเราเหนือกว่าธรรมชาติ  หรือธรรมชาติ   ...  แล้วมันก็คือ ๆ  กันหล่ะ   "  ธรรมชาติจะคลี่คลายทุกอย่าง  เมื่อเวลานั้นมาถึง   ไม่ใช่คนไม่กี่คน  มาประทับตราให้   "    (ท้าย ๆ  นี้   ก็เพียงแต่   ตรีกรอบเข้ามา เรื่องเล็ก   พอดี  อ่านไปเรื่อย  เห็นไปเรื่อย   ก็เอามาคิดมาเขียนบ้าง  ใช่ว่าตัวเองจะถูกซะหมด  แต่ก็อยากคิดอยากเขียน  ตราบใดที่ยังอยากรู้    ไอ่ที่ไม่รู้ไม่ผิด   รอการรับรู้  จากผู้รู้ ?)


              

               เมื่อหลายปีมาแล้ว   หลวงปู่งามท่านมาแถว  ๆ  วังมะนาว   ท่านพูดกับฟากฟ้าประโยคหนึ่งว่า  "  หลวงพ่อสอนใครไม่ได้หรอก  หลวงพ่อเรียนมาน้อย  "   

    กว่าที่พวกเราจะหาท่านเจอ  ต้องถามลูกศิษย์  ทุกคนก็บอกว่า  ให้ดูเอาเองว่าองค์ใหน     ถ้าใครอยู่โคราชก็จะรู้จักหลวงพ่อ  ส่วนฟากฟ้า   ได้กราบท่านแค่ครั้งเดียว 




              "  ขอบคุณนะค่ะ  จดหมายของดวงดาว   ขอบคุณพี่ทุกคน   และเรื่องราวได้นำมาเขียนเล่า  และขอโทษทุกคนที่อยู่ในจดหมายวันนี้   ...  ปัญหาทุกอย่าง   จิตใจเป็นตัวกำหนด   จิตมนุษย์  ยากแท้หยั่งถึง  จึงเป็นเรื่องระเอียดอ่อน   เพียงเรื่องราวแค่นี้   ถ้าตีกรอบแล้วหาวิธีแก้   มันแค่เรื่องแค่นี้ เรื่องเกิดจากเล็กน้อย  ประเดนหลัก   ๆ  มันอยู่  มันมีแค่นั้น   แต่ก็อย่างที่บอก   จิตใจมนุษย์  เป็นเรื่องระเอียดอ่อน   แก้ไม่ได้เปราะเดียวทีเดียวจบเรื่อง  เหมือนหุ่นยนต์      หรือคนที่จิตใจเหมือนหุ่นยนต์    "






     
    **********************************************










     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×