ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #94 : Chapter 89 :: Daylight (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.48K
      107
      19 มี.ค. 58

    ? Tenpoints!


    Chapter 89

    Daylight

     


     

     

    มินซอก เจ้าของชื่อละมือจากการพับผ้าบนเตียง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องให้ แล้วก็พบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือหวงจื่อเทา

    มีอะไรหรือเปล่ามันเป็นเรื่องแปลกที่หวงจื่อเทามาเคาะประตูห้องของเขาในเวลาเจ็ดโมงเศษ ๆ คนตัวสูงหันซ้ายขวาก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย

    มาด้วยกันหน่อยสิ

    มินซอกไม่ได้ถามอะไรอีก ร่างเล็กยืนชั่งใจอยู่แค่ครู่เดียวก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินตามไป ตั้งแต่ที่โรงเรียนมาจนถึงปัจจุบัน เขาทั้งสองคนก็ไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่

    อากาศข้างนอกยังคงหนาว ถึงจะไม่เท่าช่วงปีใหม่แต่ก็ทำให้สั่นได้ตอนที่ลมพัดมา ตอนนี้มีเพียงแค่คุณอี้ฟานกับครูกาฮีที่อยู่ข้างนอก และเด็กสองคนที่ยืนกวาดหิมะอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งวันนี้ซูโฮดูหงอยผิดปกติ ถ้าเขาไม่ได้คิดไปเอง

    เทาเพียงแค่โค้งหัวให้ครูเล็กน้อยตอนเดินผ่าน ปาร์คกาฮีไม่ได้ทักท้วงอะไร เธอเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ตอบกลับมาเป็นการทักทายยามเช้า

    ฉันควรถามไหมว่าเราจะไปไหนกัน? พอมาถึงประตูทางออกอุทยานมินซอกเลยคิดว่าการถามถึงที่หมายมันก็คงจำเป็นแล้วในเวลานี้ จะออกไปข้างนอกแบบนี้นายขอครูแล้วหรือยัง?

    เทาหันมาพยักหน้าพร้อมยิ้มบาง ๆ เป็นคำตอบ ก่อนจะเปิดประตูออกเล็กน้อยเพื่อให้ทั้งคู่แทรกตัวออกไปได้ เขาเห็นว่าสีหน้ามินซอกไม่ค่อยโอเคกับการที่จะต้องออกไปข้างนอกรั้ว แต่เขาก็เพียงแค่ยิ้มแล้วเดินออกมาก่อน

    ทำในสิ่งที่ควรทำมาตั้งนานแล้ว

     

     
     

     

     
     

    จำที่ผมบอกได้ใช่ไหม?

    ผมจำได้

    ดีครับ ตอนนี้เรามีเวลาไม่มาก เพราะงั้นผมอยากทวนแผนของเราอีกสักครั้งหนึ่ง

    แบคฮยอนมือเย็นไปหมด เขาเห็นว่าตอนนี้ชานยอลกำลังง่วนอยู่กับการจับเวลานาฬิกาข้อมือก่อนจะถอดเสื้อโค้ทตัวนอกออกและตามด้วยเสื้อกันหนาวตัวใน ตอนนี้ร่างสูงเหลือเพียงแค่เสื้อยืดสีดำเท่านั้น

    เสียงผู้คนทางด้านนอกทำให้ความกลัวที่มีอยู่พุ่งสูงเป็นเท่าตัว แม้ว่าที่ได้ยินนั้นจะเป็นเสียงของผู้หญิง แต่ที่สุดแล้วคนเหล่านี้ก็จิตใจต่ำช้าจนเขาไม่กล้ามองเห็นว่าใครดีได้อีก เมื่อภาพตอนแล่เนื้อคนสด ๆ มันยังคงติดตาอยู่

    ถ้าไม่รู้จะตอบยังไงให้พูดไปว่า อยากรู้อะไรก็ไปถามพี่เองสิ’ ”

    ใช่แล้ว ชานยอลวางแผนไว้ว่าให้ตบตาพวกนั้นด้วยการเล่นละครเป็นพี่น้องที่ไม่ค่อยสนิทกัน แบคฮยอนต้องเป็นเด็กหัวรั้นที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าพี่ชาย ในขณะที่ชานยอลต้องเป็นพี่ชายที่ห่วงน้องอยู่เสมอ

    เพราะการแสดงออกแบบนั้นมันเป็นการเทคำถามทั้งหมดมาที่ชานยอลได้โดยที่ไม่ต้องวางแผนโกหกให้ตรงกัน  ซึ่งเขาไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะจับผิดเก่งได้มากน้อยแค่ไหน แต่การเซฟตัวเองมันก็ดีที่สุด

    คุณจะทำอะไร?

    เงียบไว้ ชานยอลกดเสียงลงต่ำแล้วเอาตลับมีดพกออกมาจากรองเท้า ก่อนจะกรีดมีดลงบนต้นแขนตัวเองเบา ๆ พอให้เลือดซึมออกมา

    ชาน...

    ถอดเสื้อตัวนอกของคุณออกครับ แบคฮยอนขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างเป็นกังวล ชานยอลมักจะเป็นแบบนี้เสมอเลย ไม่ยอมพูด แล้วปล่อยให้เขางงจนคำตอบมันออกมาเป็นรูปเป็นร่างเอง

    ร่างสูงเอาผ้าก๊อซส่วนปลายแตะลงกับเลือดที่ซึมออกมาจนมันขยายเป็นวงกว้าง ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้คนตัวเล็กขยับเข้ามาใกล้ ๆ

    ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวเลือดก็หยุดแล้ว ผมไม่ได้กรีดลงไปลึก

    ...

    ราวกับว่าชานยอลอ่านใจออกว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่ แบคฮยอนไม่ได้เงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย เขาเพียงแค่มองมือแกร่งที่กำลังพันพาก๊อซลงกับข้อมือเขาหลาย ๆ ทบ หลังจากนั้นร่างสูงก็ช่วยสวมเสื้อกันหนาวให้

    คุณทำแบบนี้ทำไม

    มันจะช่วยคุณ

    ...

    พวกเขาจะไม่กินคุณถ้าได้เห็นผ้าพันแผล ผมจะบอกว่าคุณถูกกัดเมื่อสามวันที่แล้ว

    พวกเขาจะเชื่อเหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณก็ทำด้วยสิ แบคฮยอนเอาม้วนผ้าก๊อซขึ้นมา แต่อีกฝ่ายกลับกดมือเขาลง

    เราทำแบบนั้นไม่ได้ คุณก็รู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะรอดจากการถูกกัด ร่างเล็กนิ่งไปครู่หนึ่งขณะที่ยังไม่ละสายตาจากร่างสูง ประโยคนี้มันทำให้เขานึกถึงวันนั้น ที่พี่แบคโฮกับเซฮุนถูกกัดมาพร้อมกัน แต่พี่ชายเขากลับไม่รอด

    ถ้าเป็นแบบนี้พวกเขาก็ต้องกินคุณแทน...ใช่ไหม? เด็กหนุ่มถามเสียงแผ่ว และการที่ชานยอลไม่ตอบคำถาม มันก็ยิ่งทำให้เขาใจไม่ดีกว่าที่เป็นอยู่ไม่เอาแบบนี้สิ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าคุณช่วยผมคุณอาจจะต้องตาย

    คำว่าอาจจะมันก็ยิ่งมีเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปไม่ได้อยู่ เราจวนตัวแล้วแบคฮยอน ตอนนี้ขอแค่ทำตามที่ผมบอก

    แบคฮยอนไม่กล้ารับปาก ไม่กล้าแม้แต่จะพยักหน้าอย่างฝืนใจ เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าการที่คนพวกนั้นไม่จับเขาแก้ผ้าเพื่อค้นตัวมันเป็นเรื่องดีหรือเปล่า เพราะมันทำให้ชานยอลคิดแผนนี้ขึ้นมาได้ แต่ยังไงเขาก็ไม่เห็นด้วยกับแผนการที่ทำให้ชานยอลต้องมาเสี่ยงแบบนี้

    ถ้าเราไม่ถูกกิน แล้วเราจะหนีไปได้ยังไง

    แววตาจริงจังที่มองมานั้นอาจจะเป็นคำตอบของปาร์คชานยอล ผู้ชายคนนี้คงรู้ดีว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกยังไง มือใหญ่วางลงบนศีรษะเขานั้นกำลังลูบเบา ๆ ราวกับเป็นการปลอบใจ แต่มันก็ยังไม่มากพอ จนกว่าบยอนแบคฮยอนจะแน่ใจแล้วว่าผู้ชายคนนี้จะไม่เป็นอะไรไป

    ถ้ามันจะทำให้คุณรอด ผมทำได้มากกว่าที่คุณคิด

    ...

    ผมไม่มีทางปล่อยให้คุณตาย ขอแค่เชื่อใจผม ได้หรือเปล่าครับแบคฮยอน?

