Love or Like, Never Mind จะรักไม่รักช่างเธอ - นิยาย Love or Like, Never Mind จะรักไม่รักช่างเธอ : Dek-D.com - Writer
×

    Love or Like, Never Mind จะรักไม่รักช่างเธอ

    โดย mezzies

    ความรักของหนุ่มมหาลัยที่ไม่น่าจะสมหวัง ตามหารักทุกคณะทุกอายุ เขาจะเจอไหมนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    95

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    95

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    จำนวนตอน :  2 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  14 ส.ค. 58 / 11:21 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

     

     

     

    รักแบบตรรกะ และ มนุษยศาสตร์

     

     

            ผมเป็นคนมีเหตุมีผลเหมือนคอมพิวเตอร์ มีแค่ใช่กับไม่ นอกจากนั้นเป็นแค่ความรู้สึกหรืออารมณ์ในขณะนั้น แต่ผลสุดท้ายก็จะมีแค่ใช่กับไม่อยู่ดี การที่ผมเป็นคนแบบนี้ มักจะมีข้อเสียและดีมาควบคู่กัน มีเหตุผลส่งผมให้ผมเป็นคนตรงไปตรงมา คิดอย่างไหนพูดอย่างนั้น ขวานผ่าซากยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ แน่นอนว่า วิท รูมเมทผมย่อมชินและอดทนกับผมได้หลังจากอยู่ด้วยกันมาสามปีตั้งแต่ ม.ปลาย ถ้าเขาชินและทนกับผมได้ย่อมแปลว่าเขาเข้าใจผม ถ้าเขาเข้าใจผมแปลว่าเขาต้องเคยเป็นหรือเป็นแบบผมอยู่แต่เขาเปลี่ยนตัวเอง เพราะเขาเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่พอพูดก็พูดตรงไปตรงมาเหมือนกัน ทำให้ผมคิดว่า การที่ตรงไปตรงมามันอาจจะแย่ไปจนทำให้วิทเปลี่ยนตัวเอง แหม่...ความคิดผมมันช่างเป็นตรรกะอะไรอย่างนี้

    และแล้วก็ถึงเวลาลุกจากเตียง ผมมองไปที่นาฬิกาฝาผนังและเห็นว่า นี่มันก็สิบโมงแล้ว วิชาคณิตศาสตร์จะเริ่มในสามชั่วโมง แล้วตอนนี้วิทก็ไม่อยู่ในห้องด้วย ไปไหนของเขานะ แต่ไม่นานเสียงโทรก็ดังขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์จากหัวเตียง ดึงที่ชาร์ตออก แล้วแนบกับหู

    “โหล?” ด้วยเสียงที่งัวเงีย

    “โหลอะไร นี่กี่โมงกี่ยามแล้ว!!” เสียงแหลมๆนี้มันใครกันนะ

    “นี่ใครเนี่ย?” ผมถาม

    “พ่อเอ็งมั้ง จักษ์เองไง จะใครละ” แล้วผมก็นึกได้

    “อ้าวเตี้ยเองหรอ ตอนนี้สิบโมงไง ทำไมเอ่ย” ถึงมันจะเตี้ยผอม แต่ยังดีที่สีผิวเป็นสีขาวและหน้าตาที่พอดูดีระดับนึง

    “สิบแม่เอ็ง บ่ายครึ่งแล้วเพื่อน!!” เสียงแสบๆสำเนียงใต้ ทำให้ผมอดขำไม่ได้ แต่เรื่องที่มันบอกว่าบ่ายครึ่งมันก็เป็นการอำที่ขำกว่า

    “เอามาทั้งตระกูลเลยไหมจักษ์ พ่อแก แม่เอ็งอยู่นั้นแหละ แล้วอีกอย่าง ... เมื่อกี้เพิ่งดูนาฬิกา มันสิบโมงเอง อย่าหลอกกันให้ยาก” ผมเหลือบไปมองอีกที มันก็ยังอยู่สิบโมงจริงๆ แสดงว่าผมไม่ได้ตาฝาด

    “เร็วๆเถอะ ก่อนที่จะส่งการบ้านไม่ทัน แค่นี้นะ ... ตื้ด ... ตื้ด ...” ยังไม่ทันพูดสวัสดีลาก่อนก็วางเสียแล้ว แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมมันถึงหลอกผมว่านี่มันบ่ายครึ่ง แย่จริงๆ นอนต่ออีกสักพักน่าจะดี จากนั้นผมก็นอนลง หัวแตะหมอน นอนมองผนังอยู่สิบกว่านาทีกับนาฬิกาที่ไม่กระดิกเข็ม

    ถ้าติดใจชอบใจสำนวน เชิญติดตามครับ

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น