     
     

     

     
     

     

    ฉันว่านายควรจะพักผ่อนให้มากกว่านี้ เมื่อวานก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

    มินซอกเปิดบทสนทนาขึ้นมาหลังจากที่เขาและหวงจื่อเทาเดินเข้ามาในป่าค่อนข้างลึกพอสมควรแล้ว พวกกัดคนราว ๆ สิบตัวถูกคนตัวสูงจัดการด้วยมีดมาระหว่างทาง ร่างเล็กเพียงแค่หลบอยู่ข้างหลังแล้วหันไปรอบ ๆ ตัวอย่างหวาดระแวง เพราะกลัวจะถูกโจมตีจากข้างหลัง

    ฉันจำไม่ได้แล้วว่าการหลับเกินสี่ชั่วโมงมันเป็นยังไง มันจะทำให้ฉันสดชื่นได้มากแค่ไหน เสียงของเพื่อนชาวจีนนั้นเรียบเฉยปนเหนื่อยอ่อน มินซอกรู้ว่าบาดแผลที่เกิดขึ้นเมื่อตอนปีใหม่มันยังสร้างความเจ็บปวดให้พวกเราได้เป็นอย่างดี

    ถึงใจมันจะไม่อยาก แต่ร่างกายของนายจำเป็นต้องพักผ่อนนะ

    ฉันพยายามทำแบบนั้นมาตลอดเกือบสองเดือน ถ้าได้ยานอนหลับสักหน่อยก็คงดี...อืม...หมายถึงว่าฉันเคยคิดอย่างนั้นน่ะ แต่พอมานึกดูอีกที ถ้าฉันหลับแต่คนอื่น ๆ ต้องออกไปหาเสบียง ออกไปทำเรื่องที่ตัวฉันทำได้ดี แบบนั้นการนอนสี่ชั่วโมงมันก็ไม่แย่สักเท่าไหร่

    นึกถึงคนอื่นก็ควรนึกถึงสุขภาพตัวเองบ้าง ครูเป็นห่วงนาย ฉันเองก็ด้วย เทารู้อยู่แก่ใจดีถึงเรื่องที่มินซอกกำลังพูดถึง เด็กหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะหันหน้าเข้าหาเพื่อนตัวเล็กกว่า

    ที่ฉันพานายมาวันนี้ ก็เพราะว่ามันถึงเวลาที่นายต้องฝึกป้องกันตัวแล้ว ก็กะไว้อยู่เหมือนกันว่าการที่หวงจื่อเทาพาเขามาที่นี่ คงไม่ใช่เพราะอยากเดินเล่นหรือหาเรื่องชวนคุยในวันที่เสบียงใกล้หมดแน่ ๆ ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่

    เอาสิ

    นายเองก็พอมีฝีมือติดตัวอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ได้ใช้มันตอนสถานการณ์ฉุกเฉินใช่ไหมล่ะ ทั้งคู่เดินไปข้างหน้าอีกครั้ง เทาเอามีดกรีดต้นไม้เป็นสัญลักษณ์ตัว T เอาไว้เพื่อไม่ให้หลงทางตอนขากลับแล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะรอดในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนั้นเหมือนทุกครั้งได้หรือเปล่า

    เทาพูดถูก หลายครั้งที่คิมมินซอกรอดมาได้เป็นเพราะโชคช่วยทั้งนั้น ถ้าไม่มีปืนไรเฟิลให้ทำลายศัตรูจากระยะไกล เขาก็เป็นเพียงแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่งที่รอดมาได้เพราะมีคนคอยช่วยเหลือ

     “นายรู้ใช่ไหมว่าการออกไปหาเสบียงในแต่ละครั้งมันเสี่ยง เด็กหนุ่มชาวจีนหันไปมองเพื่อนที่มองไปรอบข้างอย่างหวาดระแวง ซึ่งมันคงไม่แปลกกับคนที่ไม่คุ้นชินการออกมาเดินลาดตระเวนแบบนี้ฉันอาจจะโดนกัดแต่ไม่ตาย แต่ถ้าโดนรุมกินอันนั้นน่ะตายชัวร์

    เด็กหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ มันเป็นเรื่องตลกร้ายที่พระเจ้าเลือกให้เขารอดตายจากการถูกกัด เพื่อให้ยืนมองคนที่เขารักจากไปทีละคน

    ถ้านายไม่อยากใช้สิทธิ์ตื่นสาย ฉันก็จะออกมาฝึกด้วยแบบนี้ทุกวันเราไม่สนิทกัน มินซอกรู้ดี แต่เขาก็เข้าใจความรู้สึกของเพื่อนคนนี้ได้อย่างไม่ยาก เทาเป็นคนจิตใจดี อ่อนไหว และทำเพื่อคนอื่นอยู่เสมอ และนั่นคือเหตุผลที่เพื่อน ๆ ทุกคนไว้ใจให้เขาเป็นผู้นำตอนอยู่โรงเรียน

    เยี่ยม ฉันดีใจที่ได้ยินนายพูดออกมาเอง เด็กหนุ่มยิ้มขณะมองไปยังเบื้องหน้าถ้าเป็นคนอื่นคงเลือกหดหัวอยู่ในกระดอง มากกว่าออกมาเสี่ยงตายข้างนอก

    ก็พูดไป เพราะคนอื่น ๆ เขาออกมาเสี่ยงบ่อยจนชินแล้วต่างหาก มินซอกเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง บางทีฉันอาจจะโชคดีถูกกัดแล้วไม่เปลี่ยนเหมือนนายก็ได้นะ

    เหรอ

    อืม ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะอาสาเป็นโล่ให้คนอื่นเอง ถ้าเกิดไม่โดนกินไปก่อนพูดจบก็หันไปมองหน้ากัน ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรียกรอยยิ้มในวันท้องฟ้าเป็นสีเทาแบบนี้ได้

    ถ้าฉันอยู่ตัวคนเดียวคงไม่กังวลว่าจะต้องตายเมื่อไหร่ แต่เพราะว่าตรงนี้ยังมีครูอยู่ ฉันอยากให้เธอปลอดภัย เทาหยุดยืนแล้วทำสัญลักษณ์อีกครั้งเธอเป็นเหมือนแม่ของฉัน

    ...

    มินซอก นายเคยรู้สึกเหมือนมีแผล แล้วมันไม่หายสักทีไหม? ร่างเล็กไม่ได้ตอบกลับไป เขาเพียงแค่ยืนมองแผ่นหลังของเพื่อนเท่านั้นตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกแบบนั้นอยู่

    อืม

    มันเป็นแผลใหญ่ที่ไม่มีวันหาย เพราะถูกซ้ำรอยเดิมครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่ตอนเรื่องเพิ่งเกิดขึ้น เราต้องช่วยกันขุดหลุมฝังศพเพื่อนที่เคยเห็นหน้ากันทุกวัน จนมาถึงตอนนี้ ฉันคิดว่าแผลมันคงอักเสบเกินเยียวยาไปแล้ว

    ...

    ถ้ามีใครต้องตายอีก...โดยเฉพาะครู...ฉันก็ไม่มั่นใจแล้วว่าจะทำยังไงต่อไปดี

    มินซอกมองแผ่นหลังของอีกฝ่าย ก่อนจะค่อย ๆ วางมือลงไปบนไหล่กว้างแล้วบีบเบา ๆ วินาทีนั้นเทารู้สึกวูบตรงหน้าอกข้างซ้าย ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไร แต่เขารู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาอย่างคนเสียสติ เพียงเพราะได้รับการปลอบใจด้วยมือเล็กที่วางอยู่บนไหล่เขา

    เราจะช่วยกันปกป้องครู จะไม่มีใครต้องตายแล้วเทา

    ...

    ฉันก็รักครูเหมือนแม่คนหนึ่ง ตอนนี้เราเป็นเหมือนพี่น้องกันแล้ว มินซอกมองไปรอบ ๆ ข้างเพื่อดูลาดเลา ก่อนจะหันมาหยุดอยู่กับแผ่นหลังคนตัวสูงอีกครั้งอย่าเก็บความเศร้าไว้คนเดียวเลยนะ

    เทาหันหน้าเข้าหาคนตัวเล็กกว่า เขาเห็นว่าแววตาที่มองผ่านเลนส์แว่นนั้นดูจริงจัง ในทีแรกก็เป็นกังวลอยู่ว่าคนตัวเล็กอาจจะลำบากใจ ถ้าเกิดเขาจะสอนทักษะการป้องกันตัวให้ แต่นอกจากมินซอกแล้วเขาก็ไม่รู้จะไปขอพึ่งให้ใครมาปกป้องครูอีก เพราะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ทุกคนต่างก็ต้องปกป้องตัวเอง แต่คำตอบของมินซอกมันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นไม่น้อย กับสิ่งที่ได้รับจากเพื่อนคนหนึ่ง

    กรรรรรซ์...

    ทั้งคู่หันไปตามต้นเสียง ก่อนจะเห็นตัวกัดคนสองตัวกำลังแหวกกิ่งก้านใบไม้ออกมาจากในป่า มันตรงมาทางนี้ก่อนจะล้มลงไปจมกับหิมะเพราะโขดหินที่เป็นอุปสรรคบนพื้น เด็กตัวสูงส่ายหน้าหน่าย ๆ แต่ความเชื่องช้าของพวกมันนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับการเริ่มต้นบทเรียนในครั้งนี้ เทาวางมือลงบนใหล่คนเป็นเพื่อนแล้วพยักหน้า

    เอาล่ะ ถึงเวลาแล้วมินซอก

     

     

     
     

     

    เอื่อย เนือย เซ็ง

    นั่นคือสิ่งที่ลู่หานรู้ในเวลาแบบนี้

     

    ชายหนุ่มอ้าปากหาวเป็นครั้งที่ร้อย หลังจากเสียเวลาทิ้งไปกับการตกปลาริมแม่น้ำ ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันจะทำอะไรได้ไหม น้ำก็เชี่ยวแบบนี้ตกไปอย่างเก่งก็เจอซากกางเกงในที่ไหลมาจากปากทาง แต่มันก็ยังดีกว่านั่งหายใจทิ้งในอุทยานโดยที่ออกไปไหนไม่ได้ เพราะยังอยู่ในช่วงอันตราย เสียงรถจะดึงพวกหอกหักนั่นมาด้วย นี่ถ้ามีเกวียนปัญหานี้จะหมดไป ลู่หานคิดอย่างนั้น

    อี้ฟานบอกว่าพรุ่งนี้ถึงออกไปหาเสบียงได้ วางแผนกันไว้ดิบดีว่าจะต้องแยกกลุ่มไปสองทาง ฝั่งหนึ่งไปค้นตามบ้านเรือน อีกฝั่งก็ตามแผนเดิมคือห้างสรรพสินค้า หรือไม่ก็พวกโกดังเก็บของ ซึ่งแน่นอนว่าลู่หานอยู่กลุ่มหลัง

    ถึงจะจำอะไรไม่ได้ แต่กูคิดว่าปลาคงไม่แดกเบ็ดมึง

    หนุ่มชาวจีนหันไปตามต้นเสียงพลางหรี่ตามองกวนตีน แล้วก็พบว่าไอ้เพื่อนสมองหายกำลังหยัดตัวนั่งลงข้าง ๆ เขา

    งั้นอ้าปากดิ กูจะได้หย่อนเบ็ดลงไป

     จงอินหัวเราะกับสีหน้าและคำพูดของอีกฝ่าย เขาได้ยินเสียงถอนหายใจของลู่หาน และมันไม่ใช่เรื่องเพลงกับสถานการณ์ในตอนนี้ ทั้งสองคนปล่อยให้ความเงียบทำงาน

    คิดดูเอาว่ากูหิวแค่ไหน ถึงกับมานั่งตกปลาอย่างสิ้นหวังแบบนี้

    เออ กูก็หิวเหมือนกัน

    เวลาหิวแล้วหงุดหงิดว่ะ ลู่หานลุกขึ้นยืนอย่างหัวเสียแล้วปาก้อนหินลงแม่น้ำจนมันกระเด็นใส่ตัวเอง และนั่นทำให้จงอินระเบิดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เวรเอ๊ย!”

    บาปกรรมติดไนตรัส

    เหอะ จำได้ด้วยเหรอว่าไนตรัสคือไร

    กูจำชื่อพ่อมึงได้ด้วย ถ้ามึงเคยบอก

    สัด... หนุ่มชาวจีนขยับปากบ่นอุบอิบก่อนจะนั่งลงที่เดิมแล้วนี่มึงตื่นมาทำไรแต่เช้า หาหญ้าแดกเหรอ

    เปล่า กูปวดฉี่ พอเห็นอี้ฟานอยู่หน้าบ้านก็เลยคุยกันไปเรื่อยเปื่อยว่าใครตื่นบ้าง ยังนอนอยู่บ้าง บทสรุปคือมึงอยู่ใกล้ตีนที่สุดเลยเดินมาหา

    คำตอบมึงนี่น่ารักเนาะ ลู่หานหันไปมองคนเป็นเพื่อนอย่างเนือย ๆ ก่อนจะยกเท้าขึ้นทำท่าจะถีบ แต่จงอินยกมือขึ้นบังไว้ทันเหยด ความรู้สึกไวซะด้วย

    ผลพวงจากการวิ่งหนีตายบ่อย ๆ มั้ง จงอินว่าแล้วหลุบลงมองมือตัวเอง เมื่อกี้เขาก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน จนกระทั่งไอ้เตี้ยนี่พูดนั่นแหละ

    มึงมาก็ดีละ กูจะได้มีเพื่อนคุย

    เออ

    แผลตรงกบาลนี่โอเคแล้วเนอะ? ลู่หานลูบหัวคนข้าง ๆ ก่อนที่จงอินจะเบี่ยงตัวหลบแล้วทำท่าจะตบหัวคนที่บังอาจเล่นหัวเขา แหม่ จับนิดจับหน่อยไม่ได้เลย

    ปฏิกิริยาที่กูมีต่อมึงมันแรงไปนิด โทษทีว่ะ

    ใช่ซี้ ใครจะไปทำให้มึงรู้สึกเบาหวิวเหมือนปุยนุ่นได้เท่าแม่สาวเล... ลู่หานค้างอยู่ในท่านั้น ก่อนจะค่อย ๆ เหล่มองเพื่อนสนิทหลังจากพลั้งปากพูดออกไปกูหมายถึงซูยอนคนสวย

    จงอินเพียงแค่แค่นหัวเราะในลำคอ เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เพื่อนฝูงจะแซวเรื่องผู้หญิง ชายหนุ่มมองหน้าเพื่อนชาวจีนที่เอามือทาบอกทำหน้าเหมือนคนโล่งใจ พอเขาวางมือลงบนไหล่ มันก็สะดุ้งซะสุดตัว

    เป็นห่าไร

    เปล๊า...กูหนาว พูดก็พูดเถอะ ถึงคิมจงอินจะสูญเสียความทรงจำ แต่ก็อย่างที่รู้ว่าเขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น และการที่ไอ้หอกนี่กำลังโกหก มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ

    บอกตามตรงนะ กูรู้สึกแปลก ๆ เวลาที่มึงเป็นแบบนี้

    แบบไหนวะ? ลู่หานขมวดคิ้ว ก็เข้าใจหรอกนะ คือคนมันโกหกไม่เก่งไง ถ้าเพื่อนจะสงสัยบ้างก็คงไม่แปลก

    แบบที่มึงกำลังตอแหลอยู่

     

    สัส...

     

    ไว้มึงจำทุกอย่างได้ก่อนแล้วกูจะเลิกตอแหล

    ถ้ามันง่ายแบบนั้นก็ดี แต่ตอนนี้กูก็พอจะจำเรื่องเก่า ๆ ได้บ้างแล้วนะ จงอินไหวไหล่ จากความฝันเมื่อคืนนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาสะดุ้งตื่นตอนเช้า ไม่ใช่เพราะปวดฉี่อย่างที่บอกไป เขาได้แต่หวังว่าการฝันถึงเด็กผู้ชายคนนั้นมันเป็นเพราะเมื่อคืนเขาเราสองคนนั่งคุยกันหน้าประตูอุทยานจนดึกดื่น เลยทำให้เก็บเอาไปฝัน

    อย่างเช่นอะไรบ้างล่ะ

    ผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจะตาย เขาพูดกับกูว่าฝากดูแลแบคฮยอนด้วยนะหมอนั่นชื่อบยอนแบคโฮ พอพูดถึงชื่อนี้แล้วลู่หานก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แน่นอนว่าเขาไม่เคยลืมผู้ชายคนนั้นที่เคยหนีตายไปด้วยกันจนถึงวินาทีสุดท้ายที่ความตายพรากหมอนั่นไป แล้วก็ผู้หญิงในชุดเจ้าสาว

    อ้อ นั่นเมียชานยอล

    ทะเล บนเรือลำนั้นมีเด็กแว่นคนนั้น

    อ่า คงเป็นตอนที่มึงนั่งเรือไปเกาะเชจูกับมินซอก

    โอเซฮุนในชุดนักเรียน

    ...

    โอเซฮุนตอนกำลังร้องไห้

    ...

    โอเซฮุนตอนกำลังยิ้ม

    ...

    แล้วก็...โอเซฮุนตอนเรียกกูว่าจงอินครับ’ ”

     

     

    จงอินครับ

     

     

    ราวกับว่าเสียงนั้นกระซิบอยู่ข้างหู ชายหนุ่มทั้งสองคนเงียบไปโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก จงอินหลุดออกจากความคิดแล้วหันหน้าเข้าหาคนข้าง ๆ ทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าเผลอพูดเรื่องเด็กคนนั้นออกมามากจนเกินไป

    กูรู้

    ...

    สิ่งที่มึงกำลังกลัวว่าใครจะรู้น่ะ กูรู้ตั้งนานแล้ว ลู่หานมองอีกคนก่อนจะตบหลังปุ ๆ เมื่อเห็นว่าจงอินดูเหมือนจะช็อกไป

    เขาไม่ใช่คนฉลาดอย่างปาร์คชานยอล แต่สิ่งที่เห็นกับตาในหลาย ๆ ครั้งและเมื่อครู่นี้ มันทำให้รู้ได้แล้วว่าไอ้เวรนี่มันคงรู้แล้ว ว่าการฝันถึงโอเซฮุนมันไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา เขารู้ว่าการพูดกระตุ้นในครั้งนั้นมันก็มีส่วน ไม่อย่างนั้นไอ้จงอินคงไม่สับสนจนต้องรีบปฏิเสธเซฮุนเพราะรับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายรักชายไม่ได้

    แต่วินาทีนี้ สิ่งที่ลู่หานเห็น เขาคิดว่าสมองส่วนต่อต้านความรู้สึกไอ้เพื่อนตัวดีคงทำงานแย่ลงไปเรื่อย ๆ เมื่อความเคยชินในวันเก่า ๆ มันย้อนกลับมาให้ได้คิด ต่อให้วันนั้นเขาแกล้งพูดทีเล่นทีจริงว่าคนที่คิมจงอินรักคือผู้ชายด้วยกัน แต่ในเมื่อใจมันไม่เปิดรับ เขาก็ได้แต่คิดว่าเมื่อถึงเวลานั้น มันก็คงรู้ใจตัวเอง

     

     

    และตอนนี้เวลามันก็เดินมาถึงแล้ว

     

     

    แล้วมีคนอื่นรู้อีกไหม?

    คิดว่าไม่ ทำไม มึงกลัวเหรอ? หนุ่มชาวจีนมองเพื่อนสนิทอย่างหยั่งเชิง เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะทำยังไงหลังจากรู้ว่าเรื่องของมันกับเซฮุนไม่ได้ถูกเก็บเป็นความลับ

    เปล่า

    ทั้งคู่มองหน้ากันอยู่ราว ๆ ครึ่งนาที ลู่หานถึงได้ยักไหล่เป็นเชิงบอกว่าช่างหัวเรื่องนี้เถอะ เขาเองก็ไม่อยากพูดอะไรมากมายเพราะกลัวว่าเด็กกรงหมาจะไม่สบายใจ ถึงจะอยากให้เพื่อนจำความได้ แต่มันคงดีกว่าถ้าทุกอย่างเริ่มต้นด้วยตัวของมันเอง ลู่หานเสือกมาเยอะแล้ว เขาควรจะเหนื่อยเป็นสักที

    มึงรู้เรื่องนี้ แล้วมึงก็เห็นว่ากูกับซูยอน... จงอินพูดไม่จบประโยค เขาเงียบไปเพื่อใช้ความคิด ซึ่งไม่รู้ว่าควรจะพูดถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนระหว่างเขากับผู้หญิงคนนั้นยังไง มึงไม่โกรธเหรอวะ ที่กูทำแบบนี้?

    ในฐานะเพื่อน กูคงไม่เกลียดมึงด้วยเหตุผลง่อย ๆ แบบนี้ว่ะ พอดีว่ามีเรื่องอื่นให้กูเหม็นขี้หน้ามึงมากกว่านั้น ยกตัวอย่างเช่นเมื่อก่อนมึงชอบพากูไปเสี่ยงตีนจนเกือบตายห่านับครั้งไม่ถ้วน

    ...

    บอกตามตรงนะ ที่กูยังรู้สึกห้าสิบห้าสิบกับมึงแบบนี้มันเป็นเพราะว่ากูสนิทกับมึงคนเดิมมากกว่า แล้วนั่นก็ไม่ได้หมายความว่ากูไม่อยากคบมึงคนใหม่เป็นเพื่อน กูแค่ยังไม่ชินแล้วก็ทำตัวไม่ถูก เหมือนอย่างที่ใครเขาว่าเรื่องของมึงต้องใช้เวลา

    ใครล่ะที่ว่า?

    ไม่ใช่หมาพูดได้แล้วกัน

    ...

    จงอินกำลังรู้สึกผิด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าอดีตก็ส่วนอดีต เขาควรจะอยู่กับปัจจุบันแล้วเดินหน้าต่อไป แต่พอมีเรื่องโอเซฮุนเข้ามา ที่ทำให้ภาพเก่า ๆ มันเด่นชัดขึ้น คิมจงอินก็เริ่มคิดแล้วว่าการทิ้งอดีตไว้ข้างหลังมันไม่ใช่เรื่องง่าย

     

     

    เมื่อลึก ๆ แล้ว...ในใจของเขาก็ไม่ได้อยากลืมมันไป

     

     

    มึงได้คุยกับเซฮุนบ้างเปล่าวะ

    คุยปกติทั่วไปหรือคุยเรื่องมึงล่ะ

    เรื่องไหนก็ได้ เขาเห็นว่าสายตาของไอ้สมองกลวงแอบมีฟอร์มอยู่ ลู่หานได้แต่หัวเราะในใจ ก็เห็นว่าช่วงนี้แม่สาวเลสเบี้ยนเข้าหาเด็กกรงหมาบ่อย ๆ ซึ่งเขามั่นใจเลยว่าเซนส์ขี้เสือกจากแดนมังกรคงทำงานไม่ผิดพลาดแน่

    ก็มีเรื่องมึงกับเรื่องซูยอนบ้าง

    ซูยอน? แทนที่จะสนใจเรื่องตัวเอง แต่ชายหนุ่มกำลังขมวดคิ้วเพราะได้ยินชื่อหญิงสาวที่เขารู้สึกดีด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะเคยพูดเตือนสติให้เขาคิดมาแล้ว แต่เบื้องลึกคิมจงอินยังรู้สึกว่ามันยังไม่ชัดเจน

     

     

    ซูยอน เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันรู้สึกยังไงกับเธอ

    ฉันรู้

    งั้นก็ทำให้มั่นใจหน่อยได้ไหมว่าฉันทำถูกแล้ว อะไรก็ได้ที่ทำให้ฉันมองเธอแค่คนเดียว

    ฟังนะจงอิน

    ...

    ถ้านายกำลังรู้สึกไม่มั่นใจ นั่นแสดงว่านายไม่ได้ชอบฉันจริง ๆ

    ไม่ใช่อย่าง...

    ฟังให้จบก่อน” 

    ...

    รู้หรือเปล่าว่าทำไมฉันถึงไม่ยอมตกลงคบกับนายสักที

    ‘...’

    ก็เพราะว่าฉันอยากให้นายแน่ใจกับความรู้สึกตัวเองก่อนไง ที่นายคิดว่าชอบฉันจริง ๆ แล้วมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ บางทีอาจเป็นเพราะว่าฉันกับยูริช่วยชีวิตนายเอาไว้ ฉันคือผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ใกล้ตัวนายที่สุด หรืออีกหลายเหตุผลที่ทำให้คิดไปในทางนั้น

    ‘...’

    นายอาจจะแค่รู้สึกดี ๆ แต่ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหม...ว่ากับฉันน่ะมันไม่ใช่ความรัก

    ‘...’

    อย่าเพิ่งให้คำพูดตัดสินความรู้สึกตัวเองเลยจงอิน ให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามความรู้สึกของนายเถอะ

     

     

    กูบอกว่าซูยอนสวยดี แค่นั้นแหละ

    ...

    ลู่หานยิ้มพอใจกับสีหน้าของเพื่อนสนิทหลังจากที่เขาปล่อยให้มันคิดไปเองเกือบครึ่งนาทีว่าคนที่พูดถึงซูยอนอาจจะเป็นเด็กกรงหมา แต่สุดท้ายมันก็เป็นหลุมดักควายเพื่อหลอกดูท่าทีของมัน บอกตามตรงว่าคนอย่างลู่หานไม่ใช่พวกเก่งเรื่องสงครามประสาทหรอกนะ แต่ที่มีความสามารถทำถึงขนาดนี้ได้ก็เพราะติดเชื้อจากปาร์คชานยอลมา ถ้าเป็นเรื่องขโมยหรือเลียนแบบคนอื่นนี่กูถนัดนัก

    กูไม่รู้นะว่ามึงอยากให้เรื่องมันออกมาเป็นแบบไหน ถ้ามึงอยากตัดเซฮุนออกไปก็ไม่ยากหรอก แค่เมินน้องมันให้มาก ๆ เดี๋ยวก็สำลักความเจ็บปวดจนชินไปเอง

    กูไม่ได้อยากเมินเซฮุน

    เป็นอีกครั้งที่จงอินเพิ่งรู้ตัวว่าพูดออกไปก่อนให้สมองคิด สองเพื่อนซี้มองหน้ากันแล้วปล่อยให้ความเงียบทำงานอีกครั้ง สุดท้ายลู่หานก็หลุดขำออกมา

    แล้วไง มึงไม่อยากเมินมันแล้วไง มึงชอบผู้หญิงแล้วเพื่อน

    ...

    แต่ไม่เป็นไร กูมีเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเล่าให้ฟัง

    ลู่หานเว้นจังหวะไปชั่วอึดใจ เพื่อดูท่าทีของเพื่อนสนิทและปล่อยให้ต่อมอยากรู้อยากเห็นของมันได้ทำงานบ้าง เขารู้ว่ากำลังยื่นขาเข้ามายุ่งจนมากเกินจำเป็น ทั้งที่เด็กกรงหมาเคยย้ำบอกแล้วว่าให้ปล่อยไป เพราะยิ่งกระตุ้นไอ้เวรนี่มากเท่าไหร่เด็กคนนั้นก็ยิ่งเจ็บ

    แต่โทษทีว่ะ...เด็กกรงหมาก็เหมือนน้องชายของเขาคนหนึ่งเหมือนกัน มันคงไม่แย่สักเท่าไหร่หรอกมั้ง ถ้าเกิดว่าพี่ชายคนนี้ได้ทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้องแล้ว

    แต่ก่อนมึงจะชอบเซฮุน มึงก็เคยชอบผู้หญิงมาก่อนเหมือนกัน

    ...

    เพราะงั้นกูอยากบอกไว้ว่า การชอบเพศเดียวกันไม่ได้ทำให้พ่อใครตาย พวกกินคนโน่นที่ทำให้พ่อมึงตายได้ โอเค๊?

    ...

    ตอนนี้ซูยอนน่าจะอยู่ช่วยครูสุดสวยทำอาหารอยู่ กูคิดว่านะ นี่เสือกมาจนจับเวลาการเป็นอยู่ของชาวบ้านชาวช่องได้หมดแล้ว

    ลู่หานขมวดคิ้วทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ตกปลาแล้วปล่อยให้ไอ้จงอินได้บริหารสมองสักหน่อย เขายินดีถ้าจะมีเพื่อนเป็นคนโง่ แต่มันคงไม่เข้าท่าที่จะมีเพื่อนเป็นควาย

    หนุ่มชาวจีนลุกขึ้นยืนก่อนจะก้มลงมองเพื่อนสนิทที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมและยังไม่ละสายตาจากเขา ราวกับว่าต้องการรับรู้เรื่องราวในอดีตของตัวเองให้มากกว่านี้

    แต่ถ้าเซฮุนน่าจะอยู่ในห้อง มึงถามตีนตัวเองแล้วกันว่ามันอยากเดินไปหาใคร ในฐานะเพื่อนที่พร้อมจะเอาตีนลูบหลังปลอบใจ กูได้ทำดีที่สุดแล้ว

     

     

    50%

     

     

      

    แฮ่ก แฮ่ก...

    ถ้าไม่ไหวแล้วก็ถอยออกไปก่อน เดี๋ยวตัวนี้ฉันจัดการเอง

    เทาหันไปมองเพื่อนตัวเล็กที่หอบหายใจอย่างหนัก หลังจากฝึกจัดการพวกกัดคนในป่าไปหลายตัว เด็กหนุ่มชาวจีนไม่ได้หาเครื่องป้องกันให้เพื่อนสวมใส่ แต่เขาเลือกที่จะคอยอยู่ใกล้ ๆ ถ้าเกิดพลาดจะได้แก้ไขสถานการณ์ได้ทัน ซึ่งมินซอกก็ทำมันออกมาได้ดี

    ไม่เป็นไร อีกแค่ตัวเดียว

    ร่างเล็กกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ กระชับมีดในมือไว้แน่นแล้วเตะตัดขาตัวกัดคนให้เสียหลักล้มลงไปตามที่เพื่อนตัวสูงได้สอนเอาไว้ ก่อนจะเอามีดแทงเข้ากลางหัวมันอย่างแรงแล้วรีบชักกลับ

    มินซอกทรุดตัวลงไปนั่งกับหิมะพลางหอบหายใจ จากที่ได้ลองเองแล้วถึงได้รู้ว่าการฆ่าพวกมันแต่ละตัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นอย่างจริงจัง ซึ่งมันทำให้อดนึกถึงคนอย่างลู่หานไม่ได้ว่าผู้ชายคนนั้นไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ที่ต้องฆ่ามันด้วยแล้วยังต้องวิ่งหนีในที่ที่พวกมันอยู่กันเยอะ ๆ อีก

    ถ้ารู้ว่าจะต้องเจอแบบนี้เมื่อก่อนฉันน่าจะเอาดีด้านกีฬา มินซอกคว้ามืออีกคนที่ยื่นลงมา ก่อนจะดึงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน เทายิ้มขำ แล้วรับมีดมาเช็ดคราบเลือดให้ แล้วปล่อยมินซอกปัดหิมะออกจากตัว

    วันนี้ทำดีแล้ว แต่มันจะดีกว่านี้ถ้านายเริ่มออกกำลังกาย เทายื่นมีดคืนให้ ซึ่งมินซอกก็พยักหน้าเข้าใจ เขารู้ว่าแค่เอามีดทิ่มหัวพวกมันคงไม่พอ ถ้าจะออกไปหาเสบียงเหมือนคนอื่น ๆ ร่างกายของคิมมินซอกต้องแข็งแรงมากกว่านี้

     

     

    แกร่ก...

     

     

    ...!!!”

    ทั้งสองคนหันกลับไปข้างหลังแล้วง้างมีดขึ้นเตรียมตัว นัยน์ตาคมกวาดมองไปรอบข้างซึ่งมีต้นไม้ใบหญ้าปกด้วยหิมะอยู่เต็มไปหมด เทาดันมินซอกให้ไปยืนหลบอยู่ข้างหลัง เขาคิดว่าในสถานการณ์ที่มองไม่เห็นศัตรูแบบนี้มันคงไม่ดีแน่ถ้าจะปล่อยให้เพื่อนที่ยังไม่เป็นงานออกมายืนเป็นเป้านิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่า พวกกัดคน หรือมนุษย์ด้วยกัน วินาทีนี้ไม่มีอะไรที่ทำให้หวงจื่อเทาวางใจได้ทั้งนั้น

     

     

    แกร่ก...

     

     

    นั่นใคร?

    เสียงของเขาไม่ได้ดังจนเรียกว่าตะโกน กลับกันแล้วเสียงของเด็กหนุ่มนั้นอยู่ในโทนปกติ มินซอกหันไปรอบตัวเป็นระยะเพื่อช่วยระวังหลังให้ จากความเงียบที่ได้รับเป็นคำตอบ หวงจื่อเทาพอจะรู้แล้วว่าต้นเสียงนั้นไม่ใช่พวกกัดคนหรือสัตว์ป่าแน่ ๆ

    ก้มลงมินซอก...

    เสียงของเทานั้นคล้ายกระซิบ ซึ่งร่างเล็กก็ทำตามอย่างรู้งาน เด็กหนุ่มค่อย ๆ ชักปืนพกออกมาจากซองใส่ปืนสนับขา ก่อนจะล้วงเอาไซเรนเซอร์ท่อเก็บเสียงออกมาหมุนใส่กับปืนขณะที่สายตายังคงไม่ละห่างจากต้นเหตุของเสียงกิ่งไม้หักเมื่อครู่นี้

    ไม่ว่าแกจะเป็นใคร แต่ถ้าฉันนับหนึ่งถึงสามแล้วยังไม่ออกมา ลูกกระสุนปืนอาจจะไปเยี่ยมแกถึงที่

    ...

    มินซอกมือสั่น เขารู้สึกได้ถึงความกดดันซึ่งเพื่อนตัวสูงส่งไปยังอีกฝ่ายที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร อีกทั้งบรรยากาศโดยรอบที่ไม่ได้ทำให้คิดว่าน่าอุ่นใจเลย จากเหตุการณ์อุทยานถูกบุกเมื่อตอนนั้นมินซอกยังจำได้ดีว่าคิมจงแดได้พบเจออะไรบ้าง พวกเราทุกคนรู้ว่าละแวกนี้ไม่ปลอดภัยแล้ว

    หนึ่ง

     

    ตึก...ตึก...

     

    สอง...

     

    เทายกมือข้างหนึ่งเป็นเชิงบอกให้มินซอกรออยู่ที่นี่ ก่อนที่ขายาวจะก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ เบเร็ตต้ารุ่น 92FS ยังคงเล็งอยู่ระดับปลายคาง เขาพร้อมจะเหนี่ยวไกทันทีถ้าบุคคลปริศนาโผล่ออกมาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง

    สา...

    เดี๋ยว!!!”

    ...

    อย่าเพิ่งยิงนะ ผมเองครับ ผมซูโฮ!!”

    ...

    คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อพบว่าคนที่เดินออกมาจากหลังต้นไม้นั่นคือเด็กน้อยที่อยู่ในอุทยานด้วยกัน ก่อนจะตามมาด้วยใครอีกคนที่สีหน้าไม่สบอารมณ์นัก มินซอกไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ เทาทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากเด็กน้อยที่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นระดับหูราวกับกลัวว่าจะถูกยิงเข้า

    บ้าเอ๊ย พวกนายสองคนมาที่นี่ได้ยังไง? เทามองคาดโทษ ซึ่งมีแค่ซูโฮเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยืนห่อไหล่ลงอย่างกลัว ๆ หลังจากถูกดุ ส่วนคยองซูเพียงแค่ถอนหายใจหน่าย ๆ เขาไม่ได้รู้สึกผิดกับแววตาเฉียบคมของผู้ชายคนนี้เลยสักนิดเดียว

    ผม...

    ตอบมาโดคยองซู เขารู้ว่าถ้าให้ถามซูโฮชาตินี้ก็คงไม่ได้คำตอบ เพราะงั้นมันคงจะดีกว่าถ้าถามหมอนี่ ซึ่งเจ้าของใบหน้าเรียบเฉยเพียงแค่มองมีดพกในมือที่เลอะคราบเลือดผีดิบหนึ่งตัวที่เพิ่งจัดการไปเมื่อครู่

    ถ้าถามว่ามาที่นี่ได้ยังไง ฉันก็คงตอบสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่าเดินตามพวกนายสองคนมา

    ...

    ผมผิดเองครับ พี่เทาอย่าว่าพี่คยองซูเลยนะ ตอนนั้นพวกเรากวาดหิมะเสร็จแล้ว พอเห็นว่าพี่สองคนกำลังจะออกไปข้างนอก ผมก็เลยอยากไปด้วย ส่วนพี่คยองซูเขาเป็นห่วงผม ก็เลยมาเป็นเพื่อน...

    แล้วออกมาได้ไง ขออนุญาตครูกับอี้ฟานหรือยัง? คยองซูยังคงยืนนิ่งไม่ตอบคำถาม เวลาผ่านไปเกือบห้าวินาทีซูโฮถึงได้พยักหน้าช้า ๆ อย่างฝืนใจ

    มินซอกจับแขนเพื่อนเป็นเชิงบอกให้ใจเย็นหน่อย เขารู้ว่าเทาโกรธที่เห็นสองคนนี้แอบตามมา แต่มันก็โชคดีแค่ไหนแล้วที่ทั้งคู่ปลอดภัย

    นายรู้ใช่ไหมว่าที่นี่มันอันตราย

    รู้ครับ...

    นายอย่าดุเขาเลย เราสองคนก็แค่อยากฝึกเหมือนมินซอกก็เท่านั้น คยองซูพูดเสียงเรียบ ถึงเจ้าเด็กนี่จะน่าหงุดหงิด แต่การที่เขาได้รู้ว่าซูโฮถูกดุเรื่องแอบไปกินขนมในห้องครัวบ้านหลังที่สามเมื่อคืน จนต้องลุกขึ้นมากวาดหิมะเพื่อชะล้างความรู้สึกผิด เขาก็ไม่อยากให้หวงจื่อเทาว่าเจ้าเด็กนี่มากไปกว่านี้แล้ว

    ในทีแรกก็ว่าจะชวนซูโฮกลับเลย แต่เจ้าเด็กนี่ก็รั้นอยากจะตามไปดูสองคนนี้ฝึกต่อ ไอ้ตัวเขาจะกลับคนเดียวก็ไม่ได้อีก เพราะงั้นเลยต้องเลยตามเลย

    มันดีที่นายสองคนอยากฝึก แต่คราวหลังควรนัดกันก่อน ไม่ใช่แอบมาแบบนี้ เสียงของมินซอกไม่ได้น่ากลัวเท่าเสียงของเทา คยองซูมองคนใส่แว่นแล้วพยักหน้าเป็นคำตอบ ส่วนซูโฮยังคงก้ม ๆ เงย ๆ เพราะกลัวสายตาของคนตัวสูง

    อันตรายอยู่รอบตัว เมื่อกี้ฉันเกือบปืนลั่นใส่แล้วถ้าพวกนายตอบช้ากว่านี้ไปแค่วิเดียว

    เราขอโทษ สีหน้าของคยองซูไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลยสักนิด กลับกันแล้วเขารู้สึกว่าไอ้หมอนี่กำลังทำให้มันจบ ๆ ไปเพื่อที่ซูโฮจะไม่ถูกดุอีก ทั้งที่มาด้วยกันแท้ ๆ แต่เจ้าเด็กนี่กลับกลัวจนต้องก้มหน้านิ่ง ในขณะที่เขาไม่รู้สึกอะไรเลย

     

     

    โดคยองซูคงตายด้านกับคำพูดของคนอื่นไปแล้วล่ะมั้ง?

     

     

    ผมเอามีดมาด้วยนะ ซูโฮเอามีดพกออกมาให้ดูแล้วก้มหน้าลงอีกครั้ง พอเห็นภาพตรงหน้า หวงจื่อเทาเลยถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะกวาดสายตาไปโดยรอบ เช็กดูว่าแถวนี้ยังมีพวกกัดคนอยู่อีกไหม

    ฉันจะสอนให้พวกนายก็ได้ แต่เราต้องตกลงกันก่อน เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นแล้วพยักหน้าหงึกอย่างสนใจ ส่วนมินซอกกับคยองซูเพียงแค่ยืนมองหน้าเพื่อนตัวสูงเท่านั้นถ้าพ่อนายถามว่าออกมาทำอะไรกัน ให้บอกว่ามาเช็กดูรั้วข้างนอก อย่าบอกว่าเดินเข้ามาในป่าลึกเด็ดขาด เข้าใจไหม?

    ผมจะทำตามที่พี่บอกทุกอย่างเลย!”

    ดี

    เด็กตัวสูงถอนหายใจหนัก ๆ อีกครั้ง ลำพังแค่ช่วยสอนมินซอกคนเดียวก็สาหัสแล้ว เห็นทีว่าหวงจื่อเทาต้องจัดตารางใหม่ ถ้าให้สอนพร้อมกันคงวุ่นวายแน่ เพราะเขาไม่ได้มีตารอบตัวที่จะมองเห็นทุกคนได้

    ฉันว่าเราไปหาที่นั่งคุยกันก่อนเถอะ มินซอกรู้สึกไม่ค่อยดีที่จะยืนอยู่ตรงนี้ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไม เทาพยักหน้าเห็นด้วย และคยองซูกับซูโฮก็ไม่ได้คัดค้าน

    มินซอกนายเดินระวังซ้าย คยองซูนายอยู่ฝั่งขวา ส่วนซูโฮอยู่ตรงกลาง เกาะเสื้อฉันเอาไว้ ถ้าฉันยกมือขึ้นแบบนี้แปลว่าหยุด เด็กหนุ่มตัวสูงทำท่าประกอบแล้วถ้ากดมือลงแบบนี้แปลว่าให้หมอบลง

    อื้ม

    พอเห็นว่าทุกคนพยักหน้าเข้าใจ หวงจื่อเทาเลยโล่งอกขึ้นมาบ้าง ถึงแม้ว่าการทำหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กสามคนจะดูเป็นงานช้าง แต่ถ้าไม่รีบเร่งจนเกินไป การฝึกในครั้งนี้ก็อาจจะออกมาในแง่บวกคือเขาสามารถสอนทั้งสามคนให้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันได้ในเวลาอันสั้น

    โอเค งั้นไปต่อได้

     

     



     

     

     

    ในลานกว้างหน้าแฟลตที่พัก มีชายวัยกลางคนราว ๆ เจ็ดคนยืนล้อมรอบแขกใหม่ทั้งสองที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น แบคฮยอนก้มหน้าลงมาเกือบห้านาทีแล้ว เขาไม่กล้าขยับตัวมากเพราะอยากทำตามแผนที่อีกคนวางไว้มากกว่าการหาเรื่องใส่ตัว

    ชานยอลไม่ได้กวาดสายตาไปรอบ ๆ จนผิดสังเกต เขาเพียงแค่กลอกตามองไปซ้ายทีขวาทีเป็นบางครั้งเมื่อคนตรงหน้าหันไปทางอื่น ที่นี่มีผู้หญิง และสายตาที่มองมานั้นไม่ได้ฉายแววโหดร้ายอะไรนัก ซึ่งนี่เป็นเรื่องหนึ่งที่เขาควรจดไว้ในหัว

    เมื่อคืนหลับสบายไหม?

    ...

    น้ำเสียงเย้ยหยันมาพร้อมกลิ่นบุหรี่ ทั้งคู่ไม่ได้ตอบคำถาม และมันทำให้ผู้นำไม่สบอารมณ์จนต้องพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ลูกน้องซัดหลังร่างสูงจนงอตัวลง

    ...!!!”

    ชานยอล!”

    อะไรกัน...กูอุตส่าห์ให้มึงได้เจอน้องชายอันเป็นที่รัก ถามแค่นี้ทำเป็นใบ้แดกงั้นเหรอหืม? คนเป็นผู้นำนั่งลงยอง ๆ ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าอีกฝ่าย ชานยอลเพียงแค่หลับตาลงพลางหายใจเข้าลึก ๆ แล้วบอกกับตัวเองในใจว่าขอให้อดทนหน่อย แผนทุกอย่างจะต้องออกมาดีขอแค่ใจเย็นเข้าไว้

    เอาล่ะ มันถึงเวลาที่เราควรทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการแล้ว ชายวัยกลางคนกลับไปนั่งบนเก้าอี้ที่เดิม พร้อมอัดนิโคตินเข้าปอดกติกาเดิม กูถาม มึงตอบ ถ้าตุกติกเล่นตัวมากคงรู้นะว่าจะต้องเจอกับอะไร?

    แบคฮยอนหันหน้าเข้าหาร่างสูงที่กำลังมองมาที่เขาเช่นกัน ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไร แต่ร่างเล็กรับรู้ได้ว่าแววตาคู่นั้นกำลังบอกให้เขาใจเย็นไว้ แล้วรอทำตามแผน

    มึงสองคนชื่ออะไร เริ่มจากคนเป็นพี่ก่อน

    คนพวกนี้ตั้งใจเล่นสงครามประสาทถึงได้ลองเชิงถามชื่ออีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานเขาก็ได้บอกไปแล้ว นี่เป็นอย่างหนึ่งที่ปาร์คชานยอลไม่ได้วางแผนเอาไว้ ร่างสูงใช้เวลาเพียงแค่ห้าวินาทีในการใช้ความคิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

     

     

    ไหน เพื่อนใหม่ของเราแนะนำตัวหน่อย

    ชื่อไรวะ?’

    ชานยอล

     

     

    บยอนชานยอล

     “...

    แบคฮยอนหันไปมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อหู หลังจากได้ยินนามสกุลของเขาขึ้นต้นชื่อของผู้ชายคนนี้ ชานยอลไม่ได้แสดงพิรุธออกมาเลยสักนิด สีหน้าของผู้ชายคนนั้นเหมือนกับว่าใช้ชื่อและนามสกุลนี้มาตั้งแต่เกิด

     

     

    ซึ่งเขา...

     

     

    มึงชื่ออะไรวะไอ้เตี้ย

    ...

    กูถามว่าชื่ออะไร ต้องให้เลือดกบปากก่อนไหมถึงจะตอบได้?

    แบคฮยอนยังจำได้ว่ารสชาติของการถูกชกหน้าตอนนั้นมันปวดชาแค่ไหน และไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจเขาก็คงหาทางออกไปจากที่นี่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นการหาเรื่องให้เจ็บตัวมันคงไม่ใช่ทางออกสำหรับเรื่องนี้

    ...บยอนแบคฮยอน

     

     

    และนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ร่างสูงเลือกที่จะตอบแบบนั้น เพราะชานยอลคงคิดว่าเขาอาจจะเคยถูกถามมาก่อนแล้ว ซึ่งถ้าเราตอบไม่เหมือนกัน คงได้เกิดคำถามอีกแน่ว่าเป็นพี่น้องประสาอะไรทำไมถึงใช้คนละนามสกุล

    ปาร์คชานยอลเป็นคนรอบคอบเสมอ แม้ว่าตกอยู่ในสถานการณ์คับขันแบบนี้

    ชายวัยกลางคนยิ้มมุมปากอย่างพอใจทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากคนที่บอกว่าเป็นพี่ชาย ในขณะที่ไอ้เด็กคนนั้นแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนว่าหวาดกลัวจนแทบอยู่ไม่ติดกับที่

    ก่อนหน้านี้มึงเคยทำงานอะไรวะไอ้หน้าหล่อ

    ผมเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเด็กประถม

    จังหวัด

    โซล

    ถึงว่าล่ะพี่ หน้ามันเหมือนคนมีความรู้ ฮ่า ๆ พวกลิ่วล้อหัวเราะพร้อมกันราวกับว่าอาชีพที่เขาสร้างขึ้นมามันเป็นเรื่องตลก ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดีแล้ว ยิ่งเขาดูโง่และไม่มีพิษไม่มีภัยเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะทำให้คนพวกนี้ตายใจได้มากขึ้นเท่านั้น

    แล้วงี้มึงทำอะไรเป็นบ้างวะ?

    ผมขับรถได้ ปกติผมจะพาคนอื่น ๆ ไปหาเสบียงแล้วนั่งรอในรถ

    ...

    แบคฮยอนไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่มองรองเท้าบูทหนังคู่เก่าของชายวัยกลางคนไว้เป็นที่ยึดสายตา แล้วปล่อยให้ชานยอลจัดการทุกอย่าง

    แล้วทำไมมึงถึงทำได้แค่ขับรถ

    ไม่ใช่ทุกคนที่จะสู้กับพวกข้างนอกได้นี่ครับ ทั้งสองฝ่ายสบตากันอย่างหยั่งเชิง เขารู้ว่าผู้ชายคนนี้คงไม่เชื่อเลยเสียทีเดียว แต่นี่มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

    มึงรอดมาถึงตอนนี้เพราะทำหน้าที่เป็นคนขับรถน่ะนะ?

    ครับ สำหรับคนที่ไม่กล้าเสี่ยงลงสนามไปหาเสบียงเหมือนคนอื่น ก็คงต้องทำหน้าที่นั้นถ้าไม่อยากถูกไล่ออกจากกลุ่ม

    ...

    อาจจะจริงนะพี่ เพราะตอนที่ค้นตัวมันก็เห็นแค่มีดพกเล่มเดียว ไหนจะรูปร่างหน้าตาอีก มันดูสะอาดเกินกว่าจะเป็นพวกออกไปลุยข้างนอก ชานยอลก้มหน้าลงเล็กน้อย วูบหนึ่งเขากระตุกยิ้มมุมปากอย่างพอใจเมื่อมีใครคนหนึ่งติดกับแผนของเขาแล้ว

    กลุ่มของมึงมีกี่คน

    ประมาณสิบกว่าคน

    มีผู้หญิงหรือเปล่า? ชายวัยกลางคนหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางพ่นควันบุหรี่ออกมาระหว่างรอคำตอบ ชานยอลหันไปมองหน้าแบคฮยอนอีกครั้ง เขาตั้งใจแสดงออกแบบนี้เพื่อที่จะหลอกให้อีกฝ่ายเชื่อว่าเขาลำบากใจที่จะพูดถึงกูถามว่ามีหรือเปล่า?

    ครับ มี

    คำตอบของชายหนุ่มเรียกความสนใจจากชายฉกรรจ์ทั้งเจ็ดคนได้เป็นอย่างดี เสียงบทสนทนาดังขึ้นหลังจากที่เป็นฝ่ายเงียบฟังมาตลอด และตอนนี้ปาร์คชานยอลก็ได้รู้แล้วว่า ผู้หญิง เป็นอีกอย่างหนึ่งที่คนกลุ่มนี้ให้ความสนใจ หรืออาจจะต้องการด้วย ซึ่งเขาไม่อยากฟันธงเสียทีเดียวว่าเพราะอะไร แต่การเห็นผู้หญิงมีอายุอยู่บนชั้นสอง ก็น่าจะเป็นคำตอบของการคาดเดาส่วนหนึ่งได้แล้วว่าบางทีพวกเธออาจจะทำหน้าที่ ได้ยังไม่ดีพอ

    กี่คน

    สาม

    อายุเท่าไหร่?

    คนนึงเป็นครู อายุสามสิบต้น ๆ ส่วนอีกสองคนน่าจะยี่สิบห้าโดยประมาณแบคฮยอนหันไปมองคนข้าง ๆ ที่กำลังบอกเล่าความจริงไปจนเกือบหมดเปลือกแล้ว ถ้าพูดมากไปกว่านี้คนที่อุทยานจะไม่ลำบากหรือไงกัน?

    รู้ใช่ไหมว่ากูกินอะไรเป็นอาหาร

    ครับ น้องชายผมบอกแล้ว

    แล้วมึงไม่กลัวหรือไง? ชายวัยกลางคนเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ สายตาของแขกใหม่ที่กำลังมองมานั้นดูมีอะไรมากกว่าที่คิด

    ที่ผมไม่ฝึกฆ่าพวกมัน และรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะว่ากลัวตาย

    ...

    ในหนังสือเล่มหนึ่งบอกไว้ว่าถ้าเข้าถ้ำเสือแล้วคงหาทางออกยาก และการคุกเข่าร้องขอชีวิตมันคงไม่ช่วยอะไรซึ่งผมคิดว่าต่อให้ก้มหัวลงเอาหน้าแนบกับหิมะ คุณก็คงฆ่าผมอยู่ดี

    ฉลาดดีนี่ ชายวัยกลางคนยกยิ้มพอใจ วูบหนึ่งเขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังปลงตกในชีวิตจนคิดว่าอะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด เอาล่ะ คราวนี้ถึงเวลาที่คนน้องจะได้พูดบ้างแล้วนะ

    ...

    แบคฮยอนรู้สึกหนาวไปทั้งตัว ทั้งที่คิดว่าชานยอลทำทุกอย่างออกมาได้ดีแล้ว แต่พอถึงคราวที่เขาจะต้องพูด เรื่องที่เคยเตรียมเอาไว้มันก็หายไปหมด ในหัวของคนตัวเล็กมีแค่ความว่างเปล่าปะปนกับความหวาดกลัว

     

     

    กลัวว่าจะทำเสียแผนจนชานยอลต้องลำบาก...

     

     

    มึงทำอะไรเป็นบ้างไอ้หนู

    หาเสบียง...

    วิ่งได้นานแค่ไหน

    แบคฮยอนกัดริมฝีปากบนแล้วค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย ถึงจะถูกความกลัวเล่นงานมากแค่ไหน แต่เขาต้องผ่านมันไปให้ได้

    ได้เท่าที่จะต้องวิ่ง

    เคยฆ่าคนไหม?

    เด็กหนุ่มหันไปขอความเห็นจากคนข้าง ๆ ซึ่งชานยอลก็ยังคงอยู่ในสีหน้าไม่ต่างจากเดิม หากแต่แววตาที่ส่งมา เหมือนกับอยากบอกว่าอยากให้เชื่อใจ

    เคย...

    กี่คน แล้วเพราะอะไร?

    เขาจะฆ่าผม ผมเลยต้องฆ่าเขา ทั้งหมดก็สี่ถึงห้าคน

    โว้ว เด็กตัวแค่นี้แม่งเฟี้ยวจังว่ะ ฮ่า ๆ

    ตอนกูอายุเท่า ๆ มันอย่างเก่งก็แค่ขโมยของเองนะโว้ย

    คำชมเสียดสีของผู้คนรอบข้างไม่ได้ทำให้แบคฮยอนรู้สึกยินดีเลยสักนิด ร่างเล็กกำมือแน่น ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่ออีกคนเอื้อมมือกุมมือเขาเอาไว้หลวม ๆ ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือลูบเบา ๆ

    แบคฮยอนหันไปหาพี่ชายจำเป็น เขาเห็นว่าร่างสูงเพียงแค่มองมาด้วยสายตาเรียบเฉยเหมือนก่อนหน้านี้ ซึ่งมันคงเป็นการแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยของพี่ชายที่มีต่อน้อง

    วันนี้หมดช่วงแนะนำตัวกันแล้ว แต่กูมีคำถามมาให้มึงเลือกสักข้อหนึ่ง

    ...

    สองพี่น้องจอมปลอมหันไปมองคนเป็นผู้นำกลุ่มนี้ ริมฝีปากหยักยังคงยกยิ้มเหยียดหยันราวกับว่าคนตรงหน้าเป็นลูกไก่ในกำมือที่จะบีบก็ตายจะคลายก็ไม่รอด

     

     

    เลือกมา...ว่าจะให้ใครตายก่อน

     

     

    ...

    มึงจะดูน้องชายตาย หรือว่ามึงจะเป็นฝ่ายดูพี่ชายตาย แล้วก็กินเนื้อเป็นอาหาร

    ที่คาดไว้มันไม่ผิดเลย ดูเหมือนว่าตอนนี้มันคงถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องใช้แผนสุดท้าย ที่จะชี้เป็นชี้ตายว่าเราจะรอดไปจากที่นี่ได้หรือเปล่า

    แบคฮยอนหันไปมองชานยอลอีกครั้ง หลังจากถูกความเงียบกัดกินจนต้องการทางออกเพื่อให้โล่งใจมากกว่านี้ ซึ่งคนตัวสูงกำลังนั่งนิ่งราวกับว่ากำลังใช้ความคิด บางทีเราควรจะเริ่มแผนกันได้แล้ว เพราะถ้านานกว่านี้พวกมันคงไม่อยากรอ

    กินผมก่อนสิ

    ...

    ว่ะ ไอ้เด็กนี่มันใจเด็ด! ฮ่า ๆ

    เอาไงพี่ จับมันไปขึ้นเขียงเลยไหม?

    เสียงของพวกเดรัจฉานนั้นน่ารังเกียจเหลือเกิน ร่างเล็กกำมือแน่นเมื่อหัวของเขาถูกกดลงโดยใครอีกคนที่อยู่ข้างหลัง แบคฮยอนได้แต่ชำเลืองมองว่าชานยอลจะจัดการยังไง แต่ผู้ชายคนนั้นกลับนิ่งเฉยจนน่ากลัว

     

     

    มันไม่ใช่แผนอย่างที่เราวางเอาไว้...

     

     

    ชาน...

    แบคฮยอน

    ...

    พ่อบอกให้เราปกป้องกันก็จริง แต่พี่ไม่ได้รู้สึกดีที่นายจะทำแบบนี้ ทุกคนที่อยู่โดยรอบมองชายหนุ่มร่างสูงอย่างไม่เข้าใจ วูบหนึ่งแบคฮยอนรู้สึกเหมือนถูกฉุดขึ้นมาจากเหว หลังจากได้ยินเสียงของชานยอล

    ...

    พี่ไม่ได้อยากรอดเพราะวิธีนี้

    แต่พี่ต้องรอด... แบคฮยอนกดเสียงลงต่ำ สร้างความสงสัยให้คนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี ทั้งสองคนยังคงสบตากันอยู่อย่างนั้น มีเพียงแค่ปาร์คชานยอลและบยอนแบคฮยอนที่รู้ว่าทุกอย่างมันคือการแสดง...และมันต้องออกมาสมจริงให้มากที่สุด

    พวกมึงคุยอะไรกัน?

    เปล่า

    ไม่ แบคฮยอน

    พี่ไม่ต้องมายุ่ง ผมตัดสินใจแล้ว แบคฮยอนหันไปตวาดใส่คนตัวสูง และเพราะความอยากรู้แต่ยังไม่ได้คำตอบ ทำให้ชายวัยกลางคนหัวเสียจนต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้เข้าไปกระชากคอเสื้อร่างเล็กให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล

    กูไม่ได้ว่างมาเล่นกับพวกมึงทั้งวัน เพราะฉะนั้นมึงมีความลับอะไรอยู่ก็รีบคายออกมาซะ...

    เสียงลอดไรฟันที่มาพร้อมกับดวงตาแข็งกร้าวนั้นน่ากลัว แต่ตอนนี้บยอนแบคฮยอนคงถอยกลับไม่ได้แล้ว ร่างเล็กกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เขาไม่ควรตอบคำถามในทันทีถ้าคิดจะปั่นประสาทศัตรู อย่างที่ชานยอลเคยสอนเอาไว้

    คอเสื้อถูกกำแรงยิ่งขึ้นจนรู้สึกอึดอัดหายใจลำบาก แบคฮยอนนิ่วหน้าอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะค่อย ๆ ชูข้อมือขึ้นมา แล้วถลกแขนเสื้อลงเล็กน้อยเพื่อโชว์ผ้าพันแผล

    ผมถูกกัด

    ...

    ...

    ว่าไงนะ?

    นัยน์ตาของชายวัยกลางคนเบิกโพลงทันทีที่เห็นเลือดจาง ๆ ที่ซึมออกมาจากผ้าก๊อซแม้ว่ามันจะพันไว้อย่างแน่นหนา

    ชานยอลลุกขึ้นยืนก่อนเอื้อมมือไปคว้าแขนคนตัวเล็กให้ถอยออกมาก้าวหนึ่ง ซึ่งคนเป็นผู้นำที่กำลังอยู่ในความตกใจก็คลายมือออกอย่างง่าย ๆ ก่อนที่เสียงขึ้นลำปืนจะดังมาจากข้างหลัง ใช่...พวกเขากำลังถูกเล็งเป็นเป้านิ่ง

    ยืนอยู่เฉย ๆ!!!”

    มึงถูกกัดมาตั้งแต่ตอนไหนวะ!!!”

    เวรเอ๊ย แล้วไอ้ห่านี่ถูกกัดเหมือนกันหรือเปล่า?!!!”

    ทุกคนกำลังแตกตื่น ชานยอลยังคงไม่ปล่อยมือจากแขนเขาในวินาทีที่ถูกปืนมากกว่าห้ากระบอกเล็งมาทางนี้ แบคฮยอนพยายามหายใจเข้าลึก ๆ กับนาทีเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เขาได้แต่ภาวนาว่าคนพวกนี้จะเชื่อ

    เขาถูกกัดเมื่อสองวันที่แล้วตอนออกไปหาเสบียง

    ฆ่ามันเลยไหมพี่?!”

    แล้วทำไมมันถึงไม่เปลี่ยน ไม่มีใครอยู่ได้นานเกินสองวัน คนเป็นผู้นำควักปืนแม็กนั่มรีวอลเวอร์ออกมาจากข้างหลังพร้อมเล็งไปยังเด็กหนุ่ม

    ถูกต้องครับ ไม่มีใครที่ถูกกัดแล้วอยู่ได้นานเกินหนึ่งวัน ยกเว้นแต่ว่าคนนั้นจะมีภูมิคุ้มกัน

    ...

    ...

    เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้ง ชานยอลผ่อนลมหายใจออกเล็กน้อยหลังจากที่อีกฝ่ายได้เปิดโอกาสให้เขาอธิบาย แทนที่จะเหนี่ยวไกปืนมาที่เราทั้งคู่

    มันจะมีแบบนั้นได้ไงวะ แม่งโกหกเราแล้วพี่!”

    ใช่ ไม่มีใครที่ถูกกัดแล้วไม่ตาย!” สถานการณ์จวนตัวกลับมาอีกครั้ง ร่างสูงกลอกตามองชายฉกรรจ์สองคนที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมเล็ง AK45

    พวกคุณจะฆ่าผมกับน้องก็ได้ แต่ผมคงไม่รับประกันว่าพวกคุณทุกคนจะอยู่รอดไปถึงวันพรุ่งนี้หรือเปล่า

    ...

    ในเมื่อน้องผมถูกกัด นั่นหมายความว่าเขาจะกลายเป็นพาหะชั้นดีที่จะแพร่เชื้อเข้าร่างกายพวกคุณได้โดยที่ไม่ต้องมีใครถูกกัดเลย ถ้าไม่เชื่อ...จะแกะดูแผลเขาก็ได้

    ประโยคดังกล่าวสร้างความหวาดกลัวให้กับกลุ่มคนที่กินอยู่กับความเป็นความตายของคนอื่น จากที่เห็นก็พอจะรู้ได้แล้วว่าคนพวกนี้ไม่เคยได้ยินเรื่องภูมิต้านทานจากเชื้อที่ทำให้ผู้คนกลายเป็นสัตว์เดรัจฉานได้ และนั่นหมายความว่าเขาจะสามารถพูดออกนอกทะเลไปไกลแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้ว่าความจริงเป็นยังไง

    มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร ในเมื่อกูยังไม่ได้กินเนื้อน้องมึง ชายวัยกลางคนเอาปืนจ่อกลางขมับร่างเล็กแล้วยิ้มให้กับคนเป็นพี่ชาย แต่กูเป่าหัวน้องมึงได้ และหลังจากนั้นกูก็จะกินเนื้อมึงแทน

    ครับ มันไม่ยากเลยถ้าคุณจะทำอย่างนั้น

    สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนเป็นผู้นำต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็คือใบหน้าเรียบเฉยของผู้ชายคนนี้ที่ดูเหมือนไม่สะทกสะท้านอะไรหากว่าเขาจะเหนี่ยวไกใส่ไอ้เด็กนี่ ซึ่งไม่แน่ใจว่ามันกำลังอยากลองเชิงกับเขาอยู่หรือเปล่า

    คุณเคยได้ยินเรื่องศูนย์วิจัยที่อยู่ใกล้เมืองยังซันไหม?

    ...

    ...

    ที่นั่นมีค่ายทหาร มีหน่วยแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ ที่กำลังคิดค้นการทดลองอยู่ และคนที่ถูกกัดไม่เปลี่ยนจะถูกพาตัวไปที่นั่น คนเป็นผู้นำยังคงไม่ละสายตาออกห่าง ราวกับว่าดวงตาคู่นั้นกำลังมองจับผิดว่าเขากำลังโกหกหรือพูดความจริง ผมสองคนไม่มีทางเลือกแล้ว น้องชายผมเป็นอาหารสำหรับพวกคุณไม่ได้ แต่ถ้าคุณจะกินผม พวกคุณทุกคนก็คงกินได้แค่วันเดียว

    ร่างสูงกดปืนแม็กนั่มรีวอลเวอร์ที่จ่ออยู่กลางขมับร่างเล็กลงอย่างช้า ๆ ก่อนจะเดินไปขวางหน้าแบคฮยอนเอาไว้ เด็กน้อยหันไปมองรอบข้าง ตอนนี้มีบางคนที่ลดปืนลงมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังเล็งไปยังร่างสูงอยู่

    เราทุกคนต้องออกไปหาเสบียงเพื่อยื้อความตาย แต่หลังจากวันนี้ที่คุณฆ่าผม วันต่อไปคุณก็ต้องออกไปฆ่าคนอื่นอีก

    ...

    มันจะดีหรือเปล่าครับ ถ้าให้อาหารมาหาคุณง่าย ๆ แทนที่จะออกไปเสี่ยงตายกับพวกข้างนอกที่อยู่เกลื่อนเต็มถนนสายหลัก? ร่างสูงขมวดคิ้วขณะยื่นข้อเสนอให้อีกฝ่ายฟัง

    ...

    ตอนนี้มีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง ซึ่งผมคิดว่ามันคงดีต่อเราทั้งคู่ ร่างสูงเว้นจังหวะแล้วเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ในเมื่อคุณต้องการผู้หญิงและอาหาร...ทำไมถึงไม่ให้ผมช่วยคุณล่ะครับ?

    ข้อเสนอนี้ทำคนเป็นผู้นำเขวไปอยู่ไม่น้อย เขาไม่รู้หรอกว่าเรื่องที่ไอ้หน้าหล่อพูดมันเป็นเรื่องจริงหรือโกหก แต่การที่เขากำลังถูกโน้มน้าวด้วยสิ่งที่ทุกคน กระหาย มาตลอด มันก็เป็นข้อเสนอที่ไม่แย่นัก

    ถ้าคุณไม่ฆ่าผม ผมพาคุณกลับไปฆ่าพวกนั้นได้

    ...

    ว่าไงครับ?

    กูจะรู้ได้ยังไงว่ามึงไม่ได้โกหก? ชายวัยกลางคนจ้องมองอีกฝ่ายอย่างจับผิด ซึ่งพวกสมุนที่ยืนอยู่ละแวกนั้นก็เห็นด้วย

    ไม่ว่าใคร พอถึงเวลาจวนตัวก็ทำได้ทุกอย่างถ้าเกิดทำให้มีชีวิตรอดต่อไปได้ แม้ว่าจะต้องหักหลังคนทั้งโลก

    ...

    แบคฮยอนยืนก้มหน้านิ่งอยู่ข้างหลังคนตัวสูง คำตอบของชานยอลนั้นแม้ว่ามันจะเป็นแผน แต่ก็อดคิดไม่ได้จริง ๆ ว่าถ้าก่อนหน้านี้เราไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน บยอนแบคฮยอนก็คงมองผู้ชายคนนี้แย่ลงเพราะประโยคเมื่อครู่แน่ ๆ

    ทั้งกลุ่มที่ผมอยู่ และค่ายทหารที่มีคนอาศัยในนั้นเกินครึ่งร้อย ผมสามารถบอกทางหนีทีไล่และจังหวะการเข้าออกประตูของหน่วยลาดตระเวนที่นั่นได้ แต่ถ้าคุณไม่เชื่อ...ผมก็พร้อมจะพาไปดูถึงที่

    ...

    ถ้ามันไม่เป็นความจริง พวกคุณจะยิงผมให้ตายตอนไหนก็ได้ ถูกไหมครับ?

    ชานยอลยังคงโน้มน้าวอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง และแบคฮยอนคิดว่ามันกำลังได้ผล เมื่อแววตาที่เต็มไปด้วยความโอหังของคนเป็นผู้นำนั้นกำลังดูครุ่นคิด และสนใจกับข้อเสนอของร่างสูงอยู่ไม่น้อย

     

     

    ว่าไงครับ ข้อเสนอของผมมันน้อยไปสำหรับพวกคุณทุกคนที่นี่หรือเปล่า?

     

     

     

    TBC

     

     

    ขอรางวัลโนเบลให้พี่ชาร์ลหน่อยค่ะ สกิลนักธุรกิจบวกนักแสดงของพี่เขานี่แบคฮยอนต้องยอมใจ

    ตอนหน้าเรามาลุ้นกันว่าคนพวกนี้จะทำยังไง จะเชื่อชานยอลไหม? แล้วจงอินจะเลือกเดินไปหาใคร? หรือไม่เดินเลย? และฝั่งเด็กสิบแปดไลน์จะเป็นยังไงบ้าง?

     

    โปรดติดตามตอนต่อไปเร็ว ๆ นี้ (:

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×